พลิกชะตาชายาสยบแค้น – ตอนที่ 91 บุรุษอาจหาญ

ตอนที่ 91 บุรุษอาจหาญ

อันหลิงเกอเดินตามป้าโจวออกจากจวนโหว จากนั้นก็รีบพาหมิงซินไปหาฉู่หยูทันที

ฉู่หยูทำตามคำสั่งของอันหลิงเกอโดยซื้อกิจการร้านชาแห่งหนึ่งบนถนนฉางอาน แม้มิใช่กิจการที่รุ่งเรืองและบางเดือนแทบมิได้เงินทุนคืนมาก็ตาม

ตอนนี้อันหลิงเกอแต่งกายเป็นชาย ใบหน้าวาดคิ้วเข้มหนาและติดหนวดสองข้างมองผิวเผินก็คล้ายชายหนุ่มอย่างแท้จริง

เมื่อเห็นอันหลิงเกอเดินเข้ามา ฉู่หยูก็รีบเดินเข้าไปหาพร้อมถือกาน้ำชาไว้ในมือแล้วรินชาในถ้วยตรงหน้าอันหลิงเกอ

“คุณหนูใหญ่ เรื่องที่ท่านให้ข้าซื้อยาสมุนไพรเหล่านั้นเก็บไว้ ราวกับมีผู้ล่วงรู้แล้วเจ้าค่ะ”

เมื่อสังเกตเห็นว่ามีคนมองมา นางก็รีบกล่าวเสียงสูง “ลูกค้าสองท่านนี้จักขึ้นไปที่ห้องชั้นพิเศษหรือเจ้าคะ เชิญตามข้าน้อยมาได้เลยเจ้าค่ะ”

การกระทำของฉู่หยูราวกับเป็นเถ้าแก่เนี้ยร้านชาที่กำลังต้อนรับลูกค้าจริง ๆ จึงมิทำให้ผู้ใดเกิดความสงสัย

เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ อันหลิงเกอก็กดเสียงต่ำเพื่อทำเสียงให้เข้มเยี่ยงบุรุษ “เจ้าไปนำชาอย่างดีที่สุดในร้านมาให้ข้า”

ฉู่หยูตอบรับทันทีแล้วเปลี่ยนน้ำชาพร้อมนำทางอันหลิงเกอและหมิงซินขึ้นไปที่ห้องพิเศษชั้นบน

เมื่อเข้ามาในห้องพิเศษแล้วใบหน้ายิ้มแย้มของฉู่หยูจึงจางหายไป กลายเป็นใบหน้าตึงเครียด “ตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมานี้ ข้าสั่งคนไปซื้อยาสมุนไพรที่คุณหนูต้องการมาอย่างลับ ๆ เดิมทีเรื่องนี้ดำเนินไปได้ด้วยดี ทว่าวันก่อนข้าสั่งคนออกไปซื้อยาพวกนั้น ทางร้านยาก็เอาแต่บอกว่ามิมียาตัวนี้แล้วเจ้าค่ะ”

สีหน้านางเคร่งขรึม “ข้าคิดว่าหากเป็นเช่นนั้นก็แล้วไป ทว่าวันนั้นข้าเห็นหญิงชราผู้หนึ่งเดินเข้าร้านยาและยาที่ได้รับก็มีตัวยาชะมดที่คุณหนูต้องการพอดี แต่พอข้าส่งคนไปซื้ออีกครั้ง ร้านยาก็บอกว่ามิมี เรื่องนี้ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอนเจ้าค่ะ”

ในจดหมายที่ฉู่หยูเขียน บอกเพียงว่าเกิดเรื่องแล้วแต่มิได้เขียนบอกรายละเอียด พอทราบรายละเอียดของเรื่องก็เป็นเหตุให้ใบหน้าของอันหลิงเกอและหมิงซินเคร่งเครียดขึ้นมา

“ตามที่เจ้ากล่าวมาก็เห็นได้ชัดว่าหลายวันนี้ในร้านขายยาจักจ่ายยาให้แต่ผู้ที่มีใบสั่งจากท่านหมอเท่านั้น ส่วนผู้ที่ไปซื้อยาโดยตรงพวกเขาจักมิขายใช่หรือไม่ ? ”

หมิงซินฉลาดและไหวพริบดีจึงเข้าใจจุดสำคัญของเรื่องทันที นางเอ่ยถามฉู่หยูออกมา

อันหลิงเกอย่อมเข้าใจสิ่งนี้อย่างแน่นอน ดวงตาของนางเข้มขึ้น มองแล้วลึกล้ำราวกับหลุมดำที่ดึงแสงสว่างเข้าไปโดยมิปล่อยแสงออกมาสักน้อย

