“อู๋เย่ว์ ระวัง!” เห็นอีกาไฟและคางคกดำตัวหนึ่งตีกันขึ้นมาอีก มั่วชิงเฉินกลืนโอสถเติมวิญญาณลงไป ในสถานที่เช่นนี้ นางไม่กล้าให้พลังวิญญาณในร่างน้อยกว่าครึ่ง
ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ไม่กล้าหลับตานั่งสมาธิให้พลังวิญญาณฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เพราะการสู้รบในระยะนี้ ล้วนมีของลับๆ ล่อๆ ลอบโจมตีจากที่ลับ ทำให้คนป้องกันไม่ทัน
เป็นไปตามคาด ในยามที่มั่วชิงเฉินดูอีกาไฟและคางคกดำสู้กันแอบฟื้นฟูพลังวิญญาณนั้น แมงป่องแดงเข้มตัวหนึ่งคลานมาถึงข้างเท้านางจากในหมอกดำอย่างรวดเร็ว ก้ามหนีบไปที่ข้อเท้านาง หางแมงป่องยกขึ้นตามมาเผยให้เห็นเข็มพิษ
ดีที่มั่วชิงเฉินระวังใต้เท้าตลอดเวลา เห็นจู่ๆ แมงป่องแดงเข้มตัวหนึ่งโผล่มา จึงโยนมุกสีแดงเม็ดหนึ่งออกโดยตรงดอกไม้แดงสดดอกหนึ่งผลิออกกลางอากาศ อ้าปากกลืนแมงป่องลงไป
ใครจะรู้ว่าดอกตะกละรับการจู่โจมจากคาถาหรืออาวุธเวทผลลัพธ์ไม่เลว แต่กับแมงป่องแดงเข้มนี้กลับไม่ได้ผล ดอกแดงสดเ**่ยวแห้งกลายเป็นดอกไม้แห้งอับเฉาด้วยความเร็วที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า จากนั้นกลายเป็นผุยผงสลายไปในอากาศ แมงป่องมุดออกมาพุ่งไปหามั่วชิงเฉิน
พูดไปแล้ว รับมือแมงป่องใช้ไฟโจมตีก็เป็นวิธีที่ดี ทว่ามั่วชิงเฉินกลับไม่กล้าใช้เพลิงแก้วใจกระจ่าง จึงยกมือขึ้นดีดเข็มสีเขียวเข้มเล่มหนึ่งแทงไปที่หลังแมงป่อง
ไม่คิดว่าหลังแมงป่องแข็งไร้เทียมทาน เข็มสีเขียวเข้มเพียงทิ้งรอยสีขาวจางๆ ไว้รอยหนึ่งก็ลื่นหล่นไปแล้ว
มั่วชิงเฉินเลิกคิ้ว ไม่คิดว่าเจ้าตัวเล็กนี่กลับรับมือยากทีเดียว
ในเวลานี้เองเสียงสวบสาบที่ทำให้คนขนหัวลุกดังมา มั่วชิงเฉินสีหน้าซีดเซียวทันที มองดูแมงป่องนับไม่ถ้วนกรูมาที่นางกับตา
ในเมื่อรับมือยุ่งยาก เราก็หลบ!
