“ว้าว เลดี้! ชุดนี้ก็เข้ากับเลดี้มากๆ เลยค่ะ!”
“เหรอ ถ้าอย่างนั้นก็เอาชุดนี้ด้วยแล้วกัน”
ทำไมเธอถึงดูดีเข้ากับทุกชุดที่ใส่ได้ขนาดนั้น ตาของแอนนี่เปล่งประกาย ภาพลักษณ์ของเธอที่เมินเรื่องลูกสาวโสเภณีช่วงที่ผ่านมา ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เธอซึมไปอยู่พักหนึ่ง แต่พอเห็นเธอฟื้นคืนชีพอีกครั้งแบบนี้แล้ว เธองดงามกว่าเหล่าหญิงสาวทุกคนที่เคยพบเห็นมาในบูทีคเป็นไหนๆ
ราวกับว่าคนชนชั้นสูงต้องมีระดับความงดงามต่างจากสามัญชนอย่างนั้นแหละ
ในบรรดาตระกูลชนชั้นสูงเอง ก็มีแต่พวกที่มีกำลังทรัพย์เท่านั้นที่มาบูทีค แน่นอนว่าพวกนั้นคือเหล่าตระกูลที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย ทว่าไม่มีใครที่มีเสน่ห์น่าหลงใหลเท่ากับอาเรียอีกแล้ว
ขนาดที่แอนนี่เผลอคิดไปเองอย่างไร้สาระว่าหากเธอยกระดับชั้นตัวเองขึ้นมาและได้กลายเป็นคนชั้นสูงบ้าง เธอก็คงงดงามแบบนั้นเหมือนกัน
อาเรียนั่งลงบนโซฟาอย่างพอใจ หลังจากใช้เวลาเลือกชุดสิบชุด รองเท้า และเครื่องประดับต่างๆ อยู่เป็นเวลานาน
“มีอะไรอย่างอื่นที่กำลังหาอยู่อีกไหมคะ”
พนักงานบูทีคถามอย่างสุภาพ
เป็นท่าทีที่แตกต่างจากตอนที่บอกว่าเธอชื่ออาเรียจากตระกูลโรสเซนต์ในตอนแรกอย่างเห็นได้ชัด
แม้พลังอำนาจมันอาจจะอ่อนแอไปสักหน่อย แต่ข่าวลือที่แพร่กระจายออกมาจากตอนพบปะของซาร่าก็ทำหน้าที่ของมันได้ดีเลยทีเดียว ข่าวลืออีกข่าวที่ว่าเธอต่างจากข่าวลืออย่างสิ้นเชิง
อาเรียที่จิบชาอุ่นๆ ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง แล้วกล่าวว่าเธอจะซื้ออีกอย่าง
“ช่วยแนะนำเสื้อผ้าให้เหล่าสาวใช้ของฉันที เพราะพวกเธอต้องไปงานปาร์ตี้กับฉันน่ะ”
“อ๋อ! ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ”
แล้วพนักงานหลายคนก็เข้ามาวัดไซส์แอนนี่และเจสซี่ ก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว การมอบเสื้อผ้าใหม่ให้พวกสาวใช้ที่ไม่ใช่ชุดสาวใช้ของตระกูลเป็นของขวัญนั้น หมายถึงการปลดปล่อยพวกเธอจากการทำความสะอาดและงานบ้านทั้งหลาย
ในกรณีของแอนนี่ เธอยืมเสื้อผ้าของอาเรียติดตามไปเข้าร่วมการพบปะด้วยอยู่หลายครั้ง แต่ก็เป็นมากสุดได้แค่เพียงสาวใช้ที่คอยช่วยปฏิบัติตามเจ้านาย เธอหลุดพ้นจากการเป็นสาวใช้ที่ยังต้องทำงานบ้านไปไม่ได้สักที
มันไม่ได้หนักหนาสาหัสมากมาย แต่เธอต้องทำความสะอาดตอนเช้า จัดระเบียบบ้านในตอนเย็น
ถ้าเทียบกับสาวใช้และคนรับใช้คนอื่นแล้ว มันง่ายและสบายมาก แต่ความแตกต่างระหว่างการที่ทำกับไม่ทำนั้นใหญ่มาก นั่นคือสายตาและการปฏิบัติตัวของคนรอบข้าง
แต่คราวนี้ได้ต่างไปแล้ว พวกเธอได้รับการแต่งตัวอย่างสวยสดงดงามตามเจ้านาย มีหน้าที่ส่วนใหญ่ก็คือเป็นเพื่อนเล่น หรือเป็นเพื่อนคุยของเจ้านาย
นอกจากนี้ การทำตัวหยิ่งผยองเพื่อไม่ให้ชุดสะอาดๆ นั้นเปรอะเปื้อน ก็ยังเป็นอีกหน้าที่หนึ่งของพวกเธอ
