ตอนที่ 285 แผนร้ายเริ่มอีกครา
อันหลิงเกอมิรู้ว่าตนออกมาจากวังหลวงได้เยี่ยงไร จำได้เพียงแค่ฮ่องเต้สั่งลงโทษฉางอันกงจู่ด้วยการกักบริเวณเป็นเวลา 3 เดือนและให้คัดลอกพระไตรปิฎกจำนวน 1 เล่ม
ส่วนเรื่องที่ลู่จ้านสารภาพรักต่อตน นางยังรู้สึกราวกับเป็นความฝันมิใช่เรื่องจริงแม้แต่น้อย
ทว่าคนอื่นในจวนโหวมิคิดเช่นนั้น
ขอเพียงมีหลี่กุ้ยเฟยอยู่ การที่หลี่ซื่อจักส่งคนของตนเข้าไปแฝงตัวในวังย่อมมิใช่เรื่องยาก
อันหลิงเกอยังมิทันกลับถึงจวน หลี่ซื่อก็ได้ทราบข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แน่นอนว่าอันหลิงอีผู้เป็นบุตรีย่อมทราบเรื่องที่ลู่จ้านชื่นชอบอันหลิงเกอด้วยเช่นกัน
“นางตัวดี ! ”
อันหลิงอีมีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ แววตาทอประกายแค้นเคืองมากกว่าที่อันผิงกงจู่มีด้วยซ้ำ
นางเกิดมาเป็นเพียงบุตรีอนุภรรยาจึงโดนอันหลิงเกอข่มเอาไว้ ดีที่มารดาฉลาดจึง วางแผนได้อย่างแยบยลจนทำให้ฮูหยินใหญ่อันสิ้นลมและมารดาได้ขึ้นเป็นใหญ่แทน ทำให้ชีวิตของนางในจวนมิมีอันใดด้อยไปกว่าบุตรีที่เกิดจากภรรยาเอกเยี่ยงอันหลิงเกอ
หรืออาจกล่าวได้ว่าแม้แต่บุตรสาวของภรรยาเอกก็ยังมิได้มีชีวิตสุขสบายเท่านางด้วยซ้ำ
ของที่อันหลิงเกอมี ตัวนางก็มี หรือแม้กระทั่งของที่อันหลิงเกอมิมี ตัวนางกลับมี
อันหลิงเกอโดนสาวใช้รังแก แต่นางโดนเหล่าสาวใช้ยกย่องเชิดชู
ช่างเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขเหลือเกิน !
ทว่าช่วงชีวิตเช่นนั้นเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไร ?
อันหลิงอีค่อย ๆ กำมือเข้าหากันพลางหวนนึกถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมินานมานี้
ใช่แล้ว นับตั้งแต่วันนั้น วันที่อันหลิงเกอฟื้นขึ้นมาหลังจากการจมน้ำทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไป !
อันหลิงเกอราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน มิใช่คนโง่เขลาดังเดิม ผู้ใดคิดทำร้ายนางเป็นต้องแพ้ภัยตนเองทุกราย
อันหลิงเกอเป็นคนฉลาดจึงเก็บซ่อนเล่ห์เหลี่ยมเอาไว้อย่างมิดชิด ทว่าเมื่อใดก็ตามที่มีคนทำร้าย นางก็จักโต้กลับอย่างสมน้ำสมเนื้อ
“แม้แต่แม่ทัพน้อยลู่ นางก็ยังมิเว้นไปยั่วยวนเขา ช่างเป็นสตรีที่ไร้ยางอายเสียจริง วันทั้งวันเอาแต่หลอกล่อบุรุษ ! ”
อันหลิงอีพ่นคำด่าออกมาอย่างแสบสัน ใบหน้าน่ารักและมีเสน่ห์ตอนนี้แฝงไปด้วยความร้ายกาจจนทำให้คนที่มองรู้สึกหวาดกลัวไปตามตามกัน
