ตอนที่ 281 ราชองครักษ์
ทันทีที่อันหลิงเกอกล่าวจบ สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ฉางอันกงจู่ทันที
ฉางอันกงจู่ยังคงมีท่าทีไร้เดียงสาราวกับมิรู้เรื่องรู้ราว แต่คนที่อยู่ตรงนั้นมิคิดว่านางเป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสาอีกแล้ว
หากเรื่องที่อันหลิงเกอกล่าวมาเป็นความจริง ฉางอันกงจู่ใช้นกแก้วตัวนี้ในการส่งสัญญาณออกคำสั่งฆ่าคนได้แม้กระทั่งนางกำนัลในตำหนักของตน มิหนำซ้ำยังอำมหิตเลือดเย็นถึงขนาดนำนกแก้วที่องค์ชายห้ามอบให้มาฝึกจนฆ่าคนได้ แค่คิดก็ทำให้ทุกคนในที่นี้รู้สึกเสียวสันหลังไปตาม ๆ กัน
โดยทั่วไปแล้วมีผู้ใดนำนกแก้วที่ควรเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารักมาฝึกเพื่อเป็นเครื่องมือในการสังหาร ?
หากฉางอันกงจู่มีความคิดเช่นนี้จริงก็ย่อมโหดเหี้ยมและเลือดเย็นยิ่งนัก !
องค์หญิงฉางอันที่โดนสายตาของทุกคนจับจ้องด้วยความตกตะลึงและสงสัย บ้างก็หวาดกลัว บ้างก็รังเกียจ ตัวนางกลับไร้ทีท่าวิตกกังวลหรือเสียใจเลยสักนิด
จากนั้นนางก็เงยหน้ามองอันหลิงเกอ ดวงตานิ่งสงบและใบหน้าไร้เดียงสาแฝงไปด้วยความร้ายกาจ “คุณหนูใหญ่อัน นี่เจ้ากำลังสอบสวนข้าหรือ ? ”
ฉางอันกงจู่ต่อให้อายุยังน้อย แต่ก็เป็นถึงองค์หญิงผู้สูงส่ง หากอันหลิงเกอพยักหน้าก็เท่ากับยอมรับว่ากำลังสอบสวนองค์หญิงในวังหลวง การกระทำเช่นนี้เท่ากับลบหลู่เบื้องสูง
หากเผยจุดอ่อนให้ฉางอันรู้ ดูจากความเกลียดชังที่ฉางอันมีต่ออันหลิงเกอแล้วย่อมมิปล่อยอีกฝ่ายไปโดยง่ายแน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้อันหลิงเกอก็ก้มหน้าลง มีท่าทีอ่อนน้อมแต่ก็แฝงไว้ด้วยความหยิ่งทะนง “หม่อมฉันเพียงกล่าวในสิ่งที่ตนคาดเดา มิได้ต้องการสอบสวนกงจู่เพคะ”
“เยี่ยงนั้นการคาดเดาของเจ้าช่างน่ากลัวเสียจริง” ฉางอันหัวเราะออกมาเสียงเย็นเยือก มิมีท่าทางไร้เดียงสาอีกต่อไป “ที่เจ้ากล่าวก็มิต่างจากการบอกว่าข้าเป็นคนออกคำสั่งสังหารนางกำนัลในตำหนักของตน ทั้งยังเล่าเป็นฉาก ๆ ราวกับเห็นด้วยตาตนเอง”
หลังจากนั้นนางหยุดนิ่งไปชั่วครู่ คิ้วทั้งสองเลิกขึ้น ใบหน้าปรากฏท่าทีเย็นชาออกมา “หากผู้ใดมิรู้จักเจ้ามาก่อน คงคิดว่าฟู่หวงแต่งตั้งเจ้าเป็นหัวหน้าศาลต้าหลี่และให้เจ้ามาสืบคดีที่เกิดขึ้นเป็นแน่ ! ”
คำเยาะเย้ยถากถางเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นสตรีที่หน้าบางเหนียมอายมาได้ยิน มิแน่คงร้องไห้ไปแล้วก็ได้
แม้อันหลิงเกอมิได้เป็นคนหน้าด้านไร้ยางอาย แต่ก็มิใช่สตรีที่อ่อนแอหวั่นไหวต่อคำกล่าวมิกี่คำเช่นกัน
แต่นางยังก้มหน้า ท่าทางเคารพและอ่อนน้อมทำให้ฉางอันกงจู่ที่อยากจับผิดนางต่อมิมีโอกาสทำได้
“หม่อมฉันเป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่ง ได้รับพระกรุณาจากฝ่าบาทจึงสามารถเข้ามาเป็นหมอหญิงในวังหลวงแห่งนี้ได้ เท่านี้หม่อมฉันก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว หม่อมฉันมิกล้าเอาตนไปเปรียบกับใต้เท้าโจวหรอกเพคะ”
