ตอนที่ 263 ข่าววงใน
ซินเจียวเจียวมองทะเลสาบที่อยู่มิไกล ใบหน้าอันละเมียดละไมเหมือนถูกปกคลุมไปด้วยความเคร่งเครียดชั้นหนึ่ง
หากปีนั้นมิมีฮวนฮวนและเล่อเล่อ นางคงตายไปนานแล้ว
นางเหมือนมองเห็นความโหดเหี้ยมที่เต็มไปด้วยคราบโลหิตในวันนั้นอีกครั้ง วันที่ลมเย็นของฤดูใบไม้ร่วงกระทบใบหน้าของนาง บาดแผลบนร่างกายจักเจ็บมากเพียงใดก็เจ็บมิเท่าคำพูดที่คมเหมือนมีดกรีดตรงหัวใจของนาง
“เหอะ แค่โดนลงแส้มิกี่ทีก็ทนมิได้แล้ว อ่อนแอเสียจริง”
ซินหมิงอวี่เก็บแส้ที่ติดเลือดขึ้นมาแล้วยกมือกอดอก แววตาที่มองซินเจียวเจียวมีแต่ความดูถูก
บนพื้นมีซินเจียวเจียวร่างผอมบางนอนอยู่ บนร่างกายของนางมีบาดแผลที่เกิดจากแส้ตี ตื้นบ้างลึกบ้างจนมีเลือดไหลซึมออกมาทำให้เลือดนั้นติดก้อนหินและเปื้อนพื้นเต็มไปหมด มองแล้วช่างน่าสลดใจยิ่งนัก
นางขดตัวเป็นก้อนอยู่บนพื้นอย่างเจ็บปวด ใบหน้าซีดขาวมีเหงื่อเม็ดโตไหลออกมา นางกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดที่ถูกซินหมิงอวี่เฆี่ยน
พอได้ยินคำของซินหมิงอวี่ นางก็ใช้แรงที่มีทั้งหมดกัดฟันแล้วกล่าวขึ้นว่า “ข้ามิได้อ่อนแอ ! ”
ซินเจียวเจียวเงยหน้ามองซินหมิงอวี่อย่างโกรธแค้น ดวงตาฉายแววมิย่อท้อและมิยินยอม
“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าได้ยินที่ซินเจียวเจียวกล่าวหรือไม่ ? ”
ซินหมิงอวี่หัวเราะเสียงดัง เหมือนกำลังฟังเรื่องตลกมากเรื่องหนึ่ง
สาวใช้สี่ห้าคนที่ยืนล้อมอยู่ข้างหลังทั้งหมดมีสีหน้ายิ้มเยาะและเสียดสี “บ่าวได้ยินแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่บอกว่านางมิได้อ่อนแอเจ้าค่ะ”
“เป็นแค่คนป่าเถื่อนที่นายท่านและฮูหยินเก็บมาเท่านั้น ยังกล้าคิดว่าตนเป็นคุณหนูใหญ่ที่สูงส่งอยู่ได้”
เหล่าสาวใช้ผลัดกันพูดเหยียดหยามซึ่งแต่ละคำล้วนมีความร้ายแรงและมิน่าฟัง
ซินหมิงอวี่ที่ได้ใจจึงยกยิ้มขึ้นแล้วใช้ปลายด้ามจับแส้อีกด้านเชยคางซินเจียวเจียวขึ้น
ใบหน้าขาวราวหยก ดวงตาสีดำสดใสเปล่งประกาย ปลายจมูกโด่งรั้นและริมฝีปากที่อวบอิ่ม เพียงแต่ใบหน้าข้างขวามีสีแดงเป็นปื้นใหญ่ทำให้ความงดงามถูกทำลายไปจนสิ้น
รอยนี้ทำให้ซินหมิงอวี่ชอบใจยิ่งนัก รอยยิ้มที่มุมปากของนางจึงยิ่งร้ายกาจขึ้นไปอีก “ซินเจียวเจียว เจ้ามิเพียงแค่อ่อนแอ แต่เจ้ายังเป็นคนอัปลักษณ์อีกด้วย ! ”
“ทั่วทั้งต้าโจวนี้มิอาจหาคนที่อัปลักษณ์กว่าเจ้าได้แล้ว เจ้าเป็นดั่งโคลนตม กล้าดีอย่างไรจึงได้หมายปองคุณชายกู้ที่เป็นดั่งเทพเซียนบนสวรรค์ ? ”
พอเอ่ยถึงคุณชายกู้ ซินเจียวเจียวจึงยกยิ้มมุมปากขึ้น นางที่อ่อนแอมาตลอดกลับมีความกล้าที่จักโต้เถียง “เพราะเจ้าอิจฉาข้ากับคุณชายกู้ น่าเสียดายที่คุณชายกู้มิได้ชอบข้าและมิได้ชอบเจ้าเช่นกัน เขาชอบน้องหญิงรองต่างหาก”
ทันใดนั้นสายตาของซินหมิงอวี่ก็ยิ่งน่ากลัวมากไปอีก นางตวัดมืออย่างแรง เหมือนฝ่ามือของจอมยุทธ์ที่ปะทะเข้ามา เสียงดังปะทะเข้าตรงหน้าอกซินเจียวเจียวทำให้ถึงกับกระอักเลือดออกมาแล้วหมดสติไปทันที !
