ตอนที่ 213 ตกน้ำ
มู่จวินฮานเดินตามอันอิงเฉิงไป เขามองอันหลิงเกอที่ซูบผอมไปมาก แม้ขณะจ้องมองนาง ใบหน้าของเขาจักดูเย็นชา แต่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความทุกข์
ท้ายที่สุดสองพ่อลูกก็ได้กลับไปจวนโหวอย่างปลอดภัย
เมื่อคนของจวนโหวทราบข่าวก็พากันดีใจมิหยุด แน่นอนว่าหลี่ซื่อและอันหลิงอีมิได้ดีใจต่อการกลับมาของอันหลิงเกอแต่อย่างใด
ทว่าเพราะอยู่ต่อหน้าอันอิงเฉิง สองแม่ลูกจึงแสดงท่าทางดีใจออกมา ทั้งยังกล่าววาจาน่าฟังอย่างต่อเนื่อง
แต่อันอิงเฉิงมีใบหน้าเย็นชาต่อพวกนางทั้งสองคน เพียงตอบกลับไปมิกี่ประโยค
ตั้งแต่เขารู้ว่าหลี่ซื่อและอันหลิงอีโทษเรื่องนี้เป็นความผิดของอันหลิงเกอต่อหน้ากงกง เขาก็รู้สึกว่าสองแม่ลูกช่างมิรู้จักวางตัวในจวนแห่งนี้เสียเลย
ในช่วงเวลายากลำบากที่สุด พวกนางมิรู้จักสามัคคีร่วมทุกข์ร่วมสุข กลับผลักไสอันหลิงเกอออกไปเผชิญปัญหาอย่างเลือดเย็น ทำให้อันอิงเฉิงรู้สึกผิดหวังในตัวพวกนางยิ่งนัก
หลี่ซื่อที่อยู่เคียงข้างอันอิงเฉิงมานานกว่าสิบปี เหตุใดมิรู้เล่าว่าตอนนี้อันอิงเฉิงกำลังมิพอใจในตัวนาง
ภายนอกใบหน้าของนางยิ้มอย่างอ่อนโยนและใจกว้าง แต่ในใจคล้ายกำลังมีน้ำตาหลั่ง
มิง่ายเลยกว่าจักเห็นอันหลิงเกอติดคุก คิดว่าทั้งชีวิตนี้นางต้องอยู่แต่ในห้องขังที่เย็นมืดมิเห็นอาทิตย์เห็นดารา แต่สวรรค์ช่างน่ารำคาญเสียจริง ส่งนางกลับมาอย่างมิมีความเสียหายอันใดเลย !
หากรู้ว่าอันหลิงเกอจักยังอยู่ดีเช่นนี้ มิว่าเยี่ยงไรในวันนั้นนางต้องพูดดีกับอันหลิงเกอ ทั้งยังปกป้องเอาไว้ แล้วตนก็คงมิถูกอันอิงเฉิงรังเกียจอย่างในเวลานี้
หลี่ซื่อเป็นทุกข์อยู่ในใจ ส่วนอันหลิงอีในยามนี้ก็เอาแต่มองมู่จวินฮาน
นางมองมู่จวินฮานที่มาส่งอันหลิงเกอกลับจวน ดวงตาของนางแทบมีประกายไฟพวยพุ่งออกมาเเล้ว ยังดีที่มู่จวินฮานมีท่าทีเย็นชาต่ออันหลิงเกอมาก ท่าทางห่างเหินเหมือนคนมิรู้จักกันคนหนึ่ง
ท่าทีของเขาทำให้อันหลิงอีดีใจได้บ้าง คิดว่ามู่จวินฮานคงเห็นโฉมหน้าแท้จริงของอันหลิงเกอเสียที ในที่สุดนางก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับคนที่นางรัก !
