เห็นสายตาของหญิงสาวแปลกไป เหลือบหันมามองทางนี้บางเป็นครั้งคราว มั่วชิงเฉินทำทีเฉยเมยจัดการวางของลงบนแผง ที่จริงแล้วแล้วก็ไม่ได้มีอะไรให้วางมากนัก ล้วนเป็นขวดหยกขาวทั้งสิ้น ภายในเป็นยาบำรุงพลังวิญญาณทั้งหมด ทุกขวดบรรจุเอาไว้อย่างละห้าเม็ดสิบเม็ดและจำแนกอย่างแน่ชัด
โอสถวิญญาณแบ่งออกเป็นชั้นต่ำ ชั้นกลาง ชั้นสูงและชั้นเลิศ วิชาการหลอมยาของมั่วชิงเฉินนับได้ว่าสูงส่ง นอกจากตอนที่เพิ่งเริ่มไม่กี่เตาออกมาเป็นชั้นต่ำเพราะยังไม่คุ้นชินวิธีการ ส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ระดับกลางเป็นต้นไป แม้แต่ชั้นเลิศก็มีกว่าสิบเม็ด แบ่งเอาไว้เป็นสองขวด
แผงขายของที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนมีเจ้าของแผงเป็นผู้บำเพ็ญระดับก่อแก่นปราณ มีสมาธิมากกว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐาน แม้จะมีมั่วชิงเฉินแทรกเข้ามาระหว่างกลางอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เพียงแค่หันมองด้วยสายตาเย็นชาเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าบนแผงหมายเลขแปดสิบเก้าวางขวดหยกขาวเล็กๆ ใหญ่ๆ วางอยู่เต็มในชั่วพริบตา กำลังคิดจะดูว่าของเหล่านี้เป็นโอสถวิญญาณอะไร คิดไม่ถึงว่าหญิงบำเพ็ญเพียรที่เพิ่งมาจะหยิบป้ายขนาดเท่าฝ่ามือใบหนึ่งวางไว้บริเวณที่เห็นชัด บนนั้นเขียนไว้ว่า ‘ยาบำรุงพลังวิญญาณ’ จากนั้นก็นั่งพิงเก้าอี้ ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรอีก
‘เอ๋ นี่มันเรื่องอะไรกัน’
สีหน้าเจ้าของแผงหลายคนแปลกประหลาดอย่างไม่ทันคิด
แผงทั้งสิบของพวกเขามีตำแหน่งในตลาดแห่งนี้อย่างยกจะเข้าใจ เพราะของที่ขายล้วนเป็นของชั้นเลิศ นานวันเข้าบรรดาผู้บำเพ็ญที่ต้องการซื้อของดีก็จะตรงมายังที่แห่งนี้ ต่อให้ราคาแพงเสียหน่อย ท่าทีแย่ไปหน่อยแต่ก็ไม่ปริปากบ่นออกมา
มีคนมากความสามารถที่ไหนที่ไม่มีอารมณ์แปลกๆ กัน
ในสถานที่ที่ใช้หมัดในการพูดจาอย่างเซิงโจว ที่จริงแล้วมักจะหาพบได้น้อย
ฉะนั้นในเวลาเดียวกันกับที่เสพสุขการปฏิบัติที่เหนือธรรมดาพวกเขาเองก็ยิ่งต้องรักษาตำแหน่งที่เหนือธรรมดานี้เอาไว้ แน่นอนว่าต้องไม่ยอมให้ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นทั้งข้อง เช่นนั้นนานวันเข้าก็จะตกต่ำจนไม่แตกต่างอะไรจากแผงธรรมดาแล้ว
นับตั้งแต่ชิงตานเจินเหรินจากไป แผงตรงนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีคนอยากได้ แต่ของที่คนเหล่านั้นขายไม่อาจเอาออกมาตั้งได้ ด้วยการบีบบังคับอย่างตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของพวกเขา คนซื้อของที่มาทำลายบรรยากาศก็มีไม่น้อย เวลาผ่านไปบ่อยครั้งก็ขายต่อไปไม่ได้ วันเวลาเช่นนี้ผ่านไปนานเข้าก็เลยว่างมาโดยตลอด
แต่ของที่วางขายของคนอื่นจะไม่ดีจนไม่อาจเอามาอวดอ้าง แต่ก็ไม่ใช้ยาบำรุงพลังวิญญาณทั้งหมดอย่างเดียวเช่นนี้ นี่…นี่มันเล่นตลกหรืออย่างไร!
