ตอนที่ 17 วัวสันหลังหวะ
ในเวลานี้ใบหน้าของอันหลิงอีเผยให้เห็นความกังวลใจอย่างปิดมิมิด เพราะกลัวว่าเรื่องที่ตัวเองทำลงไปจะถูกเปิดเผย เป็นเหตุให้อันหลิงอีผู้ที่มักมีท่าทางเย่อหยิ่งและก้าวร้าวจึงมีท่าทีเช่นนี้ออกมา
“เจ้าจะเป็นอันใดหรือมิได้เป็นอันใด แล้วมันเกี่ยวอันใดกับข้าด้วยเล่า ? ”
นางมิกล้าแม้แต่จะหันหน้าไปสบกับดวงตาสีดำสนิทที่ทำให้คนมองใจสั่นของอันหลิงเกอ แต่ทว่าในคำกล่าวยังคงมีความเย่อหยิ่งจองหองดั่งเช่นเคย
อันหลิงเกอมองนางด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน จากนั้นจึงนำงูที่ขาดเป็นสองท่อนออกมา และโยนไปยังด้านหน้าของอันหลิงอี
“น้องหญิงมิยอมมาลำบากที่วัดชิงอวิ๋น เพราะเจ้าถูกตามใจจนเคยตัวและคงจะถือศีลกินแต่ผักมิได้สินะ แต่โชคดีที่เมื่อคืนข้าบังเอิญได้งูมา ถ้าเยี่ยงนั้นข้าจะยกให้เจ้า เผื่อว่าเจ้าจะนำไปทำซุปงูไว้บำรุงร่างกายก็มิเลวนะ”
อันหลิงเกอเอ่ยออกไปด้วยท่าทางยิ้มแย้มอ่อนโยน ดูเหมือนกับว่าเป็นพี่สาวที่ดูแลใส่ใจน้องสาวเป็นอย่างดี เพียงแต่ในสายตาของอันหลิงอี รอยยิ้มนั้นราวกับรอยยิ้มของปีศาจที่มาจากขุมนรกก็มิปาน
“เจ้า ๆ เจ้าฆ่างูพวกนี้เยี่ยงนั้นหรือ ? ”
น้ำเสียงของอันหลิงอีดูสั่นเล็กน้อย แล้วก็ได้นึกถึงคำพูดของสาวใช้ที่กล่าวว่า ‘คุณหนูใหญ่ใช้ปิ่นปักผมสังหารม้าตัวนั้น เลือดกระจายเต็มไปหมด แม้แต่ผู้ชายบางคนยังสู้มิได้เลยนะเจ้าคะ’ ขึ้นมาได้ เมื่อเห็นสีหน้าหวาดผวาของอันหลิงอี รอยยิ้มของอันหลิงเกอก็กว้างขึ้น
“ก็ใช่น่ะสิ มิรู้ด้วยเหตุใดจู่ ๆ ถึงได้มีงูเข้ามาในห้องของข้ามากมาย ข้าก็เลยฆ่าพวกมันทิ้งจนหมด แล้วนำมาให้น้องหญิงไว้ทำซุปงูนี้เยี่ยงไรล่ะ”
“ใครจะสนใจซุปงูของเจ้ากัน รีบเอามันออกไปเดี๋ยวนี้นะ ! ”
สายตาของอันหลิงอีมองไปที่งูแล้ว ก็รู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนจนเกือบจะอาเจียนออกมา ผู้หญิงคนนี้สังหารงูนับสิบตัว คนที่อำมหิตถึงเพียงนี้ ถ้าหากมาจัดการนาง……
เมื่อนึกขึ้นได้ นางถึงกับถอยหลังไปหลายก้าว จนสาวใช้ของตนต้องเข้ามาประคองนางเอาไว้ อาการตื่นตระหนกภายในใจจึงได้สงบลง
อันหลิงเกอมองท่าทางกลืนมิเข้าคายมิออกของนางแล้ว ก็มิได้เปิดโปงเรื่องราวทั้งหมด เพียงหมุนตัวแล้วเปลี่ยนเรื่องพูดแทน
“ท่านพ่อส่งคนมาแจ้งข่าวว่า เมื่อวานท่านเข้าวังไปเชิญหมอหลวงให้มารักษาพวกเรา ตอนนี้มาถึงที่วัดชิงอวิ๋นแล้ว น้องหญิงจะไปพร้อมข้าเลยหรือไม่ ? ”
อันหลิงอีมีสีหน้ามิเต็มใจ
“แค่เพียงหมอหลวงคนเดียว ถึงกับต้องให้ข้าที่เป็นคุณหนูรองแห่งจวนโหว ออกไปต้อนรับด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“หรือว่าน้องหญิงมิห่วงอาการของตัวเองหรือเยี่ยงไร ? ”
นางมองใบหน้าของอันหลิงอีด้วยสายตาที่มีความหมายแอบแฝงเอาไว้
“ผื่นแดงพวกนี้มิรู้ว่าจะหายเมื่อไหร่ ต่อให้จะมิใช่โรคฝีดาษและมิเป็นอันตรายถึงชีวิตของน้องหญิง แต่ก็เป็นเหตุให้เสียโฉมได้เลยนะ หึหึ”
เป็นเหตุให้เสียโฉมเยี่ยงนั้นหรือ ?
