ตอนที่ 300 เสียโฉม
อันหลิงอีรู้สึกเย็นวาบที่ใบหน้าขึ้นมาวูบหนึ่ง จากนั้นนางก็รู้สึกเหมือนว่ามีน้ำบางอย่างไหลซึมลงมา
นางจึงยกมือขึ้นสัมผัสก็พบว่ามีโลหิตเปื้อนอยู่ที่ใบหน้าของตน
“จับมันให้ได้ ! ”
ความหวาดกลัวจากการโดนกรีดใบหน้าทำให้อันหลิงอีกรีดร้องอย่างหนัก
ทหารยามวิ่งตามชายคนนั้นออกไปทว่ามิเห็นแม้แต่เงา
“ค้นหาตัวมันให้ทั่ว ! ”
อันอิงเฉิงสั่งด้วยความโกรธ มีโจรบุกเข้ามาถึงในจวนทั้งยังทำลายความบริสุทธิ์และใบหน้าบุตรีของตนอีก ทั้งชีวิตเขามิเคยได้รับความอับอายเช่นนี้มาก่อน !
อันหลิงเกอที่ยืนอยู่ข้างอันอิงเฉิงก็กล่าวด้วยความลังเล “ท่านพ่อ ตอนนี้น้องหญิงสามสำคัญที่สุดเจ้าค่ะ”
นางใช้การกระทำนี้พิสูจน์สัญญาเมื่อครู่ที่บอกว่าจักให้ความเป็นธรรมแก่อันหลิงอี “โจรผู้นั้นดูแล้วคงมีวรยุทธสูงพอตัว ลูกเกรงว่าทหารยามของจวนคงตามจับมิได้หรอกเจ้าค่ะ มิสู้เราเอาเวลามาหาทางจัดการเรื่องของน้องหญิงสามดีกว่าเจ้าค่ะ”
อันอิงเฉิงที่กำลังโมโหมาก พอได้ยินสิ่งที่นางกล่าวจึงสูดลมหายในเข้าและระงับโทสะเอาไว้
อันหลิงเกอพูดถูกว่าเรื่องของโจรเป็นเรื่องรอง ส่วนอันหลิงอีถือเป็นเรื่องสำคัญกว่า
หลี่ซื่อเห็นรอยมีดกรีดอยู่บนใบหน้าของอันหลิงอีแล้วภายในแววตาจึงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
นางสงสารที่บุตรีต้องมารับเคราะห์เช่นนี้และโกรธแค้นโจรชั่วที่บังอาจทำร้ายอันหลิงอี !
“รีบมาดูใบหน้าของอีเอ๋อเร็วเข้า ! ”
หลี่ซื่อรีบสั่งหมอที่อยู่ด้านข้างทันที อีเอ๋อของนางต่อไปต้องแต่งกับมู่ซื่อจื่อแล้วจักเสียโฉมมิได้เด็ดขาด !
ท่านหมอก็มิได้รอช้า แม้ในใจดูถูกอันหลิงอีเรื่องที่นางติดกามโรค แต่เขาเป็นหมอของจวนโหว มิว่าอย่างไรเขาต้องรักษานางตามหน้าที่
เขาเดินขึ้นหน้าเพื่อดูบาดแผลให้อันหลิงอี บาดแผลนั้นกว้างประมาณครึ่งนิ้วก้อยมีความยาวตั้งแต่หางตาลงมาจนถึงปากของอันหลิงอีและมีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลจำนวนมาก มองแล้วช่างน่ากลัวราวกับปิศาจอย่างไรอย่างนั้น
ท่านหมอหยิบยารักษาบาดแผลหลายอย่างออกจากกระเป๋าด้วยมืออันสั่นเทา จากนั้นก็ป้ายยาที่เป็นขี้ผึ้งปิดทับอีกที เลือดจึงค่อย ๆ หยุดไหล
“เป็นอย่างไรบ้าง ใบหน้าของอีเอ๋อจักมีแผลเป็นหรือไม่ ? ”
สิ่งแรกที่หลี่ซื่อถามก็คือปัญหาที่อันหลิงอีกังวลที่สุด
หลังจากเก็บยาเรียบร้อยแล้ว ท่านหมอจึงส่ายศีรษะ “บาดแผลของคุณหนูสามลึกมาก ข้าทำได้เพียงห้ามเลือดให้เท่านั้น ส่วนต่อไปจักฟื้นฟูได้เพียงใด ข้าเองก็รับประกันมิได้ขอรับ”
เฮ้อ กล่าวกันว่าคนที่ภายนอกน่าสงสารมักมีเรื่องน่ารังเกียจซ่อนอยู่ วันนี้เขาเข้าใจความหมายของคำนี้แล้ว
หากคุณหนูสามรักนวลสงวนตัวมิออกไปมั่วสุมกับชายอื่นแล้วจักติดกามโรคและถูกผู้ชายพรรค์นั้นกรีดหน้าได้อย่างไร ?