นางมองซินเจียวเจียวที่นอนหมดสติอย่างนึกรังเกียจ จากนั้นก็พาสาวใช้สี่ห้าคนเดินจากไป แต่มิมีใครรู้ว่าคนที่อยู่บนพื้นใกล้หมดลมหายใจเต็มทน …
ตอนนั้นนางหลงกลซินหมิงอวี่จึงถูกอีกฝ่ายใช้แส้เฆี่ยนจนเกือบตาย ฮวนฮวนและเล่อเล่อเด็กที่มีอายุเพียงมิกี่ขวบได้มาพบนางเข้า พวกเขาจึงช่วยกันหาเงินและตามหมอมารักษา ดังนั้นนางจึงยังมีชีวิตอยู่
นับแต่นั้นมา นางก็มิได้กลับไปจวนซินอีกเลย เพียงรับฮวนฮวนและเล่อเล่อไว้เป็นลูกของตนและใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา
ดวงตาของอันหลิงเกอมีความสงสัยวาบผ่าน “ฮวนฮวนและเล่อเล่อใช้ชีวิตเป็นขอทานตั้งแต่เด็ก เกิดอันใดขึ้นกับบิดามารดาของพวกเขาหรือ ? ”
ตอนที่นางพบซินเจียวเจียวก็คือเวลาที่อีกฝ่ายพาฮวนฮวนและเล่อเล่อไปจุดธูปไหว้บิดามารดาของเด็กทั้งสองคน
“ป้าจ้าวเล่าว่าบิดามารดาของฮวนฮวนกับเล่อเล่อเสียชีวิตไปก่อน ร่างทั้งสองถูกฝังไว้ที่เมืองจิง ข้าจึงเข้าเมืองจิงพร้อมเด็ก ๆ หลังจากเก็บเงินได้ 2 ตำลึง”
ซินเจียวเจียวหยุดกล่าวไปครู่หนึ่งแล้วอธิบายต่อ “ป้าจ้าวทำราวกับรู้จักบิดามารดาของเด็กทั้งสองคนจึงคอยดูแลพวกเรามาโดยตลอด รอยปานบนหน้าของข้าก็มิใช่ปานที่แท้จริง เพียงแต่ถูกผู้อื่นวางยาเท่านั้น หลังออกจากจวนซิน รอยปานนั้นก็หายไป”
นางกล่าวถึงเรื่องนี้แล้วอยู่ ๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ในเมื่อป้าจ้าวบอกว่ารู้จักบิดามารดาของฮวนฮวนและเล่อเล่อ อีกทั้งยังบอกว่าบิดามารดาของพวกเขาถูกฝังที่เมืองจิง แล้วเหตุใดบิดามารดาแท้ ๆ ของพวกเขาจึงมาปรากฏตัวได้อีก ?
