ตอนที่ 185 งานเลี้ยงวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่า
เวลานี้เป็นช่วงต้นของฤดูร้อนและแสงแดดอันอบอุ่นส่องลงบนร่างกายผู้คนทำให้รู้สึกอบอุ่น จวนโหวได้ทำความสะอาดจวนทั้งด้านนอกและด้านใน แม้คนรับใช้ในจวนทำงานกันจนวุ่น ใบหน้าแต่ละคนก็มีรอยยิ้มเป็นมิตร รอคอยต้อนรับแขกที่มาเยือน
ฮูหยินผู้เฒ่าในฐานะเจ้าของวันคล้ายวันเกิดและอาวุโสที่สุดจึงมิสามารถไปต้อนรับด้วยตนเองได้
เมื่อถึงเวลาที่สมควร นางจึงสั่งให้หวังซื่อและคนอื่นไปต้อนรับแขกหน้าประตูเพื่อมิให้แขกเหล่านั้นตำหนิเอาได้
หวังซื่อแม้ตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนและท้องโตมากแล้วก็ค่อย ๆ ประคองเอวให้ลุกขึ้นมา นางตอบรับฮูหยินผู้เฒ่าอย่างให้เกียรติ ยิ้มอย่างดีใจที่ได้มีโอกาสออกหน้าออกตาในสังคม
เมื่อเทียบกับรอยยิ้มของหวังซื่อแล้ว เจิ้งซื่อแลดูถ่อมตนและสงบนิ่งมากกว่า นางลุกยืนอย่างมิรีบร้อน ใบหน้าอ่อนโยนและเปื้อนรอยยิ้มจาง ๆ คำนับให้ฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเดินไปหน้าประตูพร้อมหวังซื่อ
หลี่ซื่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้มีสีหน้าเข้มขึ้น แววตาของนางเต็มไปด้วยความเย็นชา
จวนโหวมีนางเป็นผู้ดูแลมาโดยตลอด พอฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาก็แย่งสิทธิ์ต่าง ๆ ของนางไปให้หวังซื่อ มาวันนี้เรื่องต้อนรับแขกยังมอบให้หวังซื่อและเจิ้งซื่อไปทำอีก นี่มิใช่ว่ากำลังดูถูกนางหรอกหรือ คงคิดว่านางเป็นอนุคนหนึ่งจึงมิสามารถยกขึ้นมาออกหน้าได้
ฮูหยินผู้เฒ่าทำเช่นนี้มิเป็นการบอกให้ทุกคนเข้าใจว่าในสายตาของฮูหยินผู้เฒ่าเห็นนางมิได้มีความสำคัญ ช่างมิไว้หน้ากันเลย !
เมื่อคิดได้เยี่ยงนี้ ใบหน้าของหลี่ซื่อก็เคร่งขรึม แต่เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าจึงทำได้แค่ฝืนยิ้มออกมา เพียงแต่รอยยิ้มนั้นมองเยี่ยงไรก็แปลกอยู่ดี
“ท่านย่าเจ้าคะ หลายปีมานี้ท่านแม่ดูแลจวนโหวมาโดยตลอด ฮูหยินและคุณหนูทั้งหลายล้วนเป็นนางที่ส่งเทียบเชิญไป เมื่อเทียบกับอาสะใภ้รองและอาสะใภ้สามแล้วท่านแม่เก่งกว่ามาก เหตุใดมิให้ท่านแม่ไปต้อนรับแขกเจ้าคะ ? “
อันหลิงอีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมเหลือบมองหลี่ซื่อ ใบหน้าใสซื่อเผยรอยยิ้มสง่างาม
ในเวลานี้อันหลิงอีเก็บกิริยาโอหังยามปกติเอาไว้ มีเพียงท่าทีเชื่อฟังเยี่ยงเด็กน้อยคนหนึ่งทำให้น่าเอ็นดู ฮูหยินผู้เฒ่าที่เห็นนางเป็นเยี่ยงนี้ใบหน้าก็เป็นมิตรขึ้นบ้าง แต่มิได้ตกลงตามคำกล่าวของนาง “ให้สะใภ้หวังและสะใภ้เจิ้งไปต้อนรับแขกก็พอแล้ว หลี่ซื่อมิต้องไปหรอก”