บาดแผลที่ลึกเช่นนี้ย่อมต้องทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้อย่างแน่นอน ชีวิตของคุณหนูสามถือว่าจบสิ้นแล้ว
“รับประกันมิได้ ? เจ้าหมายความว่าหน้าของข้าจักมีแผลเป็นอย่างนั้นหรือ ? ”
อันหลิงอีกุมใบหน้าของตนเอาไว้ มิอยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
นางเพียงแค่หลับไปตื่นหนึ่ง เหตุใดอยู่ ๆ ในห้องถึงได้มีผู้ชายประหลาดปรากฏตัวได้ แถมยังทำลายความบริสุทธิ์และใบหน้าของนางอีก ?
“ข้าขอสั่งให้เจ้ารักษาข้าจนหายให้ได้ ! ” นางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าโกรธแค้น
ท่าทางโวยวายของนางทำให้ความสงสารที่ท่านหมอมีหายไปในพริบตา มุมปากของเขาเหยียดตรงและมีท่าทีมิพอใจขึ้นมา “คุณหนูสาม ข้าด้อยความสามารถคงรักษาใบหน้าของท่านมิได้ ต่อให้ท่านบังคับข้าอย่างไรก็ไร้วิธีรักษาอยู่ดี”
มือของอันหลิงอีตกลงข้างลำตัวทันทีราวกับคนหมดเรี่ยวแรง
นางแค่ต้องการกลั่นแกล้งอันหลิงเกอเพื่อได้แต่งงานกับมู่ซื่อจื่อเท่านั้น เหตุใดสวรรค์ต้องให้นางพบเจอเรื่องเช่นนี้ด้วย ?
ความเกลียดชังได้ปรากฏขึ้นในดวงตาของอันหลิงอีและกระพือขึ้นมาราวกับพายุลูกใหญ่
นางเงยหน้าขึ้นและจ้องอันหลิงเกอ “อันหลิงเกอ เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเจ้าทำร้ายข้า ! ”
เพราะอันหลิงเกอที่มิยอมเก็บผ้าปักลายจึงมิติดกามโรคจนทำให้นางโดนคนรังแกและเสียโฉมเช่นนี้ !
เป็นเพราะอันหลิงเกอ เพราะนางที่กดหัวตนมาตั้งแต่เกิด แย่งมู่ซื่อจื่อไปจากตน ทั้งหมดนี่เป็นเพราะมัน !
เสียงกรีดร้องของปิศาจดังขึ้นในสมองของอันหลิงอี แววตาของนางเต็มไปด้วยความเคียดแค้น จากนั้นก็ยื่นมือไปที่หน้าของอันหลิงเกอ
หากนางต้องเสียโฉม อันหลิงเกอก็อย่าหวังว่าจักรอดไปได้ !