“ร้านยาทุกร้านในเมืองเป็นเยี่ยงนี้หรือไม่ ? ” อันหลิงเกอเอ่ยถาม

ฉู่หยู่พยักหน้า “ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ เมื่อถูกร้านยาหนึ่งปฏิเสธ ข้าจึงส่งคนไปร้านขายยาอื่น แต่ดูเหมือนพวกเขาได้ตกลงกันไว้แล้วว่าทุกร้านยาจักมิมียาตัวนี้จำหน่ายโดยทั่วไป ทว่าคนที่มีใบสั่งยาจักสามารถซื้อยาตัวนี้ได้เจ้าค่ะ”

เรื่องนี้ค่อนข้างประหลาด

อันหลิงเกอครุ่นคิดโดยใช้มือข้างหนึ่งเคาะบนโต๊ะเบาๆ ส่วนมืออีกข้างลูบถ้วยชาไปมา

พลันดวงตาก็เปล่งประกายออกมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉู่หยูก็กลับไปทำงานของเจ้า ส่วนข้าและหมิงซินจักไปที่ร้านยา”

ฉู่หยูแม้กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของอันหลิงเกอ แต่ก็รู้ว่าตนมิสะดวกอยู่ในห้องนี้นาน นางจึงพยักหน้ารับทั้งที่แววตายังมีความกังวลใจอยู่ “ข้อน้อยรับทราบแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูต้องระวังตัวและห้ามมิให้เกิดเหตุมิคาดฝันอันใดขึ้นนะเจ้าคะ”

หลังจากนางกล่าวจบก็หันหลังเดินออกไปพร้อมใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มเป็นมิตรเพื่อต้อนรับลูกค้าที่เดินเข้าร้านมา

เมื่อฉู่หยูจากไปแล้วอันหลิงเกอก็ดื่มน้ำชาเสร็จหนึ่งถ้วยจึงเปิดผ้าม่านหน้าต่างเพื่อชมทัศนียภาพบนท้องถนน พอคำนึงได้ว่าใกล้เวลาแล้วก็พาหมิงซินลงไปจากชั้นบน จากนั้นเดินไปร้านยาที่ใกล้ที่สุด

ฮุยฉุนถังเป็นร้านยาขึ้นชื่อที่สุดในเมืองหลวง มิเพียงแค่ยาของพวกเขาเท่านั้นที่โด่งดัง

แต่หมอก็ยังมีชื่อเสียงมากด้วย

มีคำเลื่องลือกันในเมืองหลวงว่านอกจากหมอหลวงในราชสำนักแล้ว ฝีมือรักษาที่เก่งรองลงมาคือหมอของฮุยฉุนถังนั่นเอง

พวกนางเดินไปร้านฮุยฉุนถังอย่างมิรีบร้อน เมื่อใกล้ถึงร้านกลับพบว่ามีคนเดินเยอะและวุ่นวายขึ้นมา “หลีกไป รีบหลีกไป ! ท่านชายแห่งจวน*เจิ้นกั๋วกงได้รับบาดเจ็บ สามัญชนชั้นต่ำเยี่ยงพวกเจ้ายังมิรีบหลีกทางอีก!”

บ่าวรับใช้ที่แต่งกายเกินหน้าบ่าวตะโกนเสียงสูง ในมือข้างหนึ่งสะบัดแส้ลงม้าอย่างแรงเพื่อให้ม้าวิ่งเร็วกว่าเดิม มิสนใจว่าจักเหยียบโดนคนทั้งสองข้างทางหรือไม่

เมื่อพบเห็นเหตุการณ์เยี่ยงนี้อยู่ตรงหน้า อันหลิงเกอก็ขมวดคิ้ว ทันใดนั้นแววตาของนางก็ฉายความรังเกียจออกมา

หมิงซินรีบดึงอันหลิงเกอให้ถอยหลังเพื่อหลบม้าที่วิ่งมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกฝุ่นปลิวเข้าใบหน้าและปากอยู่ดี

บ่าวรับใช้ผู้นั้นมิสนใจคนรอบข้างที่ชี้ด่า ยังคงสะบัดแส้ม้าพุ่งไปข้างหน้า

มีบางคนหลบม้ามิทันจึงถูกชนล้มลงพื้น ยังมิทันได้สนใจความเจ็บบนกายก็ต้องรีบกลิ้งตัวหลบไปอีกฝั่งเพื่อหลบเกือกม้าที่กำลังจักเหยียบเข้ามาอีก

มีเพียงเด็กอายุราวห้าถึงหกขวบคนหนึ่งถูกชนจนล้มไปที่พื้น *ขนมปิงถังหูลู่ในมือก็ได้หล่นแล้วกลิ้งเปื้อนเศษฝุ่นไปด้วย

เด็กน้อยคนนั้นรีบไปเก็บปิงถังหูลู่พร้อมร้องไห้โดยมิได้รับรู้ถึงอันตรายที่กำลังจักเกิดขึ้นในมิช้า

พอเห็นเกือกม้ากำลังจักเหยียบที่เด็กน้อย บ่าวรับใช้ยังสะบัดแส้ม้าราวกับมิได้เห็นเด็กน้อยอยู่ในสายตา