จู่ๆ มั่วชิงเฉินก็รู้สึกว่าบรรยากาศรอบข้างเย็นลง นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งในใจก็เกิดความคิด สายตามองวนกรอกเอื้อมมือไปดึงหางของอีกาไฟเอาไว้ ส่งกระแสจิตว่า “อู๋เย่ว์ ส่งต่อให้เจ้าแล้ว รีบขายยาให้หมดจะได้มีเงิน เลี้ยงเจ้าให้กินเต็มคราบมื้อหนึ่ง”
อีกาไฟที่จู่ๆ ถูกมั่วชิงเฉินดึงหางไว้ไม่พอใจเท่าไรนัก แต่พอได้ยินประโยคสุดท้ายกลับยิ้มแย้มขึ้นมา พุ่งตัวบินออกไปหน้าแผงขายของ เปล่งเสียงตะโกนเต็มกำลัง “มาดูเร็วเข้า มาดูเร็ว ยาบำรุงพลังวิญญาณคุณภาพดี สินค้ามากมายหลากหลายคุณภาพชั้นเยี่ยม มีพร้อมครบครันนน”
คนอื่นล้มครืน นี่มันอีกาโง่จากที่ใดกัน มันรู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่าสินค้ามากมายหลากหลาย!
อีกาไฟไม่สนเรื่องเหล่านี้ ในสายตาของมันคนเหล่านี้ล้วนเป็นคนอัปลักษณ์ไม่น่ามอง อย่างไรก็ไม่สำคัญไปกว่าอาหารเลิศรสที่นายท่านรับปากไว้ ทันใดนั้นก็ยิ่งออกแรงตะโกนเรียกลูกค้าขึ้นไปอีก
อีกาไฟตัวหนึ่งตะโกนขายของ ย่อมเป็นอะไรที่ดึงดูดสายตาคน ไม่นานก็มีคนจำนวนไม่น้อยหยุดเท้าดูชม
คนเหล่านั้นมีทั้งระดับสร้างรากฐานและก่อแก่นปราณ เหลือบมองสินค้าบนแผงวางของพบว่ามีแต่ยาบำรุงพลังวิญญาณก็รู้สึกตลกอยู่เล็กน้อย คนส่วนใหญ่เพียงยืนดูเรื่องวุ่นวายเท่านั้น มีผู้บำเพ็ญบางคนแม้จะต้องการยาบำรุงพลังวิญญาณ แต่ก็ไม่ได้ก้าวขึ้นมาข้างหน้าในตอนนี้
ยาบำรุงพลังวิญญาณมีอยู่ทุกที่ แต่ที่ใช้สัตว์วิเศษขายของมีเพียงร้านนี้ร้านเดียว!
ถังมู่เฉินแอบเขยิบไปข้างๆ สองสามก้าว เข้าไปยืนอยู่หน้าแผงขายเครื่องประดับทำท่าทางเหมือนจะซื้อเครื่องประดับ แอบคิดในใจว่าเหตุใดถึงเพิ่งรู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้แปลกประหลาดถึงขนาดนี้ เรื่องที่น่าขายหน้าเช่นนี้ยังทำออกมาได้!
