มั่วชิงเฉินเดินลงมา ก่อนเดินไปทางลูกศิษย์เหยากวง ผู้คนที่มองอยู่รอบด้านแหวกทางเดินออกเป็นแนว ก่อนจะมองเห็นว่าสายตาของนางนั้นแตกต่างกับก่อนหน้านี้ราวฟ้ากับดิน
“เห็นไหมเล่า ข้าก็บอกแล้ว อาจารย์อามั่วจะต้องจัดการเจ้าคนผู้นั้นเสียจนพ่ายแพ้ยับเยินเป็นแน่” ลูกศิษย์ผู้หนึ่งได้ใจเสียจนกระหยิ่มยิ้มย่อง
อีกหลายคนที่เหลือต่างก็ตัดพ้อ “ยังต้องให้เจ้าเอ่ยอีกหรือ อาจารย์อามั่วเป็นผู้ใดกันเล่า นึกถึงตอนที่นางอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นต้นปีนั้น ก็ปาอิฐใส่ศิษย์พี่จ้าวที่มาสารภาพรักกับนางเสียจนเหินทะยาน อีกทั้งศิษย์พี่จ้าวในตอนนั้นยังอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นกลางอีกด้วยนะ นักพรตฉงกวนผู้นั้นที่อยู่ระดับเดียวกับอาจารย์อามั่ว จะถือเป็นคู่ต่อสู้ของอาจารย์อามั่วได้อย่างไร”
เหล่าผู้บำเพ็ญเพียรหญิงพรรคเหยากวงต่างเกิดเส้นขีดดำเต็มใบหน้า กัดฟันลอบคิด เจ้าคนพวกนี้จะเงียบเสียงหน่อยไม่ได้เชียวหรือ อย่าซ้ำเติมชื่อเสียงของผู้บำเพ็ญเพียรหญิงพรรคเหยากวงอีกเลย!
มีลูกศิษย์พรรคอื่นที่ค่อนข้างอยู่ใกล้กับลูกศิษย์พรรคเหยากวง ในที่สุดก็อดทนไม่ไหวเอ่ยออกมาเสียงเบาว่า “หรือว่า อิฐก้อนนั้นที่นักพรตชิงเฉิงพรรคท่านใช้ในการต่อสู้เมื่อครู่ ได้สำแดงอภินิหารตั้งแต่เมื่อคราระดับสร้างรากฐานแล้วหรือ”
ศิษย์พรรคเหยากวงที่มีใจอารีก็ยื่นมือออกไปชี้ด้านหลัง “เห็นผู้บำเพ็ญเพียรหญิงฝาแฝดคู่นั้นหรือไม่”
ผู้บำเพ็ญเพียรผู้ที่เอ่ยถามนั้นมองไปด้านหลัง ก็มองเห็นหญิงสาวสองคนที่คิ้วตาราวกับคนเดียวกันยืนเคียงกันอยู่ มองไปเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเบิกบาน มีเพียงหญิงหนึ่งเดียวในนั้นยิ้มเม้มปาก อีกคนนั้นกลับยิ้มจนเห็นฟันกระต่าย ยังโบกมือไม่หยุด
“โอ้ พรรคของท่านไม่ธรรมดาจริงนะ ถึงขนาดมีผู้บำเพ็ญเพียรหญิงระดับสร้างรากฐานฝาแฝดที่งดงามถึงเพียงนี้”
เหล่าลูกศิษย์ที่มีใจอารีผู้นั้นพลันรู้สึกว่าได้รับอานิสงส์ไปด้วย ก่อนเอ่ยออกมาด้วยความลำพองใจว่า “นั่นนะสิ ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงระดับสร้างรากฐานฝาแฝดยังไม่เท่าไร ยังมีอาจารย์อาซู่เหยียนของพรรคเราที่เป็นถึงร่างหยินบริสุทธิ์ และยังมีอาจารย์อาม่อผู้ได้รับคำชื่นชมจากทุกคนว่ามีพรสวรรค์ด้านค่ายกลที่สุด…”
ลูกศิษย์พรรคเหยากวงที่อยู่ด้านข้างทนดูไม่ได้แล้ว ตบไหล่ศิษย์น้องเบาๆ ก่อนเอ่ย “ศิษย์น้อง เจ้าออกนอกเรื่องไปแล้วกระมัง”
ลูกศิษย์ที่มีใจอารีตบไปที่หน้าผากของตนก่อนเอ่ยออกมาอย่างขอลุแก่โทษว่า “ขออภัย สหาย ข้าผู้นี้ชอบแสดงความสามารถยิ่งนัก เมื่อได้แสดงความสามารถแล้วก็เก็บกลับไปไม่ได้ ข้าเพียงอยากเอ่ยว่า ก้อนอิฐที่อาจารย์อามั่วใช้ยามอยู่ระดับขั้นสร้างรากฐานนั้นได้มอบให้ฝาแฝดคนหนึ่งแล้ว”
“เอ๋ ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงฝาแฝดคู่นั้น เป็นลูกศิษย์ของนักพรตชิงเฉิงหรือ” ลูกศิษย์ของพรรคอื่นยิ่งฟังแล้วยิ่งสนใจ ล้วนได้ยินมาว่าผู้บำเพ็ญเพียรหญิงของพรรคเหยากวงนั้นบำเพ็ญพรตอัศจรรย์ ไม่ผิดจากที่ว่าไว้จริงๆ
“พวกนางไม่ใช่ลูกศิษย์ของอาจารย์อามั่ว แต่เป็นหญิงรับใช้ข้างกาย”
ลูกศิษย์พรรคอื่นเมื่อได้ฟังทันใดนั้นก็รู้สึกว่านักพรตชิงเฉิงผู้นี้เก่งกาจยิ่งนัก สามารถให้ผู้บำเพ็ญเพียรฝาแฝดที่อยู่ระดับสร้างรากฐานคู่หนึ่งมาเป็นหญิงรับใช้ข้างกายได้ ร่ำรวยเสียจริง!
