ตอนที่ 37 มองเห็นความกตัญญู
อันหลิงเกอพยักหน้ารับแล้วกล่าวตอบออกไปด้วยความไร้เดียงสา
“เมื่อเช้าเกอเอ๋อเตรียมของขวัญให้ท่านย่าอยู่จริง ๆ เจ้าค่ะ ด้วยเหตุนี้จึงได้ออกมาช้า แต่อี๋เหนียงกลับมิฟังคำกล่าวของเกอเอ๋อ เกอเอ๋อก็มิรู้ว่าควรจะทำเยี่ยงไรดีเจ้าค่ะ”
เพียงประโยคเดียวของอันหลิงเกอก็สามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้ คำกล่าวแค่คำสองคำกลับอธิบายได้ว่าบุตรีภริยาเอกที่กตัญญูและไร้เดียงสาเยี่ยงนี้ แต่ฮูหยินรองกลับมิยอมเข้าใจนางออกมาได้จนหมด ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าสีหน้าเริ่มดีขึ้น จากนั้นจึงเอ่ยออกมาว่า “ถ้าเกอเอ๋อเตรียมของขวัญไว้ให้ย่าแล้ว ก็รีบเอาออกมาให้ย่าดูหน่อยสิว่าคืออันใดกันแน่” นางดูคล้ายเชื่อคำพูดของอันหลิงเกอ แต่ความจริงก็ยังอยากที่จะพิสูจน์ให้ชัดเจน
หากอันหลิงเกอสามารถนำของขวัญออกมาได้ ก็หมายความว่าอันหลิงเกอกล่าวความจริง หลี่ซื่อก็จะเป็นแม่เลี้ยงที่ใส่ความบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ มีจิตใจคับแคบจงใจทำลายความสัมพันธ์ ระหว่างพวกนางย่าหลาน เช่นเดียวกัน
ถ้าหากอันหลิงเกอมิสามารถเอาของขวัญออกมาได้ ก็หมายความว่าอันหลิงเกอกล่าววาจาโกหก หลี่ซื่อจะสั่งสอนนางแต่นางกลับมิเชื่อฟัง เป็นเหตุให้หลี่ซื่อต้องลำบากใจ
สุดท้ายใครดีใครร้าย ดูที่ว่าอันหลิงเกอจะสามารถนำของขวัญ ออกมาได้หรือไม่ก็จะได้รู้กัน เมื่อหลี่ซื่อได้ฟังที่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว มีหรือจะมิรู้ความหมายของฮูหยินผู้เฒ่า ในเมื่อนางนั้นอยู่บ้านนี้มานานหลายปี จากนั้นจึงได้หันไปสบตากับอันหลิงอี อันหลิงอีเองก็ลอบยกมุมปากขึ้นแววตาเต็มไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องที่จะได้เห็นอันหลิงเกอพบกับโชคร้ายครั้งใหญ่ แต่อันหลิงเกอทำราวกับมิรับรู้ถึงความนัยของฮูหยินผู้เฒ่า นางหันไปสั่งปี้จูเสียงเบา
“ปี้จู เอาของขวัญออกมา”
ปี้จูรับคำแล้วยกกล่องใบหนึ่งเดินขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าอันหลิงเกอได้เตรียมของขวัญให้ฮูหยินผู้เฒ่าเอาไว้จริง หลี่ซื่อและอันหลิงอีสบตากัน สายตาจ้องไปที่อันหลิงเกออย่างมิกระพริบ
จากนั้นปี้จูก็เดินไปด้านหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าอย่างนอบน้อม แล้วเปิดกล่องที่ถืออยู่ในมือออก “ฮูหยินผู้เฒ่าเชิญดูเจ้าค่ะ นี่เป็นพระโพธิสัตว์กวนอิมทำจากหยกขาว เมื่อวานคุณหนูพาข้าน้อยไปเลือกดูเจ้าค่ะ มิทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าชอบหรือไม่เจ้าคะ” เมื่อมองภายในกล่องมีหยกที่มีสีขาวดูอบอุ่นวางอยู่ ถึงแม้มิใช่หยกงามชั้นยอด แต่ก็มองออกว่าเป็นหยกชั้นดี ความสงสัยในแววตาของฮูหยินผู้เฒ่ามลายหายไป รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งแสดงถึงความรักมากยิ่งขึ้น
“เจ้าเด็กคนนี้ เดิมทีก็มิได้มีเงินมากมาย ยังจะมาเตรียมของขวัญให้ย่าอีก”
