ตอนที่ 306 ครึกครื้น
“ข้าอยู่แต่ในจวนแล้วจักเกิดเรื่องอันใดขึ้น ? อีกอย่างถ้าเจ้ารีบทำเรื่องนี้ให้สำเร็จแล้วกลับมาอยู่ข้างกายข้าโดยเร็ว มู่ซื่อจื่อก็ตำหนิเจ้ามิได้”
ชางเยว่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พ่ายแพ้แก่ดวงตาที่เปล่งประกายของอันหลิงเกอจนต้องพยักหน้าจำยอม
แต่อันหลิงเกอหารู้ไม่ว่าการตัดสินใจครั้งนี้เกือบทำให้ตนเอาชีวิตมิรอดเสียแล้ว
ฤดูร้อนมาเร็วเสมอราวกับว่าพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปอีกฤดูกาล
ดวงอาทิตย์ที่ร้อนแรงราวจักแผดเผาผู้คนที่อยู่เบื้องล่าง หากอยากไปนอนใต้เงาต้นไม้ก็ถูกเสียงใบไม้ที่พัดไปมาคอยก่อกวนจนรู้สึกรำคาญเสียหมด
อันหลิงเกอยืนอยู่หน้าโต๊ะตัวหนึ่ง ในมือกำลังถือพู่กันชั้นยอดแล้วค่อย ๆ จรดปลายพู่กันลงบนกระดาษที่ขาวราวหิมะ เสียงจักจั่นลอยมามิได้ทำให้นางหงุดหงิด
ปี้จูถือชามซุปถั่วเขียวเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนู รีบมาทานซุปถั่วเขียวเย็น ๆ ดีกว่าเจ้าค่ะ ช่วยคลายร้อนได้ดีเลยเจ้าค่ะ”
เมื่อก่อนคุณหนูโดนหลี่ซื่อสองแม่ลูกคอยควบคุม พวกคนรับใช้ต่างก็สรรหาวิธีกลั่นแกล้งคนเรือนฉีอู๋ ฤดูร้อนที่เรือนนี้จึงมิมีแม้แต่ซุปถั่วเขียวเย็น ๆ ให้ทานเสียด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้มิเหมือนเดิมอีกต่อไป คุณหนูได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของหลี่ซื่อและค่อย ๆ เข้ามากุมอำนาจของเหล่าคนใช้เอาไว้ อีกทั้งยังกลายเป็นคนสำคัญของท่านโหวและฮูหยินผู้เฒ่า ยังได้รับตำแหน่งเป็นหมอหญิงแห่งต้าโจวอีกด้วย
พวกคนใช้ต่างรู้ดีจึงเตรียมซุปถั่วเขียวเย็นเอาไว้ล่วงหน้า เมื่อเห็นนางเข้าไปในครัวก็ยื่นมาให้ทันที
ปี้จูดีใจมากและรู้สึกภูมิใจในตัวของอันหลิงเกอยิ่งขึ้นไปอีก คุณหนูของนางเป็นคนเก่งที่สุดจริง ๆ
อันหลิงเกอที่กำลังยุ่งอยู่กับการวาดภาพให้เสร็จสมบูรณ์จึงสั่งให้ปี้จูนำซุปไปวางไว้ที่โต๊ะก่อน จากนั้นก็ขยับพู่กันแต้มก้อนเมฆก้อนสุดท้ายจนเสร็จ ก่อนจักวางพู่กันและเดินมานั่งยังโต๊ะตัวนั้น
นางยกชามซุปขึ้นจากนั้นก็หยิบช้อนเพื่อตักชิม ความหวานและเย็นน้อย ๆ ที่เข้าปากทำให้จิตใจรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก
“มิเลว” นางชมออกมาทันทีที่ได้ชิม จากนั้นจึงถามต่อ “มีคนส่งไปให้ท่านย่ากับท่านพ่อแล้วหรือยัง ? ”