คนที่ยังใจคิดถึงอิฐก้อนอยู่ยังเอ่ยถามต่อ “ในเมื่อนักพรตชิงเฉิงมอบอิฐก้อนแก่หญิงรับใช้ไปแล้ว อย่างนั้นอิฐก้อนที่ใช้อยู่ในตอนนี้ก็…”
ลูกศิษย์เหยากวงหัวเราะก่อนเอ่ย “อืม ที่อาจารย์อามั่วใช้อยู่ตอนนี้คือที่โส่วเต๋อเจินจวินมอบให้”
ลูกศิษย์เหยากวงอีกท่านหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเคารพอย่างเต็มเปี่ยม “โส่วเต๋อเจินจวินมิเสียแรงที่เป็นอาวุโสเก่าแก่ของพรรคเราจริงๆ ช่างเข้าอกเข้าใจลูกศิษย์ในพรรคยิ่งนัก สมบัติวิเศษที่มอบให้นั้นก็ล้วนราวกับออกแบบมาเพื่ออาจารย์อามั่วเลยทีเดียว”
ลูกศิษย์พรรคอื่นมองไปยังมั่วชิงเฉินที่ค่อยๆ เดินมาใกล้ๆ อย่างช้าๆ ทั้งเคารพและยำเกรง สีหน้าสับสนยิ่งนัก
ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงเหยากวงกลับส่งสายตาเห็นใจไปยังมั่วชิงเฉิน
อาจารย์อามั่ว ชื่อเสียงความห้าวหาญของท่านนั้น เกรงว่าคงก้าวหน้าไปอีกขั้นต่อจากพิธีเข้าคู่บำเพ็ญเพียรเป็นแน่
มั่วชิงเฉินนั้นมิได้สนใจในสายตาที่กลุ่มคนทอดมองมายังนาง เดินไปนั่งอยู่ข้างกายกู้หลี เงยหน้ายกยิ้มก่อนเอ่ย “อาจารย์ ศิษย์ทำได้เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”
กู้หลีรินชาใส่จอกก่อนยื่นให้แก่มั่วชิงเฉิน ยกยิ้มอย่างอบอุ่นอารี “ดีมาก”
มั่วชิงเฉินยกยิ้มเสียจนดวงตาเป็นวงรี นางยกจอกชาขึ้นก่อนจิบจนหมด ก่อนหยิบเอาน้ำเต้าสุราออกมา “ดื่มชามิสู้ร่ำสุรา มีรสชาติกว่ามาก”
กู้หลียิ้มอย่างจนใจ ก่อนยื่นมือไปรับน้ำเต้าสุรามาจิบอึกหนึ่ง ก่อนเอ่ยชม “สุรานี้รสไม่เลว ก่อนหน้านี้อาจารย์มิเคยดื่มเลย เจ้าบ่มมันขึ้นมาใหม่หรือ”
มิทันได้ฟังคำตอบ กู้หลีเงยหน้าขึ้นมองไปทางมั่วชิงเฉิน เห็นเพียงสีหน้านางแดงเป็นริ้วจดจ้องไปยังน้ำเต้าสุราในมืออย่างไม่วางตา
กู้หลีก้มหน้ามอง ก่อนเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ชิงเฉิน เกิดอะไรขึ้นหรือ”
“ไม่…ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ท่านชื่นชอบก็ดีแล้ว อย่างนั้นก็ดื่มให้มากหน่อย การประลองของศิษย์พี่หญิงรั่วซียังไม่จบลง ชิงเฉินเองก็จะไปดูเจ้าค่ะ” มั่วชิงเฉินเอ่ยก่อนกระโดดตัวลอยขึ้นจากพื้น มิได้รอให้กู้หลีเอ่ยคำใดก็รีบจากไป
กู้หลีงงงวยเล็กน้อย เขาจดจ้องไปยังเบื้องหลังของนางอยู่นาน จึงได้ก้มลงมองน้ำเต้าที่อยู่ในมือ ทันใดนั้นก็นึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่งขึ้นมาได้ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าน้ำเต้าที่อยู่ในมือนั้นร้อนระอุยิ่งนัก ร้อนลวกเสียจนกกหูแดงก่ำขึ้นมา
นักพรตจื่อซีเฝ้ามองดูอย่างไร้ร่องรอย ถึงแม้ว่าจะไม่เข้าใจนักว่าลูกศิษย์และอาจารย์สองคนคู่นี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น แต่มองสีหน้าของกู้หลีที่แปรเปลี่ยนไปอย่างเฉียบพลันได้ชัดเจนนัก อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า ลอบเอ่ยในใจว่านางหนูชิงเฉินเป็นดาวมารของเหอกวงดังคาด ในวันคืนธรรมดาเขามักไม่ค่อยใส่ใจสิ่งใดราวกับเซียน แต่เมื่อเจอะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนาง ก็มักจะตกลงสู่โลกมนุษย์เสมอ
