ตอนที่ 318 ผู้ร้ายตัวจริง
อันหลิงเกอรู้ดีว่าเจียวซูหมิ่นมิได้เป็นคนผลักเฉินเฉิน
ตอนนั้นพวกนางหลายคนยืนอยู่ในตำแหน่งใกล้ริมทะเลสาบ มุมที่เจียวซูหมิ่นยืนอยู่เห็นได้ชัดว่าต้องการลงมือกับนางมากกว่า ส่วนผู้ร้ายตัวจริงที่ผลักเฉินเฉินตกน้ำย่อมเป็นผู้อื่นและผู้ที่น่าสงสัยมากสุดก็คืออันหลิงอี
ต่อให้นางสงสัยอันหลิงอีมากเพียงใด เมื่อไร้หลักฐานก็มิสามารถทำอันใดได้อยู่ดี มิเช่นนั้นนางอาจโดนอันหลิงอีแว้งกัดได้ มิหนำซ้ำยังถูกหาว่ารังเกียจน้องสาวที่เกิดจากอนุภรรยาจึงยกเอาฐานะของตนมารังแกอีกฝ่าย
อันหลิงเกอยอมให้เป็นเช่นนั้นมิได้ นางจึงต้องใช้วิธีผลักความผิดให้เจียวซูหมิ่นเพื่อให้เจียวซูหมิ่นเอ่ยชื่อของอันหลิงอีออกมาเอง
การพูดคุยกันของพวกนางสองคนเมื่อครู่ แม้อันหลิงเกอมิได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดแต่ก็สังเกตได้ว่าระหว่างอันหลิงอีกับเจียวซูหมิ่นมีลับลมคมในที่มิอาจบอกผู้ใดได้ นางจึงตัดสินใจทำเช่นนี้
เฉินเฉินก็นึกถึงจุดนี้เช่นกัน นางพะวงอยู่กับเรื่องที่ตนโดนผลักตกน้ำ ต่อให้ตอนนี้รู้สึกมิค่อยสบายก็ยังยืนยันให้สาวใช้คอยประคองเอาไว้เพื่ออยู่ตรงนี้ต่อ หากหาคนร้ายที่ทำเรื่องนี้มิได้ นางก็มิยอมกลับไปพักผ่อนเด็ดขาด
“คุณหนูเจียว เจ้าควรมีคำอธิบายให้ข้ามิใช่หรือ ? ”
แววตาของนางเต็มไปด้วยความเคลือบแคลงและขุ่นเคือง ใบหน้ารูปไข่ที่งดงามแดงก่ำด้วยไฟโทสะ บางทีอาจเพราะเพิ่งตกน้ำหรือเพราะอารมณ์พลุ่งพล่านที่เกิดขึ้นจึงทำให้นางไอออกมาจนคนที่ได้ยินอดเป็นห่วงมิได้ สาวใช้ข้างกายจึงรีบดึงมือของนางไว้พร้อมกระซิบปลอบเพื่อให้นางใจเย็น
ซุนเมิ้งอวิ๋นคร่ำครวญในใจ ท่านย่าให้พวกนางพาเหล่าคุณหนูออกมาเดินเล่นที่สวนเพื่อพูดคุยกัน ผู้ใดคุยกันแล้วถูกชะตาก็จักได้เป็นสหายกัน
แล้วดูตอนนี้สิ พวกนางเพิ่งออกมาได้มินาน เฉินเฉินก็ตกน้ำเพราะโดนผลักอีกต่างหาก เรื่องนี้ต้องมิจบง่าย ๆ อย่างแน่นอน
นางมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเฉินเฉินแล้วอดร้อนใจขึ้นมามิได้ เกรงว่าถ้ายังอยู่ตรงนี้นานเกินไปจักทำให้อีกฝ่ายตากลมจนล้มป่วย
เมื่อนึกได้ดังนั้น นางจึงหันไปมองเจียวซูหมิ่น แม้ท่าทางของนางดูอ่อนโยนแต่ปกปิดคำครหาที่แฝงอยู่ในคำพูดเอาไว้มิมิด “อยู่ดี ๆ คุณหนูเฉินก็ตกน้ำและบังเอิญว่าคุณหนูเจียวยืนอยู่ข้างหลังทั้งยังทำท่าทางยื่นไม้ยื่นมือออกไปเหมือนกำลังผลักอันใดบางอย่าง เช่นนี้ต้องรบกวนคุณหนูเจียวช่วยอธิบายเสียหน่อย จักได้มิทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างเจ้ากับคุณหนูเฉินเอาได้”