มั่วชิงเฉินเอามือข้างนึงเท้าคาง ยิ้มแย้มรอลูกค้าเข้ามา
มีอีกาไฟคอยเรียกลูกค้า ภายในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ดึงดูสายตาของทุกคนได้ ยาบำรุงพลังวิญญาณประเภทนี้เป็นสิ่งที่มีความต้องการสูงสุดในบรรดาโอสถวิญญาณ แล้วนางเองก็ยังมีความมั่นใจสูงต่อโอสถวิญญาณที่ตนเองหลอมมากับมือ
ผู้บำเพ็ญร่างอ้วนหน้าแดงที่อยู่แผงหมายเลขแปดสิบแปดหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง มองพิจารณาภาพตรงหน้าอย่างสนอกสนใจ
หญิงสาวท่าทางเย้ายวนของแผงหมายเลขเก้าสิบกลับเบะปาก ส่งเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็ตวัดเรียวตาสวยมองถังมู่เฉิน “พี่ชายท่านนี้ต้องการซื้อเครื่องประดับหรือ”
น้ำเสียงอ่อนโยนหวานซึ้ง หากว่าเป็นชายบำเพ็ญทั่วไปจะต้องถูกคำว่า ‘พี่ชาย’ นี้เรียกจนหน้าแดงหูแดงเป็นแน่ แต่ถังมู่เฉินกลับสะบัดพัดในมือ โบกไปมาเบาๆ ริมฝีปากมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏอยู่ บวกกับดวงตาเรียวรีแย่งชิงวิญญาณอีกคู่หนึ่ง แลดูมีความรู้แต่ไม่ยึดในกฎเกณฑ์ “แต่เดิมไม่ได้ตั้งใจไว้ เพราะข้าน้อยไม่มีใครให้มอบ ใครจะคิดว่าพอได้พิจารณาเครื่องประดับของแม่หญิงแล้วจะมีลักษณะเฉพาะทุกชิ้น งดงามไม่มีที่เปรียบ และยังมีแม่หญิงที่สวยงามเพียงนี้เคียงคู่ ช่างงดงามทำให้เป็นที่ถูกตาสบายใจเหลือเกิน ต่อให้ข้าน้อยยังไม่มีคนในใจก็เริ่มใจสั่นไหวแล้ว”
ที่ใจเต้นนี้ไม่รู้ว่าพูดถึงเครื่องประดับเหล่านี้หรือว่าคนที่จำหน่ายเครื่องประดับ
สีหน้าของหญิงสาวประกายแดงระเรื่อ ดวงตาประกายซึ้งมองไปยังถังมู่เฉินทีหนึ่ง หยิบเครื่องประดับชิ้นหนึ่งขึ้นมาแนะนำอย่างละเอียด ไม่ได้ให้ความสนใจความเคลื่อนไหวของแผงข้างๆ อีก
คนหยุดเท้ายิ่งเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ชายชราที่ท่าทางเพียบพร้อมด้วยตบะบำเพ็ญเจ้าของแผงหมายเลขแปดสิบหกโยนพู่กันลงบนโต๊ะ หนวดเคราสั่นสะท้านเพราะความโกรธ “ผิดประเพณี นี่มันผิดประเพณีชัดๆ! วันนี้ไม่ขายแล้ว เก็บแผงกลับบ้าน!”
