ตอนที่ 19 โจรตะโกนให้จับโจร
ในยามราตรีปรากฏเงาตะคุ่ม ๆ ไป๋อวี่ค่อย ๆ คลำทางไปจนถึงห้องพักของอันหลิงเกอ
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ข้าน้อยมีเรื่องจะรายงานเจ้าค่ะ”
นางพูดด้วยเสียงอันเบา แต่อันหลิงเกอกลับไปยินอย่างชัดเจน
นี่มันเสียงสาวใช้ของอันหลิงอีมิใช่หรือ ?
ปี้จูมองสีหน้าของอันหลิงเกอแวบหนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปเปิดประตู หลังเสียงประตูเปิดออก ไป๋อวี่ก็เข้ามาปรากฏตัวขึ้น
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คุณหนูรองจะทำร้ายท่านอีกเจ้าค่ะ ! ”
ทันทีที่เข้าประตูมา นางก็รีบกล่าวประโยคนี้ออกมาทันที เดิมคิดว่าจะได้เห็นท่าทางสับสนและตกใจของอันหลิงเกอ ใครจะคิดว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นกลับสบเข้ากับดวงตาอันลุ่มลึกของคุณหนูใหญ่แทน
“อ้อ ? น้องหญิงจะทำร้ายข้า แล้วเจ้ารู้ได้เยี่ยงไร ? ”
อันหลิงเกอมีท่าที่ผ่อนคลาย มิตื่นตกใจเลยแม้แต่น้อย ราวกับมิเชื่อคำพูดของไป๋อวี่
ไป๋อวี่กัดฟันเอ่ยอย่างโมโห
“คุณหนูรองเป็นคนสั่งข้าน้อยเองเจ้าค่ะ ข้าน้อยทนมิได้ที่จะเห็นคุณหนูใหญ่ถูกหลอก จึงได้มาแจ้งให้ทราบเจ้าค่ะ”
“หากข้าจำมิผิด เจ้าคือสาวใช้ประจำตัวของน้องหญิงมิใช่หรือ ? ”
น้ำเสียงของอันหลิงเกอยังคงอ่อนโยนเช่นเคย แต่กลับทำให้ไป๋อวี่รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมา
“สาวใช้ที่ทรยศเจ้านาย วิ่งมาหาข้าเพื่อแสดงความจงรักภักดีเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
“เปล่านะเจ้าคะ”
ไป๋อวี่คุกเข่าลงทันที ท่าทีแสดงความจริงใจ
“คุณหนูใหญ่อาจจะยังมิทราบ ที่ข้าเข้ามาที่จวนโหวมาก็เพื่อจะแก้แค้นให้กับน้องสาวของข้าน้อยเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอมิได้กล่าวสิ่งใด ไป๋อวี่จึงเล่าต่อว่าน้องสาวของนางถูกอันหลิงอีทำร้ายจนตาย นางเข้าใกล้อันหลิงอีเพื่อที่จะได้ล้างแค้น
เมื่อฟังไปได้สักพัก อันหลิงเกอจึงเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ถ้าเยี่ยงนั้น เหตุใดเจ้าต้องมาหาข้าด้วยเล่า ? ”
ไป๋อวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง คิดถึงสายตาที่อ่านคนออกของอันหลิงเกอแล้ว จึงมิกล้าที่จะปิดบังอีก
“เรื่องงูเมื่อคืน ข้าเป็นคนคิดแผนการให้คุณหนูรองเอง แต่คุณหนูใหญ่มิเพียงปลอดภัยแต่กลับพลิกมาชนะได้อีก ทำให้คุณหนูรองพ่ายแพ้โดยมิสามารถทำสิ่งใดได้ ข้ารู้ว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนมีความคิดความอ่าน ท่านจะต้องช่วยข้าน้อยล้างแค้นได้อย่างแน่นอน”
“เมื่อคืนงูพวกนั้นเจ้าเป็นคนเอามาปล่อยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ปี้จูร้องเอ่ยถามออกมาในทันที
“เจ้ามันคนจิตใจอำมหิต กล้าทำเยี่ยงนั้นกับคุณหนูของข้าได้เยี่ยงไร ข้ารับใช้ที่กล้าทำร้ายเจ้านายของตัวเอง ควรจะถูกโบยจนตายถึงจะถูก”
ไป๋อวี่บีบมือตัวเองไว้แน่น พร้อมกล่าวขอความเมตตา
“ข้าน้อยรู้ดีว่าเรื่องนั้นเป็นความผิดใหญ่หลวง ถ้ามิใช่เพราะต้องการให้คุณหนูรองเชื่อใจ ข้ามิมีวันทำร้ายคุณหนูใหญ่อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
นางคุกเข่าพร้อมกับโขกศีรษะลงกับพื้น
“ข้าน้อยสำนึกผิดแล้ว คุณหนูใหญ่จะลงโทษเยี่ยงไรก็ได้ ขอเพียงคุณหนูใหญ่ช่วยข้าน้อยล้างแค้น จะให้เป็นวัวเป็นม้า ข้าน้อยก็จะขอทดแทนบุญคุณของคุณหนูเจ้าค่ะ”
แววตาของอันหลิงเกอเข้มขึ้น แต่สีหน้ายังคงสงบดังเดิม
“เจ้าจงเอ่ยออกมา คุณหนูรองสั่งให้เจ้าไปทำอันใด ? ”
นี่หมายความว่าคุณหนูใหญ่จะช่วยนางแก้แค้นแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ?