“ครั้งนี้ท่านพ่อและพี่หญิงใหญ่ปลอดภัยล้วนต้องขอบคุณท่านมู่ซื่อจื่อที่ช่วยทูลต่อหน้าพระพักตร์ อีเอ๋อขอบคุณท่านมู่ซื่อจื่อด้วยเจ้าค่ะ”
มู่จวินฮานถอยหลังก้าวหนึ่ง แววตาเรียบเฉย “ข้าเพียงรู้สึกว่าราษฎรเหล่านั้นต้องการท่านโหว คุณหนูสามมิจำเป็นต้องขอบคุณ”
เขาเห็นท่าทีเสแสร้งของอันหลิงอี พลันดวงตาก็มีความรังเกียจแล่นผ่าน “ข้ายังมีธุระต่อ มิรบกวนเวลาพบหน้าคนในจวนของท่านโหวแล้วขอรับ”
อันอิงเฉิงส่งมู่จวินฮานออกจากจวนด้วยตนเอง จากนั้นก็หันมากล่าวให้ทุกคนวางใจ บอกว่าตนมิได้ลำบากอันใดมาก หลังสั่งให้ทุกคนกลับไปทำงานของตน อันอิงเฉิงก็ให้บ่าวดูแลเปลี่ยนชุดเตรียมอาบน้ำ
ทางด้านอันหลิงอีที่กลับไปถึงเรือนก็คว้าดอกโบตั๋นที่กำลังบานอยู่ข้างทางมาดอกหนึ่ง บดขยี้มันอยู่ใต้ฝ่าเท้า แม้กลีบดอกไม้แหลกอยู่ใต้เท้าของนางแต่ก็มิสามารถระบายโทสะภายในใจได้
หลี่ซื่อเห็นอันหลิงอีเป็นเยี่ยงนี้ ดวงตาก็ฉายไปด้วยความเหนื่อยใจ “ อีเอ๋อ เจ้ากำลังทำอันใด ? ”
“ท่านแม่เจ้าคะ คนสารเลวอันหลิงเกอขวางหูขวางตาลูกยิ่งนัก” อันหลิงอีกล่าวออกมาอย่างโกรธแค้นและอ้อนวอนราวเด็กน้อย “ลูกมิอยากเห็นนางในจวนอีก ท่านแม่ช่วยลูกคิดหาวิธีหน่อยสิเจ้าคะ”
ที่แท้ก็เรื่องนี้
หลี่ซื่อหัวเราะออกมาและนำจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ “เจ้าดูนี่สิ”
อันหลิงอีรับจดหมายมา พอเห็นเนื้อหาในจดหมายแววตาก็เปลี่ยนไป
“เดิมทีแม่มิอยากเล่าเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง แต่ตอนนี้อันหลิงเกอกลับมาโดยมิเป็นอันใดเลย เช่นนั้นเราก็ตกลงทำตามเงื่อนไขขององค์ชายเจ็ดไปเสีย” แววตาหลี่ซื่อเต็มไปด้วยความชั่วร้าย นางกระซิบแผนการข้างหูของอันหลิงอี
…
ในเวลาต่อมาอันหลิงเกอถูกอันหลิงอีชักชวนให้มาชมวิวที่ทะเลสาบอย่างมิเต็มใจ ด้วยเหตุผลที่ว่านางเพิ่งออกจากคุกหลวงจำเป็นต้องได้รับการผ่านคลายเสียหน่อย
ทว่าความสัมพันธ์ของนางและอันหลิงอี มิต่างจากน้ำกับไฟที่เข้ากันมิได้ วันนี้อันหลิงอีทำตัวผิดปกติ ทำทีมาเอาอกเอาใจ แน่นอนว่าต้องมีแผนการบางอย่างแน่
อันหลิงเกอสงสัยว่าเป้าหมายของอีกฝ่ายคืออันใดจึงเดินขึ้นเรือที่ประดับอย่างงดงามอย่างว่าง่าย
“พี่หญิงใหญ่เจ้าคะ ท่านดูโคมไฟดอกไม้นั่นสิ สวยมากเลยเจ้าค่ะ ! ”
นางเพิ่งเดินไปมองที่ขอบเรือก็ได้ยินอันหลิงอีร้องขึ้นมาเบาๆ
แต่เมื่ออันหลิงเกอหันกลับไปมอง ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งยื่นมาผลักนางจนร่วงลงไปในทะเลสาบ !