มั่วชิงเฉินปลายเท้าแตะเบาๆ บินขึ้นข้างบนช้าๆ ในสถานที่ประหลาดนี้แม้บินสูงไม่ได้ อย่างไรเสียแมงป่องฝูงนี้ก็คงไม่ตามมากระมัง
ใครจะรู้ว่าเรื่องก็ประหลาดแล้ว มั่วชิงเฉินเพิ่งคิดเช่นนี้เสร็จ ก็เห็นแมงป่องฝูงนั้นไม่รู้งอกปีกโปร่งใสออกมาจากไหน บินตามขึ้นมาแล้ว
ถูกแมงป่องพิษฝูงหนึ่งล้อมกรอบ ต่อให้เป็นใครก็ต้องขนหัวลุก
มั่วชิงเฉินผ่านศึกใหญ่เล็กมานับไม่ถ้วน เมื่อใดที่เข้าสู่การรบกลับโยนความรู้สึกพวกนี้ทิ้งไปแล้ว เพียงแต่ร่างกายบินวนไม่หยุดเพื่อนหลบแมงป่อง แล้วร่ายรำกระบี่ชิงมู่ดอกไม้วิญญาณลอยออกมามากมายพันตูกับแมงป่องนับไม่ถ้วน
“เจ้านาย ข้ามาช่วยแล้ว!” อีกาไฟอ้าปากพ่นลูกไฟออกเป็นพรวน กลางอากาศดังเปรี๊ยะๆ เป็นเสียงแมงป่องไหม้ไฟตัวระเบิดออก
ใครจะรู้ว่านี่กลับกระตุ้นนิสัยโหดเ**้ยมของแมงป่อง พวกมันไม่สนใจดอกไม้วิญญาณอีก สะบัดหางพุ่งไปหามั่วชิงเฉิน
ต่อให้ดอกไม้วิญญาณที่ไล่ตามมาข้างหลังฆ่าแมงป่องพิษตาย แต่กลับมีแมงป่องที่มากขึ้นโจมตีมาติดๆ กันไม่หยุดหย่อน
เสียงเคร้งๆ ดังขึ้น ฝูงแมงป่องชนเข้ากับโล่ชิงมู่ที่เกิดจากเมื่อเคล็ดวิชาพันบุปผาแปลงไม้ถูกโจมตี แมงป่องพวกนั้นยกหางขึ้นแทงเข้าไปเต็มแรงอย่างไม่ยอม
มั่วชิงเฉินรู้สึกปวดไปทั่วร่างทันที ที่แท้พิษพวกนั้นเข้าสู่ร่างนางผ่านกลิ่นอายวิญญาณของโล่ชิงมูแล้ว!
อสูรแมงป่องมักมาก! ไม่รู้เพราะเหตุใด มั่วชิงเฉินนึกถึงคำเล่าลือนี้ขึ้นมาทันที ทันใดนั้นก็ตัวสั่นเทิ้ม ท่ามกลางทางตันความคิดกลับกระจ่างขึ้นมา แล้วปล่อยจิตกระบี่ของเคล็ดวิชาพันบุปผาแปลงไม้ออกมาในยามนี้อย่างไม่คาดคิด!
เมื่อจิตกระบี่เกิด อานุภาพย่อมไม่ใช่ที่ก่อนหน้านี้จะเทียบได้ ดอกไม้วิญญาณราวกับมีชีวิต ส่งกลิ่นประหลาดออกมาเป็นระลอก แมงป่องพวกนั้นเก็บปีกขึ้น หยุดการโจมตีอย่างคาดไม่ถึง
“อู๋เย่ว์ เผาพวกมันเสีย!” รับรู้ถึงร่างกายที่ค่อยๆ ร้อนขึ้น มั่วชิงเฉินตะโกนออกเสียง
ในยามนี้เอง เสียงถอนใจยาวๆ ดังขึ้นเอื่อยๆ จากนั้นนิ้วมือดุจหยกขาวไร้ตำหนิปรากฏขึ้นกลางอากาศ วาดอักษรยันต์ประหลาดออกมาตัวหนึ่ง
ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของมั่วชิงเฉิน แมงป่องพวกนั้นบินไปหามือที่อยู่กลางอากาศ
แล้วก็เห็นมือหยกที่ประณีตดังมือทารกพลิกเบาๆ แมงป่องนับไม่ถ้วนก็รวมเป็นสายน้ำหายเข้ากลางฝ่ามือ
นี่มันของประหลาดอะไรกัน? สายตามั่วชิงเฉินจ้องตรงนั้นตาไม่กะพริบ
หมอกดำที่วนเวียนอยู่ปั่นป่วนขึ้นมา จากนั้นคนคนหนึ่งเดินออกจากกลางหาว ไม่คิดว่าจะเป็นยากแก่คนหนึ่ง!
มั่วชิงเฉินกวาดสายตามองมือที่เหมือนหยกคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว นางเคยเห็นสาวงามอดุลสองคน คนหนึ่งคือปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณตวนมู่จิ้ง อีกคนหนึ่งก็คือผู้ที่นับได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของตนวุนหนิง ทว่าต่อให้พวกนางโฉมดุจนางสวรรค์เช่นนั้น ก็ไม่มีมือที่สมบูรณ์แบบไร้ตำหนิเช่นนี้
และคนที่มีมือเช่นนี้ไม่คิดว่าจะเป็นยายแก่คนหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นยายแก่ที่รอยเ**่ยวย่นเต็มหน้า หน้าตาน่าอนาถจนทนดูไม่ได้!