อันหลิงอีครุ่นคิดตามคำเอ่ยของอันหลิงเกอ พร้อมทั้งก้มลงมองจุดแดงบนมือของตัวเอง จากนั้นจึงเรียกสาวใช้ให้นำแป้งมาทาปกปิดร่องรอยให้มิด
“ช่างเถอะ ข้าจะลองไปดูก็แล้วกัน ถ้าหมอหลวงผู้นั้นมีฝีมือก็ดีไป แต่หากเขารักษาอาการของข้ามิหายแล้วล่ะก็ จะได้เห็นดีกับข้าแน่ ! ”
ช่างเย่อหยิ่งจองหองเสียเหลือเกิน ชาติก่อนข้าตายด้วยน้ำมือของนางได้เยี่ยงไรกันนะ?
อันหลิงเกอมองไปยังอันหลิงอีที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ภายในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นมา แต่เพียงครู่เดียวนางก็ระงับความสงสัยเอาไว้ แล้วพาอันหลิงอีลงจากเขาไปด้วยกัน
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ เป็นช่วงเวลาท่องชมวิวทิวทัศน์ อันหลิงอีเดินตามอันหลิงเกอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แต่กลับมีคนมาขวางทางเอาไว้
“พวกสีกาโปรดหยุดก่อน”
เณรน้อยทำการคำนับแล้วอธิบายถึงสาเหตุที่เข้าขวางทาง
“เมื่อคืนนี้ห้องของสีกาจู่ ๆ ก็มีงูพิษโผล่เข้ามาหลายตัว เจ้าอาวาสสงสัยว่าจะมีคนตั้งใจเอางูมาปล่อยเพื่อทำร้ายคน จึงจะทำการตรวจสอบ ขอเชิญสีกาทั้งสองไปที่โถงพร้อมอาตมาเพื่อจะได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองด้วยเถิด”
“เจ้าหมายความเยี่ยงไร ? ”
อันหลิงอีถามออกไปด้วยความโมโห
“ข้าเป็นถึงบุตรีของท่านโหว ต้องไปพิสูจน์เรื่องน่าขันเยี่ยงนี้กับเจ้าด้วยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
เณรน้อยยังคงสงบนิ่ง
“ฮูหยินหมิงจูได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองแล้ว สีกาโปรดอย่าได้ทำให้อาตมาต้องลำบากใจเลย”
แม้แต่ฮูหยินหมิงจูก็มาเยี่ยงนั้นหรือ ?
อันหลิงอีรู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา กำลังจะหาข้ออ้างเพื่อปฏิเสธ แต่อันหลิงเกอกลับเปิดปากเสียก่อน
“แม้แต่ฮูหยินหมิงจูที่สูงศักดิ์ยังทำตามที่เจ้าอาวาสกล่าว น้องหญิงก็หยุดใช้อำนาจกดขี่คนอื่นเยี่ยงนี้ได้แล้ว จะถูกผู้คนหัวเราะเยาะเอาได้”
ฮูหยินหมิงจูเป็นใคร นางเป็นถึงพระปิตุจฉาแท้ ๆ ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน ในต้าโจวนอกจากไท่โฮวแล้ว ก็ถือว่านางเป็นสตรีที่มีฐานะสูงศักดิ์ที่สุด แม้แต่นางยังพิสูจน์ตัวเองตามที่เจ้าอาวาสขอ หากอันหลิงอียังวางอำนาจต่อเยี่ยงนี้ ก็จะถูกคนนินทาเอาได้เป็นแน่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันหลิงอีจึงได้แต่กัดริมฝีปากแน่นด้วยความโมโห แล้วเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังโถงใหญ่แทน โถงใหญ่วัดชิงอวิ๋นมีฮูหยินและเหล่าคุณหนูยืนอยู่มากมาย พร้อมเหล่าบรรดาสาวใช้ที่คอยดูแลอยู่รอบ ๆ แต่กลับเห็นเจ้าอาวาสที่ยืนอยู่ด้านหน้าพระประธานได้ในทันที
ท่านเจ้าอาวาสนั้นมีใบหน้าที่อ่อนโยนดูใจดี เมื่อเห็นพวกของอันหลิงเกอเดินเข้ามา จึงได้พนมมือขึ้นคำนับด้วยพิธีสงฆ์ จากนั้นจึงได้กล่าวว่า “ขอให้โยมทุกท่านได้โปรดยื่นมือไปวางในกล่องนั้น บริสุทธิ์หรือไม่เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน”