เหตุการณ์นี้ช่างคุ้นเคยยิ่งนัก ทันใดนั้นเรื่องราวต่าง ๆ ที่เคยเกิดเมื่อชาติก่อนผุดขึ้นมา เป็นเหตุให้อันหลิงเกอจำเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
เมื่อชาติก่อนนางถูกสองแม่ลูกหลอกจึงคิดว่าองค์ชายเจ็ดจ้าวหลานหยู่เป็นคนดี
ต่อมามิรู้ว่าจ้าวหลานหยู่เหตุใดจึงพึงใจนางขึ้นมา ทั้งยังคิดควบคุมอันอิงเฉิงผ่านนางอีกด้วย บังคับให้อันอิงเฉิงยืนอยู่ฝ่ายเขาเพื่อช่วยเหลือเขาชิงบัลลังก์
อันหลิงอีรู้เรื่องนี้จึงแกล้งทำเป็นพานางมานั่งเรือชมทิวทัศน์ ทั้งยังลอบลงมือทำร้ายนางอย่างลับ ๆ ทำให้นางตกน้ำ
อีกทางหนึ่งก็วางแผนกับจ้าวหลานหยู่ล่วงหน้า โดยให้จ้าวหลานหยู่กระโดดลงน้ำเพื่อ ‘ช่วย’ นาง
เมื่อจำเหตุการณ์เมื่อชาติก่อนได้จึงทำให้อันหลิงเกอเข้าใจสถานการณ์ที่กำลังประสบอยู่ทันที หลังจากนั้นนางก็เหลือบตามองเหนือน้ำ เห็นว่ามิไกลจากนี้มีเรือลำเล็กลำหนึ่งลอยอยู่ บนเรือเห็นร่างสูงโปร่งของคนผู้หนึ่งกระโดดลงมาและว่ายน้ำเข้าหานาง
มิได้ จักให้จ้าวหลานหยู่ช่วยตนมิได้เด็ดขาด แม้ว่านางจักมิช่วยจ้าวหลานหยู่แย่งชิงบัลลังก์ แต่ในสายตาผู้อื่น ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายเจ็ดกับจวนโหวจักกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ตัดมิขาด
เมื่อคิดได้เยี่ยงนั้น นางจึงรีบว่ายน้ำไปด้านหลัง ร่างเล็กเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับปลาน้อยตัวหนึ่ง พริบตาเดียวก็มิเห็นร่างของนางแล้ว ความเร็วของนางทำให้ผู้พบเห็นตกตะลึง
จ้าวหลานหยู่ที่เตรียมช่วยอันหลิงเกอ “…”
คุณหนูใหญ่อันว่ายน้ำรวดเร็วถึงเพียงนี้ มิจำเป็นต้องให้เขาช่วยเลย ! ก็ไหนอันหลิงอีรับรองว่าเรื่องนี้ต้องสำเร็จแน่นอน !
เขาส่งสายตาคาดโทษไปให้อันหลิงอี แววตาที่เย็นชาทำให้อันหลิงอียืนแข็งอยู่กับที่ทันที
ให้ตายเถิด นี่มิเหมือนที่วางแผนไว้เลย อันหลิงเกอว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เมื่อใดกันเล่า !
อันหลิงอีกำหมัดแน่น กัดริมฝีปากอย่างมิรู้ว่าควรทำเยี่ยงไรต่อไป ทันใดนั้นนางก็เห็นร่างของมู่จวินฮานปรากฎตัวขึ้น มิทันไรเขาก็กระโดดลงน้ำไปแล้ว
“ท่านมู่ซื่อจื่อช่วยข้าด้วย ! ”
อันหลิงเกอว่ายน้ำไปหามู่จวินฮาน จากนั้นจึงเรียกเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนแอ
มู่จวินฮานเห็นว่านางจงใจเล่นละคร มุมปากจึงกระตุกยิ้มขึ้น แต่ก็ยังรีบว่ายไปหานางอย่างรวดเร็วแล้วช่วยนางขึ้นมาบนฝั่ง
อันหลิงเกออยู่ในอ้อมกอดมู่จวินฮาน รู้สึกถึงอ้อมกอดอันอ่อนโยนของเขาจึงเงยหน้าขึ้น
เมื่อมองจากมุมนี้ นางเพียงเห็นโครงหน้าที่สมบูรณ์แบบของเขา ลูกกระเดือกที่โผล่ออกมาเล็กน้อย สิ่งดึงดูดสายตาอันหลิงเกอที่สุดคือกระดูกไหปลาร้าอันงดงามของเขา
เดิมทีเขาสวมชุดยาวสีขาว เนื่องจากเปียกน้ำชุดยาวจึงแนบติดไปกับร่างกาย คอเสื้อเปิดออกเล็กน้อยทำให้ถูกคนแอบมองได้ง่ายขึ้น
ใบหน้าขาวเนียนมีหยดน้ำไหลลงมาตามคางยิ่งเพิ่มความน่ามองขึ้นไปอีก
อันหลิงเกอกำลังนึกเพ้อหลงใหลอยู่ก็เห็นมู่จวินฮานก้มลงมาอย่างกะทันหัน ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขาปรากฏในดวงตาของนาง
ใบหน้าของเขาขาวเนียนยิ่งนัก ในขณะที่ก้มมองอันหลิงเกอ เขาหลับตาเล็กน้อย ขนตายาวบดบังแววตาของเขาเอาไว้