ตอนที่ 50 ไม่ได้มีเจตนาที่ดี
หลังจากจัดการเรื่องงานแต่งของอันหลิงอีเรียบร้อยแล้ว มิว่าภายในใจหลี่ซื่อจะมิเต็มใจเพียงใดแต่ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจอันเด็ดขาดของฮูหยินผู้เฒ่า ก็ทำได้เพียงหลีกเลี่ยงอย่างชาญฉลาด
เมื่อหลี่ซื่อกลับมาถึงลานห้องตัวเอง ผ้าเช็คหน้าในมือถูกนางที่ถูกบีบจนยับจนกลายเป็นก้อนในตอนนี้ดวงตาของนางฉายแววความเกลียดชังออกมาอย่างปิดมิมิด แล้วกล่าวพึมพำออกมาด้วยความเคียดแค้นว่า “สมควรตาย นังคนชั้นต่ำ ! ”
ด้วยความโกรธแค้น ที่แทบจะกระอักเลือดออกมานั้น เป็นเหตุให้หลี่ซื่อกวาดข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดบนโต๊ะลงกับพื้นเพื่อระบายอารมณ์ออกมา
สาวใช้ที่อยู่ข้างหลังรู้ว่านางอารมณ์มิดี จึงมิกล้าแม้แต่จะหายใจเสียงดัง ต่างพากันก้มหน้าลงทีละคน เพราะกลัวว่าหลี่ซื่อจะมาระบายความโกรธกับพวกนางอีก
เมื่อหลี่ซื่ออารมณเยี่ยงนี้ก็ต้องเป็นหงเถาที่รับมือกับหลี่ซื่อได้ นางเดินไปอยู่ด้านข้างหลี่ซื่ออย่างรวดเร็ว แล้วเอ่ยถามออกมาว่า “นายหญิง ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ อย่าโมโหจนเสียสุขภาพไปเลยเจ้าค่ะ”
“นังพวกนั้นมันทนมองเห็นข้าได้ดีมิได้”
หลี่ซื่อกล่าวออกมาเสียงดังลั่น พร้อมทั้งหน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงด้วยความโกรธ ดวงตาลุกโชนไปด้วยความเคียดแค้น
“นางสารเลวหวังซื่อกล้าที่จะรวมมือกับอี้หวางเฟย วางแผนงานแต่งของอีเอ๋อให้แต่งงานกับเจ้าโง่นั่น ”
“ที่แท้เพราะเรื่องแต่งงานออกเรือนของคุณหนูสามนี่เอง ? ”
หงเถากล่าวออกไป พร้อมกับขยิบตาให้สาวใช้ที่อยู่ด้านข้าง
สาวใช้ผู้นั้นก็รับรู้ได้ทันที จากนั้นก็ยกน้ำชาชุดใหม่มาเข้ามาแทนที่
เมื่อฟังเรื่องราวที่หลี่ซื่อเล่ามาจนจบ หงเถาก็ฉีกยิ้มกว้างออกมา
“บ่าวคิดว่าเรื่องนี้มิใช่เรื่องใหญ่อันใดเลยเจ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังเยี่ยงนั้น หลี่ซื่อก็จ้องมองไปทางหงเถาด้วยท่าทีแปลกใจและสงสัย เหตุใดนางถึงได้กล่าวว่าเรื่องนี้มิใช่เรื่องใหญ่อันใด หงเถาก็มิปล่อยให้นางหญิงของตนสงสัยนาน นางจึงขยับตัวเข้าไปใกล้หลี่ซื่อ พร้อมกับกระซิบกระซาบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ใบหน้าที่เคร่งขรึมของหลี่ซื่อก็ค่อยผ่อนคลายลงในที่สุด
“ดี ! ข้าก็อยากดูสิว่า ถ้าหวังซื่อรู้ว่าแผนการของนางรั่วไหล สีหน้าของนางจะน่าเกลียดเพียงใด”
หลี่ซื่อยกยิ้มขึ้นและกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน ใบหน้าที่อ่อนโยนของนางพลันปรากฏความเย็นชาขึ้น
“เรื่องนี้มอบให้เจ้าไปจัดการและนอกจากนี้ … “
หงเถารับคำสั่งและออกไปทำตามหน้าที่ หลังจากนั้นมินานก็มาถึงลานที่พักของอันหลิงเกอ
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ นางหญิงให้บ่าวนำของบางอย่างมามอบให้เจ้าค่ะ”
เสียงของหงเถาดังมาแต่ไกลจากลานบ้าน ปี้จูหันสบตากับอันหลิงเกอ เมื่อได้รับสัญญาณก็รีบนำตัวหงเถาเข้ามา
