ตอนที่ 187 ก่อเรื่อง
ในเวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่ามิมีอารมณ์สนใจหวังซื่อเพราะนางมองไปที่รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“นี่คือเรื่องอันใด ? ”
ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าซีดเผือด ในแววตาคุกรุ่นด้วยความโกรธ
นางจัดงานเลี้ยงวันคล้ายเกิด หลี่ซื่อและอันหลิงอีมาสายแสดงออกว่ามิเห็นนางอยู่ในสายตา แต่ท้ายสุดก็เป็นแค่อนุภรรยาคนหนึ่ง มิถือเป็นคนของจวนโหว นางจึงมิได้สนใจแล้วมองเป็นเรื่องธรรมดาแทน
ทว่าอันหลิงอีแม้เป็นบุตรอนุภรรยา แต่ก็ยังเป็นหลานสาวของนาง นางมิเคยปฏิบัติต่อหลานสาวผู้นี้อย่างเลวร้ายเลย
แต่หลานสาวคนนี้กลับเตรียมรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกที่มีน้ำตาโลหิตไหลลงมาในงานวันเกิดของนาง นำของมิเป็นมงคลเช่นนี้ออกมาหมายความว่าเยี่ยงไร !
เหล่าฮูหยินและบรรดาคุณหนูที่อยู่ในงานล้วนได้ยินเสียงร้องตกใจของหวังซื่อ ดังนั้นทุกคนจึงจ้องไปที่รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกนั้นเป็นตาเดียว
พอเห็นรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกมีน้ำตาโลหิตไหลออกมา ใบหน้าของทุกคนก็พากันตื่นตระหนก แววตาที่มองอันหลิงอีก็เปลี่ยนไป
อันหลิงอียิ่งหน้าซีดไปกันใหญ่ นางอธิบายออกมาเสียงสั่น “ท่านย่าเจ้าคะ นี่มิใช่ของที่หลานเตรียมมา หลานมิรู้ว่าเหตุใดจึงเป็นเยี่ยงนี้เจ้าค่ะ”
เดิมทีนางบอกว่านี่มิใช่ของขวัญที่เตรียมไว้ พอเห็นใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่ามิสู้ดีกลับมิกล่าวอันใด
แต่หลี่ซื่อได้พูดว่านางเป็นเด็กซุกซน จงใจสร้างเรื่องให้ฮูหยินผู้เฒ่าแปลกใจ หมายความว่าของขวัญชิ้นนี้คือนางเตรียมมาจริง ๆ
ทว่าตอนนี้อันหลิงอีมาพูดว่ามิใช่ของตนอีก ผู้ใดยังเชื่ออีกเล่า ?
หลี่ซื่อรู้สึกเคร่งเครียดอย่างมาก นางคาดมิถึงว่าคำที่กล่าวเพื่อช่วยบุตรสาวจักทำให้อันหลิงอีตกอยู่ในสภาพที่อธิบายลำบาก มีปากก็พูดให้ชัดเจนมิได้
อันหลิงเกอเห็นแววตาของทั้งสองคน ทางด้านดวงตาของนางก็แฝงด้วยรอยยิ้ม
ภายนอกนางแสดงสีหน้าตกตะลึง เหมือนมิกล้าเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน “น้องหญิงสาม แม้ว่าเจ้ามิค่อยชอบท่านย่า แต่มิควรหาของเยี่ยงนี้มาทำให้ท่านย่ามิชอบใจเลย”
ดูเหมือนคำกล่าวของอันหลิงเกอจักบอกทุกคนโดยมิตั้งใจว่าอันหลิงอีมิชอบฮูหยินผู้เฒ่า ทำให้ทุกคนมีความทรงจำมิดีต่อนางมากขึ้น
ราชวงศ์ต้าโจวเน้นเรื่องความกตัญญู คำว่ากตัญญูยิ่งใหญ่เท่าฟ้า อันหลิงอีในฐานะหลานสาวกลับมีความมิพึงพอใจต่อท่านย่าของตน เห็นได้ชัดว่านางมิเคารพผู้ใหญ่ ยิ่งมิต้องกล่าวถึงเรื่องความกตัญญูอันใดเลย
ส่วนความสนิทสนมเมื่อครู่ที่มีต่อฮูหยินใหญ่คงเป็นเพียงการสร้างภาพเท่านั้น