“ส่งไปแล้วเจ้าค่ะ” ปี้จูตอบกลับทันที “ตอนที่บ่าวออกมาจากครัวยังเห็นสาวใช้ข้างกายของนายหญิงหลี่อยู่เลยเจ้าค่ะ ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าและนายท่านคนของห้องครัวจักส่งให้เองเจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอพยักหน้าจากนั้นก็ค่อย ๆ ละเลียดทานซุปจนหมด เสร็จแล้วจึงเรียกปี้จูมาดูภาพที่นางเป็นคนวาดเอง
“สวยมากเจ้าค่ะ ! ”
ทันทีที่คลี่กระดาษสีขาวออกก็เผยให้เห็นภาพวาดจากหมึกสีดำ เป็นรูปทะเลและเมฆอันงดงาม
ปี้จูเห็นแล้วก็ปรบมือออกมา นางรู้ว่าคุณหนูสามารถเขียนอักษรได้สละสลวย แต่มิเคยเห็นอันหลิงเกอวาดภาพมาก่อน พอวันนี้ได้เห็นกับตาจึงทำให้ตกตะลึงมิน้อย
มุมปากของอันหลิงเกอยกขึ้นทันที “นี่เป็นภาพเลียนแบบผลงานของอาจารย์จาง ได้ยินว่าติ้งกั๋วกงชอบภาพวาดโดยเฉพาะผลงานของอาจารย์จาง แต่ผลงานอาจารย์มีเหลือมิกี่ภาพ ทำให้เขารู้สึกเสียใจอย่างมาก หากข้านำภาพนี้มอบให้ก็คาดว่าติ้งกั๋วกงคงดีใจมิน้อย”
มิเพียงติ้งกั๋วกงที่จักมีความสุข นางเองก็มีความสุขเช่นกัน แต่หลี่ซื่อสองแม่ลูกคงรู้สึกมิดีเป็นแน่
แววตาสีดำสนิทที่ลุ่มลึกของอันหลิงเกอเป็นประกายระยิบระยับ
ฐานะของนางในจวนตอนนี้มั่นคงแล้วจักมิยอมอยู่เฉยให้โดนรังแกอีกต่อไป
สิ่งที่นางจักทำคือการชิงลงมือก่อน ให้หลี่อี๋เหนียงค่อย ๆ ชดใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ติดค้างนางจนหมด !
ปี้จูยังมิรู้แผนการในใจของเจ้านาย กำลังนึกอยู่ว่าคุณหนูไปสนิทสนมกับคนของจวนติ้งกั๋วกงตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดนางมิรู้เรื่องเลย ?
มิว่าอันหลิงเกอสนิทสนมกับคนของจวนติ้งกั๋วกงหรือไม่ ปี้จูก็ยังเอ่ยชมออกมา “ภาพของคุณหนูสวยถึงเพียงนี้ มีผู้ใดบ้างมิชอบเจ้าคะ ? ”
หากคุณหนูวาดภาพให้นางบ้าง นางจักนำไปแขวนไว้อย่างดีแล้วคอยเช็ดวันละสามเวลาไปเลย !
ปี้จูมองคุณหนูของตนด้วยแววตาเลื่อมใสก็โดนอันหลิงเกอนำภาพวาดมาวางไว้บนมือ
“เก็บภาพนี้ไว้ให้ดี รอให้ถึงพรุ่งนี้ค่อยส่งไปจวนติ้งกั๋วกง ระวังอย่าให้ภาพเสียหายเด็ดขาด”
ปี้จูรับคำอย่างหนักแน่น นางม้วนภาพแล้วนำไปเก็บ จากนั้นก็หากล่องใส่อย่างเรียบร้อย
เวลาหนึ่งวันผ่านไปไวเหมือนโกหกและก็มาถึงงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดของติ้งกั๋วกง
ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งงานเหล่าสาวใช้และแม่นมตั้งแต่เช้าตรู่ ทุกคนยุ่งวุ่นวายกับการส่งน้ำชาของว่าง เสื้อผ้าและเครื่องประดับให้เจ้านายทุกคน
