ตอนที่ 180 หน้ากากหนังมนุษย์
เรื่องราวของหลันซินเป็นเพียงละครฉากหนึ่ง มิได้สร้างคลื่นลมอันใดในจวนโหวแห่งนี้
ในวันนั้น หลังจากอันหลิงเกอสั่งลงโทษนางแล้วก็ลืมเรื่องของนางไปเสียสนิทราวกับมิเคยจำได้ว่าในเรือนยังมีสาวใช้ขั้นสองผู้นี้อยู่
แต่ดูเหมือนหลันซินมิพอใจที่โดนอันหลิงเกอหลงลืมไปทั้งเยี่ยงนี้ นางอยู่ในห้องเป็นเวลา 2 วัน หลังจากนั้นก็หาทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มีโอกาสออกมาเสนอหน้าเสนอตาทำตัวประจบอันหลิงเกอ
“คุณหนูเจ้าคะ แค่ดูก็รู้แล้วว่าหลันซินมิภักดี แต่มิรู้ว่ามีแผนอันใดอยู่กันแน่ถึงได้ขยันมาประจบท่านถึงในห้องเยี่ยงนี้”
ทางด้านหมิงซินที่กำลังรดน้ำดอกไม้ในห้องของอันหลิงเกอ เพิ่งวางถังน้ำลงและวางกระถางดอกไม้พวกนั้นกลับไว้ที่เดิมตรงขอบหน้าต่าง นางก็เห็นหลันซินอยู่ข้างนอก และกำลังยืดศีรษะมองเข้ามาด้านใน
ปี้จูเค้นเสียงดัง ฮึ ! ใบหน้ากลมมนเต็มไปด้วยการตั้งตาคอย “คนหน้ามิอาย ! มิรู้เสื้อผ้าที่ร้านเฉิงอีฝางทำเสร็จแล้วถูกนางเอาไปขายที่ใด กลับกันยังเอาเสื้อผ้าคุณภาพต่ำพวกนี้มาให้คุณหนูแทน แต่คุณหนูก็ยังใจกว้างมีเมตตามิถือสา แล้วตัวนางยังหัวสูงขยันมาประจบเอาใจคุณหนูทุกวัน สุดท้ายก็มิได้คาดหวังอยากให้คุณหนูใจอ่อน แล้วมิลงโทษแม้แต่หักเบี้ยรายเดือนของนางหรือเจ้าคะ ? ”
อันหลิงเกอเห็นปี้จูทำท่าทางเป็นห่วงจึงเผยแววตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มออกมา “เจ้าวางใจได้ เรื่องที่หลันซินถูกอันหลิงอีซื้อตัวไป ข้ารู้ดีว่าควรจัดการเยี่ยงไร แต่ข้ามิรู้ว่าอันหลิงอีมีจุดประสงค์อันใด เช่นนั้นจึงเก็บตัวหลันซินไว้ในเรือนก่อน เพราะอย่างน้อยก็น่าจักได้รู้ความคิดบางอย่างของอันหลิงอีบ้าง”
ในเมื่อหลันซินโดนอันหลิงอีซื้อตัวไปแล้วต้องกำลังทำงานตามคำสั่งอันหลิงอีอยู่แน่นอน
ขอแค่สืบเป้าหมายของหลันซินให้กระจ่าง อันหลิงอีก็มิมีทางทำร้ายถึงตัวนางได้
นางหันไปมองปี้จูและหมิงซิน ดวงตาสีดำจมดิ่งราวกับมีความนัยแฝงอยู่ “หมิงซินเป็นคนละเอียดรอบคอบ ดังนั้นไปคอยจับตาดูการเคลื่อนไหวของหลันซินเอาไว้ ถ้านางทำอันใดผิดปกติหรือไปส่งข่าวที่เรือนอันหลิงอี เจ้าก็มารายงานให้ข้าทราบทันที”
หมิงซินพยักหน้าหนักแน่น ทว่าปี้จูที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งทนมิไหวแล้ว “คุณหนูเจ้าคะ บ่าวต้องทำอันใดเจ้าคะ ? ”
“ตอนนี้หลันซินยังมิเคลื่อนไหว บางทีคงกังวลว่าตนจักมิได้รับความไว้วางใจ กลัวข้าเห็นพิรุธของนาง ดังนั้นเจ้าแกล้งทำดีกับนางแต่มิต้องให้สนิทมาก ทำให้นางรู้ว่าเจ้าเชื่อใจนางก็พอ”
หลังอันหลิงเกอกล่าวจบ นิ้วเรียวยาวก็ยกถ้วยชาตรงหน้าขึ้น จากนั้นก็ค่อยๆ ก้มหน้าลง ขณะเดียวกันไอร้อนที่ลอยขึ้นมาก็ปกคลุมใบหน้าอันงดงามของนางแต่มันก็ทำให้ใบหน้าดูอ่อนละมุนยิ่งกว่าเดิม เพียงแต่ดวงตาดำวาวคู่นั้นยังเด่นชัดมิเคยจางหาย
