ตอนที่ 297 กลับตาลปัตร
ช่วงนี้เป็นช่วงที่อันอิงเฉิงมีความสุขมาก ต่อให้งานที่หน่วยเซินจีหยิงยุ่งจนมิมีแม้แต่เวลาพักดื่มน้ำเขาก็ยังมีความสุข
เหตุเพราะตอนนี้ฮ่องเต้ไว้วางพระทัยในตัวเขามากยิ่งขึ้น อันอิงเฉิงผู้ที่ถูกฮ่องเต้เคลือบแคลงสงสัยและเพิกเฉยมานานนับสิบปี เพียงแค่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญต่อเขาเส้นทางขุนนางก็เปลี่ยนไปทันที ซึ่งตอนนี้เขาได้กลายเป็นขุนนางที่มีอำนาจอยู่ในมืออย่างแท้จริง
ด้วยความสุขที่มากล้นจึงทำให้เขาลืมเรื่องวุ่นวายมากมายที่เกิดขึ้นภายในจวนไปเสียสนิท กระทั่งได้ยินเสียงร้องของอันหลิงอีจึงทำให้เขามายังเรือนแห่งนี้
วันนี้เป็นวันหยุดของเหล่าขุนนาง เมื่อได้ยินเสียงร้องของบุตรี อันอิงเฉิงย่อมต้องรีบมาดูเป็นธรรมดา
เมื่อเขามาถึงก็พบว่าในห้องมีผู้คนอยู่เต็มไปหมด แต่คนเหล่านั้นก็มิอาจเรียกความสนใจจากเขาได้เท่ากับสองคนที่อยู่บนเตียง
หนุ่มสาวอยู่ด้วยกันบนเตียง อีกทั้งเสื้อผ้าที่สวมใส่ยังหลุดลุ่ย ใบหน้าของอันหลิงอีซีดเผือดด้วยความตระหนก…
ภาพต่าง ๆ ล้วนปรากฏต่อสายตาของอันอิงเฉิงทำให้เขาหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเพราะโทสะจนแทบกระอักเลือดออกมา
เหล่าสาวใช้ยืนตัวสั่นอยู่ด้านข้าง มิกล้าเอ่ยคำใดออกมา ต่างยืนก้มหน้านิ่งราวกับไร้ตัวตน
เดิมทีคิดว่าจักจับชายคนนั้นไว้แล้วใส่ร้ายว่าเป็นขโมย แต่พวกนางยังมิทันได้ทำอันใด อันอิงเฉิงก็มาถึงเสียแล้ว
หลี่ซื่อตั้งสติได้ก่อนใคร นางจึงฉีกยิ้มออกมา “ท่านพี่มาเสียที โจรผู้นี้มิรู้ว่าเข้ามาได้อย่างไร มันต้องการเข้ามาขโมยของแต่ใครจักนึกว่าอีเอ๋อเห็นมันเข้าพอดีเจ้าค่ะ”
นางมองอันหลิงอีด้วยแววตาตำหนิครู่หนึ่งแต่น้ำเสียงยังเรียบนิ่ง “ทว่าอีเอ๋อมุทะลุอยากจับตัวโจรชั่วเอาไว้จึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเจ้าคะ”
“โกหก ! ”
ชายที่โดนสาวใช้ล้อมเอาไว้ตะโกนออกมา “บุตรสาวของเจ้าเป็นคนยั่วยวนข้าเอง นางให้ข้ามีสัมพันธ์ด้วย แต่ใครจักคิดว่านางใจดำมาก พอเสร็จสมอารมณ์หมายแล้วก็ทำเป็นมิรู้จักข้าเสียอย่างนั้น ! ”
หลี่ซื่อนึกว่าขอแค่นางยืนยันว่าชายตรงหน้าคือโจรชั่วที่ไร้ความเกี่ยวข้องใดกับอันหลิงอีก็สามารถรักษาชื่อเสียงของบุตรีไว้ได้
แต่ชายร่างกำยำคนนั้น นอกจากเอ่ยวาจาหยาบคายแล้วยังกล้าเอ่ยอีกว่าอันหลิงอีเป็นฝ่ายยั่วยวนให้เขามีความสัมพันธ์ด้วย !