อันหลิงอีมองตามสายตาของเจ้าอาวาส เห็นเพียงปี้จูยืนถือกล่องสี่เหลี่ยมใบหนึ่งอยู่ตรงนั้น มีฮูหยินท่านหนึ่งยื่นมือเข้าไปพอดี
“หากคนผู้นั้นบริสุทธิ์ มือที่นำออกมาจะเป็นสีขาว แต่หากคนไหนทำเรื่องที่มิดี มือของเขาผู้นั้นจะเป็นสีดำ เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านเจ้าอาวาส ? ”
อันหลิงเกอพูดไปก็เดินไปทางด้านปี้จูทันที พร้อมกับสอดมือเข้าไปในกล่องโดยมิลังเลแม้แต่น้อย
อันหลิงอีที่ยืนอยู่ทางด้านหลัง เบ้ปากออกเล็กน้อย
ที่แท้ก็ใช้วิธียืนยันความบริสุทธิ์เยี่ยงนี้นี่เองสินะ เฮอะ คิดว่านางมิเคยฟังเรื่องพวกนี้หรือเยี่ยงไร?แผนการหลอกเด็กเยี่ยงนี้หลอกนางมิได้หรอก
อันหลิงอีหันไปมองอันหลิงเกอนำมือออกมา จากนั้นนางก็สอดมือของตนเองเข้าไปอย่างมิคิดอันใดมาก
รออีกเดี๋ยวเถอะ หากนางเอามือออกมาแล้วมือยังเป็นสีขาวอยู่ จะดูสิว่าอันหลิงเกอจะพูดอันใดได้อีก !
แววตาทอประกายภาคภูมิใจของอันหลิงอีฉายชัดออกมาจากดวงตา แต่ขณะที่กำลังจะนำมือออกมานั้น กลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นที่ปลายนิ้ว
“ โอ๊ย เจ็บจัง ! ”
อันหลิงอีส่งเสียงร้องออกมาแล้วรีบชักมือกลับออกมา มองเห็นมือที่พอกแป้งไว้ของนางปรากฏรอยเขี้ยวเล็ก ๆ อยู่สองจุด จากนั้นงูหลากสีตัวหนึ่งกำลังเลื้อยไปตามแขนของนาง
“งู นี่มันงูพิษ ! ”
อันหลิงอีสะบัดแขนตัวเองอย่างบ้าคลั่ง แต่งูตัวนั้นกลับม้วนตัวไปตามข้อมือของนางแล้วรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับขู่ฟ่อออกมา จนนางแทบจะเป็นลมล้มทั้งยืน
พระสงฆ์รูปหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างมีสายตาและมือที่ว่องไว จึงได้จับเข้าไปที่จุดตายของงู อันหลิงอีจึงได้โล่งอกขึ้นมา แต่เมื่อมองไปยังมือที่ถูกงูกัดก็รู้สึกเวียนหัว ริมฝีปากเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ ? ”
สาวใช้ของอันหลิงอีรีบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นใบหน้าของนางก็ทำให้ตกตะลึงงันไป และกำลังจะก้มลงไปดูดพิษให้นายของตน กลับถูกอันหลิงอีตบไปที่หน้า
“เพราะความคิดของเจ้าผู้เดียว ! ”
อันหลิงอีที่กระวนกระวายไปชั่วขณะ จึงหลงลืมไปว่าที่นี่คือห้องโถงอีกทั้งยังมีคนยืนอยู่มากมาย จึงได้ด่าสาวใช้ของตนออกไปเช่นนั้น
“ข้าให้เจ้าปล่อยงูไปกัดอันหลิงเกอ แต่นางกลับมิเป็นอันใดสักนิด แต่กลับเป็นข้าที่ถูกงูกัดแทน ที่จริงแล้วเจ้าต้องการที่จะทำร้ายข้าเยี่ยงนั้นหรือ ห๊ะ ! ? ”
สาวใช้ผู้นั้นรู้สึกเสียใจจนตาแดงไปหมด ตอบกลับเพียงเบา ๆ ว่า “ข้าน้อยซื่อสัตย์ต่อคุณหนูมาตลอด จะทำร้ายคุณหนูได้เยี่ยงไรกันเจ้าคะ ? งูนี่มีพิษ ข้าน้อยจะช่วยดูดพิษออกให้ก่อนนะเจ้าคะ”
ขณะที่กำลังจะเดินไปหานายของตนนั้น แต่ฮูหยินที่สวมเสื้อผ้าหรูหราท่านหนึ่งเดินเข้ามาเสียก่อน
“นี่เป็นยาถอนพิษ เอาไปให้คุณหนูของเจ้ากินซะ ต่อไปอย่าได้ทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้อีก”
ฮูหยินหมิงจูนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย แต่สายตากลับแฝงไว้ด้วยความรังเกียจ ทำให้อันหลิงอีนึกขึ้นมาได้
แย่แล้ว ! คำพูดของนางเมื่อครู่ทุกคนคงจะได้ยินกันหมดแล้วเป็นแน่ ?