ตอนที่ 308 แย่งที่นั่ง
เมื่อฮูหยินหมิงจูถามเช่นนี้ออกมาก็ส่งผลให้บรรยากาศรื่นเริงเงียบลงทันใด
ในงานวันคล้ายวันเกิดติ้งกั๋วกงคงมีเพียงฮูหยินหมิงจูเท่านั้นที่กล้ากล่าวออกมาตามตรงว่ามิพอใจผู้ใด
คนอื่นต่างก็ยุ่งอยู่กับการยกยอติ้งกั๋วกง บ้างคอยตีสนิทกับคนของจวนติ้งกั๋วกง มิว่าอย่างไรก็มิกล้าพูดทำลายบรรยากาศในเวลานี้เด็ดขาด
มีเพียงฮูหยินหมิงจูที่มีศักดิ์เป็นถึงเสด็จป้าของฮ่องเต้ อีกทั้งไร้ความเกี่ยวข้องใดกับอำนาจทางการเมือง การแย่งชิงอำนาจทางการเมืองก็มิสามารถทำอันใดนางได้ ต่อให้ขัดขาผู้ใดเข้าก็มิจำเป็นต้องกลัว
อันหลิงเฉว่นึกว่าพอฮูหยินหมิงจูพูดขัดขึ้นมาเช่นนี้ ติ้งกั๋วกงฮูหยินต้องหน้าเสียอย่างแน่นอน
ดังนั้นนางจึงเตรียมการแสดงสวมบทเป็นหญิงสาวอ่อนแอและน่าสงสารเอาไว้ นางก้มหน้าและหลุบตาลง มือทั้งสองข้างบิดไปมาราวกับมิรู้ว่าตนทำสิ่งใดผิด
ทว่าเรื่องมิเป็นอย่างที่นางคาดไว้ เพราะติ้งกั๋วกงฮูหยินมิโกรธแต่ยังคล้อยตามฮูหยินหมิงจูอีกด้วย “คุณหนูของนายท่านสามคนนี้เติบโตมาข้างกายของท่านย่าตั้งแต่เด็กจึงค่อนข้างสนิทสนมมากกว่าผู้อื่น”
ส่วนคำว่าผู้อื่นหมายถึงใคร ทุกคนที่นั่งอยู่ต่างก็ทราบดี
ที่นั่งตรงนั้นเดิมเป็นของอันหลิงเกอ ตอนนี้กลับโดนอันหลิงเฉว่จับจอง ถ้ามิคิดอันใดก็เป็นแค่เรื่องของที่นั่ง แต่หากคิดให้ดีแล้วคุณหนูของนายท่านสามมินับว่าเป็นคนของจวนโหวอันด้วยซ้ำ เช่นนี้ถือว่าเป็นการยึดตำแหน่งผู้อื่นโดยมิชอบ
ใบหน้าที่ซูบเซียวมิน้อยของอันหลิงเฉว่ยิ่งทำให้นางดูบอบบางยิ่งขึ้น นางเงยหน้าอย่างงงงัน มือข้างหนึ่งยื่นไปจับมือของฮูหยินผู้เฒ่าไว้แน่นโดยมิรู้ตัว
“ท่านย่า นี่เป็นที่นั่งของพี่หญิงใหญ่หรือเจ้าคะ ? หลานมิควรนั่งตรงนี้งั้นหรือเจ้าคะ ? ”
กล่าวเสร็จนางก็ลุกขึ้นทันที สีหน้าเต็มไปด้วยความตระหนก กอปรกับท่าทีไร้เดียงสาที่แสดงออกมาก็ทำให้มิมีใครกล้าตำหนินางต่อ
เพียงแค่เด็กน้อยที่มิรู้เรื่องรู้ราวนั่งผิดตำแหน่งเท่านั้น ฮูหยินหมิงจูมิเห็นต้องทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่เลย
เหล่าฮูหยินที่ตำหนิอันหลิงเฉว่ว่ามิรู้เรื่องรู้ราวก็ใจอ่อนทันทีและรู้สึกมิพอใจในตัวฮูหยินหมิงจูขึ้นมาแทน
วันนี้ควรมีความสุขกัน แต่ฮูหยินหมิงจูทำให้เด็กสาวอายุเท่านี้ลำบากใจเพราะเรื่องเล็กน้อย ช่างมิเหมาะที่เกิดมาเป็นราชนิกุลเอาเสียเลย
อันหลิงเกอมีหรือจักปล่อยให้อันหลิงเฉว่ยั่วยุอารมณ์ของทุกคนจนหันไปตำหนิฮูหยินหมิงจูได้
นางรู้ว่าที่ฮูหยินหมิงจูกล่าวเช่นนี้ก็เพื่อนาง ดังนั้นนางยิ่งมิอาจทำเป็นเมินเฉยได้