ไป๋อวี่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก รีบเล่าเรื่องราวออกมาอย่างละเอียด
ปี้จูที่ยืนอยู่ด้วยเมื่อยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกโมโหจนใบหน้าเป็นสีแดงก่ำ
“คุณหนูรองกล้าใช้วิธีที่น่ารังเกียจถึงเพียงนี้ ช่างชั่วร้ายเสียจริง ! ”
อันหลิงเกอกลับเลิกคิ้วขึ้น หันไปมองไป๋อวี่ด้วยสายตาประเมิน
“เพื่อแก้แค้นให้น้องสาว เจ้ายอมทำทุกอย่างจริงรึ ?”
ไป๋อวี่พยักหน้าตอบรับ
“ขอเพียงล้างแค้นให้น้องสาวได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ข้าน้อยก็ยอมเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอยกริมฝีปากขึ้น เรียกไป๋อวี่เข้ามาใกล้ จากนั้นก็กระซิบข้างหูของนางอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นไป๋อวี่พยักหน้าด้วยความลังเล นางจึงได้หยิบเชิงเทียนด้านข้างมาแล้วทุบไปที่ไป๋อวี่อย่างแรง
“คุณหนูใหญ่……”
ไป๋อวี่เปล่งเสียงอุทานได้เพียงครู่เดียว ร่างทั้งร่างก็ร่วงลงไปกองกับพื้น
ปี้จูจ้องมองด้วยความแปลกใจ แต่ก็ยังทำตามที่อันหลิงเกอสั่ง พร้อมกับลากไป๋อวี่ไปยังห้องที่อยู่ไกลจากผู้คน
……
แสงในยามเช้าค่อยชัดเจนขึ้น ห้องที่อยู่ห่างไกลผู้คนมากที่สุด จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นว่า “พี่หญิงเจ้าคะ ท่านมาอยู่กับบุรุษในนี้ได้เยี่ยงไรกัน ? ”
อันหลิงอีปิดปากอุทานด้วยความ ‘ตกใจ’ เมื่อหางตาเห็นว่าว่ามีคนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ นางจึงแสร้งทำตีหน้าเศร้า
“ต่อให้ท่านจะรักชายผู้นั้นเพียงใด ก็มิควรทำเยี่ยงนี้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้นะเจ้าคะ”
ใบหน้าของนางฉายแววความผิดหวังอย่างมาก พร้อมทั้งหมุนกลับไปเปิดประตูให้กว้างขึ้น เป็นเหตุให้เห็น เสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่บนพื้น มองเห็นร่างของชายหญิงที่นัวเนียกันนั้นตกอยู่ในสายตาของทุกคน มีฮูหยินหลายคนที่ร้องออกมาอย่างตกใจ แล้วรีบปิดตาบุตรีของตนไว้
อันหลิงอียิ่งเห็นก็ยิ่งได้ใจ แต่ใบหน้ายังคงแสร้งทำเป็นโศกเศร้า
“ท่านพี่เป็นถึงคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหว เหตุใดถึงทำเรื่องต่ำช้าเยี่ยงนี้ได้ ท่านพี่จะให้ท่านพ่อเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จะให้จวนโหวเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน ห๊ะ ! ”
เมื่อเหล่าฮูหยินและบรรดาบุตรสาวได้ฟัง ก็รู้สึกตกตะลึงงัน
อะไรนะ ! สตรีไร้ยางอายที่อยู่ในนั้นคือคุณหนูใหญ่จวนโหวเยี่ยงนั้นหรือ?