แม้ฮูหยินผู้เฒ่ามิได้เปลี่ยนใจ แต่คำกล่าวก็พอให้หลี่ซื่อกู้หน้าคืนมาได้บ้าง นางเผยรอยยิ้มให้ฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านแม่กล่าวถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ สะใภ้หวังและสะใภ้เจิ้งได้ไปต้อนรับแขกแล้ว หากข้าไปอีกคนก็มิแน่ว่าอาจวุ่นวายเกินไป”
เรื่องการต้อนรับแขกเป็นไปอย่างเรียบร้อย ฮูหยินผู้เฒ่ารับคำเบา ๆ แม้มีท่าทางมิแยแสต่อหลี่ซื่อแต่ก็มิได้ทำให้นางเสียหน้าอีก
ในมิช้าโถงด้านหน้าของจวนโหวพลันเต็มไปด้วยบรรดาฮูหยินและคุณหนูมากมาย ส่วนแขกที่เป็นบุรุษอยู่ในเรือนฝั่งตะวันออกโดยมีคนของอันอิงเฉิงคอยต้อนรับ
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งยิ้มอยู่บนที่สูง มองหวังซื่อและเจิ้งซื่อเชิญเหล่าฮูหยินให้นั่งลงอย่างเป็นระเบียบ สาวใช้สวมชุดที่สวยงาม ถือน้ำชาและขนมหวานยืนอยู่กลางระหว่างเหล่าฮูหยินและคุณหนู แต่ละคนงดงามและดูเชื่อฟัง มุมปากประดับรอยยิ้มที่ดูดี จากกิริยาท่าทางนั้นสามารถบอกได้ว่าพวกนางถูกฝึกฝนมาอย่างดี
ฮูหยินและคุณหนูที่มาร่วมงานวันเกิดฮูหยินฮูเฒ่า มีมิน้อยเลยที่รู้จักหลี่ซื่อเพราะก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาจวนโหว ฮูหยินและคุณหนูเหล่านี้ต่างเข้าหาจวนโหวโดยผ่านทางหลี่ซื่อ
ตอนนี้เห็นตำแหน่งที่นั่งของนางห่างจากฮูหยินผู้เฒ่าอยู่หลายตำแหน่ง ฮูหยินและคุณหนูเหล่านั้นก็เข้าใจความสำคัญของหลี่ซื่อที่อยู่ในใจฮูหยินผู้เฒ่าแล้ว
ฮูหยินที่มาร่วมงานเหล่านี้เป็นฮูหยินที่แต่งตั้งเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่งเข้าจวนด้วยเกี้ยวแปดคนหาม แน่นอนว่าฐานะย่อมมิเหมือนหลี่ซื่อที่เป็นเพียงอนุภรรยา
เดิมทีพวกนางมิมีทางเลือก แม้ว่าอำนาจจวนโหวมิมาก ทว่าตำแหน่งของท่านโหวยังคงอยู่ ดังนั้นแม้พวกนางต้องเข้าหาหลี่ซื่อที่เป็นเพียงอนุภรรยาก็ต้องเก็บความดูถูกไว้ในใจ ฝืนยิ้มเข้าหาหลี่ซื่อเช่นกัน
แต่สถานการณ์วันนี้ต่างไปแล้ว มารดาท่านโหวกลับมาจากเรือนบรรพบุรุษ นั่นถือเป็นผู้มีเกียรติอันดับหนึ่งของจวนโหว หากพวกนางอยากประจบจวนโหวย่อมต้องผ่านทางฮูหยินผู้เฒ่าจักดีที่สุด
คิดเช่นนี้แล้วดวงตาของฮูหยินหลายท่านจึงวาววับ มองอันหลิงจุนซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สองด้านซ้ายมือของฮูหยินผู้เฒ่า
