ตอนที่ 184 แข่งกันเบ่งบาน
แม้แต่หลันซินก็มิอาจมิปฏิเสธได้ว่าอันหลิงเกอช่างงดงามยิ่งนัก วันปกติที่นางมิได้แต่งหน้าก็งามอยู่แล้ว แต่วันนี้พอแต่งหน้าขึ้นมายิ่งทำให้ผู้อื่นรู้สึกด้อยเมื่ออยู่ตรงหน้า
หากตนมีโฉมหน้างดงามเยี่ยงนี้ ตอนนี้ยังต้องมาเป็นบ่าวรับใช้ผู้อื่นด้วยหรือ ? คงคิดหาวิธีปีนขึ้นเตียงท่านโหวไปนานแล้ว ทั้งยังเป็นที่โปรดปรานของท่านโหวเช่นเดียวกับฮูหยินรอง
ในใจนางรู้สึกอิจฉายิ่งนัก แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม “ใบหน้าอันงดงามของคุณหนูใหญ่ หากผู้ใดได้พบเห็นต้องคิดว่าท่านเป็นเทพเซียนลงมาจากสวรรค์เจ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังหลันซินพูด ปี้จูเหลือบมองนางเล็กน้อย รู้ว่านางปากมิตรงกับใจแต่ก็มิได้เปิดโปงออกมา เพียงเร่งอันหลิงเกอให้รีบเดินไปที่โถงหน้า
“ฮูหยินผู้เฒ่าจัดงานวันคล้ายวันเกิด จวนเจิ้นกั๋วกง จวนเหล่าขุนนางชั้นสูง จวนแม่ทัพใหญ่และจวนอื่น ๆ ล้วนส่งคนมาแล้ว คุณหนูเร็วเข้าเถิดเจ้าค่ะ พวกเขาอาจตำหนิเอาได้”
อันหลิงเกอตอบ อืม แล้วก้าวเท้าออกนอกประตูเรือน
ยามนี้ดวงอาทิตย์เพิ่งสาดแสงลงมา แสงสีทองดูอบอุ่นแต่มิแสบตากระทบร่างของอันหลิงเกอราวกับได้ปกป้องนางไว้อีกชั้นหนึ่ง เมื่อมองจากที่ไกลก็ทำให้นางช่างดูคล้ายเทพเซียน
อันหลิงเกอก้าวออกจากประตูโค้งกลม เดินวนผ่านภูเขาจำลอง น้ำพุ ศาลา ทะเลสาบและผ่านต้นไม้ที่มีใบเต็มต้นจนเดินมาถึงจวนด้านหน้า
“เกอเอ๋อมาแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่าสวมชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนซึ่งมีลายผีเสื้อสีขาวกลางดงดอกไม้ บนศีรษะติดเครื่องประดับสีทองงดงาม ปิ่นปักผมรูปใบหูกวางทำมาจากหยก นางนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้ที่ทำจากไม้จันทน์แดงสลักลายดอกโบตั๋นและนกชิงหลาน ทั้งตัวดูมีสง่าราศี แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าวันนี้นางอารมณ์ดีมิน้อย
อันหลิงเกอเดินเข้ามาในห้องโถง คำนับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างอ่อนหวาน ริมฝีปากเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มจริงใจ “เกอเอ๋อขอให้ท่านย่ามีความสุข อายุยืนดั่งภูเขา ทุก ๆ ปีขอให้มีความสุขเฉกเช่นวันนี้เจ้าค่ะ “
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มกว้างกว่าเดิม นางจ้องมองใบหน้าที่งดงามของอันหลิงเกอด้วยแววตาชื่นชมและภูมิใจ
ดูบุตรสาวคนโตของท่านโหวช่างสง่าผ่าเผย หน้าตางดงาม หากกล่าวว่านางงดงามเป็นที่หนึ่งในเมืองจิงก็มิถือว่ากล่าวเกินจริง
น่าเสียดายที่สะใภ้ใหญ่อันเสียไปก่อนจึงมิทันเห็นอันหลิงเกอในตอนนี้