ทุกคนต่างตกตะลังงันกับคำกล่าวที่ได้ยิน จนมิสนใจเรื่องความอายอีกต่อไป สายตาพวกนางมองตรงเข้าไปในห้อง ผู้หญิงคนนั้นดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณที่ผุดผ่องเปล่าเปลือยอยู่ครึ่งร่าง แต่ใบหน้านั้นกลับมีเสื้อที่ถูกถอดไว้คลุมอยู่ จึงมองใบหน้ามิชัด
“นี่มันเรื่องอันใดกัน ? ”
น้ำเสียงน่าเกรงขามของฮูหยินหมิงจูดังขึ้นมาจากด้านหลังสายตามองคนทั้งสองคนที่อยู่ในห้องด้วยความมิพอใจ แล้วสั่งแม่นมที่อยู่ข้างกายว่า
“ไปปลุกสองคนนั้นสิ”
อันหลิงอีที่เห็นฮูหยินหมิงจูมาถึง ก็ยิ่งดีใจขึ้นไปอีก
“ฮูหยินหมิงจูอาจจะมิทราบนะเจ้าคะ เมื่อก่อนพี่สาวของข้าเคยแอบคบกับผู้ชายคนหนึ่ง มักจะเขียนจดหมายถึงกัน เพียงแต่ข้าคิดมิถึงว่า นางจะกล้าทำเรื่องบัดสีเยี่ยงนี้ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ได้”
หึ อันหลิงเกอ เมื่อวานเจ้าทำลายภาพลักษณ์ข้า วันนี้ข้าจะทำลายชื่อเสียงของเจ้าให้ย่อยยับเลยคอยดู !
ขณะที่นางกำลังคิดอย่างดีใจอยู่นั้น กลับได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง
“เหตุใดข้าถึงมิเคยรู้ว่าตนเองไปแอบคบกับผู้ชายตอนไหน อีกทั้งยังแอบเขียนจดหมายหากันอีกด้วย ? ”
อันหลิงเกอเดินมาทางด้านหลังของกลุ่มคน ท่าทางอ่อนโยนแต่หนักแน่น
“ข้ารู้ว่าน้องหญิงมิชอบข้า แต่ข้าเป็นพี่สาวที่เกิดจากภริยาเอก ข้าสู้อดทนกับเจ้ามาโดยตลอด ถึงแม้เจ้าจะทำร้ายข้าจนเกือบถึงแก่ชีวิต ข้าก็มิถือสา อีกทั้งยังอธิบายต่อทุกคนแทนเจ้า แต่เหตุใดน้องหญิงถึงยังมิยอมเลิกรา ซ้ำยังหาเรื่องมาทำลายชื่อเสียงของข้าอีก ? ”
ฮูหยินหมิงจูมองอันหลิงเกอที่เดินมา ท่าทีน่าเกรงขามเมื่อครู่ก็เริ่มอ่อนโยนขึ้น
“ในเมื่อคุณหนูใหญ่อยู่ที่นี่ ถ้าเยี่ยงนั้นในห้องนั่นเป็นผู้ใดกัน”
“คุณหนูใหญ่ ข้ารักท่านด้วยใจจริง ท่านวางใจวันนี้ข้าจะไปสู่ขอท่านที่จวนโหว ให้ท่านโหวยกท่านให้ข้าให้จงได้”
ชายที่ตื่นขึ้นมาร้องเรียกขึ้นทันที แสดงความเสน่หาต่อไป๋อวี่อย่างมากมาย
ไป๋อวี่ตกใจเป็นอย่างมาก
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ! ”
“คุณหนูใหญ่ ทุกคนรู้เรื่องที่เราแอบคบกันแล้ว ท่านเลยอยากจะตัดความสัมพันธ์ใช่หรือไม่ ? หรือว่าท่านลืมช่วงเวลาแห่งความสุขของเราแล้ว ลืมคำสาบานว่าจะรักกันชั่วฟ้าดินสลายไปแล้วหรือขอรับ ? ”
ชายคนนั้นทำราวกับตัวเองบริสุทธิ์ บนใบหน้าฉายแววแห่งความเศร้าโศก
ไป๋อวี่กล่าวออกไปอย่างตื่นตระหนก
“ข้ามิใช่คุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่ที่เจ้าพูดถึงอยู่ตรงนั้น”
นางชี้นิ้วไปที่อันหลิงเกอที่อยู่ด้านหน้าประตู
สีหน้าของชายคนนั้นนิ่งไปชั่วพริบตา
“เป็นไปมิได้ คนในนี้ควรจะเป็นคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวสิ ! ”
ควรจะเป็นคุณหนูใหญ่เยี่ยงนั้นหรือ ?
เมื่อฮูหยินหมิงจูได้รับฟังก็ได้ตริตรองตามคำกล่าวของชายผู้นั้นดู แล้วก็เข้าใจความจริงในทันที