พันธกานต์ปราณอัคคี – ตอนที่ 366 หินพลังวิญญาณยังไม่ทันร้อน

เหตุการณ์นิ่งสงบไปชั่วขณะ จากนั้นก็มีเสียงหัวเราะแกมเสียงซุบซิบนินทาดังแทรกขึ้นมา

 

 

“ยาบำรุงพลังวิญญาณที่ดีที่สุดเช่นนั้นหรือ สหายเต๋าช่างใจกล้านัก!” ชายชุดดำหัวเราะเสียงเย็นทีหนึ่ง สายตาทอดมองไปยังขวดหยกขาวเหล่านั้น

 

 

มั่วชิงเฉินนั่งลงด้วยท่าทีสงบนิ่งสบายใจ ริมฝีปากมีรอยยิ้มบางๆ ประดับ “คำโบราณกล่าวไว้ว่าสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น หากสหายเต๋าไม่เชื่อ เหตุใดจึงไม่ทดสอบยาด้วยตนเองเหล่า แต่ว่าหากสหายเต๋าไม่ได้คิดจะซื้อยาบำรุงพลังวิญญาณข้าเองก็ไม่บังคับ หากสหายเต๋าท่านใดมีความต้องการ ไม่สู้ว่ามาทดสอบแทนสหายเต๋าท่านนี้ดู”

 

 

เสียงพูดเพิ่งจบลงก็มีคนผู้หนึ่งแทรกตัวขึ้นมาข้างหน้า “ข้าน้อยกำลังต้องการยาบำรุงพลังวิญญาณจำนวนหนึ่งอยู่พอดี ให้ข้าน้อยลองก็แล้วกัน” เขาพูดไปพลางดวงตาทั้งสองข้างจับจ้องไปที่ใบหน้าเป็นประกายมีน้ำมีนวล

 

 

มั่วชิงเฉินขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา มือเอื้อมไปยังขวดหยกขวดหนึ่ง

 

 

แต่ในเวลานี้นี่เองเสียงกังวานดังขึ้นอีกครั้ง “ไม่จำเป็นหรอก ข้าน้อยเองก็กำลังต้องการยาบำรุงพลังวิญญาณจำนวนหนึ่งอยู่พอดี” พูดจบก็เอื้อมมือไปหยิบขวดหยกขวดหนึ่งขึ้นมาอย่างวิสาสะ

 

 

คนที่เสนอตัวก่อนนี้เห็นสถานการณ์ก็ได้แต่ถอยหลังกลับไปด้วยความขลาดกลัว ชายบำเพ็ญเพียรชุดดำผู้นี้แม้มั่วชิงเฉินจะไม่รู้จัก แต่ในจำนวนคนที่ล้อมวงดูมีไม่น้อยที่รู้จักเขา เขาเป็นคุณชายสายตรงของตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรระดับกลาง ตระกูลที่เขาอยู่นั้นแม้จะไม่อาจเทียบกับบรรดาตระกูลที่สูงส่งได้ แต่ตัวเขาเองกลับมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและความสามารถที่แข็งแกร่ง เป็นชายหนุ่มอายุน้อยที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเกาะ ย่อมไม่ใช่คนที่ผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปสามารถไปหาเรื่องได้

 

 

ชายหนุ่มชุดดำเปิดฝาขวดออก เทยาสีเหลืองแกมแดงออกมาเม็ดหนึ่ง วางไว้บนฝ่ามือตนเองพลางมองดู จากนั้นริมฝีปากก็ยกยิ้มขึ้นมา สายตาที่มองไปยังมั่วชิงเฉินแฝงความเย้ยหยันเอาไว้ “นี่คือยาบำรุงพลังวิญญาณที่สหายเต๋าบอกว่าดีที่สุดอย่างนั้นหรือ ดูจากสีนี้แล้วเกรงว่าคงเป็นยาที่แย่ที่สุดในบรรดายาชั้นกลางกระมัง”

 

 

คนที่ล้อมรอบนั้นจ้องมองยาบำรุงพลังวิญญาณในมือของชายชุดดำอยู่นานแล้ว ในคนเหล่านี้มีผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณอยู่ไม่น้อย ย่อมต้องคุ้นเคยกับยาบำรุงพลังวิญญาณอย่างแน่นอน