พูดจบก็สะบัดแขนเสื้อ บนแผงว่างเปล่าในทันใด สะบัดแขนเสื้อเดินก้าวเท้ายาวจากไป
มั่วชิงเฉินรู้สึกจนปัญญาเล็กน้อย เห็นท่าทางของชายชราน่าจะเป็นปราชญ์ผู้บำเพ็ญกระมัง ตนเองแค่เพียงให้สัตว์วิเศษตะโกนขายของไม่เท่าไร เหตุใดถึงกลายเป็นผิดประเพณีไปได้เล่า
และน่าจะเพราะวันนี้ถึงคราวนางดวงซวย ชายชราผู้นั้นเป็นปราชญ์ผู้บำเพ็ญ นิสัยจู้จี้ใจร้อนอยู่บ้าง แต่ไม่ชอบใช้กำลังเท่าไรนัก เรื่องอะไรที่ไม่ชอบใจก็จะพูดติเตียนสองสามประโยคแล้วจบไป แต่วันนี้เขาไม่ขายของทั้งหมดนี้แล้ว ผู้บำเพ็ญคนหนึ่งที่เพิ่งยื่นถุงหินพลังวิญญาณไปให้มือยังค้างอยู่กลางอากาศ ตามองชายชราที่เร่งก้าวเท้ายาวจากไปอย่างไร้ความหวัง
คราวนี้ผู้บำเพ็ญคนนั้นไม่ทนอีกต่อไป หมุนตัวลุกขึ้นในทันใด เดินมายังมั่วชิงเฉิน
มั่งชิวเฉินเห็นชายผู้บำเพ็ญคนหนึ่งเดินมาทางนี้ คนผู้นั้นรูปร่างสูงโปร่ง สวมใส่ชุดสีดำแนบกายดูทะมัดทะแมง ยิ่งส่งเสริมให้ใบหน้าที่หล่อเหลาดูมีน้ำมีนวลประดุจหยก จากการเดินพอเห็นร่างกายที่กำยำแต่ไม่ได้มีกล้ามเนื้อนูนเด่น ทั่งร่างทำให้คนรู้สึกเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่สูงส่งเย็นชาตัวหนึ่ง แฝงความอันตรายเอาไว้อยู่เล็กน้อย
“สหายเต๋า ซื้อโอสถวิญญาณหรือไม่” มั่วชิงเฉินยิ้มอ่อนๆ ลักยิ้มบริเวณมุมปากมีให้เห็นอยู่บ้าง
กลุ่มคนที่หยุดเท้ารอดูมีผู้บำเพ็ญระดับสร้างรากฐานอยู่ไม่น้อยในดวงตาของพวกเขานั้นมีแววลุ่มหลงปรากฏให้เห็น แม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับก่อแก่นปราณเองก็มีแสงประกายในดวงตาให้เห็นเช่นเดียวกัน อย่างไรซะของที่สวยงามไม่จำเป็นต้องครอบครอง แต่ไม่ว่าจะอยู่ถึงขั้นไหนก็จะยังชื่นชมกับความงามนั้น
แต่ชายหนุ่มชุดดำที่เดินมานั้นกลับทำเหมือนมั่วชิงเฉินเป็นเพียงอากาศ สายตาฉาบฉวยมองผ่านใบหน้าดั่งดอกท้อของนางไป ทอดมองไปยังขวดหยกสีขาวเหล่านั้น จากนั้นก็ยิ้มเย็นออกมา “แค่ของเท่านี้ ยังกล้าเอาออกมาขายอีกหรือ”
เสียงดังก้องหนักแน่น แต่กลับเต็มไปด้วยความดูถูกและไม่พอใจ
‘ไม่พอใจเช่นนั้นหรือ’
มั่วชิงเฉินเหลือบตาขึ้น มองตรงไปยังคนผู้นั้น เห็นคิ้วเรียงของเขาขมวดขึง ในใจก็เข้าใจในทันใด คนผู้นี้คงมาหาเรื่องกระมัง
มั่วชิงเฉินเองก็ไม่ได้เป็นคนอารมณ์ดีอะไรนัก แต่รู้ว่าการปรากฏตัวของชายคนนี้อาจจะเป็นการพลิกสถานการณ์ ในตอนนั้นนางยิ้มขึ้นมาในทันใด “คำพูดของสหายเต๋าตัวน้องไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนัก หมายความว่ายาบำรุงพลังวิญญาณยากจะเอาขึ้นมาเชิดชู ไม่มีคุณสมบัติเอามาออกขายเช่นนั้นหรือ”