ดวงตาของอันหลิงเกอเป็นประกาย รู้สึกว่าเรื่องนี้แปลกมาก ตามที่อีกฝ่ายเล่ามาคือบิดามารดาของฮวนฮวนกับเล่อเล่อเสียชีวิตไปนานแล้ว สองคนนั้นก็ปรากฏออกมาหลังจากที่นางกลับมาอยู่ข้างกายฮูหยินหมิงจู
“นี่ดูเหมือนบังเอิญไปเสียหน่อย”
ซินเจียวเจียวก็เป็นคนฉลาดเช่นกัน นางนึกแล้วก็เข้าใจความหมายของอันหลิงเกอ
“หรือว่าพวกเขาถูกท่านแม่ส่งตัวมา ? ”
ตั้งแต่ฮูหยินหมิงจูรู้ว่าฮวนฮวนและเล่อเล่อมิใช่บุตรแท้ ๆ ของนางก็พยายามให้นางส่งพวกเขาไปหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกนางปฏิเสธ
หากบอกว่าพวกเขาถูกฮูหยินหมิงจูส่งมา ก็ใช่ว่าจักเป็นไปมิได้
มิง่ายกว่าที่ฮูหยินหมิงจูจักตามหาบุตรีพบ แต่ข้างกายบุตรีกลับมีเด็กน้อยสองคนเป็นตัวถ่วง ทำให้มิสามารถหาคู่ที่ดีให้กับซินเจียวเจียวได้
สำหรับมารดาที่อยากทำทุกวิถีทางเพื่อชดเชยให้บุตรี จึงเป็นไปได้มากที่จักส่งคนมาแกล้งเป็นบิดามารดาแท้ ๆ ของฮวนฮวนและเล่อเล่อ เพื่อกันเด็กออกไปจากซินเจียวเจียว จากนั้นก็กระจายข่าวไปว่าซินเจียวเจียวจิตใจดีงามจึงเก็บพวกเขามาเลี้ยงไว้เท่านั้น
เช่นนั้นซินเจียวเจียวมิเพียงมิถูกคนอื่นมองด้วยสายตาแปลกประหลาด แต่นางจักขึ้นชื่อว่าเป็นผู้มีเมตตา และสำหรับฮูหยินหมิงจูนี่ถือเป็นเรื่องดีที่สุด
ซินเจียวเจียวสับสนจนเชื่อคำกล่าวของชายหญิงสองคนนั้น นางรู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ ที่ต้องพลัดพรากกับฮวนฮวนเล่อเล่อ ภายใต้ความเสียใจและความตื่นตระหนกทำให้นางมิได้นึกถึงประเด็นนี้มาก่อนเลย
ตอนนี้มีอันหลิงเกอเอ่ยเตือน ความเครียดบนใบหน้าของซินเจียวเจียวจึงหายไปหมด ใบหน้างดงามมีรอยยิ้มสดใสขึ้นมาได้เสียที
“โชคดีที่ข้าชวนเจ้าออกมาในวันนี้”
ซินเจียวเจียวยิ้มให้อย่างซาบซึ้งและจริงใจ “ข้าไร้สหายที่นี่ มีแต่เจ้าคุ้นเคยที่สุดจึงได้ส่งเทียบเชิญให้เจ้าเพียงผู้เดียว”
นางรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “ข้าดีใจจริง ๆ ที่เจ้ามา นี่หมายความว่าเจ้านับข้าเป็นสหายแล้วใช่หรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอช่วยนางไว้ อีกทั้งยังกล่าวเพียงแค่คำเดียวก็สามารถแก้ไขปัญหาที่กวนใจนางมาหลายวันได้ทันที ซินเจียวเจียวจึงมิรู้ว่าจักต้องแสดงออกอย่างไรเมื่อได้คบหากับสหายที่ดีเช่นนี้
“หากจวิ้นจู่เจียวเจียวเต็มใจ พวกเราย่อมสามารถเป็นสหายกันได้แน่นอน” อันหลิงเกอพยักหน้าเพราะนางเองก็ชอบผู้ที่มีจิตใจดีเช่นซินเจียวเจียวเช่นกัน
ทั้งชีวิตนี้นางถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องแก้แค้น ต้องใช้ชีวิตภายใต้เล่ห์เหลี่ยม พอเห็นซินเจียวเจียวก็เหมือนเห็นตนในชาติก่อน จึงอยากปกป้องความเมตตาของอีกฝ่ายเอาไว้ ให้แม่นางที่มีจิตใจบริสุทธิ์เช่นนี้มิแปดเปื้อนมลทิน
“อย่างไรก็ตาม ผู้คนที่เมืองจิงเต็มไปด้วยแผนการมากมาย จวิ้นจู่เป็นคนฉลาดคงรู้ความหมายของข้า”
นางเตือนซินเจียวเจียวให้ระวังแผนการของพวกเสแสร้งจอมปลอม โดยมิรู้ว่าแผนการนั้นกำลังถูกใช้กับตนในมิช้า
ลมริมทะเลสาบเย็นสบาย ยามที่พัดมายังมีกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกบัวอีกด้วย
อันหลิงเกอและซินเจียวเจียวสนทนากันได้สักพักจึงเริ่มเดินขึ้นเรือ