 

 

เมื่อเห็นยาเม็ดนี้มีสีแกมแดงแต่ไม่ได้โปร่งแสง มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าพอจะถือว่ายาชั้นกลางได้ หากบอกว่าดีที่สุด นั่นก็เกินไปจนทำให้คนอยากหัวเราะให้ฟันหัก

 

 

ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นว่า “แม่นาง เปลี่ยนแผงขายของเถิด วางใจได้ ถึงเวลานั้นพวกข้าจะต้องไปซื้อบ้างแน่ ฮิฮิ”

 

 

เสียงหัวเราะนั้นไม่ต้องพูดก็เข้าใจความหมาย เห็นชัดว่าให้ความสําคัญเพราะความสวยงามของมั่วชิงเฉิน

 

 

คนส่วนใหญ่ในเซิงโจวล้วนฝึกบำเพ็ญวิทยายุทธ์ และยังมีผู้บำเพ็ญกายจากหยวนโจวอีกจำนวนไม่น้อย คนเหล่านี้พูดจาค่อนข้างตรง ไม่ได้อ้อมค้อมคำพูดที่แสดงความรู้สึกดีต่อสตรีหรือประโยคที่หยาบโลนลากมก

 

 

ทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ และพูดคล้อยตามกันออกมา บรรยากาศดูครึกครื้นขึ้นมาในทันใด

 

 

ถังมู่เฉินที่กำลังสนทนากับหญิงบำเพ็ญขายเครื่องประดับอย่างออกรสออกชาติเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ คำพูดดูถูกว่าคุณภาพยาของมั่วชิงเฉินไม่ได้เรื่องก็ลอบคิดในใจว่าแย่แล้ว เขารู้ว่าเจ้าเด็กคนนี้ต้องหัวแข็งฝืนกำลัง แม้แต่คนที่อยู่นอกวงการอย่างเขายังรู้ว่าวิชาการหลอมยานั้นยากจะเข้าถึง วิธีการหลอมยาแบบใหม่ใช่สิ่งที่สามารถเรียนรู้ภายในครึ่งเดือนได้อย่างไร สามารถหลอมออกมาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แล้วยังคาดหวังว่าจะต้องออกมาดี เหตุใดตนเองถึงจับผลัดจับผลูหลงเชื่อไปด้วยเล่า!

 

 

ว่ากันตามจริงแล้วหลอมยาออกมาได้คุณภาพไม่ค่อยดีเท่าไรนักก็เป็นอะไร หาสักที่ขายราคาถูกเสียหน่อยก็ย่อมได้ แต่เจ้าคนนี้กลับดี หัวรั้นจะจองแผงเช่นนี้ แล้วยังพูดออกไปว่าดีที่สุดอีก

 

 

พวกเขายังจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ไปอีกช่วงระยะหนึ่ง หากวันนี้ขายหน้า… เอ่อ ตัวเขาก็แล้วไป เรื่องเช่นนี้เขาเคยชินมานานแล้ว แต่เจ้าเด็กคนนี้อย่างไรก็เป็นสตรี หากว่าอับอายจนเกิดโทสะขึ้นมาเล่า

 

 

หวนนึกถึงนิสัยหาญกล้าของมั่วชิงเฉิน ใจของถังมู่เฉินต้องกระตุก รีบเดินเข้าไปพูดว่า “ไอ้ยา น้องข้า เป็นความผิดของพี่เอง เมื่อครู่นี้หยิบป้ายมาผิดตอนที่ไปเช่าแผงจากจุดดูแล เหอๆ ทุกท่าน ขอทางหน่อย ขอทางหน่อย”

 

 

เห็นถังมู่เฉินแทรกตัวเข้ามา มั่วชิงเฉินรู้สึกกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เจ้าคนนี้ช่างหาช่องลงได้จริงๆ หรือจะกลัวว่าตัวเองขายหน้ากัน

 

 

คิดเช่นนี้ก็รู้สึกถูกชะตากับเขาขึ้นมาอีกหน่อย แอบคิดว่าคนผู้นี้แม้จะมีเทพแห่งความซวยเคียงข้าง แต่บางครั้งก็มีความใจดีมาให้เห็น

 

 

ตอนที่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเสียงกระแสจิตของถังมู่เฉินก็ลอยดังเข้ามาในหัวของนาง “น้องข้า เจ้าอย่าก่อเรื่องอีกเลย พวกเรารีบไปหามุมสงบนำยาของเจ้าไปจัดการให้เรียบร้อย หินพลังวิญญาณที่ได้มาก็ให้พี่ยืมเสียหน่อย เค่อๆ พี่ยังไม่ได้บอกเจ้า หลายวันก่อนนี้เกิดอุบัติเหตุขึ้นเล็กน้อย ไปติดหนี้คนอื่นอยู่หนึ่งพันก้อนหินพลังวิญญาณ..”