เมื่อมาถึงระดับก่อแก่นปราณมียาที่สามารถใช้ได้ไม่เยอะมากนัก มีโอสถวิญญาณบางชนิดที่มีทรัพย์แต่หามาไม่ได้ มียาที่ราคาแพงแต่ไม่มีวางขาย ยาบำรุงพลังวิญญาณเป็นโอสถวิญญาณที่ผู้บำเพ็ญระดับก่อแก่นปราณใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุด มันแม้จะธรรมดา แต่กลับเป็นสิ่งที่ผู้บำเพ็ญระดับก่อแก่นปราณไม่อาจขาดได้ หากกล้าพูดต่อหน้าทุกคนว่ามันยากจะเอาขึ้นมาเชิดชู จะต้องก่อให้ผู้บำเพ็ญเพียรไม่พอใจเป็นแน่ โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญอิสระที่หลายปีผ่านมาหรือเป็นสิบปีแล้วไม่อาจหากินได้
ชายหนุ่มชุดดำขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่ได้เป็นผู้บำเพ็ญอิสระที่มาเดินเล่นที่นี่ตามใจ การที่เดินทางมาซื้อพู่กันสั่งทำของจูเสียนเจินเหรินที่ได้ยินชื่อมานานถือเป็นเรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเรื่องกำลังจะสำเร็จแล้วกลับต้องโบกมือลาเพราะหญิงสาวผู้นี้ แล้วเช่นนี้จะไม่ทำให้หงุดหงิดได้อย่างไร
โดยเฉพาะหญิงสาวผู้นี้แม้จะยิ้มแย้มอ่อนโยน แต่คำพูดกับแฝงความเสียดแทงเอาไว้ เหมือนกันทุกประการกับหญิงสาวที่แก่งแย่งชิงดีในตระกูลเหล่านั้น ทำให้คนดูแลเกิดความรังเกียจ
เหลือบตามองเห็นในสายตาของชายหนุ่มปรากฏแววรังเกียจขึ้นมาแล้วหายไป มั่วชิงเฉินเม้มริมฝีปากเล็กน้อย รอดูว่าหลังจากนี้เขาจะพูดว่าอย่างไร
แต่คนที่พบกันโดยบังเอิญนาง่อมไม่สนใจมุมมองที่เขามีต่อตนเอง แค่สนใจว่าโอสถวิญญาณเหล่านี้จะขายออกไปเมื่อไร
“สหายเต๋าไม่ต้องจงใจบิดเบือนคำพูดของข้าน้อย ใครบ้างไม่รู้ว่าชิงตานเจินเหรินมีฝีมือหลอมยายอดเยี่ยมเลิศล้ำที่สุด ยาที่นำออกมาขายล้วนมีคุณภาพยอดเยี่ยม กำลังขายไม่พอกับความต้องการ นับตั้งแต่ชิงตานเจินเหรินจากไป ต่อมาคนล้วนเคารพเลื่อมใสฝีมือการหลอมยา เก็บที่ไว้เพื่อรอคอยแต่ไม่เคยเห็นว่าจะมีใครเหมือนแม่หญิงที่วางขายเพียงยาบำรุงพลังวิญญาณแล้วจะครองทั้งแผงหมายเลขแปดสิบเก้า” เสียงชายบำเพ็ญชุดดำก้องกังวาน ฟังแล้วทำให้คนรู้สึกสบายใจ แม้ว่าความหมายที่แผงอยู่ในคำพูดจะไม่ไว้หน้ากัน
เมื่อคำพูดนี้ดังออกไปกระตุ้นให้คนอื่นเกิดความรู้สึกเหมือนกัน จึงมีคนพูดหนุนขึ้นมา
“ใช่แล้วๆ หากไม่มีความสามารถที่จะทำก็อย่ารับทำ!” ช่างพูดตรงกับที่ใจคิดเสียจริง
“ชิ คิดว่าหน้าตาที่สวยงามแล้วมาทำตัวโอหังยโส ไม่ดูด้วยซ้ำว่านี่มันที่ไหน!” นี่เป็นประเภทความโกรธที่เกิดจากความอิจฉา