หลายวันต่อจากนั้นปี้จูก็แสร้งเชื่อใจหลันซิน บางครั้งก็ยกงานเล็กๆ น้อยๆ ให้หลันซินจัดการ ส่วนหมิงซินทำเหมือนมองมิเห็นเรื่องพวกนั้น ทว่าในความเป็นจริงกำลังแอบจับตามองหลันซินเงียบ ๆ
ผ่านไปมิถึงห้าวัน หลันซินก็ออกไปที่เรือนอันหลิงอี
หมิงซินเดินตามห่าง ๆ นางเห็นหลันซินเข้าไปในเรือนอันหลิงอี หลังจากคุยกับโมโม่เฝ้าหน้าประตูสองสามประโยคแล้วก็เดินหายเข้าไปในเรือน
หลังจากนั้นหมิงซินมิได้รีบกลับเรือนฉีอู๋แต่หาที่ซ่อนตัวแทน หลังรอให้เวลาผ่านไปประมาณ 1 ก้านธูป หลันซินก็ออกมาจากเรือนของอันหลิงอี
หลันซินเผยใบหน้ามีความสุขอย่างชัดเจน เวลาเดินก็ยกยิ้มมุมปาก เห็นได้ชัดว่านางต้องเจอเรื่องดี ๆ มาแน่นอน
ทว่าเรื่องดี ๆ ของสาวใช้ที่ทรยศนาย จักต้องเป็นเรื่องร้ายสำหรับคุณหนูของนางโดยมิต้องสงสัย
หมิงซินทำหน้าเคร่งขรึมและเม้มปากแน่นโดยมิรู้ตัว
นางเห็นหลันซินเดินเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จึงเร่งฝีเท้า แต่ผู้ใดจักรู้ว่าพอเดินมาถึงมุมทางเดินแห่งหนึ่ง นางก็มิเห็นตัวหลันซินแล้ว
นางจึงกวาดสายตามองโดยรอบอย่างกระวนกระวาย ทันใดนั้นนางก็ได้กลิ่นหอมแปลก ๆ หมิงซินรู้สึกถึงความผิดปกติจึงรีบเดินกลับทางเดิม แต่แล้วนางก็รู้สึกขาอ่อนแรงและล้มลงกับพื้นในชั่วพริบตา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง นางก็เห็นร่างของใครบางคนเดินออกมาจากมุมมืด ร่างกายผอมบาง ใบหน้าเปื้อนยิ้ม คือหลันซินนั่นเอง
เพียงแต่คราวนี้รอยยิ้มบนใบหน้าของหลันซินดูเลือดเย็นพอสมควร สายตาที่มองมาก็ทำให้รู้สึกได้ถึงพลังชั่วร้าย
ขณะมองหมิงซิน รอยยิ้มในดวงตาก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม นางและคุณหนูสามจงใจวางแผนเยี่ยงนี้ขึ้นมาก็เพื่อล่อสาวใช้คนสนิทของอันหลิงเกอออกมา พวกนางจักได้ลงมือง่ายกว่าเดิม
หลันซินย่อตัวลง โบกมือไปทางด้านหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีร่างแก่หง่อมของหญิงชราคนหนึ่งค่อย ๆ เดินออกมา
นางดูแก่มาก ใบหน้าเหี่ยวย่น ดวงตาขุ่นมัวราวกับมิสามารถเห็นคนตรงหน้าได้ชัด แม้แต่ฝีเท้าก็ยังช้ากว่าคนปกติมาก
“เป็นเด็กสาวสวยผู้หนึ่ง”
หญิงชราผู้นั้นเอ่ยปาก น้ำเสียงแหบพร่าผิดปกติคล้ายกล่องเสียงพังไปแล้วอย่างนั้น ทำให้คนฟังรู้สึกมิคุ้นหู
ทว่าหลันซินมิกล้าล่วงเกินหญิงชราผู้นี้ นางยืนข้างกายหญิงชราด้วยความเคารพ ต่อจากนั้นก็ก้มหน้าถามความเห็น “กู่โมโม่ ต่อจากนี้ควรถึงเวลาที่ข้าจักไปรับใช้ข้างกายคุณหนูใหญ่แทนนางแล้วใช่หรือไม่ ? ”
กู่โมโม่นิ่งเงียบแล้วหยิบของบางอย่างออกมาจากกระเป๋าอกเสื้อ ของสิ่งนั้นมีลักษณะเป็นเนื้อบางใสมาก เมื่อคลี่ออกก็มีรูปร่างคล้ายใบหน้าคน
นางนำของสิ่งนั้นวางบนใบหน้าหมิงซินและออกแรงถูเพียงมิกี่ครั้ง แต่ก็มิรู้นางทำได้เยี่ยงไรเพราะเมื่อนำของสิ่งนั้นออกมา มันก็ออกมาดูคล้ายกับหมิงซินแล้ว !