ใต้เท้าโจวคือหัวหน้าศาลต้าหลี่ อันหลิงเกอกล่าวเช่นนี้ก็เท่ากับว่าวางตัวต่ำต้อยมิบังอาจเทียบชั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉางอันก็คิดว่าอันหลิงเกอคงเริ่มเกรงกลัวขึ้นมาและกำลังจักตำหนิอันหลิงเกอต่อ แต่อีกฝ่ายก็กล่าวขึ้นเสียก่อน “แต่อาจูได้พูดถึงข่าวลือที่มิเป็นความจริงให้อันผิงกงจู่ฟัง ทำให้อันผิงกงจู่เข้าใจหม่อมฉันผิด อย่างไรก็ต้องสอบสวนให้ชัดเจนเพคะ”
ทั้งที่ฉางอันกงจู่คิดใช้แผนยืมมือคนอื่นฆ่าคน ยิงธนูดอกเดียวได้นกถึงสองตัว อันหลิงเกอและอันผิงกงจู่ต่างก็โดนนางวางแผนกลั่นแกล้ง ดังนั้นเพียงเพราะการตายของอาจูจักปล่อยให้ฉางอันเอาตัวรอดโดยง่ายได้อย่างไร ?
“เช่นนั้นก็ให้อาจูมาบอกพวกเจ้าเองแล้วกัน” ฉางอันกงจู่มีท่าทีมิยอมคน แววตาที่มองไปยังอันหลิงเกอเต็มไปด้วยความเกลียดชังโดยมิปิดบัง “เห็นกันอยู่ว่าอาจูผูกคอตายไปแล้ว คุณหนูใหญ่อัน เจ้ามิเห็นแม้แต่ศพของนาง แต่กล้าบอกว่าข้าเป็นผู้ออกคำสั่ง ตั้งใจจัดฉากให้เหมือนว่านางฆ่าตัวตาย ช่างเป็นเรื่องน่าขันเสียจริง”
“แม้แต่ขุนนางผู้ชันสูตรศพของราชสำนักยังต้องตรวจสอบร่างคนตายเสียก่อนจึงสามารถสรุปคดีได้ แต่คุณหนูใหญ่อันช่างเก่งกาจยิ่งนัก มิเห็นแม้แต่ศพก็รู้ได้ทันทีว่าอาจูโดนสังหาร”
ฉางอันกงจู่พูดเหมือนชื่นชมอันหลิงเกอ ทว่าแท้ที่จริงกำลังเหน็บแนมว่าอันหลิงเกอปั้นน้ำเป็นตัวและโกหกหลอกลวงโดยไร้หลักฐานที่สามารถพิสูจน์ได้
ในเวลานี้นางมิได้เสแสร้งเป็นเด็กสาวไร้เดียงสา ทั้งยังวางอำนาจเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ทำให้อันหลิงเกอลำบากใจมิน้อย
แม้ในใจของอันหลิงเกอรู้ดีว่าการที่อาจูถูกพบเป็นศพในเวลานี้ช่างบังเอิญยิ่งนัก แต่ท่าทีของฉางอันกงจู่แสดงออกชัดเจนว่าต้องการผลักเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเป็นความผิดของอาจูที่ตายไปแล้ว จากนั้นก็ปัดว่าการตายของอาจูมิเกี่ยวข้องกับตน เพียงเท่านี้ก็สามารถหนีออกจากเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หากฉางอันกงจู่ยังเสแสร้งทำตัวไร้เดียงสาเช่นเดิม อันหลิงเกอก็ยังไล่ต้อนเพื่อเปิดโปงนางไปทีละเรื่องและทำให้นางรับผิดจนได้
ทว่านางกลับวางตัวเป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ทำให้อันหลิงเกอมิสามารถสอบสวนต่อได้
ตอนนี้คงทำได้เพียงรอดูว่าอันผิงกงจู่จักทำเช่นไรต่อไป
อันหลิงเกอหลุบตาลง น้ำเสียงที่ดังกังวานยังมั่นคงดังเดิม “หม่อมฉันรู้สึกว่าการตายของอาจูมิใช่การฆ่าตัวตายโดยปกติทั่วไป มิทราบว่าอันผิงกงจู่สามารถเชิญราชองครักษ์มาตรวจสอบเรื่องนี้ได้หรือไม่เพคะ ? ”
ในเมื่อนางมิสามารถทำสิ่งที่ดูเป็นการหมิ่นเกียรติฉางอันกงจู่ได้ เช่นนั้นก็ควรหาคนที่มีอำนาจในการทำเรื่องนี้แทนเสียเลย
เมื่อได้ฟังดวงตาของอันผิงก็เป็นประกาย ใบหน้าสดใสร่าเริงฉายแววพึงพอใจขึ้นมาทันที
นางได้ยินมาว่ามิกี่วันก่อนลู่จ้านถูกฟู่หวงแต่งตั้งเป็นราชองครักษ์ หากเรียกเขามาในยามนี้ย่อมถือเป็นโอกาสดีในการได้ใกล้ชิดเขามิใช่หรือ ?
