ตอนที่ 171 ผิดปกติ
“ท่านแม่ขอรับ หลี่ซื่อดูแลจวนมานานหลายปีและมิเคยทำผิดพลาดมาก่อน หากปล่อยให้ผู้อื่นเข้ามาแทรกโดยไร้เหตุผล แล้วนางจักเอาหน้าไปไว้ที่ใด ? ”
อันอิงเฉิงเพิ่งกล่าวจบ สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าก็ดูมืดมนในทันที
บรรยากาศในห้องโถงก็ดูเคร่งเครียด มีเพียงหลี่ซื่อและอันหลิงอีเท่านั้นที่รู้สึกได้ใจ
แววตาของฮูหยินผู้เฒ่าลุกเป็นไฟ แต่ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยความมิอยากเชื่อ
นางเลี้ยงบุตรสามคนมาเอง ดังนั้นย่อมรู้จักนิสัยของพวกเขาแต่ละคนเป็นอย่างดี
บุตรคนโตมีความกตัญญูมาก ทว่าในเวลานี้กล้าลุกขึ้นมาคัดค้านนางเพราะอนุเพียงคนเดียว
นางทั้งตกตะลึงและรู้สึกผิดหวัง ผสมกับความโกรธที่สังเกตเห็นมิได้ง่าย ๆ
“อิงเฉิงหมายความว่าอันใด ? ”
อันอิงเฉิงเพิ่งเอ่ยปากก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่ามีท่าทางเยี่ยงนี้แล้วจึงทำให้เขาค่อนข้างรู้สึกผิด
ฮูหยินผู้เฒ่าเลี้ยงเขามาด้วยความยากลำบาก ปกป้องเขาจากการปองร้ายของพวกสตรีแต่ละบ้านภายในจวนและยังหนุนเขาให้ได้รับตำแหน่งโหว การกระทำเช่นนี้จึงเลี่ยงให้มารดาเสียใจได้ยาก
พอเขานึกถึงท่าทางโดนรังแกของหลี่ซื่อเมื่อวาน แม้นางจากโดนรังแกแต่ก็ยังกล่อมให้เขามิควรทะเลาะกับท่านแม่ บอกว่าตัวนางจักเชื่อฟังท่านแม่ทุกอย่าง
แล้วเขาจักทนเห็นนางโดนเว่ยซื่อรังแกได้เยี่ยงไร ?
อันอิงเฉิงรู้สึกสับสนภายในใจครู่หนึ่ง หลังเผชิญหน้ากับคำถามของฮูหยินผู้เฒ่า ท้ายที่สุดเขาก็ยังตัดสินใจเหมือนเดิม “ท่านแม่ขอรับ ลูกคิดว่าเว่ยซื่ออยู่ที่เรือนเพียนมานาน มิเข้าใจสถานการณ์ในจวน หากปล่อยให้นางเข้ามาดูแลจวนเยี่ยงนี้ต้องทำเรื่องผิดพลาดมิน้อยแน่ อย่างไรเสียก็ให้หลี่ซื่อดูแลจวนต่อไปเถิด นางดูแลมาหลายปีแล้ว ทำทุกอย่างคล่องมือจักได้มิมีปัญหาตามมาด้วย”
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าคิดใช้เรื่องนี้สั่งสอนหลี่ซื่อเสียหน่อย แต่คาดมิถึงว่าในขณะที่หลี่ซื่อมิได้กล่าวอันใด บุตรชายคนโตที่นางหลงเข้าใจผิดว่ากตัญญูที่สุดก็ลุกขึ้นมากล่าวเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้หลี่ซื่อ นี่เขากลายเป็นคนแต่งเมียลืมแม่ไปแล้วหรือ !