ถึงแม้นางจะกล่าวเช่นนั้น แต่รอยยิ้มชื่นใจที่ฉายในแววตานั้นแสดงถึงความสุขของฮูหยินผู้เฒ่าได้เป็นอย่างดี อันหลิงเกอหลับตาลงทำท่าทางอ่อนน้อม และเอ่ยด้วยเสียงดังกังวานว่า “เกอเอ๋อมิเคยได้อยู่ตอบแทนพระคุณท่านย่าอย่างใกล้ชิดเลย จึงรู้สึกมิสบายใจอย่างมาก ในเมื่อตอนนี้ท่านย่ากลับมายังเมืองหลวงแล้ว เกอเอ๋อจะมิเตรียมแม้แต่ของขวัญให้ท่านย่าได้เยี่ยงไรกันเจ้าคะ ? ” “พระโพธิสัตว์กวนอิมนี่แม้จะมิใช่ของที่มีราคามากมาย แต่เป็นน้ำใจจากเกอเอ๋อ หวังว่าท่านย่าจะมิรังเกียจ”
“มิรังเกียจ มิรังเกียจ ข้าจะรังเกียจได้เยี่ยงไร ? นี่เป็นน้ำใจจากเจ้านี่นา”
ฮูหยินผู้เฒ่าหัวเราะเสียงดัง แล้วให้แม่นมเก็บพระโพธิสัตว์กวนอิมเอาไว้ จากนั้นนางเหลือบมองไปที่สองแม่ลูกหลี่ซื่อและอันหลิงอี แล้วตบหลังมือของอันหลิงเกอเบา ๆ
“เจ้ามีน้ำใจเพียงนี้ย่าก็ดีใจมากแล้ว มิเหมือนใครบางคน ตัวเองมิมีน้ำใจยังมาสงสัยคนที่มีความกตัญญูด้วยเจตนาร้ายอีก” เมื่อถูกฮูหยินผู้เฒ่าพาดพิงว่ามิมีความกตัญญูและตั้งใจใส่ร้ายคนอื่น ดวงตาของหลี่ซื่อก็ฉายแววมิพอใจขึ้นมาทันที แต่ใบหน้ากลับยังมีรอยยิ้มปรากฎอยู่
“ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวถูกต้อง หากมิใช่เพราะข้ายุ่งกับการดูแลจวนจนมิมีเวลาแล้วล่ะก็จะต้องเตรียมของขวัญให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างแน่นอน” “พูดราวกับข้าโลภอยากได้ของขวัญจากเจ้านักนี่”
ฮูหยินผู้เฒ่าส่งเสียงเหอะออกมา นางมาอยู่ถึงจุดนี้หาได้ใส่ใจของขวัญเพียงมิกี่อย่างไม่
บรรยากาศชวนอึดอัดขึ้นมาทันที อันหลิงอีเมื่อเห็นสายตาที่หลี่ซื่อส่งมาก็ยืนขึ้นอย่างรีบร้อน
“ท่านย่า อีเอ๋อก็เตรียมของขวัญไว้ให้ท่านเช่นกันเจ้าค่ะ”
นางยิ้มออกมาอย่างน่ารัก สีหน้าเต็มไปด้วยความเอาใจ ฮูหยินผู้เฒ่านั้นยังคงมีท่าทีเฉยเมย
“อ้อ ? เยี่ยงนั้นก็นำออกมาดูหน่อยสิ”
แม่นมที่ยืนอยู่ด้านหลังอันหลิงอีรีบเดินขึ้นมาทันที จากนั้นนางก็หยิบกำไลที่แกะสลักมาจากปะการังสีแดง ออกมา แล้วยื่นไปด้านหน้าของฮูหยินผู้เฒ่า หากมิใช่เพราะตอนที่แต่งตัวเมื่อเช้านั้น คุณหนูรองรังเกียจว่ากำไลนี่มีรูปทรงล้าสมัยจึงได้เอาคืนมาแล้วล่ะก็ เวลาเช่นนี้มิว่าเยี่ยงไรนางก็คงมิมีของขวัญมามอบให้อย่างแน่นอน ขณะที่แม่นมกำลังดีใจอยู่นั้น กลับเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ามองกำไลนั้นครู่เดียว สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นทันทีพร้อมกับเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ซ่อนความโมโหเอาไว้ว่า
“นี่คือของขวัญที่เจ้ามอบให้ข้าเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
แต่อันหลิงอีกลับมิรับรู้อันใดยังคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะชมนางอย่างที่ชมอันหลิงเกอเมื่อสักครู่ เมื่อคิดได้ดังนั้น อันหลิงอีก็พยักหน้าหลายครั้งติดกัน