“พวกเจ้ารีบไปเชิญแม่ทัพน้อยลู่มาที่นี่”
มุมปากของอันผิงกงจู่แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มขณะสั่งนางกำนัลที่อยู่ด้านหลัง
นางกำนัลเหล่านั้นอยู่ข้างกายอันผิงกงจู่มานาน ย่อมรู้ความในใจของอีกฝ่ายที่มีต่อลู่จ้าน
เมื่อได้ยินคำสั่งของอันผิงกงจู่ นางกำนัลก็รีบออกไปเชิญลู่จ้านอย่างรู้หน้าที่ทันที
ฉางอันกงจู่เห็นดังนั้นจึงรีบให้คนเข้าไปขวางนางกำนัลเหล่านั้นไว้ ใบหน้าที่ร้ายกาจเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนในชั่วพริบตา จากนั้นจึงกลับไปวางตัวไร้เดียงสาดังเช่นก่อนหน้านี้ “พี่หญิงเพคะ แค่นางกำนัลเล็ก ๆ คนหนึ่งในตำหนักตาย หากต้องนำเรื่องนี้ไปรบกวนแม่ทัพน้อยลู่แล้วจักเหมาะสมหรือเพคะ ? ”
“มีสิ่งใดมิเหมาะสม ? ” อันผิงกงจู่อยากหาข้ออ้างพบลู่จ้านมานานแล้ว อีกทั้งฉางอันวางแผนหลอกใช้นางก็ต้องเอาคืนให้สาสม
นางจึงมิสนใจท่าทางน่าสงสารของฉางอันแม้แต่น้อย รีบปัดมือฉางอันที่จับมือนางออกทันที “คุณหนูใหญ่อันมิใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคดี เช่นนั้นไปเชิญผู้ที่เชี่ยวชาญมาก็ถูกต้องแล้ว หากราชองครักษ์ยังมิสามารถตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้นได้ ข้าก็จักทูลขอให้ฟู่หวงส่งเรื่องนี้แก่ศาลต้าหลี่ดำเนินการต่อ ถ้ามิมีคำตอบให้ ข้าก็มิปล่อยเรื่องนี้ไปเด็ดขาด ! ”
อันผิงต่อกรด้วยยากเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร ?
ฉางอันแอบแค้นเคืองอยู่ภายในใจ เมื่อเห็นท่าทีเด็ดขาดของอันผิงก็มิกล้าเคลื่อนไหวอีก จำต้องสั่งให้คนปล่อยนางกำนัลเหล่านั้นไปแล้วยืนนิ่งอยู่ที่เดิมรอลู่จ้านนำราชองค์รักษ์เข้ามา
เพียงมิกี่อึดใจ ลู่จ้านก็ปรากฏตัวขึ้น ทว่าผู้ที่มาด้วยมิใช่ราชองค์รักษ์แต่อย่างใด
แต่เป็นองค์ฮ่องเต้ที่อยู่ในฉลองพระองค์มังกรสีเหลืองทองอร่ามกำลังดำเนินตามหลังลู่จ้านเข้ามา พระพักตร์ที่น่าเกรงขามมิมีรอยยิ้มแม้แต่น้อย
“ข้าได้ยินว่าที่ตำหนักของเจ้ามีคนตาย เกิดอันใดขึ้น ? ”
ฮ่องเต้ตรัสถามฉางอันกงจู่ทันที ทำให้นางรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก ใบหน้าจึงแสดงท่าทีราวกับโดนรังแกออกมา