“ฮูหยินผู้เฒ่าจากจวนโหวไปหลายปี มิคิดว่าวันนี้โฉมหน้าของท่านยังงดงามมิเปลี่ยน ทำให้ผู้อื่นรู้อิจฉาแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินของขุนนางขั้นสามยิ้มที่มุมปากพร้อมเอ่ยคำเยินยอ
นางกำลังชมว่าฮูหยินผู้เฒ่ามิแก่ขึ้นเลย แม้เป็นเพียงคำเยินยอ ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าก็อดยิ้มออกมิได้ “คนแก่แล้วใบหน้าจักมิเปลี่ยนได้เยี่ยงไร”
“ฮูหยินผู้เฒ่ายังมีร่างกายแข็งแรง บุตรหลานของท่านล้วนมีอนาคต” ฮูหยินอีกคนกล่าวพร้อมฉีกยิ้มกว้าง “ซื่อจื่ออายุยังน้อยก็เข้าวังเล่าเรียนเป็นเพื่อนองค์ชาย ตอนนี้ก็เป็นคนเก่งที่มีชื่อเสียงในสำนักศึกษาจิงตู ส่วนคุณหนูใหญ่ยังถูกฮ่องเต้เห็นความสำคัญจนแต่งตั้งเป็นจวิ้นจู่ มีชนรุ่นหลังที่โดดเด่นเยี่ยงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าคงมีความสุขมิน้อยเลยเจ้าค่ะ ! “
“แค่เด็กน้อยที่ยังชอบเที่ยวชอบเล่นมินับว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์อันใด” ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมืออย่างถ่อมตน เพียงแต่แววตาที่มองอันหลิงจุนแฝงไว้ด้วยความภูมิใจ
ส่วนอันหลิงเกอที่มีตำแหน่งเป็นจวิ้นจู่นั้นได้มาเยี่ยงไร ฮูหยินผู้เฒ่ารู้ดีแก่ใจ แต่นางมิได้กล่าวถึงเรื่องนี้เพื่อมิให้เกิดความอึดอัด
ทุกคนจ้องไปที่อันหลิงจุน บางครั้งก็มีคนเอ่ยชมว่าอันหลิงเฉว่สง่างาม อันหลิงห่าวประสบความสำเร็จ บุตรของภรรยาเอกในโถงนี้โดนชมจนครบแล้ว ก็มีแต่บุตรสาวอนุภรรยาเยี่ยงอันหลิงอีและอันหลิงเหมิงที่โดนลืมโดยเจตนา
หลี่ซื่อรู้สึกมิพอใจมาก เมื่อก่อนฮูหยินและคุณหนูเหล่านี้เคยเข้าหานาง มิเคยเย็นชาเยี่ยงนี้ แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาแล้วพวกนางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วราวพลิกฝ่ามือ!
อย่างไรก็ตามนางดูแลจวนมาหลายปี ย่อมรู้ดีว่าตนมิสามารถแสดงอารมณ์ที่แท้จริงต่อหน้าผู้คนมากมายได้
เช่นนั้นใบหน้าของนางจึงประดับรอยยิ้มจอมปลอมและบางครั้งก็โต้ตอบบทสนทนากับฮูหยินเหล่านั้นไปบ้าง
จนกระทั่งอันหลิงอีทนมิไหวจึงเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสาว่า “ปกติพี่หญิงใหญ่เป็นคนกตัญญูที่สุด มิทราบว่าวันนี้พี่หญิงใหญ่ได้เตรียมของขวัญอันใดให้ท่านย่าหรือเจ้าคะ ? “
อยู่ ๆ นางก็เอ่ยถามขัดจังหวะการสนทนาที่คึกคักในห้องโถง ทว่าเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วจึงมิอาจโทษนางได้
อันหลิงเกอหันไปมองอันหลิงอีที่ตอนนี้ในดวงตาดูตื่นเต้นและแฝงไปด้วยความชั่วร้าย
หลังจากนั้นอันหลิงเกอก็ยกยิ้ม แววตาดูยากจะคาดเดาได้