ไม่ใช่นางวาจาเชือดเฉือน หากแต่รูปโฉมของคนตรงหน้า เปลี่ยนเป็นคนอื่นก็อาจทนไม่ไหวอาเจียนออกมาแล้ว นางสามารถสีหน้าไม่เปลี่ยน ก็นับว่าความอดทนเป็นเลิศแล้ว
“นังเด็กบ้า เจ้าคิดจะเผาลูกๆ ของข้าหรือ?” เสียงเหมือนมีดตัดกระดาษขาดดังขึ้น ทำให้มั่วชิงเฉินเข่าอ่อน เกือบล้มลงไป
“โจมตีด้วยเสียง!” มั่วชิงเฉินตกใจร้องออกเสียง ไม่เห็นคลื่นพลังวิญญาณสักสาย เพียงอาศัยการเปิดปากก็ทำให้นางเกือบถูกแผน นี่ช่างร้ายกาจเหลือเกิน!
ยายแก่นั่นสีหน้ากลับยิ่งน่าเกลียดขึ้น เอ่ยเสียงแหบว่า “นังเด็กบ้า เจ้าว่าอะไร!”
มั่วชิงเฉินกะพริบตา หา หรือว่าคนผู้นี้เสียงเป็นเช่นนี้โดยกำเนิด?
เห็นหญิงสาวตรงหน้าท่าทางอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี แม้เห็นหน้าตาไม่ชัด ผิวพรรณที่เผยออกมากลับบางจนขาดได้เมื่อต้องลม ยิ่งกว่านั้นยังเพราะถูกพิษแมงป่องที่ตนเลี้ยงไว้ บริเวณคอกลายเป็นสีชมพู ดูแล้วงามยิ่งกว่าบุปผา ในตายายแก่ฉายแววพยาบาทขึ้นทันที เสียงที่ทำให้คนฟังแล้วตัวสั่นดังขึ้นอีกครั้ง “นังเด็กบ้า เกิดมามีเปลือกนอกสวยเช่นนี้ นิสัยกลับโง่เขลาสิ้นดี ไม่สู้ให้ข้าเถอะ!” พูดพลางยื่นนิ้วมือที่เป็นดังหยกไปหามั่วชิงเฉิน
ความหนาวเหน็บท่วมท้นขึ้นในใจมั่วชิงเฉิน ยายแก่ประหลาดนี่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์ อย่าว่าแต่ตนถูกพิษแมงป่อง พลังวิญญาณสูญสิ้นไปครึ่งหนึ่ง ต่อให้ในยามร่างกายสมบูรณ์ดี แม้แต่หัวนิ้วเท้าของอีกฝ่ายตนก็สู้ไม่ได้
ระดับสร้างรากฐานระยะปลายและระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์ นั่นคือความแตกต่างระหว่างแสงหิ่งห้อยและแสงจันทร์สว่าง ไม่อาจต้านทานได้
ทว่ายายแก่ประหลาดนี่พูดอะไร ความหมายในคำพูดนาง คือจะแย่งร่างชัดๆ!
เมื่อนึกถึงคำสองคำนั้น มั่วชิงเฉินหนาวสะท้านขึ้นมาทันที สีหน้าเย็นดั่งน้ำแข็งในทันใด จ้องมือเปล่าที่ยื่นมาตาไม่กะพริบ แล้วเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “เจ้าอย่าหวังเลย!”