“น้องหญิงรอง นี่เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก ถ้าเจ้าอยากนั่งก็นั่งไปเถิด เพียงแต่ที่นี่มิใช่จวนของเรา ตำแหน่งที่นั่งล้วนมีการจัดสรรไว้แล้ว มิสามารถนั่งได้ตามใจชอบเหมือนที่จวน เจ้ามิเคยเรียนมาดังนั้นผิดพลาดไปบ้างย่อมมิเป็นไร ฮูหยินหมิงจูมีจิตใจดีทั้งยังให้ความสำคัญเรื่องมารยาท ดังนั้นจึงแนะนำเจ้าไป เจ้าก็อย่าเข้าใจเจตนาของฮูหยินผิดไป”
ประการแรกนางได้อธิบายเจตนาของฮูหยินหมิงจูว่ามีเจตนาดีและได้แนะนำให้อันหลิงเฉว่รู้ถึงเรื่องมารยาท อีกประการหนึ่งที่นางกล่าวถึงจวนโหวเพื่อบอกเป็นนัยว่าอันหลิงเฉว่ตอนอยู่ที่จวนมักอาศัยความเป็นที่โปรดปรานของฮูหยินผู้เฒ่าจนชอบละเลยกฎและมารยาทต่าง ๆ
อันหลิงเฉว่เป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้ง จักมิเข้าใจในสิ่งที่อันหลิงเกอกล่าวได้อย่างไร ?
แต่ที่อันหลิงเกอพูดออกไปก็มิได้มีคำว่าร้ายแม้แต่คำเดียว ทุกคำล้วนเป็นประโยชน์ต่อตัวนาง ต่อให้นางอยากคัดค้านเพียงใดก็ไร้ข้ออ้างที่จักใช้คัดค้านได้
อันหลิงเกอเจ้าเล่ห์เสียจริง คำพูดของนางช่างไร้ช่องโหว่มิให้โต้กลับได้สักนิด !
อันหลิงเฉว่จึงทำได้เพียงกัดฟันด้วยความโมโห แต่ใบหน้ายังแสดงท่าทางตระหนกและไร้เดียงสาดังเดิม
นายเงยหน้าขึ้นอย่างเขินอาย ใบหน้าขาวซีดทำให้คนมองรู้สึกสงสารเป็นพิเศษ “ข้าเติบโตมาที่เรือนบรรพบุรุษกับท่านย่า มารยาทพวกนี้ย่อมเรียนรู้สู้พี่หญิงใหญ่มิได้ ต่อไปข้าจักระวังให้ดีกว่านี้เจ้าค่ะ”
กล่าวจบ อันหลิงเฉว่ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางอันหลิงเกอ “ข้ามิระวังจนเผลอไปนั่งที่ของพี่หญิงใหญ่ ขอท่านอย่าได้ถือสาข้าเลยเจ้าค่ะ”
“แค่เรื่องที่นั่งเท่านั้นเอง ท่านย่าเอ็นดูเจ้ามาก การมีเจ้านั่งอยู่ข้าง ๆ ท่านย่าจักได้มีความสุข ข้าเองก็มีความสุขที่ได้เห็นเช่นนั้น มิจำเป็นต้องเปลี่ยนที่กันหรอก”
อันหลิงเกอยกมุมปากขึ้น รอยยิ้มบนใบหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและใจกว้าง มิถือสาเรื่องที่นั่งของตนโดนคนอื่นแย่งแม้แต่น้อย
เทียบกันแล้วอันหลิงเฉว่มิรู้จักมารยาท ทำอันใดนิดหน่อยก็แสร้งทำท่าน่าสงสาร ราวกับโดนรังแกเสียมากมาย ดูเป็นสาวชาวบ้านที่มิรู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย
เหล่าฮูหยินและคุณหนูที่นั่งอยู่ ณ ที่นั้นล้วนมีสายตาเฉียบแหลม แค่กวาดตามองทั้งสองคนก็เห็นถึงความแตกต่างได้ทันที
อันหลิงเฉว่ที่จริงมินับว่าเป็นคนของจวนโหวอัน เพียงชาติกำเนิดก็ต่างกันจนเทียบมิได้ มิหนำซ้ำตั้งแต่เด็กก็มิได้เติบโตในเมืองจิงทำให้มิได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดี ความคิดความอ่านจึงสู้อันหลิงเกอมิได้แม้แต่น้อย
