ตอนที่ 29 ใส่ความ
เมื่อได้ฟังคำเชื้อเชิญ อันหลิงเกอก็จ้องมองไปที่ใบหน้าของนาง มองเห็นเพียงใบหน้าของหลี่กุ้ยเฟยที่ประดับด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาและมีเสน่ห์ แต่กลับมองสิ่งที่อยู่ภายในมิออก ซึ่งหลี่กุ้ยเฟยนั้นต่างกับหลี่ซื่อ อารมณ์ของนางล้วนถูกเก็บซ่อนเอาไว้ ภายใต้ใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสานั่น แม้แต่ดวงตาก็มิเผยให้เห็นถึงความคิดแม้เพียงนิดเดียว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงที่ร้ายกาจเพียงนี้ อันหลิงเกอจำเป็นจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับมืออย่างเต็มที่
นางพยักหน้าตอบรับคำเชิญชวนของหลี่กุ้ยเฟย นางกำนัลที่อยู่ตรงนั้นจึงได้คำนับและเดินนำไปยังทะเลสาบหมิงซิน เดือนสามถือเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ ในทะเลสาบหมิงซินมีเรือเล็กอยู่หลายลำ ดอกบัวที่ปลูกไว้ตอนนี้ยังมิบาน เห็นเพียงทะเลสาบที่ใสสะอาดราวกับกระจก ทำให้คนที่ยืนอยู่ตรงนั้นรู้สึกได้ถึงความสดชื่น เมื่อมีลมเย็นพัดมา
อันหลิงเกอหยีตาลงเล็กน้อย ประกอบกับเสียงของหลี่กุ้ยเฟยดังขึ้นที่ข้างใบหู ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลชวนฟังว่า “สถานที่แห่งนี้ข้าชอบที่สุดในวังหลวงแห่งนี้แล้ว มันมีชื่อเรียกว่าทะเลสาบหมิงซิน”
นางค่อยเดินไปด้านข้างของอันหลิงเกอ ใบหน้าไร้เดียงสานั้นยิ้มออกมาอย่างสนิทสนม
“ตอนที่ข้าพึ่งเข้าวัง ยังเป็นเพียงนางกำนัลอยู่นั้น ได้พบกับฝ่าบาทที่นี่โดยบังเอิญ”
อันหลิงเกอฟังเรื่องเล่าของนางอย่างนิ่งเงียบ แต่หางตากลับคอยประเมินสถานการณ์โดยรอบกายอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อพลันเห็นแววตามีประกายชั่วร้ายขึ้นมาของหลี่ซื่อ อีกทั้งยังแฝงความสุขที่แผนการของตนใกล้จะสำเร็จเอาไว้ อันหลิงเกอรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงได้พลิกตัวไปด้านข้างทันที
ทันใดนั้นก็มีเสียงดัง ตูม ! ขึ้น
ร่างบอบบางร่างหนึ่งก็ตกลงไป ในทะเลสาบหมิงซินที่เงียบสงบก็เกิดวงน้ำแตกกระเซ็นเป็นขนาดใหญ่ขึ้น
“น้องหญิง ! ”
หลี่ซื่อร้องออกมาเสียงแหลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
“มิเห็นหรือไงว่าหลี่กุ้ยเฟยถูกคุณหนูใหญ่ผลักตกน้ำ ? ยังมิรีบลงไปช่วยอีก ! ”
นางกำนัลที่อยู่ด้านข้างเห็นเข้าก็ตกใจจนหน้าขาวซีด แต่มิกล้ารอให้เสียเวลามิว่าตนจะว่ายน้ำเป็นหรือไม่ ก็รีบพุ่งตัวลงทะเลสาบหมิงซินในทันที หากวันนี้หลี่กุ้ยเฟยเป็นอันใดไปแล้วล่ะก็ ฮ่องเต้ทรงโปรดนางถึงเพียงนี้ จะต้องลงโทษเหล่านางกำนัลให้ชดเชยด้วยชีวิตเป็นแน่ !