ฮูหยินและคุณหนูเหล่านี้ล้วนเป็นคนฉลาด เมื่อได้ยินคำกล่าวของอันหลิงเกอ ภายในใจก็พากันเปลี่ยนข้างหมดแล้ว
อันหลิงอีได้ยินเช่นนี้ก็หันไปจ้องอันหลิงเกอ “พี่หญิงใหญ่กล่าวอันใดออกมา ข้าเคารพท่านย่ามาโดยตลอด จักจงใจหาของเยี่ยงนี้เพื่อสร้างความอัปมงคลแก่ท่านย่าได้เยี่ยงไร ? ”
ถูกต้อง เกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้นในวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่า ช่างเป็นเรื่องอัปมงคลยิ่งนัก
ส่วนหวังซื่อตั้งสติกลับมาได้แล้ว ทว่าอาจเพราะตั้งครรภ์และก่อนหน้านี้ก็เกือบแท้งมา 2 ครั้ง นางจึงมิสามารถรับความตื่นตระหนกอันใดได้แม้แต่น้อย
ตอนนี้ได้ยินสิ่งที่อันหลิงอีกล่าว ใบหน้าของนางจึงเผยรอยยิ้มหยัน “ความหมายของอีเอ๋อคือของขวัญโดนผู้อื่นสลับไปจึงมีสิ่งนี้ปรากฏขึ้นใช่หรือไม่ ? ”
ของขวัญนี้ต่างคนต่างเตรียมแล้วจักมีผู้ใดสนใจว่าใครได้เตรียมของอันใดไว้บ้าง อีกทั้งยังจงใจเปลี่ยนของขวัญด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจวนโหวที่นอกจากห้องเก็บสมบัติแล้ว เรื่องอื่น ๆ ก็มีหลี่ซื่อคอยดูแลทั้งหมด จักมีผู้ใดสามารถแอบเข้าไปเปลี่ยนของขวัญที่เรือนอันหลิงอีโดยมิโดนจับ ?
แม้ผู้อื่นมีใจอยากทำเยี่ยงนั้น แต่ก็เกรงว่าทำมิสำเร็จหรอก
ทางด้านอันหลิงเฉว่ก็กลอกตาไปมา ใบหน้าที่ดูอ่อนโยนฉายแววกังวล “น้องหญิงสามทำผิดก็ขอโทษท่านย่าพอแล้ว ท่านย่าใจกว้างมาโดยตลอด ท่านมิเก็บเอาเรื่องนี้มาใส่ใจอย่างแน่นอน”
คำกล่าวนี้ของอันหลิงเฉว่ได้กำหนดความผิดของอันหลิงอีไว้แล้ว ทั้งยังยกยอฮูหยินผู้เฒ่าเรียบร้อย คำที่รู้จักหนักเบาคล้ายถูกสั่งสอนมาอย่างดี ต่างจากท่าทางที่ยั้งคิดมิได้เยี่ยงอันหลิงอีเหลือเกิน
ทำให้ฮูหยินและคุณหนูในที่นี้มองนางดีขึ้นมาเล็กน้อย คิดว่าตำแหน่งคุณหนูใหญ่ของบ้านสามแม้เทียบเท่าบุตรสาวท่านโหวมิได้ แต่ความใจกว้างเยี่ยงนี้ก็หายากเช่นกัน
ที่นางกล่าวเช่นนี้แท้จริงก็เพื่อเล่นงานอันหลิงอี
เมื่ออันหลิงเฉว่เห็นท่าทางของทุกคนมองนางดีขึ้น นางก็ฉายแววดีใจออกมาทางสายตา เพราะนางเคยใช้วิธีนี้ตอนอยู่ที่สำนักศึกษาจิงตู แต่ตอนนั้นอันหลิงเกอพังแผนนางเสียก่อนทำให้นางถูกเล่นงานจนตอนนี้ชื่อเสียงยังมิสามารถกู้คืนมาได้
ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าอันหลิงเกอกำลังจัดการอันหลิงอี เพียงแค่นางลงมือเหยียบอันหลิงอีซ้ำก็สามารถทำลายชื่อเสียงได้แล้ว เช่นนี้คู่แข่งในจวนก็น้อยลงอีกคน
รอนางเหยียบอันหลิงอีไว้ใต้เท้าได้เมื่อไรก็ค่อยจัดการอันหลิงเกอยังมิสาย
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น แววตาของอันหลิงเฉว่ก็เป็นประกาย ทำราวกับว่าหวังดีคิดแทนพี่หญิงใหญ่ แต่ผู้ใดจักเดาความคิดของนางออก?