 

 

ริมฝีปากของมั่วชิงเฉินสั่นกระตุก สูดลมหายใจเข้าลึกหันหน้าหนีไปอีกทาง

 

 

“อย่างไรเล่า สหายเต๋าไม่มีอะไรจะพูดหรือ” สายตาของชายหนุ่มชุดดำไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อย แววตานั้นมีความดูถูกและโมโหแฝงอยู่

 

 

‘ไม่มีอะไรจะพูดบ้านแกซิ!’

 

 

มั่วชิงเฉินก็เริ่มโมโหแล้วเช่นกัน คนผู้นี้เหตุใดถึงได้ใช้วาจาทำร้ายคนเช่นนี้ นางหัวเราะเสียงเย็นขึ้นในทันใด เชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย พูดว่า “ข้าย่อมไม่มีอะไรจะพูด”

 

 

พูดถึงตรงนี้ก็มีเสียงหัวเราะลอยมา แต่หลังจากนั้นก็ถูกเสียงใสไพเราะของมั่วชิงเฉินกดลงไป “สหายเต๋านำยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นต่ำของข้าไปเทียบกับยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นกลางในตลาด ข้าทำได้เพียงแต่คิดว่าสหายเต๋ากำลังหาเรื่อง!”

 

 

เมื่อคำพูดนี้ดังออกไปก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมา  อะไรกัน ยาบำรุงพลังวิญญาณในมือของชายชุดดำนั้นเป็นชั้นต่ำหรือ

 

 

“แม่หญิง เจ้ากำลังพูดเรื่องตลกหรืออย่างไร ยาเม็ดนั้นแม้สีจะไม่สมบูรณ์เท่าไรนัก แต่อย่างไรก็ยังถือว่าอยู่ในโอสถวิญญาณระดับกลางนะ” ผู้บำเพ็ญที่พอศึกษาเรื่องยาวิเศษผู้หนึ่งตะโกนออกมาอย่างไม่คิดเชื่อ

 

 

มีคนพูดสมทบว่า “ข้าเข้าใจแล้ว แม่หญิงผู้นี้คงจะรู้สึกหาที่ลงไม่ได้ ถึงได้บอกว่าโอสถวิญญาณชั้นกลางเป็นชั้นต่ำ แต่แม่หญิง หน้าตาเป็นเรื่องเล็กหินพลังวิญญาณคือเรื่องใหญ่ เจ้าเอาของชั้นกลางมาขายเป็นของชั้นต่ำ นั่นไม่ใช้ขาดทุนหรืออย่างไร!”

 

 

“สหายเต๋า แม้เจ้าจะเป็นสตรี แต่ก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณ รู้หลักการวาจาไร้คำเพ้อหรือไม่” สีหน้าของชายบำเพ็ญชุดดำยิ่งเย็นชามากกว่าเดิม เกิดความไม่นึกทนขึ้นมาในใจ หญิงสาวที่ใช้วิธีการดำมืดตลบตะแลงเหล่านั้นเขาเคยเห็นมาไม่น้อย แต่คนที่พูดจาบิดเบือนความเป็นจริงอย่างหน้าไม่อายต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้กลับมีไม่เยอะนัก

 

 

มั่วชิงเฉินไม่เคยมีนิสัยอ่อนแอ นิสัยพูดจ้าเพ้อเจ้อด้วยท่าทีสูงส่งสงบนิ่งก็เหมือนจะไม่ใช่ทางของนาง นางรู้เพียงว่าถ้าไม่มีใครมาทำก่อน ก็จะไม่ไปทำใคร หากถูกคนมารังแกถึงที่แล้วยังต้องแสร้งถ่อมตนจนกลายเป็นช้ำใน เช่นนั้นนางก็เหมือนยิ่งโตยิ่งถอยหลังแล้ว

 

 

นางแค่นหัวเราะออกมาในทันใด “ข้าน้อยมีชีวิตอยู่มานานเพียงนี้ เรื่องเหตุผลไม่จำเป็นต้องให้สหายเต๋ามาสอน!”