“เจ้าพูดเหลวไหลอันใด ! อีเอ๋อเป็นเด็กดีแล้วจักไป…จักไปยั่วยวนเจ้าได้อย่างไร ! ”
หลี่ซื่อถลึงตาใส่ชายผู้นั้น ใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะเต็มไปด้วยไฟโทสะ
หลังจากอันอิงเฉิงเข้ามาแล้ว อันหลิงอีก็ได้แต่นั่งตัวสั่นโดยมิกล้าเอ่ยสิ่งใด มีเพียงน้ำตาไหลรินออกมา มองแล้วช่างน่าสงสารยิ่งนัก
ชายคนนั้นหัวเราะออกมาเสียงเย็น ใบหน้าดูโหดเหี้ยม “ที่นี่คือจวนโหวมิใช่หรือ ? มีทหารยามหลายร้อยนายคอยดูแลอยู่ หากมิใช่นางเองที่กันทหารยามและซื้อตัวยามเฝ้าประตูไว้ ข้าจักเข้ามาในนี้ได้อย่างไร?”
สีหน้าโกรธเกรี้ยวของหลี่ซื่อนิ่งค้างไปทันที เนื่องจากคำที่เขาเอ่ยออกมามิผิดเลย หากไร้คนไปจัดการเรื่องทหารยามให้แล้ว คนนอกย่อมมิมีทางเข้ามาในนี้ได้อย่างแน่นอน !
ทว่าคนที่สามารถกันทหารออกไปมิได้มีเพียงอันหลิงอี เพราะอันหลิงเกอก็ทำได้เช่นกัน !
ดวงตาของหลี่ซื่อแดงก่ำ จากนั้นก็ได้ยินเสียงของอันหลิงเกอดังขึ้น “น้องหญิงสาม เกิดอันใดขึ้น ? ”
เรือนของอันหลิงเกออยู่ห่างจากอันหลิงอีพอสมควร จักว่าไปแล้วนางมิควรได้ยินเสียงร้องของอันหลิงอีด้วยซ้ำ แต่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเช่นนี้ย่อมต้องมีสาวใช้ไปแจ้งข่าวให้นางทราบอยู่แล้ว นางจึงรีบนำคนมาที่เรือนของอันหลิงอีทันที
ทันทีที่เห็นอันหลิงเกอเดินเข้ามา หลี่ซื่อก็ทำราวกับเห็นศัตรูคู่อาฆาต ดวงตาวาวโรจน์มองแล้วช่างน่ากลัวยิ่งนัก “อันหลิงเกอ เจ้าทำเรื่องทั้งหมดนี้ใช่หรือไม่ ? ”
นางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโมโหและอยากกระโจนเข้าไปฉีกเนื้ออันหลิงเกอออกเป็นชิ้นให้รู้แล้วรู้รอด
อันหลิงเกอกะพริบตาปริบ ๆ สายตามองไปรอบห้องและเมื่อเห็นชัดว่าเกิดอันใดขึ้น นางจึงหลุบตาลงพร้อมมีท่าทีเศร้าเสียใจ
“หลี่อี๋เหนียง ข้ารู้ว่าท่านเสียใจที่ความบริสุทธิ์ของน้องหญิงสามโดนทำลาย ทว่าต่อให้เสียใจมากเพียงใดก็มิควรโยนความผิดให้ข้าเช่นนี้”
นางมาถึงมิทันไรก็กล้าพูดออกมาเต็มปากเต็มคำว่าอันหลิงอีโดนทำลายความบริสุทธิ์ไปแล้ว ทำให้หลี่ซื่อโกรธจนตัวสั่น แม้แต่ริมฝีปากก็มีอาการสั่นอย่างเห็นได้ชัด คำพูดที่อยากเปล่งออกมาก็ติดอยู่ในลำคอ
อันหลิงอีร้องไห้เสียงดังคล้ายว่าเพิ่งได้สติจากอาการตกใจเมื่อครู่ “ท่านพ่อ ท่านต้องช่วยคืนความเป็นธรรมให้ลูกนะเจ้าคะ ! ”
ร่างกายของนางถูกคลุมไว้ด้วยเสื้อคลุมอีกตัว แม้การเห็นคนใส่เสื้อคลุมกลางฤดูร้อนเช่นนี้ดูแปลกอยู่บ้าง แต่มันก็ช่วยปกปิดร่องรอยต่าง ๆ บนตัวของนางได้เป็นอย่างดี
อันอิงเฉิงเห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็อดรู้สึกสงสารมิได้ “เจ้าวางใจ พ่อจักมิปล่อยโจรชั่วนี้ไปเด็ดขาด ! ”