เจียวซูหมิ่นนึกว่าข้ออ้างของนางจักช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ได้แล้ว แต่มิคิดว่าอันหลิงเกอร้ายกาจถึงเพียงนี้ ขนาดใช้ช่องโหว่เล็ก ๆ ในข้ออ้างมาทำให้นางกลายเป็นคนโกหกจนนางทำตัวมิถูกอีกด้วย
เดิมทีนางมิได้สนิทกับอันหลิงเกอมากนัก แต่ก็มิได้มีความแค้นเคืองอันใดกัน ต่อให้เป็นคนไปยุยงอันหลิงอีมาทำร้ายอันหลิงเกอก็เป็นเพราะคำสั่งของอันผิงกงจู่
แต่ตอนนี้เจียวซูหมิ่นรู้สึกเกลียดอันหลิงเกอเข้ากระดูกดำเสียแล้ว
นางกัดฟันกรอดด้วยความโมโห แต่บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มประดับเอาไว้ จากนั้นค่อย ๆ หันไปทางอันหลิงอี “เดิมทีข้าก็มิอยากพูด แต่ในเมื่อคุณหนูใหญ่อันบีบบังคับข้าเพียงนี้ ข้าคงต้องเอ่ยความจริงเสียแล้ว”
“เมื่อครู่ที่คุณหนูใหญ่อันเห็นข้ายื่นมือออกไปคล้ายท่าทางผลักคน มันเป็นเพราะข้าก็เห็นท่าทางเช่นนี้จากอีกคน ข้ากลัวว่าคุณหนูเฉินจักตกน้ำจึงยื่นมือออกไป แต่นึกมิถึงว่าสายไปก้าวเดียว”
ตอนนี้นางมิสนใจแล้วว่าอันหลิงอีจักเป็นเช่นไร อย่างไรอันหลิงอีก็เป็นคนผลักคุณหนูเฉินจริง ๆ นางมิมีทางยอมรับผิดแทนเด็ดขาด
ทุกคนที่ได้ยินก็ตกใจ โดยเฉพาะอันหลิงอีที่ดวงตาฉายแววตื่นตระหนกทันที นางพยายามส่งสัญญาณทางสายตาให้เจียวซูหมิ่นเพื่อมิให้เปิดโปงเรื่องนี้ ทว่าเจียวซูหมิ่นทำเหมือนที่นางทำเมื่อครู่คือมิสนใจสายตาของนางแม้แต่น้อย
“เมื่อครู่ข้าเห็นอันหลิงอียืนอยู่ด้านหลังเฉินเฉิน อยู่ ๆ นางก็ยื่นมือออกไปผลักด้านหลังของเฉินเฉิน ข้ามิรู้ว่านางทำเช่นนั้นเพื่อเหตุใด ด้วยความร้อนใจ ข้าจึงอยากดึงเฉินเฉินเอาไว้ ทำให้คุณหนูใหญ่อันที่อยู่ข้าง ๆ ได้เห็นภาพเช่นนั้นแทน”
นางหลุบตาลงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา ๆ แต่แฝงไว้ด้วยความคับข้องใจ “ข้าคิดว่าจวนโหวก็เป็นตระกูลมีหน้ามีตา การที่อันหลิงอีทำเช่นนี้ต้องทำให้จวนของพวกเจ้าอับอายขายหน้า ดังนั้นข้าจึงมิอยากกล่าวออกมา แต่คุณหนูใหญ่อันก็บีบคั้นข้ามิเลิก ข้าจึงต้องพูดความจริงเช่นนี้”
คำที่กล่าวออกมานั้นสื่อว่าตนหวังดีกับทุกคน อยากให้เรื่องนี้จบลงแบบเงียบ ๆ จึงปิดบังความจริงเอาไว้ แต่อันหลิงเกอไล่ต้อนมิหยุด แสดงให้เห็นว่าอันหลิงเกอเป็นคนจิตใจคับแคบยิ่งนัก
อีกอย่างที่นางทำเช่นนี้ก็เพื่อชื่อเสียงของจวนโหวจึงทำให้โดนผู้อื่นเข้าใจผิด นางยิ่งรู้สึกน้อยใจเข้าไปอีก
สายตาของทุกคนที่มองนางในตอนนี้ไร้แววเหยียดหยามเช่นเมื่อครู่แต่เปลี่ยนเป็นเห็นอกเห็นใจแทน
สิ่งที่เจียวซูหมิ่นต้องการคือสิ่งนี้ อันหลิงเกออยากให้นางขายหน้ามิใช่หรือ เช่นนั้นนางก็จักทำให้จวนโหวอันทั้งจวนอับอายขายหน้าบ้าง ดูสิว่าอันหลิงเกอจักทำอย่างไร ?