ซึ่งนั่นก็เป็นงานของเหล่าคุณหญิงชนชั้นสูงส่วนใหญ่ ในตระกูลของท่านเคานต์ แทบไม่มีสามัญชนคนไหนที่กลายมาเป็นเพื่อนเล่นเลย แม้แต่มิเอลเองก็ยังไม่มีสาวใช้แบบนั้น
แอนนี่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไร จึงเอามือมาโอบแก้มของตัวเองทั้งสองข้าง เจสซี่เองก็กะพริบตาราวกับไม่อยากจะเชื่อ
“แอนนี่ ฉันต้องการสาวใช้มาทำความสะอาดและรินน้ำชาแทนพวกเธอ มีสาวใช้ดีๆ แนะนำไหม”
“แน่… แน่นอนค่ะ! ความจริงช่วงที่ผ่านมาดิฉันไม่ได้บอก แต่มีพวกคนที่อิจฉาดิฉันอยู่หลายคน เพราะเห็นดิฉันกินดีอยู่ดีตอนอยู่กับเลดี้นะคะ! ถ้าดิฉันหยิบหยกขึ้นมาพูดสักคำล่ะก็ เห็นทีว่าคงจะมีคนมาเกาะสักสิบคนได้ล่ะมั้งคะ”
นั่นแหละ ก็กะไว้อยู่แล้วล่ะ พอได้ยินเธอสิ่งที่เธอพูด ก็พอจะเดาได้เลยว่าสาวใช้และคนรับใช้คนอื่นๆ ของคฤหาสน์จะอิจฉาเธอมากขนาดไหน
ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเดาได้อีกว่าความอิจฉานั้นคงจะสูงทะลุฟ้าไปเลย เพราะพวกเธอเห็นแอนนี่ประดับพวกเครื่องประดับและอัญมณีที่ได้รับจากอาเรียเป็นของขวัญไว้ที่ตัวตลอดเวลา
ยกเว้นพวกคนโง่บางคนที่ให้คำมั่นว่าจะจงรักภักดีต่อมิเอล
“ถ้าอย่างนั้นก็ค่อยยังชั่วหน่อย ช่วยไปแนะนำเด็กดีๆ ให้สักคนได้ไหม เธอดูแล้วเลือกเลย”
“คะ… ค่ะ! ดิฉันจะหาเด็กที่สุภาพอ่อนหวานสุดๆ ทันทีที่กลับไปเลยค่ะ!”
ทั้งที่แอนนี่อายุน้อยที่สุดในคฤหาสน์ แต่กลับทำตัวเหมือนตัวเองเป็นหัวหน้าสาวใช้ ตามความจริงแล้ว งานที่อาเรียสั่งให้เธอทำนั้น เป็นงานของหัวหน้าสาวใช้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องผิด
เจสซี่ที่อยู่ข้างๆ เกาแก้มตัวเอง แล้วพูดขึ้นมาอย่างเบาๆ
“คือว่า… ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น แม้กระทั่งกับดิฉันก็ได้นะคะ เลดี้”
โธ่ หรือเจสซี่คิดว่าเธอชมว่าสวยกับแค่แอนนี่อย่างนั้นเหรอ
สาวใช้ที่อาเรียไว้ใจอย่างเต็มอกนั้น มีเพียงเจสซี่คนเดียวเท่านั้น เธอเป็นคนเดียวที่ยังคงอยู่เคียงข้างอาเรียจนถึงที่สุด หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับการถูกสบประมาทอย่างน่าเวทนามามากมายในอดีต
เธอจึงต้องเผชิญกับจุดจบอันน่าสลดเพราะอาเรียผู้โง่เขลาและต่ำช้า ถ้าในตอนสุดท้ายเธออ้อนวอน ขอร้องมิเอลล่ะก็ อาจจะไม่ต้องพบกับจุดจบแบบนั้น
ดังนั้นแล้ว ไม่มีทางเลยที่จะโปรดปรานแอนนี่มากไปกว่าเธอ เธอทำไปเช่นนั้นเพียงเพราะแค่ต้องการหลอกล่อแอนนี่ด้วยสิ่งของเงินทองเท่านั้น
แอนนี่เป็นเพียงสาวใช้ที่เธอจะทิ้งกลางทางเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ไม่ใช่กับเจสซี่ เธอจะพาเจสซี่ไปและรับผิดชอบเธอจนถึงตอนสุดท้าย
“พูดอะไรของเธอน่ะ เจสซี่ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอว่าฉันชอบเธอมากที่สุดน่ะ เธออยู่กับฉันมาตั้งแต่ฉันยังโง่อยู่เลย เรื่องนี้ฉันมั่นใจว่าแอนนี่ก็เข้าใจดี ใช่ไหมแอนนี่”
“แน่นอนสิคะ! เจสซี่รับใช้เลดี้มาก่อนดิฉันตั้ง 1 ปีนะคะ เลดี้ก็ต้องชอบเจสซี่มากกว่าแน่นอนอยู่แล้วค่ะ!”
