ตอนที่ 192 ปล่อยไว้มิได้
ในเวลานี้ที่เรือนของหลี่ซื่อช่างแตกต่างจากเรือนฉีอู๋ที่เจ้านายและสาวใช้มีความสุข ทว่าเรือนหลี่ซื่อเงียบสงบมิมีเสียงอันใดราวกับเป็นเรือนร้างก็มิปาน
ผู้ใดก็คาดมิถึงว่าหลี่ซื่อที่ปกติสง่าผ่าเผยอยู่เสมอ เมื่อตอนกลางวันถูกลงโทษด้วยกฎของจวน ทั้งเรื่องยังเกิดต่อหน้าแขกมากมาย ถือว่าถูกฮูหยินผู้เฒ่าลงมือโดยมิไว้หน้าเลย
ตอนนี้หลี่ซื่อเพียงหมดสติไป หากนางฟื้นขึ้นมาต้องโกรธอย่างแน่นอน ผู้ที่ต้องรับเคราะห์ย่อมเป็นสาวใช้ในเรือนอยู่แล้ว
สาวใช้ยกอ่างน้ำเข้ามาในเรือนของหลี่ซื่อด้วยใบหน้าอมทุกข์ ขณะเดินเข้าไปในเรือนอย่างมิเต็มใจนางก้มหน้าทำความเคารพ จากนั้นก็วางอ่างทองแดงไว้บนโต๊ะข้างเตียงเบา ๆ
“คุณหนูสามถึงเวลาล้างแผลให้ฮูหยินรองแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อครู่ท่านหมอในจวนมาดูแล้ว บอกว่าแผลของหลี่ซื่อมิได้ร้ายแรงมาก แส้นั้นมิได้ทำร้ายถึงกระดูก แต่แผลตามผิวหนังยังต้องดูแลให้ดี สำคัญที่สุดคือทำความสะอาดแผลตามเวลา มิฉะนั้นจักทำให้แผลเน่าได้
อันหลิงอีที่นั่งลงข้างเตียงหลี่ซื่อ จ้องมองใบหน้าซีดเซียวของมารดา พบว่าแม้หลี่ซื่อหมดสติ แต่คิ้วคู่นั้นก็ขมวดแน่นจนเห็นได้ชัดว่าทรมานมาก
หากมิใช่เพื่อนาง ท่านแม่ก็มิต้องทรมานเยี่ยงนี้ !
อันหลิงเกอกล้าใส่ร้ายนางทำให้ท่านแม่โดนลงโทษจนหมดสติ แค้นนี้นางจักชำระคืนอย่างแน่นอน !
เมื่อคิดได้เช่นนั้น แววตาของอันหลิงอีก็เปลี่ยนไป จากนั้นก็นึกถึงชิงเอ๋อขึ้นมา
“ชิงเอ๋ออยู่ที่ใด ไปเรียกนางมาพบข้า ! ”
สาวใช้ผู้นั้นก้มหน้าลง “เรียนคุณหนูสาม ชิงเอ๋อถูกส่งตัวให้อนุสามจัดการแล้วเจ้าค่ะ”
“ส่งให้เว่ยซื่อจัดการเยี่ยงนั้นหรือ ? ” อันหลิงอีย้อนถามเสียงแหลม “ทั้งที่นางเป็นสาวใช้ในเรือนข้า เหตุใดจึงปล่อยให้เว่ยซื่อเข้ามายุ่ง ? นางเป็นแค่อนุภรรยาคนหนึ่ง มีสิทธิ์อันใดมายุ่งเรื่องสาวใช้ของเรือนข้า ! ”
ตอนที่อันหลิงอีพูดก็เหมือนลืมไปว่าหลี่ซื่อก็เป็นเพียงอนุภรรยาเล็ก ๆ คนหนึ่งเช่นกัน มิได้ถือว่าเป็นภริยาเอก
สาวใช้ตัวสั่นระริกแต่ก็ยังตอบกลับ “บ่าวได้ยินว่าท่านฮูหยินผู้เฒ่ายกเรื่องนี้ให้อนุเว่ยจัดการเจ้าค่ะ ฉะนั้นชิงเอ๋อที่เป็นพยานจึงถูกจัดการไปแล้วเจ้าค่ะ”
“พยานที่ดีนัก!” อันหลิงอีกล่าวเสียงเข้ม พลันใบหน้าก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นนางก็ปัดอ่างน้ำบนโต๊ะทิ้งอย่างแรงจนอ่างทองแดงตกพื้นเกิดเสียงดังสนั่น