แม้แต่อันหลิงเฉว่ที่โดนกักบริเวณก็ยังถูกปล่อยออกมา หลายวันมานี้นางโดนแม่นมจากในวังคอยสั่งสอนสิ่งต่าง ๆ จนดูซูบเซียวไปมิน้อย แม้แต่ใบหน้าที่มักแสร้งทำบอบบางไร้เดียงสาก็หายไปจนหมด มีเพียงแววตาที่ยังทอประกายความชั่วร้ายออกมาเป็นครั้งคราว ทำให้คนได้รู้ว่าที่จริงแล้วนางมิได้เรียบร้อยอ่อนหวานอย่างที่แสดงออกมา
มิว่าอย่างไรวันนี้ก็ถือว่าคึกคักมากเป็นพิเศษเพราะต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าทุกคนต้องแสร้งสามัคคีกันเอาไว้ มิมีใครกล้าทำให้ฮูหยินผู้เฒ่ามิพอใจในเวลานี้ทั้งสิ้น
อันอิงเฉิงให้คนไปเร่งเจ้านายทุกคน จนกระทั่งพร้อมเพรียงกันแล้วจึงสั่งให้เริ่มออกเดินทางทันที
อันหลิงเกอนั่งรถม้าเพียงคนเดียว ด้านหน้าของนางมีธัญพืชและของว่างวางอยู่ แต่นางมิได้แตะต้องแม้แต่น้อย ทำเพียงหลับตาลงเพื่อพักผ่อนเท่านั้น
ปี้จูและหมิงซินที่นั่งอยู่ด้านข้างจึงมิกล้าส่งเสียงรบกวน ทำเพียงเปิดม่านบนรถม้าเบา ๆ เพื่อมองร้านค้าหาบเร่ที่เรียงรายอยู่ตามข้างทาง
เวลาผ่านไปราว 1 ก้านธูป ทุกคนก็มาถึงจวนติ้งกั๋วกง
ประตูหน้าจวนติ้งกั๋วกงมีรถม้าจอดเป็นแถวยาว มีทั้งคันเล็กคันใหญ่ตั้งแต่แบบธรรมดาไปจนถึงแบบหรูหรา หน้าประตูมีพ่อบ้านยิ้มแย้มคอยนำทางให้บรรดาแขกอยู่ตลอดเวลา
พวกอันอิงเฉิงเพิ่งลงจากรถม้า เมื่อพ่อบ้านหันมาเห็นจึงรีบเข้ามาต้อนรับพร้อมยิ้มร่าราวกับดอกไม้ “ท่านโหวอันนี่เอง เชิญขอรับ นายท่านกำลังรออยู่เลยขอรับ”
อันอิงเฉิงพยักหน้ายิ้ม ๆ แล้วเดินตามพ่อบ้านเข้าไป
ทันทีที่เข้ามาในจวนก็เห็นบรรดาฮูหยินและเหล่าคุณหนูมากมายแต่งกายอย่างประณีตงดงาม ซึ่งในนั้นก็มีเหล่าผู้สูงอายุมิน้อยทีเดียว
ฮูหยินผู้เฒ่าวันนี้สวมชุดที่หรูหราและเป็นทางการ ท่อนบนเป็นเสื้อคอกลมสีครีมปักดิ้นทองลายดอกเบญจมาศและดอกเฟิ่งเหวย ( ดอกหงอนไก่ ) สวมคู่กับกระโปรงจับจีบรอบตัวสีเทา ศีรษะประดับด้วยปิ่นปักผมยาวรูปดอกไม้ทำจากทองฝังด้วยหยกทรงใบมะกอก เพียงมองปราดเดียวก็ทำให้รู้สึกถึงความหรูหราและมีชีวิตชีวามาก
“ท่านย่า ที่นี่ครึกครื้นเสียจริงเจ้าค่ะ”
เมื่อเข้ามาภายในงานเลี้ยง งานยังมิทันเริ่ม อันหลิงเฉว่ก็เข้าไปนั่งด้านข้างของฮูหยินผู้เฒ่าและกล่าวออกมาอย่างออดอ้อน “เฉว่เอ๋อมิได้เห็นบรรยากาศครึกครื้นเช่นนี้มานานแล้วเจ้าค่ะ”
ด้านหนึ่งนางกำลังชื่นชมงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ของจวนติ้งกั๋วกง อีกด้านก็กำลังคร่ำครวญว่านางเป็นสาวแต่โดนฮูหยินผู้เฒ่าสั่งกักบริเวณ วันทั้งวันอยู่แต่ในเรือนจนนางเบื่อจักตายอยู่แล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกสงสารมิน้อย