อันหลิงเกอรู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว ขณะที่เหล่านางกำนัลกระโดดลงไปนั้น นางก็มิรอช้ารีบกระโดดลงไปด้วยในทันที โชคยังดีที่นางกำนัลที่อยู่ตรงนั้นมีหลายคนที่ว่ายน้ำเป็น จึงช่วยหลี่กุ้ยเฟยเอาไว้ได้
หลี่กุ้ยเฟยมีอาการสำลักน้ำออกมาเล็กน้อย ใบหน้าที่ไร้เดียงสานั่นเปลี่ยนเป็นซีดขาว ร่างกายดูไร้เรี่ยวแรง
“รีบไปตามหมอหลวงมาเร็ว ! ”
หลี่ซื่อดูคล้ายวิตกกังวล แต่ความเป็นจริงนั้นนางมิได้เป็นห่วงอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด เนื่องจากนางเป็นพี่น้องแท้ ๆ ของหลี่กุ้ยเฟย นางย่อมรู้ดีว่าน้องสาวของตนนั้นว่ายน้ำเก่งเพียงใด มิมีทางเป็นอันใดอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องวันนี้พวกนางเองที่เป็นคนวางแผน ก็เพื่อที่จะใส่ความอันหลงเกอนั่นเอง
คิดได้เยี่ยงนั้น หลี่ซื่อจึงได้หันไปทางอันหลิงเกอ
“ส่วนเกอเอ๋อ เรื่องที่เจ้าทำร้ายหลี่กุ้ยเฟย เดี๋ยวค่อยจัดการภายหลัง หลังจากที่หลี่กุ้ยเฟยทรงฟื้นก็แล้วกัน ! ”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้น นางกำนัลที่ยืนข้างนางนั้นฉลาดหลักแหลม เพียงพริบตาเดียวก็มีนางกำนัลใส่กระโปรงสีแดงยืนขึ้น และเอ่ยออกมาอย่างนอบน้อมแต่หนักแน่นว่า “เกิดเรื่องขึ้นกับกุ้ยเฟย ขอเชิญคุณหนูใหญ่รออยู่ตรงนี้สักครู่นะเจ้าคะ”
หลี่ซื่อกล่าวออกมาเต็มปากเต็มคำว่าอันหลิงเกอลอบทำร้ายหลี่กุ้ยเฟย ตอนนี้เท่ากับนางยังไปไหนมิได้ เมื่อคิดตริตรองอย่างถ้วนถี่แล้ว ดวงตาสีดำสนิทและลึกล้ำของอันหลิงเกอเกิดประกายวาบขึ้นมา มิน่าเล่าตั้งแต่ที่นางพบหลี่กุ้ยเฟยก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป หลี่ซื่อมิได้กลั่นแกล้งอันใดตนอย่างที่เคยทำเป็นประจำเลยสักนิด นางคิดว่าเป็นเพราะหลี่ซื่อนั้นคำนึงถึงว่าอยู่ในวังหลวง จึงเกิดความเกรงกลัว ที่แท้พวกนางสองพี่น้องได้วางแผนเอาไว้แล้ว รอเพียงให้ตนเดินตกลงไปในหลุมพรางก็เท่านั้น เมื่อกระจ่างแจ้งแล้ว ภายในใจของอันหลิงเกอก็สงบลง
“เกิดเรื่องขึ้นกับหลี่กุ้ยเฟยถึงเพียงนี้ ข้าต้องอยู่ต่ออยู่แล้ว พระนางมิเป็นอันใด ข้าถึงจะวางใจ แต่หลี่ซื่อกล่าวหาว่าข้าเป็นคนผลักหลี่กุ้ยเฟยตกน้ำนั้น ท่านมีหลักฐานหรือไม่ ? ”
“ยังจะต้องการหลักฐานอันใดอีกหรือ”
หลี่ซื่อหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ราวกับสิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