“ไอ้หยา แม่หญิง ไปตั้งแผงที่อื่นดีกว่า ไม่ว่าอย่างยาบำรุงพลังวิญญาณนี้ข้าก็ยังต้องการ อย่างไรก็ต้องช่วยเจ้าซื้อ” นี่เป็นประเภทรักหยกถนอมบุปผา
“ใช่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ แค่ดูจากที่อีกาของเจ้ายังทำการค้าได้ ข้าน้อยก็จะต้องซื้อบ้างสองสามเม็ด” นี่เป็นประเภทมีรสนิยมเป็นเอกลักษณ์
ดวงตาที่หลุบลงของมั่วชิงเฉินยกขึ้นมาอีกครั้ง ส่งยิ้มอ่อนๆ “ข้าเพียงแต่ฟังผู้ดูแลตลาดพูดว่าของที่จำหน่ายในแผงที่แปดสิบไปจนถึงเก้าสิบเป็นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในประเภทเดียวกัน”
“ในเมื่อสหายเต๋ารู้เช่นนี้ เหตุใดถึงมาปรากฏที่นี่อีกเพื่อที่จะพูดเอาใจมวลชนหรืออย่างไร” ชายหนุ่มชุดดำพูดอย่างไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย ดวงตาประกายความดูถูก
มั่วชิงเฉินอดหัวเราะออกมาไม่ได้ นางไปหาเรื่องคนผู้นี้ได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ดูแล้วน่าจะเป็นคนเย็นชา แต่กลับใช้วาจาทำร้ายผู้หญิงแปลกหน้าเช่นนี้ ดูท่าทางเช่นนี้เหมือนจะโกรธแค้นเกินกว่าปกติ
ความสนใจของคนอื่นล้วนถูกดึงดูดมาทางนี้ ทุกคนล้วนรอดูคำตอบของมั่วชิงเฉินอยู่เงียบๆ ทั่วทั้งพื้นที่เงียบสงบไม่มีเสียงได้ยินเพียงแค่เสียงหญิงชายที่กัวเราะพูดคุยเหมือนไม่มีคนอื่นจากแผงข้างๆ
มั่วชิงเฉินเหลือบมองลอบสูดลมหายใจเข้าลึก เจ้าคนสร้างเรื่องล้มเหลวมากมายแต่งเรื่องสำเร็จไม่เคยมีคนนี้ รู้เช่นนี้น่าจะมัดเข้าเอาไว้ในบ้าน!
เห็นเวลาผ่านไปพอสมควรแล้วนางเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย ยิ้มแย้มพูดว่า “ข้าและพี่ชายแม้จะมาเป็นครั้งแรกแต่ก็เข้าใจกฎเกณฑ์ คำพูดของสหายเต๋าทำให้ตัวน้องไม่รู้ว่าจะตอบเช่นไร”
ชายหนุ่มชุดดำหลุดหัวเราะเยาะ “เข้าใจกฎเกณฑ์ เช่นนั้นเหตุใดสหายเต๋าถึงมีเพียงยาบำรุงพลังวิญญาณออกขายอย่างเดียว หรือสหายเต๋าคิดว่ายาบำรุงพลังวิญญาณนี้เป็นโอสถวิญญาณที่ดีที่สุด”
มั่วชิงเฉินเลิกคิ้ว กวาดตามองคนดูและกลับมาทอดมองใบหน้าของชายหนุ่ม พูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ยาบำรุงพลังวิญญาณย่อมไม่ใช่โอสถวิญญาณที่ดีที่สุด โอสถวิญญาณมีมากมายประดุจดวงดาวบนฟากฟ้า แล้วจะมีโอสถวิญญาณอะไรที่กล้าเรียกว่าดีที่สุด แต่ข้าน้อยกล้าพูดว่ายาบำรุงพลังวิญญาณของข้าคือยาบำรุงพลังวิญญาณที่ดีที่สุดในตลาด!”
ท่าทางและน้ำเสียงที่มั่นใจทำให้คนที่อยู่ตรงนั้นต้องตะลึงไป