 

 

“เจ้า!” เหมือนว่าไม่เคยมีสตรีชักสีหน้าเถียงเขาเช่นนี้มาก่อน ชายหนุ่มชุดดำพูดอะไรไม่ออก

 

 

สีหน้าของมั่วชิงเฉินกลับผ่อนคลายลง สายตากวาดมองคนที่อยู่รอบข้าง ริมฝีปากเผยอขึ้น “สหายเต๋าทุกท่านช่วยวิเคราะห์ที ยาบำรุงพลังวิญญาณในมือสหายเต๋าผู้นี้เป็นยาชั้นต่ำ สามารถนับว่าอยู่ระดับสูงได้หรือไม่”

 

 

สถานการณ์นิ่งสงัดไร้เสียง

 

 

มั่วชิงเฉินยิ้ม “เหตุใดเล่า สหายเต๋าทุกท่านยากจะสรุปเช่นนั้นหรือ”

 

 

มีคนพูดว่า “หากว่าเทียบกับยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นต่ำ ยาเม็ดนี้ย่อมถือว่าดีที่สุด…”

 

 

คำพูดต่อจากนั้นไม่ได้ถูกถ่ายทอดออกมา แต่ทุกคนกลับรู้กันดี เมื่อเทียบกับยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นต่ำย่อมถือว่าดีที่สุด แต่นี่ถือว่าเป็นชั้นต่ำหรือ”

 

 

มั่วชิงเฉินเห็นว่าสมควรแก่เวลาแล้ว และไม่ยอมให้วุ่นวายต่อไป นางหันไปหยิบขวดหยกขาวอีกขวดหนึ่งขึ้นมา เปิดฝาขวดเทยาหนึ่งเม็ดออกมาวางไว้บนฝ่ามือของชายบำเพ็ญชุดดำ ถามขึ้น “แล้วเม็ดนี้เล่า เมื่อเทียบกับชั้นกลางแล้วเป็นอย่างไร”

 

 

ยาบำรุงพลังวิญญาณที่นางเทออกมานั้นเปล่งประกายโปร่งแสง มองดูก็รู้ว่าเป็นของชั้นสูง

 

 

“ยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นสูง!” มีคนกลืนน้ำลาย

 

 

ยาบำรุงพลังวิญญาณที่ขายในตลาดส่วนใหญ่ล้วนเป็นชั้นต่ำหรือไม่ก็ชั้นกลาง ของชั้นสูงนั้นมีน้อยคนที่จะเอามาขาย

 

 

เพียงเพราะยาชนิดเดียวกันมีช่วงระยะเวลาเว้นห่างของการรับประทาน อีกทั้งจำนวนครั้งที่กินยิ่งบ่อยผลลัพธ์ก็ยิ่งแย่ เช่นนั้นยาชนิดเดียวกันแต่คุณภาพต่างกัน ข้อดีในเรื่องนี้ทุกคนย่อมคิดได้ สำหรับผู้บำเพ็ญเพียรทุกคนแล้วยาที่อยู่ชั้นสูงของยาประเภทเดียวกันย่อมเป็นสิ่งของล้ำค่า

 

 

“ไม่ถูก สีของยาเม็ดนี้เมื่อเทียบกับชั้นสูงแล้วยังห่างชั้นอยู่กว่าเล็กน้อย แต่หากเทียบกับชั้นกลางกลับดีกว่ามาก” มีคนอธิบายขึ้น

 

 

เจ้าของแผงหมายเลขแปดสิบแปดที่นิ่งเงียบมาตลอดหรี่ตาลง เล็กน้อย เจ้าเด็กคนนี้ช่างน่าสนใจเสียจริง หยิบยาวิเศษที่แย่กว่ายาชั้นกลางเพียงนิดเดียวมาเทียบกับของชั้นต่ำ และเอายาวิเศษที่แย่กว่ายาชั้นสูงเพียงนิดเดียวมาเทียบกับของชั้นกลาง นี่คือวิธีของนางหรืออย่างไร