ด้วยความที่แอนนี่ได้รับสิ่งของเงินทองสนับสนุนที่มากกว่าเจสซี่ เธอจึงดูเหมือนไม่มีข้อตำหนิตะขิดตะขวงใจอะไร
และเธอจะคิดว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเธอก็ไม่เกี่ยง เพราะเป้าหมายของเธอไม่ใช่การได้เป็นสาวใช้ที่อาเรียโปรดปราน แต่คือการได้เลื่อนระดับสถานะของตนต่างหาก เจสซี่หน้าแดง
“ไม่มีสาวใช้คนไหนพึ่งพาได้เท่าเธออีกแล้ว เพราะอย่างนั้นอย่าคิดมากไปเลย”
“…ค่ะ เลดี้”
พนักงานนำชุดสำหรับพวกสาวใช้เข้ามาทันทีหลังจากที่อาเรียพูดจบ ราวกับพวกเธอรอให้บทสนทนาจบลงก่อน
แม้คุณภาพและการตกแต่งอาจจะน้อยกว่ากับชุดที่อาเรียลองใส่เมื่อกี้ แต่พวกเธอก็ลองใส่ด้วยความดีอกดีใจ โดยที่ไม่ได้คิดเรื่องอะไรแบบนั้น
โดยเฉพาะแอนนี่เผยความประทับใจอย่างสุดซึ้งออกมา พลางส่งเสียงเอะอะเจี๊ยวจ๊าวบอกไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือเปล่า
“ตายแล้ว…! ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้ใส่ชุดที่สง่างามเช่นนี้!”
เหล่าพนักงานมองแอนนี่ที่พูดเสียงสูงด้วยสายตาเย็นชา เนื่องจากที่นี่เป็นบูทีคที่เหล่าตระกูลคนชนชั้นสูงมาใช้บริการ ภาพเหตุการณ์เช่นนี้จึงไม่ค่อยปรากฏให้เห็นมากนัก และพวกเธอก็ดูภูมิใจในศักดิ์ศรีของตัวเองมากเลยทีเดียว
ถึงแม้สาวใช้จะส่งเสียงเอะอะโวยวาย แต่นี่ก็เป็นในห้องส่วนตัวที่ไม่มีใครเห็น แล้วใบหน้าเหล่านั้นมันอะไรกัน
คนที่ทำเรื่องสกปรกกว่าเธอมีตั้งเยอะแยะ อีกทั้งเธอเป็นคนเช่าห้องนี้เอง ดังนั้นเธอจะทำอะไรที่นี่ก็ได้ไม่ใช่เหรอ
มันดูไม่ดีเอามากๆ เลย ทั้งที่ต่อจากนี้เธอจะมาใช้บริการอีกบ่อยๆ แต่เธอไม่อยากโดนหัวเราะเยาะใส่ และเธอก็ไม่ชอบใจเพราะสายตาของพวกนั้นเรียกความทรงจำในอดีตของเธอให้กลับมา
อาเรียลุกจากโซฟา แล้วพิจารณาดูเสื้อผ้าที่เหล่าพนักงานเอาเข้ามา มันคงจะหรูหราไปสำหรับแอนนี่และเจสซี่แน่ๆ แต่เธอก็ส่ายหัว พลางถอนหายใจ ทำหน้าราวกับว่าเธอกำลังสัมผัสของไร้ค่าราคาถูก
“ฉันว่าคุณภาพมันต่ำเกินกว่าที่สาวใช้ของฉันจะใส่นะคะ เธอคงไม่ได้คิดว่าฉันมาที่นี่เพื่อซื้อแค่ของไร้ค่าราคาถูกเช่นนี้หรอกใช่ไหม”
“อ๊ะ …ค่ะ จะนำมาให้ใหม่นะคะ”
เหล่าพนักงานรีบคว้าเสื้อผ้าแล้วออกไปข้างนอก อาเรียปฏิเสธชุดที่พวกเขาเอามาให้ถึงสองครั้ง และพยักหน้าเมื่อพวกเขานำชุดที่แทบจะไม่มีความแตกต่างกับชุดที่ตัวเองซื้อมา