“ถ้าเจ้ามิได้เป็นคนผลักนางลงไป แล้วนางจะกระโดดลงไปเองเยี่ยงนั้นหรอกหรือ ? ”
เมื่อได้ฟังทั้งสองสนทนากัน นางกำนัลกระโปรงแดงคนเดิมก็ลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวประโยคที่ทำให้อันหลิงเกอกลืนมิเข้าคายมิออกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ก่อนที่กุ้ยเฟยจะตกน้ำ ข้าน้อยเห็นคุณหนูใหญ่ขยับเข้ามาใกล้หลี่กุ้ยเฟยด้วยสาเหตุอันใดก็มิอาจทราบได้ อีกทั้งยังคล้ายกับยื่นมือออกไปผลักกุ้ยเฟยอีกด้วยเจ้าค่ะ”
นางกำนัลคนอื่น ๆ เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้นก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ลอบทำร้ายกุ้ยเฟยในวังหลวง อีกทั้งยังอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเพียงนี้ คุณหนูใหญ่ช่างกล้ามากเสียจริง แต่น่าเสียดายที่คุณหนูใหญ่โชคมิดีถูกคนพบเห็นเข้า เกรงว่าคุณหนูคงจะเจอความลำบากครั้งใหญ่เข้าเสียแล้ว
อันหลิงเกอเลิกคิ้วขึ้นมิร้อนรนอันใด
“เจ้ามั่นใจว่าเห็นข้าผลักหลี่กุ้ยเฟย จนทำให้หลี่กุ้ยเฟยตกน้ำใช่หรือไม่ ? ”
นางกำนัลกระโปรงสีแดงเมื่อถูกถาม ใบหน้าก็แสดงความเสียใจออกมา
“คุณหนูใหญ่กล่าวเยี่ยงนี้หมายความว่าเยี่ยงไรเจ้าคะ หรือหาว่าข้าน้อยใส่ร้ายท่านเยี่ยงงั้นหรือเจ้าคะ ? ”
อันหลิงเกอยกยิ้มขึ้น ด้วยท่าทางดูสงบนุ่มนวล
“ข้าเพียงต้องการคำยืนยันก็เพียงเท่านั้น หากหลี่กุ้ยเฟยฟื้นขึ้นมาแล้วยืนยันความบริสุทธิ์ของข้า เจ้าที่เป็นนางกำนัลที่แว้งกัดผู้อื่น ก็เตรียมย้ายไปอยู่ฝ่ายซักล้างได้เลย”
หลี่กุ้ยเฟยจะยืนยันความบริสุทธิ์ให้เจ้าเยี่ยงนั้นหรือ ?
นางกำนัลกระโปรงสีแดงมองสีหน้าของหลี่ซื่อแล้วตอบกลับอย่างหนักแน่นว่า “สิ่งที่ข้าน้อยพูดล้วนแต่เป็นสิ่งที่ข้าน้อยเห็นด้วยตาตนเองเจ้าค่ะ”
“ดี จำคำของเจ้าเอาไว้ให้ดี”
อันหลิงเกอพยักหน้า กวาดตามองไปยังหลี่กุ้ยเฟยที่ยังมิได้สติแวบหนึ่ง
“ยังมิรีบพาหลี่กุ้ยเฟยกลับตำหนักอีก”
หลี่ซื่อเมื่อเห็นว่าอันหลิงเกอสงบนิ่งเกินไป ก็รีบสั่งคนให้พาหลี่กุ้ยเฟยกลับตำหนัก เมื่อกลับถึงตำหนัก หมอหลวงก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุที่หลี่กุ้ยเฟยนั้นได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทเป็นอย่างมาก จึงทำให้หมอหลวงตรวจอาการหลี่กุ้ยเฟยอย่างระมัดระวังมากเป็นพิเศษ เกรงว่าจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้