น้ำในอ่างหกกระจายไปทั่วพื้น สาวใช้เปียกน้ำไปทั้งตัว ทั้งยังถูกอ่างกระแทกโดนไปหนึ่งที แต่นางก็มิกล้ากล่าวอันใดออกมา นางแค่รีบคุกเข่าลง “เป็นบ่าวกล่าววาจามิดีเองเจ้าค่ะ คุณหนูโปรดยกโทษให้บ่าวด้วยเจ้าค่ะ”
อันหลิงอีระบายความโกรธไปแล้วครั้งหนึ่ง ราวกับนางเหนื่อยแล้วจึงโบกมือให้สาวใช้ลุกขึ้นได้
“ช่างเถิด เจ้าไปเอาน้ำมาใหม่”
เพราะบาดแผลของหลี่ซื่อในตอนนี้สำคัญที่สุด อันหลิงอีก็รู้ดีแก่ใจ
สาวใช้เหมือนได้รับอภัยโทษ นางรีบลุกจากพื้น เก็บอ่างทองแดงขึ้นมาแล้วยกชายกระโปรงวิ่งออกไป
มินานนักนางก็ตักน้ำแล้วยกเข้ามาใหม่ อันหลิงอีให้นางเอาผ้าเช็ดแผลของหลี่ซื่อ
สาวใช้เปิดเสื้อของหลี่ซื่อออก ได้ยินเสียงร้องทรมานออกมาคำหนึ่งเนื่องจากเสื้อผ้าติดกับหนังและเนื้อของหลี่ซื่อ เมื่อดึงเสื้อออกมาเยี่ยงนี้จึงรู้สึกเจ็บปวดมาก
“เบามือหน่อยมิได้หรือ ? ” อันหลิงอีเห็นแล้วรู้สึกโมโหขึ้นมาอีก เห็นแก่ที่นางกำลังทายาให้หลี่ซื่อ ครั้งนี้จึงมิได้ลงมืออีก
สาวใช้นางนี้ช่างน่าสงสารมิน้อย เพราะเมื่อท่านหมอในจวนมาดูอาการหลี่ซื่อ จับชีพจร จ่ายยาให้เสร็จก็เดินจากไปเลย
ทิ้งให้นางผู้เป็นเพียงสาวใช้อีกทั้งมิเคยศึกษาวิชาแพทย์มาก่อน ต้องมาทายาให้หลี่ซื่ออย่างระมัดระวัง และคำกล่าวของอันหลิงอีที่ให้นางเบามือก็ทำได้ยากยิ่งนัก
เพราะนิสัยเอาแต่ใจและขี้หงุดหงิดของนางจึงมิแปลกเลยที่จักถูกสาวใช้ข้างกายหักหลัง
แม้คิดเช่นนี้ ทว่าสาวใช้ก็ได้แต่ตอบรับคำสั่ง ท่าทางทายาของนางก็ช้าลงมาก
เห็นร่างกายหลี่ซื่อมิมีเลือดไหลออกมาอีก แววตาอันหลิงอีถึงอ่อนโยนลงบ้าง แต่เห็นท่าทางสาวใช้ที่ดูช้ามากก็รู้สึกรำคาญในใจ
“ช่างเถิด งุ่มง่ามนัก มิรู้ท่านแม่เลือกเจ้ามารับใช้ที่เรือนได้เยี่ยงไร ” อันหลิงอีลุกขึ้นอย่างรำคาญแล้วแย่งผ้าจากมือสาวใช้ ทำท่าจักทำความสะอาดให้หลี่ซื่อ “เจ้าออกไป ฝั่งท่านแม่ ข้าจัดการเอง”
เมื่ออันหลิงอีกล่าวเยี่ยงนี้ สาวใช้ก็รู้สึกดีใจยิ่งนัก แต่มิได้แสดงออกทางใบหน้า ยังคงเอ่ยอย่างลำบากใจ “คุณหนูสามเจ้าคะ ท่านมิเคยทำเรื่องเยี่ยงนี้มาก่อน ถ้าเกิดแผลของฮูหยินรอง…”
“ข้าบอกให้ออกไป เจ้าก็รีบออกไป ! ” อันหลิงอีตวาดออกมา มิมีความอดทนอีกต่อไปแล้ว
สาวใช้นางนั้นตกใจมากจึงรีบพยักหน้าแล้วถอยออกจากห้องอย่างรวดเร็ว
คราวนี้อันหลิงอีจึงยื่นมือไปเปิดเสื้อหลี่ซื่อออก แผลที่มีโลหิตกับเนื้อดูน่ากลัวมากจนนางมองปราดเดียวก็เกือบอาเจียนออกมา