อันหลิงเกอวางตำราทางการแพทย์ในมือลง ดวงตาสีดำสนิทคู่นี้ดูเหมือนจะสามารถมองทะลุมุมที่มืดมิดที่สุดในหัวใจของคนได้ แม้ว่ามุมปากของอันหลิงเกอจะมีรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่หงเถาก็มิกล้าที่จะดูถูก และยิ่งมิกล้ากลั่นแกล้งคุณหนูใหญ่เหมือนดั่งแต่ก่อนอีกแล้ว
“อี๋เหนียงใช้ให้เจ้านำสิ่งใดมาให้ข้ารึ ? ”
อันหลังเกอกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมกับรูปร่างที่ผอมเพรียวเหยียดตัวตรง
สองวันมานี้มักจะมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้น ทั้งเรื่องที่อันหลิงเฉ่วให้ถุงเงินที่มีกลิ่นชะมดแก่ตัวเองมาใบหนึ่ง และในตอนนี้อี๋เหนียงก็ยิ่งแปลกเข้าไปอีก คิดมิถึงว่านางจะให้คนนำของมาให้ตน
หงเถาอยู่ในจวนมานานหลายปีแล้ว สามารถขึ้นเป็นสาวใช้คนสนิทของหลี่ซื่อได้ก็คงมิใช่ธรรมดา
เมื่อนางเห็นแววตาเช่นนี้ของอันหลิงเกอที่จ้องมองมาก็ทำทีปั้นสีหน้าเรียบเฉย แล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากในเสื้อ แล้วยื่นไปตรงหน้าอันหลิงเกอ
“นี่คือร้านค้าสองสามร้านในนามชื่อของฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ ตั้งแต่ฮูหยินใหญ่เสียชีวิตไป นายหญิงก็เป็นคนดูแลมาตลอด นายหญิงบอกว่าเวลานี้คุณหนูใหญ่ใกล้จะหมั้นหมายแล้ว ตอนที่แต่งงานออกเรือนไปข้าวของเหล่านี้ก็ขอส่งมอบให้คุณหนูใหญ่เป็นคนดูแลต่อเอง ต่อไปในอนาคตเมื่อไปอยู่ที่จวนอ๋องมู่แล้ว ก็จะสามารถดูแลกิจการทั่วไปได้เจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอเหลือบมองดูแผ่นกระดาษสองสามใบนั้น กระดาษแผ่นบาง ๆ วางซ้อนกันอยู่ พื้นผิวของกระดาษมีสีเหลืองเล็กน้อย ดูก็รู้ว่ามันค่อนข้างเก่า
นี่คือที่ดินภายใต้ชื่อแม่ของข้าเยี่ยงนั้นรึ ?
อันหลิงเกอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก็ค่อนข้างสงสัย เมื่อนึกย้อนถึงชาติก่อน นางมิรู้ว่าแม่ของนางทิ้งของพวกนี้เอาไว้ให้ ทุกคนรู้ดีว่าฮูหยินใหญ่อันมีโชคชะตาที่ดีได้ เพราะช่วยชีวิตท่านโหวเอาไว้ นับแต่นั้นมาก็กลายเป็นหงส์ จากลูกสาวของชาวบ้านธรรมดาเปลี่ยนสถานะมาเป็นฮูหยินใหญ่ผู้สูงศักดิ์
ดังนั้นในสายตาของทุกคน ฮูหยินใหญ่จึงเป็นเพียงคนยากจน เดิมมิมีทรัพย์สมบัติอันใดเลย แต่ตอนนี้เมื่อมองดูโฉนดที่ดินโฉนดบ้านพวกนั้น ในใจของอันหลิงเกอก็รู้สึกเหมือนทะเลที่มีพายุพัดโหมกระหน่ำมิสามารถสงบลงได้
ยังมิต้องกล่าวถึงโฉนดที่ดินโฉนดบ้านพวกนั้น แค่เพียงได้อ่านเห็นชื่อร้านจิ่นชิ่วเกอก็ทำให้นางตกใจได้มากพอแล้ว
ซึ่งร้านจิ่นชิ่วเกอ เป็นร้านผ้าไหมที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวง ตั้งแต่เชื้อพระวงศ์ขุนนางตระกูลสูงศักดิ์ จนถึงราษฎรธรรมดา ขอแค่มีเงินในมือก็ต้องไปซื้อผ้าจากร้านจิ่วชิ่วเกออย่างแน่นอน อาจกล่าวได้ว่า แค่มีร้านจิ่วชิ่วเกออยู่ในมือ ก็เทียบเท่าได้กับการควบคุมห้องการคลังหนึ่งไว้เลย รัพย์สินมูลค่ามหาศาลเช่นนี้ หลี่ซื่อจะมอบไว้ให้อยู่ในมือของนางได้เยี่ยงไรกัน ?