ตามด้วยโยนระเบิดสะท้านฟ้าออกมาเกือบร้อยลูก ส่งเสียงดังสนั่นหูแทบแตก อานุภาพแรงระเบิดอันมหาศาลโหมกระหน่ำจนหมอกดำตรงหน้าแตกออกเป็นรูใหญ่ แสงตะวันสีทองเหนือศีรษะสาดส่องเข้ามา
“นังเด็กบ้า ข้าจะฆ่าเจ้า!” ยายแก่มุมปากเลือดไหล แล้วตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่ยามที่เห็นหน้าตาของมั่วชิงเฉินได้ชัดเจนกลับเหมือนถูกฟ้าผ่า สีหน้าเคลิบเคลิ้มขึ้นมา แล้วบ่นพึมพำว่า “สวยจริงๆ…”
มั่วชิงเฉินไม่คิดว่าหลังจากถูกระเบิดสะท้านฟ้านับร้อยลูกระเบิดแล้ว ยายแก่นี่แม้ได้รับบาดเจ็บกลับยังสามารถขยับได้ ตัวนางเองกลับเพราะฝืนเร่งพลังวิญญาณเพื่อให้สามารถโยนระเบิดสะท้านฟ้าออกมาได้ในพริบตา จึงทำให้พิษแมงป่องกำเริบเร็วขึ้น บัดนี้ยากจะขยับเขยื้อนได้แล้ว
“สวยจริงๆ เลย… ฮ่าๆๆ สวรรค์ชั่ว ดูท่าเจ้าก็กลัวข้าไปคิดบัญชีกับเจ้ากระทุ้งให้เป็นรูเช่นกัน ให้ข้าได้เปลือกดีเช่นนี้มา!” ยายแก่พูดพลางลูบไล้ใบหน้ามั่วชิงเฉินอย่างอ่อนโยน
“คนบ้า!” มั่วชิงเฉินอดด่าไม่ได้
ยายแก่หดมือกลับ แล้วแหงนหน้าหัวเราะร่าขึ้นมาว่า “คนบ้า ใครเป็นคนบ้า ข้าจะเป็นสาวงามอดุลทันทีแล้ว ฮ่าๆๆๆ…”
พูดถึงตรงนี้เสียงก็ขาดหายไปทันที ห่วงทองหลายอันที่มีเปลวไฟลุกไหม้ตีลงบนตัวนาง เยี่ยเทียนหยวนร่อนลงจากบนฟ้าบริเวณที่ถูกระเบิดสะท้านฟ้าระเบิดหมอกหายไป แล้วยื่นมือพยุงมั่วชิงเฉินไว้
ยายแก่ร้องอย่างอนาถ บนฟ้าปรากฏแมงป่องไฟสูงเท่าคนครึ่งคนตัวหนึ่งขึ้นในพริบตา ให้ยายแก่ขี่หลังแล้วบินหายไปเหมือนเปลวไฟสายหนึ่ง
ทันทีที่ยายแกบินหนีไป หมอกดำที่อยู่รอบตัวก็เริ่มหายไปด้วยความเร็วที่สามารถเห็นด้วยตาเปล่าอย่างคาดไม่ถึง มั่วชิงเฉินหน้าเปลี่ยนสี แหงนหน้าเอ่ยกับเยี่ยเทียนหยวนว่า “พาข้าไป!”
บัดนี้นางถูกพิษกำหนัด อีกสักครู่ถูกผู้คนของเหยากวงโดยเฉพาะผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณที่ไม่ประสงค์ดีต่อนางเท่าไรสองคนเห็นเข้าละก็ต้องกลายเป็นเรื่องตลกขบขันจริงๆ แล้ว
เยี่ยเทียนหยวนกอดเอวมั่วชิงเฉินไว้แน่น สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่ไม่ปกติของนาง แล้วเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ กลับไม่พูดสักคำกอดนางไว้แล้วบินออกไปไกล
“ศิษย์…หลานมั่ว เจ้าเป็นอะไรไป?” ร่อนลงในที่เปลี่ยวที่หนึ่ง เยี่ยเทียนหยวนค่อยๆ วางมั่วชิงเฉินลง แล้วก้มหน้าถามว่า
“อา…จารย์อาเยี่ย รบกวนท่านไปห่างๆ ข้าหน่อย” มั่วชิงเฉินเอ่ยอย่างยากลำบาก
เยี่ยเทียนหยวนชะงัก กลับเดินออกไปหลายจั้งอย่างเงียบๆ