“ปะการังแดงนี่ส่งมาจากม่อเป่ย เป็นปะการังที่ดีที่สุด มอบให้ท่านย่าเหมาะสมที่สุด ข้าหาตั้งนานถึงได้ชิ้นนี้มา”
“หึ ! กำไลนี้ข้ามอบให้สะใภ้ใหญ่อันตอนที่นางแต่งงานกับอิงเฉิง ตอนนี้กลับกลายเป็นของที่เจ้าหามา ช่างน่าขันเสียจริง”
“มิต้องกล่าวถึงว่าพวกเจ้าสองแม่ลูกยึดของสะใภ้ใหญ่อันมาเป็นของตัวเองได้เยี่ยงไร แค่ที่เจ้าหลอกย่า ข้าคงปล่อยเจ้าไปโดยง่ายมิได้” “ท่านย่า”
อันหลิงอีร้องเรียกขึ้นมาอย่างตกใจ
“นี่ต้องมีการเข้าใจผิดอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ แม้ปะการังแดงจะมิได้มีมากนักแต่ก็มิได้มีเพียงชิ้นเดียว เหตุใดท่านจึงได้เข้าใจความกตัญญูของหลานผิดไปเยี่ยงนี้ล่ะเจ้าคะ”
หลี่ซื่อได้ฟังคำกล่าวของฮูหยินผู้เฒ่าก็รู้สึกอก สั่นขวัญแขวนขึ้นมาทันที แต่เมื่อได้ยินคำพูดของอันหลิงอีเข้าจึงได้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ เมื่อนึกย้อนถึงที่มาของปะการังแดงนั่น นางเป็นคนนำออกมาจากห้องเก็บสมบัติก็จริง มิต้องถามก็รู้ว่าเป็นของฮูหยินใหญ่อัน แต่กำไลนั้นงดงามยิ่งนัก นางจึงได้นำมันออกมา
อันหลิงอีแม้จะมิรู้ที่มาของกำไลนี่ แต่นางก็สามารถตอบโต้ได้อย่างรวดเร็ว ฮูหยินผู้เฒ่าต้องว่าอันใดนางมิได้อีกแน่ แต่ใครจะขาดคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่ากลับมิไหวเอนแม้แต่นิด สีหน้ามิมีความเมตตาเช่นเมื่อครู่แม้แต่น้อย นางหัวเราะเสียงเย็นชาออกมา พร้อมกับดวงตาส่องประกายเย็นยะเยือก
“ความกตัญญูของเจ้าเยี่ยงนั้นรึ ? ”
ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นมือไปชี้ที่กำไลนั่น
“ความกตัญญูของเจ้าคือการนำของที่แย่งจากคนอื่นมามอบให้ข้าเช่นนั้นรึ ? ”
“มิต้องมาพูดว่าข้าเข้าใจเจ้าผิด เจ้าลองมองดูบนกำไลนั่นให้ จะมีรอยแตกอยู่รอยหนึ่ง นั่นเป็นรอยที่หวั่นเอ๋อล้มลงระหว่างไปไหว้พระเป็นเพื่อนข้า กำไลบนข้อมือจึงได้กระแทกกับพื้นแล้วเกิดรอยแตกขึ้น จากนั้นเป็นต้นมา หวั่นเอ๋อก็นำมันเก็บไว้ในห้องเก็บสมบัติและมิได้นำมันออกมาอีกเลย” เมื่อได้ฟังที่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว อันหลิงอีก้มมองกำไลปะการังแดงนั่น พบว่ามีลูกปัดเม็ดหนึ่งที่มีรอยแตกขนาดเล็กอยู่จริง ขณะที่กำลังเรียกร้องความยุติธรรมอยู่นั้น เมื่อเห็นรอยแตกก็รู้สึกราวกับถูกคนตบหน้าเข้าอย่างจัง หรือว่ากำไลนี่จะเป็นของฮูหยินใหญ่อันจริง เหตุใดท่านแม่กลับนำมาให้ตน ?
พลันดวงตาของอันหลิงอีก็เกิดความกลัวและสงสัยขึ้นมา จึงได้ส่งสายตาเป็นคำถามไปยังแม่ของตน ใบหน้าของหลี่ซื่อเองก็ขาวซีดเพราะทนมิได้ที่จะเห็นอันหลิงอีถูกรังแกเช่นนี้ จึงกัดฟันลุกขึ้น
“ท่านแม่ได้โปรดอย่าได้โมโหไปเลย อีเอ๋อ นางมีความกตัญญูจริง นางได้มาหาข้าให้ช่วยหาของมีค่าให้ ตอนนั้นข้าแค่คิดว่านางเป็นแค่เด็กอยากได้อยากมีเพียงเท่านั้น จึงได้นำกำไลปะการังแดงออกจากห้องเก็บสมบัติมาให้นาง แล้วบอกนางว่าเป็นของมีค่าที่หามาได้” “อีเอ๋อมิรู้เรื่องด้วย ขอท่านแม่โปรดอย่าได้โมโหไปเลยเจ้าค่ะ”