“คุณ เลดี้… ดิฉันเลือกชุดจากบรรดาชุดพวกนี้ได้จริงๆ เหรอคะ”
“จริงสิ ต่อจากนี้เธอจะต้องไปไหนมาไหนกับฉัน ก็ต้องใส่ชุดประมาณนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วก็จะไม่มีใครไม่รู้ที่ต่ำที่สูงของตัวเอง และเมินพวกเธออีกต่อไปยังไงล่ะ”
อาเรียปรายตามองเหล่าพนักงานด้วยหางตา แล้วพนักงานที่ช่วยพวกเธอเปลี่ยนชุดก็สะดุ้งตกใจ ทำให้เสื้อผ้าที่เธอถืออยู่ตกลงพื้น อาเรียเดาะลิ้น
“เอาชุดที่เธอเพิ่งทำตกเมื่อกี้ไปทิ้งซะ แล้วทำไมถึงมีน้ำชาแค่แก้วเดียวก็ไม่รู้เนอะ ทั้งที่มีลูกค้าอยู่ตรงนี้ตั้งสามคน”
“…จะ จะนำไปปรับปรุงแก้ไขค่ะ”
หลังจากนั้น เหล่าพนักงานก็มีท่าทีสุภาพอ่อนน้อม ไม่ใช่เพียงแค่กับอาเรียเท่านั้น แต่มีกิริยามารยาทกับแอนนี่และเจสซี่ด้วย
แล้วแอนนี่ผู้มีไหวพริบก็แสดงให้เห็นถึงความสง่างามที่เรียนรู้มาจากอาเรีย ส่วนเจสซี่ก็สวมชุดและถอดออกอย่างเงียบๆ ตามปกติ
พวกเธอแต่ละคนได้รับชุดเดรสสามชุดเป็นของขวัญ ซึ่งเป็นชุดที่มีราคาสูงขนาดแบบที่เรียกได้ว่าถึงแม้อาเรียจะใส่เองก็ไม่แปลก
แอนนี่ที่สวมชุดที่งดงามที่สุดในบรรดาที่ซื้อมา ดื่มน้ำชาอย่างระมัดระวังไม่ให้ชุดเป็นรอย เจสซี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยปากถามด้วยสีหน้าซีดเซียว
“เลดี้คะ… ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอคะที่ซื้อชุดแบบนี้ให้พวกดิฉัน”
“ก็บอกว่าไม่เป็นไรไงล่ะ ช่วงที่ผ่านมา ฉันเก็บเงินได้เยอะเลย”
“แต่ว่า…”
เธอใช้เงินเก็บเกือบทั้งหมดไปกับรายจ่ายที่ไม่ได้คาดคิด แต่เธอก็ไม่เสียใจเลย และถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ เดี๋ยวพอเวลาผ่านไป มันก็จะเพิ่มขึ้นเองใช่ไหมล่ะ
ถึงแม้ตอนนี้เวลานี้เงินจะสูญสลายไปทั้งหมด ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่มีมันต่อไปเรื่อยๆ สักหน่อย ไม่ว่าอย่างไรมันก็จะมีขึ้นมาใหม่อีกครั้งอยู่ดี
เจสซี่เห็นสีหน้าสบายใจของอาเรีย แล้วดูเหมือนว่าเธอคงจะนึกถึงข้อเท็จจริงนั้น ความกังวลบนใบหน้าจึงอันตรธานหายไป
เธอเพิ่งซื้ออัญมณีราคาแพงหูฉี่อย่างไม่รู้สึกรู้สาเมื่อปีที่แล้วเองไม่ใช่เหรอ เข็มกลัดที่ทำด้วยทองก็เหมือนกัน การจับจ่ายใช้สอยของคุณหญิงชนชั้นสูงนั้น ไม่ใช่ระดับที่เธอจะมาเป็นกังวล