บุญคุณการช่วยชีวิตหลายครั้ง มั่วชิงเฉินยากจะทำสีหน้าเฉยเมยได้ จึงได้แต่ยิ้มอย่างสลด อธิบายว่า “อาจารย์อาเยี่ย ท่านรู้ว่าพวกเราสองคนเมื่อเข้าใกล้กัน ก็ไม่ค่อยปกติ บัดนี้ข้า บัดนี้ข้าถูกพิษอีก ไม่มีกำลังใจไปรับมืออย่างอื่นแล้วจริงๆ”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้ายิ่งแดงก่ำเหมือนเมฆสีรุ้ง เหงื่อซึมออกหน้าผาก
“เจ้าถูกพิษอะไร?” ได้ยินคำอธิบายของมั่วชิงเฉิน เยี่ยเทียนหยวนกดความรู้สึกประหลาดในใจลง แล้วรีบถามขึ้น
มั่วชิงเฉินมองเขาอย่างอักอ่วนปราดหนึ่ง เอ่ยว่า “อาจารย์อาเยี่ย รบกวนท่านช่วยคุ้มกันให้ศิษย์ที ศิษย์พกยาถอนพิษมาด้วย”
ได้ยินมั่วชิงเฉินเรียกตนเองว่าศิษย์ไม่ขาดคำ เยี่ยเทียนหยวนขมวดคิ้วแผ่วเบา กลับพยักหน้าแล้วเดินห่างออกไปอีก หันหลังกลับมาคอยสังเกตความเคลื่อนไหวรอบด้าน จิตตระหนักกลับไม่กล้าลงไปที่ที่มั่วชิงเฉินอยู่
มั่วชิงเฉินกัดริมฝีปากแน่น หยิบขวดหยกออกมาใบหนึ่ง เทโอสถออกมาเม็ดหนึ่งกลืนลงไป
โอสถที่นางกิน คือโอสถน้ำค้างที่หลอมเอง เป็นโอสถชั้นดีในการแก้พิษ ในตลาดเป็นของที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
โอสถน้ำค้างตกถึงท้อง ฤทธิ์ยากระจายออก ความรู้สึกร้อนผ่าวภายในร่างลดลงทันที สบายตัวขึ้นมาก
มั่วชิงเฉินถอนใจอย่างช้าๆ ทว่าเพียงชั่วครู่กลับสีหน้าเปลี่ยนทันที ไม่คิดว่าพิษในร่างไม่อาจถอนรากถอนโคนได้ โอสถน้ำค้างออกฤทธิ์กดพิษลงไป ทว่ารอฤทธิ์ยาโอสถน้ำค้างหายไป พิษแมงป่องนั่นก็ขึ้นมาอีกแล้ว
อสูรแมงป่องนั่นต้องกลายพันธุ์แน่ๆ ไม่คิดว่าโอสถน้ำค้างจะถอนพิษไม่ได้ ทีนี้แย่แล้ว!
มั่วชิงเฉินรู้สึกร่างกายร้อนขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนจะลุกไหม้ขึ้นมา จึงอดเหลือบเยี่ยเทียนหยวนปราดหนึ่งไม่ได้ แล้วกัดฟันเรียกว่า “อาจารย์อาเยี่ย”
“ศิษย์หลานมั่ว เจ้าเป็นเช่นไรบ้างแล้ว?” เยี่ยเทียนหยวนเพ่งพิศสีหน้ามั่วชิงเฉิน ไม่ว่าจะดูเช่นไรก็รู้สึกไม่ปกติ
“อาจารย์อาเยี่ย ท่านไปหาคนในพรรคก่อนเถอะ ศิษย์ ศิษย์รอสักครู่ค่อยตามไป” มั่วชิงเฉินเอ่ยอย่างยากลำบาก
เยี่ยเทียนหยวนสีหน้าเย็นชาลงมาว่า “ศิษย์หลานมั่ว เจ้าอย่าพูดเล่น”
“ศิษย์ไม่ได้พูดเล่น อาจารย์อาเยี่ย ขอร้องแล้ว” พูดถึงสุดท้าย มั่วชิงเฉินอดอ้อนวอนไม่ได้แล้ว
สวรรค์ หากตนทำอะไรที่ยากจะควบคุมตนเองขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าหลังจบเรื่องคงไม่มีหน้าอยู่บนโลกนี้แล้ว
“เป็นไปไม่ได้” เยี่ยเทียนหยวนเอ่ยอย่างสงบ สีหน้าดุจน้ำแข็ง จากนั้นมองใบหน้าแดงก่ำของมั่วชิงเฉินพลาง จู่ๆ ก็จับมือนางขึ้นมา