เมื่อนึกถึงลูกศิษย์และอาจารย์สองคนคู่นี้ที่มีวาสนาแต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ พลัดพรากพันปี ก็ลอบถอนใจ แต่ก็เข้าใจได้ นี่ที่จริงแล้วคือบทสรุปที่ดีที่สุด
จวบจนถึงการประลองในสนามที่สี่ ก็มีผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์เหมือนกันมาประลองกัน คู่ต่อสู้ของนักพรตรั่วซีก็คือนักพรตปี้เหลยที่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์ของพรรคอู๋อี๋
การประลองระหว่างผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์ แน่นอนว่ามั่วชิงเฉินย่อมดูอย่างจริงจัง ยิ่งมองยิ่งมีสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเดิมนัก
ทั้งสองโรมรันเข้าหากัน สีหน้านักพรตปี้เหลยปรากฏร่องรอยซุกซนออกมา เผยลักยิ้มน่ารักออกมาคู่หนึ่ง เมื่อมองดูแล้วก็ดูท่าทางมีความชำนาญ เมื่อย้อนกลับมามองนักพรตรั่วซีกลับมีสีหน้าขมวดเกร็ง ระหว่างเยื้องย่างยังดูอืดอาดนัก เห็นได้ชัดเลยว่า ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบแล้ว
ดูเหมือนว่า ความพ่ายแพ้ของนักพรตรั่วซี เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วแล้ว
มั่วชิงเฉินลอบสังเกตวิธีเคลื่อนไหวของนักพรตปี้เหลยอย่างละเอียด ลอบเอ่ยในใจว่ามิเสียแรงที่เป็นผู้มีรากวิญญาณอัสนีที่หาได้ยากยิ่ง พลังการทำลายล้างนั้นยากจะเปรียบเทียบกับผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดาทั่วไป
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามกว่า นักพรตรั่วซีพ่ายแพ้แล้วดังคาด บินกลับมาอยู่ทางฝั่งเหยากวงด้วยสีหน้าซีดขาว
เมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญเพียรที่เข้าสู่รอบแปดคนก็กำหนดได้แล้ว ได้แก่มั่วชิงเฉินและนักพรตจื่อซีจากเหยากวง นักพรตปี้เหลยจากพรรคอู๋อี๋ นักพรตหย่าอี้จากนิกายเหอหวน นักพรตจื้อจั้นจากสำนักไท่ซวี นักพรตเฟยหยางจากสำนักลั่วสยา นักพรตเตี๋ยหั่วจากนิยายหมิงฝู และเนื่องจากนักพรตฉงกวนและมั่วชิงเฉินประมือกันนักพรตจินเป่าจากนิกายเลี่ยนเป่าจึงได้รับผลพลอยได้ในการเข้ารอบไป
ท่ามกลางแปดคนนี้ นอกจากมั่วชิงเฉินและนักพรตจินเป่าที่มีระดับก่อแก่นปราณขั้นปลาย หกคนที่เหลือล้วนถึงระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์แล้ว
หลังจากนั้นคือการประลองแย่งชิงผู้เข้ารอบอีกสองลำดับที่เหลือ หลังการต่อสู้อันดุเดือด นักพรตรั่วซีและนักพรตอี๋หรานผู้บำเพ็ญเพียรไร้สำนักได้รับสองลำดับสุดท้ายไปเสีย แต่นักพรตหลันเหอที่มาจากตระกูลบำเพ็ญเพียรนั้นกลับเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณขั้นสมบูรณ์เพียงคนเดียวที่ไม่ได้เข้ารอบสิบคนสุดท้าย
ด้วยเหตุนี้ผู้คนกลับพบเรื่องหนึ่งเข้า ยามนี้สิบคนแรกของการประลองเฟิงอวิ๋น มีสามคนที่มาจากพรรคเหยากวง
หากเป็นอย่างนี้ก็แย่ไปใหญ่ ถึงแม้ว่าการประลองยังไม่สิ้นสุด แต่ชื่อเสียงของเหยากวงสามารถใช้คำว่าเจริญรุ่งเรืองอย่างสุดขีดมานิยามได้
Related