อันหลิงเกอหลุบตาลง ปกปิดอาการน้ำตาคลอเบ้าเอาไว้ แล้วเอ่ยถามย้ำด้วยความมิแน่ใจออกไปอีกครากับความมั่งคั่งมหาศาลที่อยู่ตรงหน้า
“อี๋เหนียงกล่าวเยี่ยงนี้จริงรึ ? ”
หงเถารีบพยักหน้าตอบรับแล้วกล่าวออกมาว่า “เป็นจริงเยี่ยงที่เห็นเจ้าค่ะ ที่จริงแล้ววันที่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับมาถึงจวนในวันนั้น นายหญิงก็คิดจะหาโอกาสคืนของพวกนี้ให้คุณหนูใหญ่แล้วเจ้าค่ะ เพื่อมิให้มีคนเลว เจตนามิดี กล่าวหาว่านายหญิงโลภเอาของฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ”
อันหลิงเกอเมื่อได้ฟังก็ยิ้มเยาะออกมา
“หึ ! ในเมื่ออี๋เหนียงมีน้ำใจ ปี้จูเจ้าก็รับมันไว้เถอะ”
ปี้จูรับโฉนดที่ดินและโฉนดบ้านมาจากมือของหงเถาและสำรวจดูอย่างระมัดระวัง จากนั้นถึงได้เก็บกลับเข้าไปในแขนเสื้อของตัวเอง
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ หงเถาก็กล่าวอย่างสุภาพมิกี่คำ ก็รีบกลับไปรับใช้หลี่ซื่อต่อ
“ปี้จู เจ้าว่าอี๋เหนียงทำเยี่ยงนี้ มีจุดมุ่งหมายเยี่ยงไรกัน ? ”
ปี้จูนำโฉนดบ้านและโฉนดที่ดินเหล่านั้นออกมาวางบนโต๊ะตรงเบื้องหน้าของอันหลิงเกอแล้วกล่าวตอบไปว่า “บ่าวก็มิเคยเห็นโลกภายนอก แต่พอจะได้ยินชื่อของร้านจิ่นชิ่วเกอมาบ้าง สถานที่ซึ่งเป็นบ่อเงินบ่อทองเยี่ยงนี้ ฮูหยินรองยินดีที่จะคืนให้คุณหนูเยี่ยงนี้จริงหรือเจ้าคะ”
“นางต้องมีเจตนามิดีเป็นแน่”
อันหลิงเกอพลิกดูโฉนดบ้านและโฉนดที่ดินเหล่านั้นอีกรอบหนึ่ง และให้ปี้จูนำกล่องมาใส่เก็บไว้
“วันนี้อี้หวางเฟยมาหาท่านย่าเพื่อทำการสู่ขออันหลิงอี ทั้งยังมีอาสะใภ้รองคอยช่วยเหลืออยู่ด้านข้าง การแต่งงานระหว่างอันหลิงอีและอี้ซื่อจื่อก็ได้ข้อสรุปแล้ว”
“ถ้าตามนิสัยของอี๋เหนียง เวลานี้ควรจะกังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของอันหลิงอีจนหัวลุกเป็นไฟไปแล้ว แต่นางกลับมิสนใจงานแต่งงานของอันหลิงอี มันต้องมีผลประโยชน์อะไรอยู่แน่นอน
นางนำโฉนดที่ดินโฉนดบ้านมามอบให้ข้า เห็นได้ชัดว่าต้องมีแผนการอันใดอีกเป็นแน่”
ปี้จูพยักหน้าเห็นด้วย ตาเบิกกว้าง ใบหน้าที่กลมมนดูจริงจังขึ้นมาทันที
“ใช่เจ้าค่ะ ฮูหยินรองต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ห่วงใย แต่จิตใจมุ่งร้ายมิหวังดี เอาเยี่ยงนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ พวกเราคืนสิ่งเหล่านี้ให้นางไปเสียดีไหมเจ้าคะ ? ”
“มิต้อง”
อันหลิงเกอส่ายหน้า นัยน์ตาลึกมีแสงส่องประกาย
“ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ท่านแม่เหลือทิ้งเอาไว้ให้ข้า ก็ต้องดูแลรักษามันไว้เป็นอย่างดี ส่วนเรื่องที่อี๋เหนียงจะมีแผนการอันใดมิต้องห่วง มิว่านางจะมาวิธีไหนข้าก็รับมือได้”
ปี้จูถึงได้ฟังโล่งใจ และเดินออกจากห้องไปเพื่อเร่งอาหารจากห้องครัว
ทันใดนั้นก็มีมีดมาจ่ออยู่ที่คอหอยของนาง ปี้จูมิแม้แต่จะเปล่งเสียงอุทานตกใจออกมา ตัวของนางอ่อนยวบทรุดตัวล้มลงที่พื้นและหมดสติลงไปทันที