ผู้คนรอบข้างพากันกรีดร้องเสียงก้อง แต่มิมีผู้ใดกล้าพุ่งเข้าไปข้างหน้าจึงได้แต่หลับตาแน่นเพราะทนดูฉากสะเทือนใจมิได้

“คนของจวนเจิ้นกั๋วกงจักอำมหิตไปหน่อยแล้ว”

หมิงซินพึมพำออกมาและผู้คนรอบข้างก็เริ่มออกเสียงตะโกนด่า “พวกจวนเจิ้นกั๋วกงนี่เป็นวิธีสังหารคนในถนนฉางอานหรือ ? ”

ทันใดนั้นก็ปรากฏร่างของลู่จ้านทะยานลงมาจากฟากฟ้าราวกับหงส์ ภายในชั่วพริบตาเขาก็สามารถช่วยชีวิตเด็กน้อยได้ทัน

เขายืนทรงตัวบนศีรษะอาชา สวมอาภรณ์สีดำ รูปร่างสง่าผ่าเผย ใบหน้าหล่อเหลาทรงพลังแฝงความองอาจกล้าหาญที่เป็นเอกลักษณ์ของชายหนุ่ม เขาจงใจเหยียบศีรษะอาชาจนมันหันเหทิศทางเกือบนำรถม้าไปชนกำแพงด้านข้าง

บ่าวรับใช้รีบควบคุมม้าให้หยุดแล้วจ้องมองลู่จ้านอย่างเคืองโกรธ “เจ้าคือผู้ใด บังอาจขัดขวางขบวนท่านชายจวนเจิ้นกั๋วกงไปหาท่านหมอ ระวังเจิ้นกั๋วกงจักเอาชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าแน่ ! ”

“เพียงแค่จวนเจิ้นกั๋วกงก็สามารถแสดงท่าทีเย่อหยิ่งบนถนนฉางอานเยี่ยงนี้ หรือมิได้เห็นราชโองการของฮ่องเต้อยู่ในสายตา ? ” อันหลิงเกอก้าวไปด้านหน้า ใบหน้าเยี่ยงบุรุษรูปงามมีแววตาเย็นชา นางชี้ผู้คนที่ล้มแล้วยังสามารถลุกขึ้นได้อย่างมีโทสะ “มิมีผู้ใดได้รับอนุญาตให้ควบอาชาเข้ามาในเมืองหลวงได้ เจ้าทำเยี่ยงนี้คือมิเห็นราชโองการของฮ่องเต้อยู่ในสายตาและดูหมิ่นพระองค์ ! “

“ถุย ! เจ้าเป็นใครจึงกล้ายุ่งเรื่องเจ้านายข้า” บ่าวรับใช้ผู้นั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองแล้วกระโดดลงจากรถม้าเพื่อยื่นมือกระชากสาบเสื้อของอันหลิงเกอ

ทันใดนั้นก็มีมือคู่หนึ่งยื่นมาจากด้านข้างแล้วบิดมือของบ่าวรับใช้ไปด้านหลัง บ่าวคนนั้นก็ส่งเสียงร้องดังออกมา

“ข้าเป็นบุตรชายของแม่ทัพใหญ่ลู่เทียนหยา มีหน้าที่รับผิดชอบความสงบของเมืองหลวงแห่งนี้และควบคุมทหารองครักษ์กองที่หนึ่งขององค์ฮ่องเต้ เหตุใดข้ามิมีสิทธิ์ยุ่งเรื่องจวนเจิ้นกั๋วกง ? ”

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความดุร้าย ตลอดทั้งกายสวมชุดผ้าไหมสีดำสง่างาม เส้นผมดำขลับและใบหน้าหล่อเหลาดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย

ภายในใจของอันหลิงเกอรู้สึกฉงน ทว่านางมิได้แสดงท่าทีอันใดออกมา

…..

*เจิ้นกั๋วกง เชื้อพระวงศ์ชายลำดับที่ห้า เป็นตำแหน่งของกั๋วกงขั้นที่หนึ่งและถือว่าเป็นท่านชาย

*ปิงถังหูลู่ เป็นขนมหวานโบราณยอดนิยมชนิดหนึ่งของจีน มักถูกนำมาขายเฉพาะช่วงอากาศหนาวเย็นเพราะน้ำตาลจะแข็งตัวเร็วและละลายช้า

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง พลิกชะตาชายาสยบแค้นจวนโหวเต็มไปด้วยเสียงมโหรีดังอึกทึก ภายในประดับประดาด้วยโคมไฟและผ้าแพรหลากสี อันหลิงเกออยู่ในชุดแต่งงานสีแดง นางกำลังใช้ชาดทาปากอยู่หน้ากระจก ด้านหลังมีสาวใช้สองคนกำลังช่วยนางหวีผมแต่งตัว วันนี้ นางจะต้องเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดในเมืองหลวง

Comment

Options

not work with dark mode
Reset