หมอหลวงขมวดคิ้วขึ้น รู้สึกได้ว่าชีพจรของหลี่กุ้ยเฟยสม่ำเสมอและมั่นคง มิเหมือนกับท่าทางของคนตกน้ำและไร้เรี่ยวแรงอย่างที่เห็นแม้แต่น้อย แต่เรื่องสกปรกในวังหลังนี้ช่างมีมากมายนัก
เมื่อหมอหลวงคิดได้เยี่ยงนั้น จึงลูบที่หนวดสีดอกเลาของตน จากนั้นจึงยืนขึ้นและเขียนใบสั่งยาออกมา
“กุ้ยเฟยทรงตกน้ำ ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอต้มยาให้นางตามใบสั่งนี้ ดูแลให้ดีมิกี่วันก็จะหายเป็นปกติ”
หลี่ซื่อรีบพยักหน้า จากนั้นก็แสร้งตีหน้าเศร้าแล้วกล่าวออกมาว่า “โชคดีที่กุ้ยเฟยถูกช่วยเหลือได้ทันท่วงที หากนางต้องมาตายเพราะคุณหนูใหญ่ล่ะก็ ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร”
จากนั้นหลี่ซื่อก็หันสั่งนางกำนัลที่อยู่ตรงนั้นว่า “เจ้าไปเชิญฮองเฮามา คุณหนูใหญ่ลอบทำร้ายพระสนมในวัง ต้องโดนลงโทษสถานหนัก ! ”
อันหลิงเกอเมื่อได้ฟังนางส่งคนไปเชิญฮองเฮา มุมปากของนางก็ยกสูงขึ้นอย่างมิเคยเป็นมาก่อน
ช่างน่าเสียดายที่หลี่ซื่อและหลี่กุ้ยเฟยวางแผนกันมาอย่างยากลำบาก อีกทั้งหลี่กุ้ยเฟยยังลงทุนโดดลงน้ำด้วยตัวเอง แต่น่าเสียดายที่แผนการของพวกนางในครานี้กลับมีช่องโหว่
เรื่องราวทั้งหมดเป็นไปตามที่อันหลิงเกอคาดการณ์เอาไว้
เมื่อฮองเฮาทราบเรื่องก็รีบปรี่มาในทันที ฮองเฮาที่มีใบหน้าที่อิ่มเอิบ งดงาม ดวงตาแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม เมื่อพระนางมาถึงตำหนักของหลี่กุ้ยเฟย ก็ทรงตรัสถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับอันหลิงเกอในทันที
“คุณหนูอัน หลี่ซื่อแจ้งว่าเจ้าเป็นคนผลักหลี่กุ้ยเฟยตกน้ำ เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ? ”
อันหลิงเกอเมื่อได้ฟังฮองเฮาตรัสถาม ก็ส่ายหน้าแล้วกล่าวตอบออกไปอย่างนอบน้อม
“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ ทูลฮองเฮา หม่อมฉันมิได้ทำเรื่องเยี่ยงนั้นเลยเพคะ”
เมื่อได้เห็นอันหลิงเกอตอบออกไปเยี่ยงนั้น หลี่ซื่อก็แสร้งทำน้ำตาซึมทั้งสองข้างแล้วกล่าวออกมาว่า “ฮองเฮาเพคะ ได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับกุ้ยเฟยด้วยเพคะ ! ”
เมื่อกล่าวจบ หลี่ซื่อก็แสดงท่าทีแค้นเคืองต่อความมิเป็นธรรม แล้วกล่าวเสริมออกไปว่า “กุ้ยเฟยได้เชิญคุณหนูใหญ่เข้ามาพูดคุยในวัง ทั้งยังพานางไปชมทะเลสาบหมิงซิน ผู้ใดจะคาดคิดว่าคุณหนูใหญ่จักกล้าคิดร้ายผลักพระนางตกน้ำ นี่เป็นการลอบทำร้ายพระสนมในวัง ต้องโดนลงโทษสถานหนักนะเพคะ ! ”