เมื่อเห็นกับตาตนเอง แม้แต่หลันซินที่รู้ความสามารถของกู่โมโม่ตั้งแต่แรกก็ยังอดตกตะลึงมิได้
บนแผ่นดินนี้ย่อมมีคนที่สูงศักดิ์และคนแปลกหน้า ตัวนางเองก็เคยได้ยินเรื่องหน้ากากหนังมนุษย์จากนักเล่าเรื่องเท่านั้น แต่พอเห็นสิ่งนี้เกิดขึ้นตรงหน้า หลันซินก็อดอุทานออกมามิได้ เป็นเหตุให้กู่โมโม่เผยแววตาเย็นชาทันที
เมื่อเห็นสายตาของกู่โมโม่ หลันซินก็ตัวสั่นทันที
ดวงตาคู่นั้นขุ่นมัวยิ่งกว่าอันใด ดวงตาส่วนใหญ่เป็นสีขาวโพลน ลูกตามีเพียงจุดสีดำเล็ก ๆ ทำให้ดูน่ากลัวยิ่งนัก
“ฝีมือของกู่โมโม่ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ทราบแล้วว่าเหตุใดฮูหยินรองให้ความสำคัญต่อท่านมาก”
หลันซินฉลาดจึงรีบเอ่ยปากชมกู่โมโม่ทันที
กู่โมโม่จึงเก็บสายตา จากนั้นก็ยกของในมือให้หลันซิน
“ต้องทำงานที่ฮูหยินรองมอบหมายให้สำเร็จ”
เสียงแหบและแหลมสูงชวนขนหัวลุกดังขึ้นอีกครั้ง หลันซินจึงรีบพยักหน้าแล้วทำตัวประจบทันที “กู่โมโม่วางใจได้เจ้าค่ะ ข้าจักมิทำให้ฮูหยินรองผิดหวังอย่างแน่นอน”
“แต่ว่า..พวกเราควรจัดการกับนางเยี่ยงไรดี” หญิงชราผู้นั้นก้มหน้ามองหมิงซินที่สลบอยู่บนพื้น จากนั้นดวงตาก็จ้องมองไปยังทะเลสาบที่ห่างออกไปมิไกล
เมื่อหลันซินมองตามสายตาหญิงชราก็เข้าใจทันทีจึงรีบลงมือลากตัวหมิงซินมาริมทะเลสาบ จากนั้นก็ผลักร่างหมิงซินลงไป
เมื่อทำเรื่องพวกนี้เสร็จ นางก็ใส่หน้ากากหนังมนุษย์ เพียงกะพริบตามิกี่ครั้งใบหน้าของนางก็มีเอกลักษณ์ตรงกับหมิงซิน หรือเรียกได้ว่าเหมือนใบหน้าหมิงซินมิมีผิด
“ไปเถิด อย่าลืมคำสั่งของฮูหยินรอง”
พอกล่าวจบกู่โมโม่ก็ขยับมือโบกไปมาให้หลันซินเล็กน้อยและใช้สายตาคู่นั้นมองนางเดินไปยังเรือนฉีอู๋ทีละก้าว