ขอบตาของนางค่อย ๆ แดงเรื่อ จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาทำทีเป็นซับน้ำตา แต่ความจริงส่งรอยยิ้มชั่วร้ายไปให้อันหลิงเกอในมุมที่สายตาของทุกคนมองมิเห็น
“เป็นไปมิได้!” อันหลิงเกอส่ายหน้าทันที สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย “ต่อให้น้องหญิงสามเป็นคนมุทะลุมากเพียงใดก็มิมีทางทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ อีกอย่างนางและคุณหนูเฉินก็มิได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เหตุใดนางต้องมาทำร้ายคุณหนูเฉินด้วย ? ”
อันหลิงอียังมิทันกล่าวอันใดออกมา อันหลิงเกอก็ชิงกล่าวขึ้นเสียก่อน
นางมีท่าทีตื่นตกใจก่อนที่ความตกใจจักเปลี่ยนเป็นความโกรธ “คุณหนูเจียว เจ้าอย่าใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์เพื่อให้ตนพ้นผิดหน่อยเลย น้องหญิงสามมิใช่คนมีจิตใจอำมหิตถึงขั้นมิสนใจชีวิตผู้อื่นเช่นนี้ ! ”
หืม จักมาแสดงละครทำเป็นพี่น้องรักใคร่ปรองดองอันใดตอนนี้เล่า ?
เจียวซูหมิ่นหัวเราะอยู่ในใจ เมื่อครู่ตอนที่อันหลิงเกอโดนอันหลิงอีกับอันหลิงเฉว่ทิ้งไว้คนเดียว นางเป็นคนนอกยังมองออกเลยว่าอันหลิงอีอิจฉาริษยาอันหลิงเกอเพียงใด พวกนางก็ย่อมรู้ดีที่สุด
“คุณหนูใหญ่อันเชื่อใจน้องสาวถึงเพียงนี้ก็ให้อันหลิงอีพูดเองแล้วกันว่านางได้ผลักคุณหนูเฉินตกน้ำจริงหรือไม่ ! ”
อยู่ ๆ ไฟลูกนั้นก็เปลี่ยนทิศทางพุ่งมาหาอันหลิงอีจนทำให้ไปต่อมิถูก
การผลักเฉินเฉินตกน้ำเป็นความคิดของเจียวซูหมิ่น พวกนางนัดแนะกันไว้ว่าจักยุยงให้อันหลิงเกอและเฉินเฉินผิดใจกัน จากนั้นก็อาศัยโอกาสนั้นผลักพวกนางตกน้ำ ประการแรกเพื่อทำให้พวกนางอับอายและอีกประการคือสามารถยืมมือของเฉินเฉินจัดการอันหลิงเกอได้อีกด้วย
ดูจากที่ท่านราชครูโปรดปรานเฉินเฉินแล้ว หากทราบว่าหลานสาวโดนอันหลิงเกอรังแก เขาต้องออกหน้าแทนเฉินเฉินอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกนางก็แค่เติมเชื้อไฟด้วยการเล่นเล่ห์บางอย่าง เท่านี้อันหลิงเกอก็มิรอดแล้ว
แต่แผนการล้มเหลว อันหลิงเกอนอกจากมิตกน้ำแล้วเจียวซูหมิ่นก็หันมาเปิดโปงนางอีก !
ดวงตาดำขลับของอันหลิงเกอมองไปยังอันหลิงอี แววตาแฝงไปด้วยความกังวล “น้องหญิงสาม เจ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่คุณหนูเฉินตกน้ำหรือไม่ ? ”