 

 

‘เหอๆ ช่างฉลาดเสียจริง แต่หากเจ้าหนุ่มคนนั้นบอกว่าอยากดูของชั้นสูงขึ้นมาจะทำเช่นไร’

 

 

‘หรือนางจะบอกว่ายาวิเศษชั้นสูงไม่ใช่ว่าใครจะหลอมออกมาก็ได้ นางไม่มีก็ถือเป็นเรื่องปกติ อย่างไรยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นต่ำและชั้นกลางของนางก็ดีที่สุด’

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรร่างอ้วนหน้าแดงหอบความตั้งใจดูเรื่องวุ่นวายตรงหน้า ยิ้มแย้มมองดูสถานการณ์ข้างหน้าต่อไป

 

 

เสียงแค่นหัวเราะจากผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำดังมาให้ได้ยินตามคาด “เช่นนั้นสหายเต๋าช่วยเปิดโลกให้ข้าได้เห็นยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นสูงได้หรือไม่”

 

 

เมื่อคำพูดนี้ดังออกไป คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนจดจ่อสมาธินิ่งเงียบ รอคำตอบของมั่วชิงเฉิน

 

 

มั่วชิงเฉินยิ้มกว้าง รูปลักษณ์ที่งดงามทำให้คนลืมหายใจ นางเอื้อมมือไปหยิบขวดหยกสีขาวอีกขวดหนึ่ง แล้วก็เปิดฝาขวดเทยาวางลงบนฝ่ามือของผู้บำเพ็ญเพียรชุดดำ

 

 

ยาสีเหลืองแกมแดงส่องประกายโปร่งใส เมื่อเทียบกับยาบำรุงพลังวิญญาณสองเม็ดก่อนแล้วความแตกต่างเห็นได้ชัด

 

 

“ถามสหายเต๋าอีกครั้ง ยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นสูงของข้าเมื่อเทียบกับยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นสูงอื่นเป็นอย่างไร”

 

 

ผู้บำเพ็ญเพียรร่างอ้วนหน้าแดงเบิกตากว้าง มีแววประกายสะท้อนให้เห็น แต่เดิมเขาคิดว่าเจ้าเด็กคนนี้เพียงแค่มีนิสัยเจ้าเล่ห์ ใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกล่อเท่านั้น คิดไม่ถึงว่านางจะมียาบำรุงพลังวิญญาณชั้นสูงออกมาได้ แล้วดูจากสีนั้นยังดีกว่ายาบำรุงพลังวิญญาณชั้นสูงที่ชิงตานเจินเหรินเอามาขายอยู่กว่ามาก อีกทั้งการที่ชิงตานเจินเหรินมีชื่อเสียงก็เป็นเพราะในแผงของเขาเป็นแผงร้านค้าเดียวที่มีโอสถวิญญาณชั้นสูงขายบ้างเป็นบางครั้ง!

 

 

ชายหนุ่มชุดดำจ้องเขม็งมองยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นสูงเม็ดนั้นอยู่นาน พูดออกมาช้าๆ “ดีมาก” พูดจบสายตาก็จับจ้องไปที่มั่วชิงเฉิน “เช่นนั้นสหายเต๋ายอมขายยาบำรุงพลังวิญญาณจำนวนนี้ตามระดับชั้นที่เจ้าบอกหรือไม่”

 

 

เขาไม่ใช่ผู้บำเพ็ญอิสระ ยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นสูงย่อมเคยกินมาก่อน มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่ายาบำรุงพลังวิญญาณเม็ดนี้ดีกว่าที่เคยกิน แต่เขาก็ยังไม่มีทางเชื่อว่าสตรีนางนี้จะหลอมยาที่ดีขนาดนี้ได้

 

 

หากนางรับปากย่อมไม่มีอะไรให้พูดต่อ แต่หากไม่รับปากความลับที่ซ่อนอยู่ต้องแตกออกมาเป็นแน่

 

 