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกเสียดายอยู่บ้าง หากฮูหยินใหญ่อันยังอยู่ หลี่ซื่อจักมีโอกาสก่อความวุ่นวายในจวนนี้ได้เยี่ยงไร วัน ๆ นางก่อแต่เรื่องจนคนในจวนมิสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้
อาศัยว่ามีท่านโหวค่อยหนุนหลัง นางจึงเย่อหยิ่งมากขึ้นทุกวัน
ฮูหยินผู้เฒ่ากำลังคิดอยู่ พลันได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นเมื่อหันไปมองก็เห็นอันหลิงจุนสวมชุดแพรสีน้ำเงินปักลายดอกกระทุ่มสีม่วงเข้ม สวมรองเท้าสีดำที่ปักลายเมฆทะเล เดินเข้ามาทางนี้
หนุ่มสาวสวมชุดสีสันสดใสชวนให้คนมองแล้วรู้สึกเจริญหูเจริญตา รู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาที่เปล่งประกายออกจากตัว
“หลานขอคารวะท่านย่า ขอให้ท่านย่ามีความสุขมากกว่าเจียงหยูและอายุยืนยาวกว่าโผงเจี้ยนขอรับ”
เจียงหยูคือผู้มีความสุขที่สุดในราชวงศ์ต้าโจว ส่วนโผงเจี้ยนก็มีชื่อเสียงเรื่องอายุยืนยาว อันหลิงจุนกล่าวเยี่ยงนี้ก็ทำให้ความเสียใจเล็กน้อยของฮูหยินผู้เฒ่าจางหายไปหมดแล้ว นางพลันยิ้มกว้างขึ้นมา
“เด็กดี เข้ามาหาย่าตรงนี่สิ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวพร้อมชี้ไปยังที่นั่งด้านข้างของนาง อันหลิงจุนจึงเดินเข้าไปนั่ง จากนั้นก็เริ่มกล่าวคำเอาอกเอาใจฮูหยินผู้เฒ่าออกมามิหยุด
เห็นอันหลิงจุนสนิทกับฮูหยินผู้เฒ่าเยี่ยงนี้ อันหลิงเกอก็วางใจได้แล้ว
เดิมทีนางยังเป็นห่วงอันหลิงจุนที่โดนส่งไปอยู่วังตั้งแต่เล็ก ในใจย่อมมีความโกรธต่อท่านพ่อและท่านย่า นอกจากตัวนางแล้วเขาจึงมิยอมใกล้ชิดผู้อื่นในจวนอีก นางกลัวว่าเขาจักโทษที่สวรรค์โหดร้ายต่อเขา
ตอนนี้ดูแล้วนางอาจคิดมากเกินไป
ใบหน้าอันหลิงเกอเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม กำลังจักกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าบ้างก็มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ของหลี่ซื่อดังขึ้นมาแต่ไกล “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดท่านแม่ ข้าขอให้ท่านแม่มีชีวิตราบรื่นมั่นคง มีแต่ความสุขเจ้าค่ะ “
หลี่ซื่อแต่งหน้าอย่างประณีต กลางคิ้วดูอ่อนโยนขึ้นมาบ้าง ท่าทางภูมิอกภูมิใจในตนเองอย่างยิ่ง ยามมองไปทางฮูหยินผู้เฒ่านางยังเชิดคางขึ้นเล็กน้อยราวกับกำลังบอกฮูหยินผู้เฒ่าว่านางเป็นที่โปรดปรานของท่านโหว แม้กระทั่งฮูหยินผู้เฒ่าก็ทำอันใดนางมิได้
ท่าทางเช่นนั้นมิใช่ลักษณะท่าทางที่นายหญิงจวนโหวควรมี
อันหลิงเกอนึกดูถูกหลี่ซื่ออยู่ภายในใจ ฮูหยินผู้เฒ่าใช้ชีวิตอย่างราบรื่นมาทั้งชีวิตยังมิเคยมีผู้ใดแสดงท่าทางเย่อหยิ่งเช่นนี้ต่อหน้ามาก่อน หลี่ซื่อทำเช่นนี้เป็นการยั่วยุฮูหยินผู้เฒ่า ทำให้ขุ่นเคืองและนางมิมีโอกาสได้แก้ตัวอีกแล้ว
หลี่ซื่อคิดว่าท่านโหวปกป้องนางครั้งหนึ่ง ครั้งต่อไปก็จักปกป้องได้เยี่ยงนั้นหรือ ?