ทันใดนั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็มีอาการหัวใจเต้นแรง ใบหน้าเคร่งขรึมและเห็นได้ชัดว่าโมโหมิน้อย
พอหวังซื่อเห็นเยี่ยงนั้นก็รีบเอ่ยปากทันที “ท่านแม่อย่าโกรธเลยเจ้าค่ะ พี่ใหญ่ก็กล่าวมีเหตุผลอยู่บ้าง ท่านอย่าโมโหจนส่งผลต่อสุขภาพเลยนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวคนชั่วจักได้ใจ”
ส่วนเรื่องคนชั่วที่นางเอ่ยถึงนั้น อันหลิงเกอรู้ดีแก่ใจ
มินานมานี้หลี่ซื่อวางแผนทำร้ายหวังซื่อ อยากทำให้หวังซื่อแท้งบุตรที่เรือนฉีอู๋ หลังจากนั้นก็โยนความผิดให้นาง แต่ท้ายที่สุดแผนการล้มเหลว หลี่ซื่อจึงผิดใจกับหวังซื่อเพิ่มอีกคน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหวังซื่อก็คอยหาเรื่องหลี่ซื่ออย่างโจ่งแจ้งมาโดยตลอด แม้สั่นคลอนรากฐานมิได้ ทว่าก็ทำให้หลี่ซื่อรำคาญมิน้อย ส่วนหวังซื่อมิรู้สึกเหนื่อยล้าเลยเช่นกัน
อันหลิงเกอเหลือบมองไปทางหลี่ซื่อและเห็นอีกฝ่ายเผยท่าทีมิแปลกใจอย่างที่คิดเอาไว้
หลังจากครุ่นคิด อันหลิงเกอก็มั่นใจยิ่งกว่าเดิม
เมื่อวานหลี่ซื่อจงใจแกล้งหมดสติเพื่อให้ท่านพ่อมาดูอาการ นางคงร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าท่านพ่อมิน้อย แสร้งทำว่าโดนรังแก วิธีหว่านเสน่ห์ให้คนมิรู้ประสีประสาเยี่ยงนี้เป็นวิธีที่สองแม่ลูกชอบใช้อยู่บ่อยครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้นคือสิ่งที่ท่านพ่อกล่าวเมื่อครู่ได้แสดงความมิพอใจต่อเว่ยอี๋เหนียง หมายความว่าหลี่ซื่อคงต้องการให้บิดาเกลียดเว่ยอี๋เหนียงมากอย่างแน่นอน
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้นแววตาของอันหลิงเกอนิ่งเรียบและลึกล้ำ แต่ใบหน้าอันงดงามกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ใช่เจ้าค่ะ ท่านย่าอย่าโมโหไปเลย ท่านพ่อกำลังใช้เหตุผลกับท่าน พวกเรามาคุยเรื่องนี้กันดี ๆ เถิดเจ้าค่ะ”
หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็หยุดไปครู่หนึ่งแล้วส่งสายตามีนัยยะให้หลี่ซื่อ “อีกอย่างหลังจากหลี่อี๋เหนียงกลับจากเรือนของท่านย่าเมื่อวานนี้ นางก็หมดสติไปในทันที ท่านพ่อจักห่วงใยนางก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าที่รักสงบย่อมมิมีทางทราบเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน
หลังได้ยินอันหลิงเกอกล่าวเยี่ยงนั้น คิ้วของนางก็ดุดันขึ้นกว่าเดิม
เข้าใจแล้วว่าเหตุใดวันนี้อันอิงเฉิงจึงกล้าลุกมาปะทะกับนาง ที่แท้หลี่ซื่อก็เล่นลูกไม้ลับหลังนี่เอง !