ใบหน้านางซีดลงทันที ในท้องราวกับมีคลื่นโหมซัดอย่างรุนแรง มิอยากคิดเลยว่าหากคนรับโทษมิใช่มารดาแต่เป็นนางแทนแล้วจักเป็นเช่นไร
อันหลิงอีอยากลุกขึ้นแล้วรีบเดินหนี แต่พอนึกว่าหลี่ซื่อได้รับโทษที่ร้ายแรงนี้ก็เพราะตน นางจึงกดความกลัวไว้ นำผงยาในมือโรยที่หลังหลี่ซื่อด้วยความสั่นเทา
“โอย”
หลี่ซื่อที่หมดสติก็ร้องออกมาทีหนึ่ง นางรู้สึกเจ็บบริเวณบาดแผลจนตื่นขึ้นมา
“ท่านแม่เป็นเยี่ยงไรบ้างเจ้าคะ ? ”
อันหลิงอีเอ่ยถามพลางมองหลี่ซื่อด้วยความสงสาร
หลี่ซื่อค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เริ่มแรกยังมิค่อยรู้สถานการณ์สักเท่าไร แต่พอนางนึกได้ว่าตนถูกฮูหยินผู้เฒ่าสั่งเฆี่ยนด้วยแส้ ใบหน้าก็เผยความโกรธแค้นขึ้นมา
นางมองอันหลิงอีแล้วพูดอย่างอ่อนแรง “อีเอ๋อมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร ? ”
“ท่านแม่บาดเจ็บเพราะลูก ลูกต้องอยู่ดูแลท่านที่นี่อยู่แล้วเจ้าค่ะ” อันหลิงอีกัดฟันเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “ลูกอยากฆ่าชิงเอ๋อนั่นนัก แต่ท่านย่าส่งนางให้เว่ยซื่อจัดการเสียแล้ว หากนางตกอยู่ในมือลูกล่ะก็ ลูกต้องทำให้นางรู้ว่าจุดจบของคนที่กล้าหักหลังเจ้านายเป็นเยี่ยงไร ! ”
หลี่ซื่อไอสองครั้ง อันหลิงอีรีบป้อนน้ำให้พร้อมแววตาตื่นตระหนก “ท่านแม่เป็นอันใดหรือไม่เจ้าคะ ? ”
“มิเป็นไร” หลี่ซื่อฝืนยิ้ม ทว่าการไอสะเทือนไปถึงบาดแผลทำให้รู้สึกเจ็บจนใบหน้าบูดเบี้ยวและต้องร้องออกมาในทันที
“ต้องโทษคนสารเลวอันหลิงเกอ ! ” อันหลิงอีกล่าวออกมาพร้อมแววตาที่ฉายความโหดเหี้ยม “หากเป็นไปตามแผนของเราตั้งแต่แรก ท่านแม่จักถูกลงโทษได้เยี่ยงไร ? ”
แต่นางมิเคยคิดเลยว่าหากอันหลิงเกอโดนพวกนางเล่นงาน คนที่ถูกฮูหยินผู้เฒ่าลงโทษวันนี้ย่อมต้องเป็นอันหลิงเกอ
หรือมีเพียงหลี่ซื่อที่ล้ำค่า ส่วนอันหลิงเกอแสนต่ำต้อย ?
ตอนที่พวกนางวางแผนเล่นงานอันหลิงเกอก็ควรนึกถึงผลที่ตามมาแล้ว ทำจนตนเองเป็นเช่นนี้แล้วยังโทษผู้ใดได้ ?
ทว่าสองแม่ลูกหลี่ซื่อล้วนคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของอันหลิงเกอ ทำให้พวกนางถูกฮูหยินผู้เฒ่ารังเกียจ
“เราจักปล่อยอันหลิงเกอไว้มิได้เด็ดขาด”
หลี่ซื่อนอนลงที่เตียงอย่างอ่อนเพลีย ใบหน้าซีดเผือด มีแต่แววตาที่ดูเจ้าเล่ห์และมืดมน
จัดงานวันเกิดอยู่ดี ๆ กลับโดนรูปปั้นพระโพธิสัตว์กวนอิมหยกทำให้งานพังทลาย ทว่าในตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าแห่งเรือนชิงเฟิงมิมีความโกรธเหมือนตอนอยู่ในโถงใหญ่แม้แต่น้อย