อันหลิงอีพุ่งเข้าหาอันหลิงเกอทันที การกระทำนี้อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคน อีกทั้งนางยังอยู่ใกล้กับอันหลิงเกอเพียงเอื้อมมือเท่านั้น เล็บของนางเกือบโดนใบหน้าของอีกฝ่ายเข้าแล้ว
เล็บที่แหลมคมคล้ายมีรอยเลือดเล็ก ๆ ติดอยู่ รูม่านตาของอันหลิงเกอหดลงทันทีด้วยความตกใจพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไป
หากอันหลิงอีข่วนโดนใบหน้านาง การเสียโฉมนั้นถือเป็นเรื่องเล็ก แต่การติดกามโรคจากอันหลิงอีต่างหากถือเป็นเรื่องใหญ่
“คุณหนูใหญ่ระวัง ! ”
พริบตาเดียวชางเยว่ก็กระโดดออกมาจากด้านหลังของอันหลิงเกอ นางจับข้อมือของอันหลิงอีไว้และสามารถหยุดการกระทำแสนชั่วร้ายเอาไว้ได้ นิ้วที่พยายามยื่นไปข้างหน้าโดนชางเยว่กดไว้แน่นจนมิสามารถขยับได้
เสียง กร๊อบ ดังขึ้น ทันทีที่ชางเยว่พลิกมือก็ทำให้อันหลิงอีถึงกับข้อมือหัก
“เจ้ากล้าดีอย่างไร ! ”
อันหลิงอีร้องโหยหวน หลี่ซื่อจึงรีบตวาดออกมาเสียงดังพร้อมชี้หน้าชางเยว่และสายตาราวกับจักฉีกนางออกเป็นชิ้น “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายเจ้านายเช่นนี้ ทั้งยังบังอาจหักข้อมือของอีเอ๋ออีก เด็กเด็ก เอามันไปโบยจนตาย ! ”
สาวใช้คนนี้ดูก็รู้ว่าเป็นคนของอันหลิงเกอ นางจึงต้องการฆ่าสาวใช้คนนี้เพื่อแก้แค้นบ้าง
“หยุดก่อน”
ทหารยามยังมิทันขยับ อันหลิงเกอก็ยืนขึ้นทันที
นางมองไปยังหลี่อี๋เหนียง ใบหน้าที่แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นบัดนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปเหลือไว้เพียงสายตาเย็นชาเท่านั้น
“น้องหญิงสามจักมาระบายความแค้นกับข้า ต้องการทำลายใบหน้าของข้า สาวใช้ของข้าเพียงแค่ช่วยเจ้านายเท่านั้น สาวใช้ที่ซื่อสัตย์เช่นนี้ เหตุใดหลี่อี๋เหนียงต้องสั่งโบยนางจนตายด้วย ? ”
หากอยากใช้โอกาสนี้กำจัดชางเยว่ก็ต้องถามนางก่อนว่ายอมหรือไม่ !
มือที่โดนหักของอันหลิงอีบิดงอและตกลงข้างลำตัว นางยังร้องโหยหวนมิหยุด หน้าตาที่บิดเบี้ยวแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวด
ต่อให้เป็นเช่นนี้นางก็ยังมองอันหลิงเกออย่างเคียดแค้น “มันทำร้ายข้า เหตุใดข้าจัดการมันมิได้ ? ”
“น้องหญิงสาม เจ้าอย่าลืมว่าตอนนี้เจ้าติดกามโรคและมือของเจ้ายังเปื้อนเลือด หากเจ้ามาโดนตัวข้า มิแน่ข้าอาจติดโรคนี้ไปด้วย”
สายตาที่มองไปยังอันหลิงอีแฝงไว้ด้วยความเหยียดหยาม “เจ้าเป็นเพียงบุตรของอนุภรรยา มิจำเป็นต้องสนใจความบริสุทธิ์ของตนก็ได้ แต่ข้าเป็นบุตรจากภรรยาเอกของท่านพ่อจึงถือเป็นหน้าตาของตระกูลอัน หากข้าติดกามโรคขึ้นมา ผู้อื่นจักมองตระกูลของเราเยี่ยงไร ? ”