เขาหันไปมองที่ชายคนนั้นและเห็นอีกฝ่ายไร้ท่าทีตื่นตระหนกแต่อย่างใด “ท่านโหวอัน ข้ายอมทำเรื่องเยี่ยงนั้นกับบุตรสาวของท่านก็ถือว่าดีมากแล้ว ท่านคงยังมิรู้ว่าบุตรีมิรักดีของท่านติดเชื้อกามโรค ! ”
ประโยคนั้นทำให้อันอิงเฉิงถึงขั้นหน้ามืดขึ้นมาทันที หูทั้งสองข้างราวกับมีเสียงวิ้งวิ้งดังอยู่ตลอดเวลา
“อย่าฟังคำพูดเหลวไหลของมันเจ้าค่ะ ! ” หลี่ซื่อได้ยินคำว่ากามโรคแล้วภายในใจก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าอันอิงเฉิงก็ยังแสร้งทำสงบนิ่งเอาไว้ “อีเอ๋อของเรายังบริสุทธิ์ผุดผ่อง นางจักเป็นกามโรคได้เยี่ยงไร ! ”
นางเขย่าแขนของอันอิงเฉิงจนในที่สุดเขาก็ได้สติคืนมา
“โจรชั่วช้า กล้าดีอย่างไรมาเอ่ยวาจาเหลวไหลเช่นนี้ ข้าจักจัดการเจ้าเดี๋ยวนี้ ! ” เขาชี้มือแสนสั่นเทาไปยังชายคนนั้น
ชายร่างกำยำแสยะยิ้มออกมา จากนั้นก็มองอันหลิงอีอย่างดูถูกพร้อมผิวปากเช่นที่พวกอันธพาลชอบทำใส่สตรี
“หากท่านโหวอันมิเชื่อก็ไปเรียกหมอมาตรวจแล้วจักรู้ว่านางเป็นกามโรคจริงหรือไม่ ! ”
โดยปกติแล้วระยะฟักตัวของเชื้อกามโรคค่อนข้างนาน ( ประมาณ 9-90 วัน ) ดังนั้นหากเป็นระยะที่เพิ่งรับเชื้อย่อมมิมีทางตรวจพบแน่นอน
เมื่อวานนี้อันหลิงอีกับหลี่ซื่อแค่ยกตัวอย่างขึ้นมาเพื่อถามท่านหมอพร้อมให้เขาช่วยเขียนใบสั่งยาให้ จากนั้นก็รีบส่งตัวท่านหมอกลับไป
ตอนนี้ได้ยินว่าจักเชิญท่านหมอมาอีก พวกนางจึงมิรู้สึกตระหนกแต่อย่างใด
อันหลิงอีเพิ่งโดนเข็มที่มีโลหิตของผู้ป่วยกามโรคทิ่มเมื่อวาน ต่อให้ติดเชื้อแล้วจริง ๆ อย่างไรเสียตอนนี้ท่านหมอก็ตรวจมิพบอยู่ดี !
“ไปเชิญท่านหมอมา ! ” หลี่ซื่อจ้องชายคนนั้นอย่างเคียดแค้น “รอให้ท่านหมอมาตรวจ แล้วข้าจักให้ท่านโหวสั่งลงโทษเจ้า ! ”
นางนึกเอาไว้แล้วว่าอย่างไรท่านหมอก็มิพบอาการของโรคในตัวอันหลิงอีอยู่แล้ว รอเพียงนางหาผู้อาวุโสยอดฝีมือคนนั้นพบแล้วให้เขาช่วยรักษาอันหลิงอี เท่านี้ก็เหมือนว่าเรื่องทั้งหมดมิเคยเกิดขึ้นมาก่อน
อันหลิงเกอมองสีหน้าของหลี่อี๋เหนียงตลอดเวลาพลางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย
เรื่องวันนี้ถือเป็นการตอบโต้จากนางแล้วนึกหรือว่านางจักปล่อยให้สองแม่ลูกหนีรอดไปได้ ?
ท่านหมอของจวนมาถึงอย่างรวดเร็วและเมื่อเห็นบรรยากาศภายในห้องของอันหลิงอีที่เต็มไปด้วยความเคร่งเครียดก็มิกล้ากล่าวอันใดทั้งสิ้น ทำได้เพียงรีบเดินเข้าไปตรวจชีพจรให้อันหลิงอี ทว่าใบหน้าของท่านหมอพลันซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด
“ท่านหมอ เป็นอย่างไรบ้าง อีเอ๋อป่วยเป็นอันใดหรือไม่ ? ” อันอิงเฉิงเห็นสีหน้าของท่านหมอเปลี่ยนไปก็รีบถามขึ้นมา
มือของท่านหมอที่ยังตรวจชีพจรบนข้อมือของอันหลิงอีก็ยกขึ้นทันทีราวกับสัมผัสโดนของสกปรกน่าขยะแขยงอย่างไรอย่างนั้น จากนั้นจึงรีบเก็บของด้วยความรวดเร็ว สายตาที่มองมายังอันหลิงอีดูแปลกออกไปและแฝงไว้ด้วยความดูถูก