เว่ยซื่อก็เผยใบหน้าเข้าใจเรื่องราวออกมา แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกเสียใจ
นางมองไปยังใบหน้าที่หล่อเหลาของอันอิงเฉิงแล้วนึกย้อนไปตอนที่เป็นสาวใช้อยู่ข้างกายฮูหยินใหญ่อัน นางถูกความหล่อเหลาของเขาครอบงำ ในขณะที่ฮูหยินใหญ่ตั้งครรภ์ นางก็เสนอตัวกับฮูหยินใหญ่ว่าอยากอยู่ข้างกายท่านโหว หลังจากนั้นเป็นต้นมานางก็กลายเป็นอนุภรรยาของเขา
ต่อจากนั้นมินานฮูหยินใหญ่ก็จากไป ส่วนหลี่ซื่อก็แต่งเข้าจวนอย่างรวดเร็วแล้วสุดท้ายก็ได้เข้ามากุมอำนาจในจวนโหวและยังแอบกดหัวนางอีก
หลี่ซื่อเห็นนางเป็นหนามยอกอก อยากกำจัดให้พ้นทางใจจักขาด นางถึงต้องปลีกตัวออกไปอยู่เรือนเพียนหรือแม้แต่คุณหนูใหญ่และซื่อจื่อจักมีชีวิตเยี่ยงไร นางก็มิกล้ายุ่งเพราะกลัวว่าหลี่ซื่อจักตามมาทำร้าย
หากบอกว่าหลี่ซื่อมีลูกไม้สูงส่ง มันก็มิใช่เยี่ยงนั้นเสียทีเดียว เพราะท่านโหวลำเอียงเข้าข้างจึงได้เชื่อคำกล่าวของหลี่ซื่ออยู่เยี่ยงนี้ มิฟังคำกล่าวจากปากนางเลย และมิเห็นความจริงใจของนางแม้แต่น้อย
ผ่านไปหลายปีแล้ว ชายที่นางรักก็ยังมิเคยเห็นนางอยู่ในสายตา
เว่ยซื่อรู้สึกปวดใจ ใบหน้าดูเศร้ามิน้อยขณะมองอันอิงเฉิงแววตาก็ดูเด็ดเดี่ยวอย่างที่มิเคยเห็นมาก่อน
“เมื่อวานฮูหยินรองเชิญนักพรตเข้ามาในจวน นักพรตผู้นั้นเปิดปากใส่ร้ายว่าคุณหนูใหญ่มีดวงอัปมงคล หากมิเป็นเพราะคุณหนูใหญ่มีความรู้กว้างขวางก็คงต้องแบกชื่อเสียงเยี่ยงนี้ไปตลอดชีวิต ท่านแม่โมโหเพราะเรื่องนี้จึงสั่งลงโทษฮูหยินรอง แต่นายท่านกลับออกมาให้ท้าย เหตุใดมิลองถามนางก่อนว่าเมื่อวานทำอันใดลงไปบ้างเจ้าคะ”
เมื่อเว่ยซื่อกล่าวเรื่องพวกนี้ขึ้นมา คนทั้งห้องโถงก็หันมามองนางด้วยสีหน้าแปลกใจ
เว่ยซื่อเป็นคนขลาดเขลาที่สุดจึงเอาแต่หลบอยู่เรือนเพียนและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นอย่างยาวนาน
ถ้ามิได้เป็นเพราะคุณหนูใหญ่ทนดูต่อไปมิได้ แล้วแนะนำนางต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า เว่ยซื่อก็คงพาอันหลิงหยูแก่ตายอยู่ที่เรือนเพียนแห่งนั้น
แล้วคนขี้ขลาดถึงเพียงนี้กล้าขึ้นเสียงต่อหน้าอันอิงเฉิงเชียวหรือ ?
เมื่อได้ฟังใบหน้าอันอิงเฉิงก็ดูซับซ้อนขึ้นทันตา จริงอยู่ที่เขายกเว่ยซื่อขึ้นเป็นอนุตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่ก็เพราะฮูหยินใหญ่อันตั้งครรภ์และนางเผลอตกเป็นของเขาเท่านั้น เขาถึงได้แต่งตั้งนางเป็นอนุภรรยา
ต่อมาเว่ยซื่อก็ใช้อุบายทำให้ตนตั้งครรภ์ ทำให้เขารู้สึกรังเกียจผู้หญิงคนนี้ยิ่งนัก คิดว่าเว่ยซื่อเป็นหญิงแพศยาที่ทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตน
ดังนั้นเขาจึงรับหลี่ซื่อเข้าจวนอย่างรวดเร็วแล้วให้หลี่ซื่อมารับช่วงดูแลเรื่องน้อยใหญ่ในจวนแห่งนี้
พอได้ยินว่าเว่ยซื่อย้ายตนเองไปอยู่ที่เรือนเพียน เขายังคิดว่านางกำลังแสดงละคร แต่พอผ่านไปนานวันเขาก็ลืมเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปเสียจริง ๆ
ทว่าในความทรงจำของเขาคือเว่ยซื่อเชื่อฟังมาโดยตลอด การย้อนถามเช่นนี้เขามิเคยเห็นมาก่อน
เขาพูดมิออกว่ารู้สึกเยี่ยงไร ได้แต่ยืนตกตะลึงอยู่เยี่ยงนั้น