“ผู้ที่มิปฏิบัติตามคุณสมบัติของสตรีเช่นนางสมควรติดโรคสกปรกเยี่ยงกามโรค โดนผู้คนจ้องมองอย่างขยะแขยงแล้วตายไปอย่างโดดเดี่ยว น่าอนาถถึงจักเหมาะสม ! ”
หลี่ซื่อที่มีท่าทีนิ่งขรึมเมื่อได้ยินคำกล่าวของอันหลิงอีดวงตาก็เปล่งประกายขึ้น
“อีเอ๋อ นี่เป็นความคิดที่ดียิ่งนัก ! ”
นางปรบมือ สีหน้าดูผ่อนคลายขึ้นมาทันที แววตาทอประกายแห่งความชั่วร้ายอย่างมิปิดบัง
อันหลิงอีมิรู้ว่าหลี่ซื่อกล่าวถึงเรื่องอันใดกันแน่ นางจึงถามด้วยสีหน้ามึนงง “ท่านแม่ ท่านหมายถึงอันใด ? ลูกยังมิได้กล่าวอันใดเลยนะเจ้าคะ”
“ทำให้อันหลิงเกอติดกามโรค ! ” หลี่ซื่อกดมุมปากลงแล้วยกคิ้วขึ้น ใบหน้าที่ดูอบอุ่นอ่อนโยนบัดนี้มีแต่ความชั่วร้ายครอบงำ
อันหลิงอีตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้สติอย่างรวดเร็ว นางเข้าใจความหมายของหลี่ซื่อทันที
หากทำให้อันหลิงเกอติดกามโรค ทุกคนก็จักคิดว่ามันใช้ชีวิตเน่าเฟะ เที่ยวมีความสัมพันธ์กับบุรุษไปทั่วจึงได้ติดโรคชั้นต่ำ
หากเป็นเช่นนี้อันหลิงเกอก็จักกลายเป็นหงส์ปีกหัก
จากเดิมที่ผู้คนยกย่องเชิดชูก็จักโดนผู้คนรังเกียจเหยียดหยาม เรื่องนี้แค่คิดก็ทำให้มีความสุขแล้ว !
อันหลิงอียิ้มออกมาอย่างมีความสุขพลางขยับเข้าไปข้างกายหลี่ซื่อ “แต่โรคนี้มิได้ติดกันโดยง่าย แล้วเราจักทำให้อันหลิงเกอติดโรคนี้ได้เยี่ยงไรเจ้าคะ ? ”
กามโรคคือโรคที่สตรีในหอนางโลมมักเป็นกันและแน่นอนว่าบุรุษที่เข้าออกสถานที่แบบนั้นย่อมติดโรคนี้มิน้อย
คนส่วนใหญ่ที่เป็นโรคนี้ล้วนเป็นผู้ที่มิปฏิบัติตัวตามจารีตประเพณี ลักลอบคบชู้กันจึงติดโรคนี้มา
ดังนั้นโรคนี้จึงโดนผู้คนเหยียดหยาม ทว่าโรคนี้ก็มิใช่จักแพร่ได้ง่ายเหมือนโรคฝีดาษที่แค่ถูกเสื้อผ้าข้าวของหรืออยู่ใกล้คนป่วยนาน ๆ ก็สามารถติดได้
ซึ่งการจักทำให้อันหลิงเกอติดกามโรคจึงยากมาก วิธีนี้เป็นไปมิได้แน่นอน
เมื่อคิดได้เช่นนี้อันหลิงอีก็ส่ายหน้าไปมา ดวงตาฉายแววผิดหวัง
นางอุตส่าห์ดีใจ คิดว่าในที่สุดคงสามารถเหยียบย่ำอันหลิงเกอให้จมดินได้เสียอีก แต่สุดท้ายก็เป็นไปมิได้
“อีเอ๋อ เจ้าร้อนใจอันใด ? ”
หลี่ซื่อเหลือบมองอันหลิงอี “แม่ย่อมมีวิธีทำให้อันหลิงเกอติดโรคนี้อยู่แล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าก็แค่รอดูละครสนุก”
นางอุตส่าห์ลำบากสร้างรากฐานในจวนนี้ตั้งหลายปี จักไร้เส้นสายมากเชียวหรือ ?