“ไหนๆ ก็อุตส่าห์แต่งตัวสวยแล้ว ถ้ากลับไปเฉยๆ ก็คงน่าเสียดาย คงจะดีถ้าได้ไปพวกร้านกาแฟอะไรแบบนี้”
เพราะว่าตอนนี้มิเอลกำลังเสแสร้งปั้นหน้าปั้นตาอยู่กับเหล่าเพื่อนๆ ของเธอ อาเรียจึงไม่อยากรีบกลับไปนัก
เธออยากไปนั่งริมระเบียงกลางแจ้ง แล้วคิดว่าจะจัดการอย่างไรต่อไปดีในอนาคต
“เลดี้… คือว่า…”
ในตอนนั้น แอนนี่เอ่ยปากพูดพลางบิดตัวไปมาอย่างดูไม่เป็นเธอ
“ถ้าเลดี้ไม่ว่าอะไร เราไปร้านกาแฟ ‘ฟลาวเวอร์เมาท์เทน’ ดีไหมคะ…”
“ฟลาวเวอร์เมาท์เทน”
“ค่ะ จริงๆ แล้วมันเป็นร้านกาแฟที่ดิฉันใฝ่ฝันมาตลอด… เลยอยากไปให้ได้สักครั้งค่ะ ดิฉันคิดว่าถ้าไปกับเลดี้ก็คงจะไม่ยากน่ะค่ะ”
ฟลาวเวอร์เมาท์เทนนี่ คือร้านที่เข้าได้เฉพาะเหล่าชนชั้นสูงไม่ใช่เหรอ เป็นแม้กระทั่งร้านกาแฟที่หรูหราที่สุดในอาณาจักร ตรงระเบียงของร้าน หากมองลงมาแล้วจะเห็นตัวเมืองของอาณาจักรไปจนถึงที่ที่ห่างไกล จึงเป็นร้านที่คนนิยมชมชอบกันมาก
น่ารักเหมือนกันนะนี่ เดิมทีเธอก็ตั้งใจจะไปที่นั่นอยู่แล้ว แต่เธอค่อนข้างชอบใจที่เธอแสดงความคิดเห็นออกมาแบบนี้
อาเรียยิ้มอ่อนโยน
“โอเค แอนนี่ เราจะไปร้านฟลาวเวอร์เมาท์เท่นตามความเห็นของเธอกัน ไปบอกคนขับรถม้าที”
“ได้ค่ะ! เลดี้!”
แอนนี่รีบรุดออกไปบอกคนขับรถม้า อาเรียเองก็เตรียมตัวจะออกจากบูทีค แต่เจสซี่ก็เรียกชื่อเธอขึ้นมา
“ดิฉันขอแวะซื้อหนังสือพิมพ์หน่อยได้ไหมคะ”
“อ๋อ ถึงเวลานั้นแล้วเหรอนี่ ถ้าอย่างนั้น แวะครู่หนึ่งแล้วค่อยไปก็แล้วกัน”
ใกล้ถึงเวลาที่จะเกิดเรื่องที่จะปั่นหัวท่านเคานต์ทำให้เขาต้องทุกข์ทรมานแล้ว เป็นเรื่องข่าวลือที่อาจจะแพร่สะพัดไปในท่ามกลางหมู่สามัญชน ซึ่งต่างจากท่านเคานต์ที่จะรู้เมื่อเข้าสู่หน้าร้อน
และเธอคิดว่าคราวนี้ ถ้าเธอใช้ประโยชน์จากข้อมูลนั้นเอง แทนที่จะช่วยเหลือเขา ก็คงไม่เลวนัก
เพราะเธอที่ถังแตกเหมือนกับตอนนี้ ไม่สามารถทำอะไรเพื่อเผชิญหน้ากับองค์หญิงที่คอยหนุนหลังมิเอลอยู่ได้
“เลดี้! รถม้าพร้อมแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเราไปกันเลยไหม”
อาเรียสดใสมีชีวิตชีวา ราวกับวันที่ผ่านมาที่เธอหดหู่นั้นไร้ความหมายไปเลย
ฝีเท้าที่เธอก้าวออกไปข้างหน้านั้นเบา ด้วยความรู้สึกที่ว่าต่อจากนี้คงจะมีแต่เรื่องดีๆ เกิดขึ้น
…………………………………………………