เหล่าฮูหยินและบรรดาคุณหนูราวกับได้ดูเรื่องสนุก เมื่ออันหลิงเฉว่ยังยืนอยู่ที่เดิมโดยมิรู้ว่าควรทำอย่างไรดี กลายเป็นอันหลิงเกอที่ลุกขึ้นยืนและดึงมือนางเพื่อพาไปยืนข้างฮูหยินผู้เฒ่าเสียเอง จากนั้นก็ให้นางนั่งลง
“ท่านย่า น้องรองเพิ่งเคยเป็นแขกของจวนผู้อื่นครั้งแรก ให้นางอยู่ข้างท่านไว้ แล้วหลานก็จักได้วางใจเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความห่วงใยน้องสาว ทว่าลึกลงไปในแววตากลับมีความเย็นชาพาดผ่านโดยมิมีใครทันสังเกต
อันหลิงเฉว่อยากนั่งที่ของนางเพื่อดึงดูดสายตาคนอื่น นางก็จักช่วยให้สมปรารถนา
แค่ตำแหน่งที่นั่งดีแล้วหวังให้คนอื่นประทับใจก็มิใช่เรื่องง่ายนักหรอก
เมื่อชาติก่อนตอนที่อำนาจของจวนอยู่ในมือหลี่อี๋เหนียง นางก็เคยตามหลี่อี๋เหนียงไปร่วมงานเลี้ยงอยู่บ้าง แต่ตอนนั้นนางโง่เง่าหาได้รู้เรื่องใดเลยจึงถูกหลี่อี๋เหนียงและอันหลิงอีกลั่นแกล้ง ได้แต่นั่งโง่งมจนผู้คนพากันขนานนามว่าเป็นหุ่นกระบอกที่ไร้ความคิด
เมื่อนึกถึงคำพูดถากถางที่ได้รับเมื่อชาติก่อน อันหลิงเกอก็รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างห้ามมิได้
ชื่อเสียงของนางตกต่ำจนถึงที่สุดและนั่นก็เป็นสิ่งที่หลี่อี๋เหนียงต้องการเห็น
บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุนี้ หลี่อี๋เหนียงและอันหลิงอีจึงรู้สึกว่าการไว้ชีวิตนางจักช่วยส่งเสริมชื่อเสียงให้อันหลิงอีว่าเป็นคนฉลาดหลักแหลมได้มากยิ่งขึ้น
มิเช่นนั้นหลี่อี๋เหนียงคงหาทางกำจัดนางตั้งนานแล้วเพื่อมิให้ขวางทางอันหลิงอี คงมิรอจนถึงวันที่นางจักแต่งงานกับมู่ซื่อจื่อหรอก
แววตาของอันหลิงเกอเข้มขึ้น แต่รอยยิ้มบนใบหน้ายังมิจางหาย ยังเต็มไปด้วยท่าทางที่สง่างามและอ่อนโยน
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจ น้ำเสียงอ่อนโยน “ข้ารู้ว่าเจ้าสองคนพี่น้องสนิทสนมกันที่สุด เฉว่เอ๋อยังมิค่อยรู้เรื่องรู้ราวอันใด หากให้นั่งตรงที่ของตนก็คงมิรู้ว่าต้องทำอันใด มิสู้ให้มานั่งคุยเป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้าคงดีเสียกว่า”
คำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าที่บอกว่าพวกนางสนิทสนมกันที่สุดถือเป็นการทำลายบรรยากาศตึงเครียดเมื่อครู่จนสิ้นและยิ่งแสดงให้เห็นว่าโปรดปรานอันหลิงเฉว่มากเพียงใด
เรื่องภายในของจวนโหวอัน ผู้อื่นย่อมมิอยากยุ่งเกี่ยว อย่างไรอันหลิงเกอก็มิถือสาว่าผู้ใดจักมานั่งที่ของตนหรือไม่ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ออกหน้าถึงเพียงนี้แล้วการปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเสียก็นับว่าดีที่สุด
มีเพียงซินเจียวเจียวเท่านั้นที่นั่งอยู่ข้างฮูหยินหมิงจูและกำลังมุ่ยปากพลางส่งสายตามิพอใจไปทางอันหลิงเกอ