หากมิรู้จักสร้างอำนาจให้ตน นางจักยืนหยัดอยู่ในจวนนี้ได้เยี่ยงไร ? ส่วนพวกคนที่ฮูหยินใหญ่อันทิ้งไว้ก็ทนนางกลั่นแกล้งมิไหว ยอมศิโรราบตั้งนานแล้ว
แม้ในเวลานี้หลี่ซื่อมีท่าทีราวกับทุกสิ่งอยู่ในกำมือ แต่อันหลิงอีก็ยังมิวางใจ
นางมุ่ยปาก ทำท่าทางออดอ้อนออกมา “ท่านแม่ ท่านบอกลูกหน่อยสิเจ้าคะ”
“หากท่านบอกลูกแล้วถ้ามีอันใดผิดพลาดขึ้นมา ลูกจักได้ช่วยท่านได้เจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นหลี่ซื่อมิกล่าวสิ่งใดออกมา อันหลิงอีก็อดร้อนรนมิได้ “เรื่องกู่โมโม่ก็เป็นเพราะท่านมิยอมบอกแผนการให้ลูกรู้ สุดท้ายก็ฆ่าหมิงซินสาวใช้ของอันหลิงเกอมิสำเร็จ ทั้งยังถูกพวกมันแว้งกัดจนโดนท่านย่าตำหนิ มาครั้งนี้ท่านก็ยังมิยอมบอกลูกอีกหรือเจ้าคะ ? ”
อันหลิงอีกล่าวพร้อมเขย่าแขนของหลี่ซื่อและทำท่าทางออดอ้อน “ท่านแม่ ท่านบอกลูกเถิด บอกลูกนะเจ้าคะ”
การโดนฮูหยินผู้เฒ่าใช้กฎจวนลงโทษต่อหน้าผู้คนมากมายถือเป็นความอับอายที่ชั่วชีวิตนี้หลี่ซื่อมิมีวันลืม!
เมื่ออันหลิงอีเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก สีหน้าของนางก็ฉายแววกรุ่นโกรธทันที
หากตอนนั้นบอกเรื่องทั้งหมดให้อีเอ๋อรู้ ผลลัพธ์จักเปลี่ยนไปหรือไม่ ?
นางเองก็คาดเดามิออกเช่นกัน ภายในใจรู้สึกหงุดหงิด กอปรกับอันหลิงอีที่ยังขอร้องอยู่ข้างกายมิยอมหยุด สุดท้ายหลี่ซื่อจึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมา “แม่จักบอกเรื่องนี้ให้เจ้ารู้ แต่เจ้าต้องเก็บเป็นความลับห้ามแสดงพิรุธอันใดเด็ดขาด มิเช่นนั้นถ้าอันหลิงเกอรู้แล้ว แผนการทั้งหมดของแม่ก็เท่ากับสูญเปล่า”
“ท่านแม่วางใจเถิดเจ้าค่ะ นิสัยลูกตอนนี้ท่านยังมิรู้อีกหรือเจ้าคะ ? ” อันหลิงอีกล่าวพร้อมยิ้มออกมา แต่ดวงตาฉายแววชั่วร้าย
พวกนางต้องอับอายเพราะอันหลิงเกอนับครั้งมิถ้วน หากมิใช่เพราะบิดารักนางสองแม่ลูกมาก ในจวนนี้คงไร้พื้นที่ให้พวกนางได้ยืนตั้งนานแล้ว
และเรื่องทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะอันหลิงเกอคนเดียวเท่านั้น !
หากแค้นนี้มิได้ชำระ นางจักมิยอมเลิกราเด็ดขาด !
หลี่ซื่อเห็นว่าช่วงนี้อันหลิงอีมีท่าทีสงบนิ่งขึ้นมาก ความกังวลในใจก็ลดลงมิน้อย “เจ้ามานี่ ประเดี๋ยวแม่จักบอกแผนการให้ฟัง”
ส่วนอีกด้านหนึ่ง มู่จวินฮานที่ยังมิรู้เรื่องว่าอันหลิงเกอโดนคนสารภาพรัก กำลังก้มมองจดหมายด่วนในมือ ตัวอักษรสีแดงคล้ายเป็นการแจ้งข่าวที่มิสู้ดีเอาเสียเลย