โดนอันหลิงเฉ่วซ้ำเติม อันหลิงอีรู้สึกโกรธจนแทบกระอักออกมาเป็นโลหิต นางชี้ไปที่อันหลิงเกอด้วยความโกรธ “ข้าบอกแล้วว่ามิได้เตรียมของขวัญชิ้นนี้ เจ้าสองคนรวมหัวผลักเรื่องนี้มาที่ข้า หรือพวกเจ้าสวมรู้ร่วมคิดกันไว้แล้ว ? ”
อันหลิงอีกล่าวจบใบหน้าพลันเปลี่ยนไป ดวงตาคู่โตคลอด้วยน้ำตา ใบหน้ามีเสน่ห์ดูอ่อนแอลงในเวลานี้เมื่อเปรียบเทียบกับอันหลิงเฉว่นางยังดูอ่อนแอมากกว่าอีก
“เรื่องที่ข้ามิได้ทำก็คือมิได้ทำ หากท่านย่ามิเชื่อก็ส่งคนไปสืบให้รู้เรื่องเถิดเจ้าค่ะ หลานเป็นคนเปิดเผยย่อมมิกลัว หากสืบหาอันใดออกมาก็เกรงแต่มีใครบางคนตื่นตระหนกแล้ว”
อย่างไรก็ตามผู้ที่เตรียมรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกนี้ก็คืออันหลิงเกอ ขอเพียงฮูหยินผู้เฒ่าตรวจสอบย่อมสาวถึงตัวได้แน่
ดวงตาอันหลิงอีเป็นประกาย ทว่าใบหน้าแสดงออกราวกับได้รับความมิชอบธรรม
คำกล่าวของอันหลิงอีได้ชี้ไปที่อันหลิงเกอและอันหลิงเฉว่ 2 คน เหลือแค่มิได้พูดออกมาว่าถูกพวกนางสองคนใส่ร้ายเท่านั้นเอง
ใบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าแย่กว่าเดิม รูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกมีน้ำตาโลหิตไหลออกมาในวันเกิดนางก็มิเป็นมงคลมากพอแล้ว อันหลิงอียังสร้างปัญหาเยี่ยงนี้อีก นี่กำลังทำให้ผู้อื่นรู้ว่าพวกนางพี่น้องมิกลมเกลียวกันมิใช่หรือ ? นี่กำลังเล่นตลกอันใด ทำให้จวนโหวเสียหน้าหมดแล้ว !
หลี่ซื่อเห็นใบหน้าของอันหลิงอีดูมิดีจึงรู้ว่าบุตรสาวกล่าวผิดไป แต่สถานการณ์ลำบากที่อันหลิงอีกำลังเผชิญอยู่ก็ทำได้เพียงต้องสืบให้รู้เรื่องเท่านั้นถึงจักดีกับนางที่สุด
เมื่อคิดได้เช่นนี้หลี่ซื่อจึงเอ่ยเอาใจ “ท่านแม่อย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ อีเอ๋อกล่าววาจาตรงไปตรงมา แต่มิได้สงสัยเกอเอ๋อและเฉว่เอ๋อแต่อย่างใด อาจเพราะระหว่างนั้นมีความเข้าใจกันผิด หรืออาจเพราะสาวใช้ทำงานผิดพลาดจึงเกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้น เราควรสืบเรื่องนี้ให้ชัดเจนดีกว่าเจ้าค่ะ ท่านจักได้สบายใจด้วย”
แม้ภายในใจหลี่ซื่อจักมิพอใจต่อฮูหยินผู้เฒ่ามากเพียงใด แต่คำพูดโดยรวมที่นางกล่าวมาช่างสวยงามยิ่งนัก ทุกคำล้วนหวังดีต่อฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าครุ่นคิดสักพักจึงพยักหน้า “ก็ดี ข้าจักส่งคนไปสืบให้ชัดเจนตอนนี้เลย ดูว่าเรื่องนี้เป็นเยี่ยงไรกันแน่”
อันหลิงอีและหลี่ซื่อสบตากันหนึ่งที รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าตรวจสอบไปถึงตัวอันหลิงเกอและเมื่อถึงตอนนั้นพวกนางจักคอยดูว่าคนเลวทรามคิดเอาตัวรอดเยี่ยงไร