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น อันหลิงเกอก็หลุบตาลง ขนตาเป็นแพยาวปิดบังความคิดของนางเอาไว้
ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าที่เห็นท่าทางเย่อหยิ่งของหลี่ซื่อจึงมิอยากใส่ใจให้เสียบรรยากาศ มิว่าเยี่ยงไรวันนี้ก็คือวันคล้ายวันเกิดของนาง ดังนั้นนางจึงตอบแค่ตอบ อืม และให้อีกฝ่ายนั่งลง
หลี่ซื่อมิได้สนใจท่าทีเมินเฉยที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีต่อตน ถึงอย่างไรอีกประเดี๋ยวอันหลิงเกอก็จักโชคร้ายแล้ว รอให้อันหลิงเกอถูกฮูหยินผู้เฒ่ารังเกียจมิมีคนคอยช่วยเหลือ ถึงเวลานั้นนางจักยืมมือฮูหยินผู้เฒ่ามาจัดการอันหลิงเกอด้วย
ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าจักชอบนางหรือไม่ นางมิได้เก็บมาใส่ใจแล้ว
หลี่ซื่อมิสนใจอารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่า ทว่าหวังซื่อ เจิ้งซื่อและคนอื่น ๆ มิเหมือนกัน
พวกนางแต่งตัวอย่างเป็นทางการ มิว่าวันธรรมดาจักมีความคิดอย่างไร แต่วันนี้ใบหน้าล้วนแสดงถึงความเป็นกันเอง
อันหลิงเฉว่เดินตามหลังเจิ้งซื่อ กระโปรงยาวสีขาวปักดอกหยิงฉุนสีจางช่วยขับเน้นรูปร่างอ้อนแอ้นของนางได้เป็นอย่างดี นางค่อย ๆ ก้มคำนับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างอ่อนช้อย
อันหลิงเหมิงที่อยู่ด้านหลังยังคงก้มหน้าทำตัวราวกับมิมีตัวตนเช่นเคย
ส่วนอันหลิงอีมาสายทว่าก็แต่งตัวอย่างพิถีพิถันงดงาม
นางสวมกระโปรงยาวสีแดงปักลายดอกเสาวรสลิ้นงูติดด้วยมุขนกยูง บริเวณเอวพันด้วยดอกส้านผ้าซาตินสีม่วงอ่อน สวมรองเท้าสีขาว ใบหน้าและดวงตาคู่นั้นกลมโต หากมองภายนอกจักพบเพียงเสน่ห์และความงดงาม แต่มองความมืดมิดในใจของนางมิออกเลยแม้แต่น้อย
“น้องหญิงสามมาช้ายิ่งนัก”
อันหลิงเกอเอ่ยทักออกมาราวกับแค่ล้อเล่น ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าเริ่มแสดงความมิชอบใจออกมา
หลี่ซื่อจึงหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่าอย่างโอ้อวดโอหัง อันหลิงอีก็ตั้งใจมาสาย เพราะนี่คือการมิไว้หน้าฮูหยินผู้เฒ่า !
พลันทำให้แววตาของฮูหยินผู้เฒ่าฉายความมิชอบใจออกมา แต่อันหลิงเกอเดินเข้าไปหาอันหลิงอีอย่างเป็นกันเอง ทำราวจักจับมืออันหลิงอี
ใบหน้างดงาม จิตใจกว้างขวางของอันหลิงเกอเพียงเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ ก็ทำให้อันหลิงอีที่แต่งหน้ามาอย่างหนาดูไร้สีสันไปในทันที
ทันใดนั้นแววตาอันหลิงอีมีความอิจฉาฉายชัดขึ้นมาแล้วทำเป็นหลบมือของอันหลิงเกอที่ยื่นเข้ามาจับโดยมิได้ตั้งใจ จากนั้นค่อยๆ เดินไปตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่าและกล่าวคำอวยพร
ท่าทางมิแยแสของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้อันหลิงอีรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดใจ อดมิได้ที่จักหมุนตัวกลับแล้วเดินออกไป
เนื่องจากนางโดนตามใจมาตั้งแต่เด็ก มีแต่ตอนอยู่เบื้องหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้นที่มักเสียหน้าอยู่บ่อยครั้ง
แต่พอนางนึกว่าต่อไปจักเกิดสิ่งใดขึ้น นึกถึงแผนที่มารดาและนางได้วางเอาไว้ นางก็ยกยิ้มขึ้นมา จากนั้นทำราวกับมิมีเรื่องอันใดเกิดขึ้นแล้วนั่งลงตรงตำแหน่งของตนเพื่อมิให้อันหลิงเกอเกิดความระวังตัวแล้วทำลายแผนการของพวกนาง
แต่อันหลิงอีมิรู้ว่าท่าทีเรียบร้อยผิดปกติของนางต่างหากที่ทำให้อันหลิงเกอเกิดความสงสัยมากที่สุด