ใครจะรู้ว่ามั่วชิงเฉินเพียงแต่หัวเราะเบาๆ ยื่นมือชี้ไปยังขวดหยกเหล่านั้น “ข้าเช่าแผงที่ดีเช่นนี้ใช้เงินค่าเช่าไปมากมาย ย่อมต้องมาขายยาวิเศษ สำหรับราคาก็เท่ากับราคาตลาด”

 

 

“หมายความว่าอย่างไรเท่ากับ” มีคนที่ใจร้อนตะโกนออกมาก่อนแล้ว หากว่าเป็นความหมายตามที่เขาเข้าใจ เช่นนั้นก็ถูกมากเลย

 

 

มั่วชิงเฉินเม้มปากพลางหัวเราะ “เท่ากันก็คือ ยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นต่ำของข้าจะขายราคาเท่ากับยาบำรุงพลังวิญญาณชั้นต่ำในตลาด ใช้หลักการตามนี้”

 

 

เมื่อคำพูดนี้ดังออกมาคนที่อยู่ตรงนั้นก็แทบจะบ้าคลั่ง เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า เมื่อมีคนหนึ่งก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้าทุกคนล้วนล้อมรอบกรูกันเข้ามา ปิดล้อมเบียดเสียดแผงหมายเลขแปดสิบเก้าไว้แน่น

 

 

ชายหนุ่มชุดดำนิ่งอึ้ง รอจนบรรดาฝูงชนแย่งชิงยาวิเศษจนหมดเกลี้ยงแล้ว มีทั้งคนจากไปด้วยความดีอกดีใจ มีทั้งตะโกนด่าทอ เขาถึงได้เห็นใบหน้าของมั่วชิงเฉินที่ริมฝีปากมีอมยิ้มให้เห็น

 

 

ถังมู่เฉินที่อยู่อีกข้างนับหินพลังวิญญาณจนมืออ่อน ยิ้มแย้มแจ่มใสมากกว่า ส่วนอีกาไฟที่อ้วนจนแทบไม่เห็นปีกก็กำลังบินขึ้นลงไปมาตะโกนว่า “เอาหินพลังวิญญาณมาให้ข้า ข้าจะเก็บให้นายท่าน”

 

 

“ไม่ให้ๆ ข้าจะเก็บให้น้องข้า” ชาตินี้ไม่เคยเห็นหนพลังวิญญาณเยอะขนาดนี้มาก่อน ให้ตายเขาก็ไม่ให้

 

 

อีกาไฟกรอกตามองด้วยความโมโห “เจ้าไม่ให้ ได้ ระวังถุงหินพลังวิญญาณถูกพายุหอบไป!”

 

 

คำพูดเพิ่งจบก็เห็นพายุหมุนระลอกหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ ถุงหินพลังวิญญาณในมือถังมู่เฉินถูกพัดหอบไปเสียอย่างนั้น

 

พันธกานต์ปราณอัคคี

พันธกานต์ปราณอัคคี

สาวชนบทชีวิตอาภัพคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อมีจอมยุทธ์ผู้หนึ่งมารับตัวนางกลับไปยังตระกูลผู้บำเพ็ญเพียรของบิดา ตั้งแต่นั้นชีวิตของนางจึงพลิกผันไปโดยพลัน ถึงกระนั้นพรสวรรค์ของนางกลับมิได้ล้ำเลิศเฉกเช่นบิดา ยังดีที่มี ‘สุราทิพย์’ คอยช่วยเหลือ และนำพานางไปสู่เส้นทางที่คนธรรมดาได้แต่วาดฝันถึง ในเส้นทางสายนี้ยังมีเรื่องราวอีกไม่น้อยที่นางนั้นคาดไม่ถึง ทั้งออกผจญภัยปราบปีศาจสยบอสูร ปลูกสมุนไพรหลอมโอสถ โดนข่มเหงกีดกันเพราะความอ่อนด้อยจนไม่ต่างกับเป็นคนรับใช้ผู้หนึ่ง และไม่ทันได้เตรียมใจว่าจะพานพบกับรสรักที่ล้ำลึกเสียจนมิอาจถอน แรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานผูกนางกับเขาอย่างไร้หนทางแยกจากกันได้… หนทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ช่างเปลี่ยนไปมาจนมิอาจคาดเดาได้ เขาจะเป็นคนรับใช้ที่โดดเด่นในโลก (อดีต) แห่งนี้ให้ดู!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset