คุณชายสี่และคุณชายหกจ้องอีกาไฟเขม็งเหมือนเห็นผี อีกาไฟกลับลืมตาแค่ครึ่งเดียว เผยให้เห็นตาขาวครึ่งหนึ่ง ก้มหน้าก้มตาทำท่าเหมือนไม่สะทกสะท้าน
ทั้งสองคนแทบจะกวาดสายตาไปที่มั่วชิงเฉินพร้อมกัน ท่าทีใจตรงกันหากคนไม่รู้ยังนึกว่าพวกเขาเป็นพี่น้องที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานปี
มั่วชิงเฉินอ้าปาก ฝืนยิ้มว่า “นี่…นี่เป็นความบังเอิญล้วนๆ…”
คำพูดที่ไม่มีพลังเห็นชัดว่าไม่สามารถทำให้ทั้งสองคนเชื่อได้ ทว่าหากจะบอกว่าพวกเขาเชื่อว่าที่คุณชายสิบเจ็ดตกลงไปเพราะคำพูดของอีกาไฟนั้น พวกเขาเชื่อยากยิ่งกว่า
“พี่สี่ ข้าว่าพวกเรารีบลงไปดีกว่า แม้ว่าเดิมทีก็ต้องกระโดดลงไปในน้ำวนนี้อยู่แล้ว ทว่าตกลงข้างในมีอันตรายอันใดก็ไม่อาจรู้ได้” คุณชายหกเอ่ย ไม่ใช่ว่าเขาเป็นห่วงความเป็นความตายของคุณชายสิบเจ็ดหรอกนะ หากแต่เห็นท่าทางมั่วชิงเฉินลำบากใจจึงเบนหัวข้อออกไป
คุณชายสี่มองมั่วชิงเฉินอย่างล้ำลึกอีกปราดหนึ่ง นี่ถึงพยักหน้าว่า “ก็ได้” พูดจบก็กระโดดนำหน้าลงไป
คุณชายหกยิ้มให้มั่วชิงเฉินว่า “แม่นางมั่ว เจ้าเพียงแต่กลั้นหายใจไว้แล้วกระโดดลงไปก็ได้แล้ว วางใจได้ ไม่มีอันตรายหรอก” พูดจบตวัดชายเสื้อแล้วกระโดดลงไปเช่นกัน
มั่วชิงเฉินมองดูน้ำวนที่ลึกไม่เห็นก้นแล้วเม้มปาก กำลังกระดกตัวขึ้นจะโดดลงข้างล่าง ทันใดนั้นได้ยินอีกาไฟร้องเสียงแหลมว่า “ช้าก่อน!”
มั่วชิงเฉินค้างอยู่ตรงนั้นทั้งเช่นนั้น ถามว่า “มีอันใดหรือ?”
“เก็บข้ากลับถุงอสูรวิญญาณ” อีกาไฟเอ่ย
“เอ่อ?” มั่วชิงเฉินไม่รู้มันจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่
อีกาไฟทำตาเหลือก พูดเหมือนตนมีเหตุผลเต็มประดาว่า “เจ้ากระโดดคนเดียวไม่ได้เช่นนั้นหรือ ถูกแล้ว หลังจากกระโดดลงไปแล้วอย่าลืมรีบปล่อยข้าออกมา”
มั่วชิงเฉินกระตุกมุมปาก ไม่มีเวลาว่าเถียงกับอีกาตัวหนึ่ง จึงเก็บมันกลับเข้าถุงอสูรวิญญาณอย่างเฉียบขาด แล้วกระดกตัวกระโดดลงไป
เสียงฟู่ๆ ดังขึ้นข้างหู พลังมหาศาลสายหนึ่งลากมั่วชิงเฉินตกลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว
ตาของมั่วชิงเฉินลืมไม่ขึ้นแล้ว ความมืดมิดที่ไม่มีที่สิ้นสุดยิ่งทำให้นางรู้สึกกังวล ตกลงไปด้วยความเร็วเช่นนี้ จะไม่เป็นไรจริงหรือ?
ในนาทีนี้ เวลาดูเหมือนถูกยืดออกอย่างไร้ขีดจำกัด มั่วชิงเฉินรู้สึกเพียงว่าใจยิ่งเต้นยิ่งแรง ต่อให้พวกคุณชายหกก็กระโดดเข้ามาเช่นนี้เช่นกัน ทว่าสำหรับเรื่องที่ตนไม่อาจควบคุมได้ สุดท้ายก็ไม่อาจเชื่อใจคนอื่นได้อย่างหมดใจ
ในที่สุด มั่วชิงเฉินรู้สึกว่าขาสองข้างงอลง เท้าแตะถึงพื้นแล้ว ที่แปลกคือไม่คิดว่าจะมีพลังลึกลับชนิดหนึ่งสลายแรงอัดที่ตกลงมาให้หายไป ร่างกายส่ายเพียงแค่ทีเดียวเท่านั้น
เสียงเข่นฆ่ากันดังเข้ามาในหู มั่วชิงเฉินรีบลืมตาขึ้น เห็นเพียงพวกคุณชายหกสามตนกำลังโรมรันพันตูอยู่กับปลาประหลาดที่รูปร่างเหมือนเม่นมากมาย
“แม่นางมั่ว รีบมาช่วยเร็ว!” คุณชายหกตะโกน
มั่วชิงเฉินมือถือกระบี่เข้าร่วมการต่อสู้
ปลาประหลาดชนิดนี้มีหนามแข็งแหลมคมขึ้นเต็มตัวไปหมด ต่อให้กระบี่ในมือนางเป็นอาวุธเวทระดับกลาง อัดพลังวิญญาณเข้าไปแล้วใช้เคล็ดวิชาพันบุปผาแปลงไม้ ก็ไม่อาจทำร้ายมันได้แม้แต่น้อย
มั่วชิงเฉินกวาดสายตามองอีกสามคนที่เหลือหลายปราด
เห็นเพียงคุณชายหกมือถือง่ามปลาด้ามนั้นแทงไปที่หางของปลาประหลาดโดยเฉพาะ หลังจากแทงถูกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องแปลกประหลาดเสียงหนึ่ง จากนั้นเหวี่ยงขึ้นข้างบน ปลาประหลาดก็บินออกไปทั้งตัว
ที่คุณชายสิบเจ็ดใช้คือกรรไกรยาวๆ ด้ามหนึ่ง ที่ที่ลงมือคือส่วนหางของปลาประหลาดเช่นกัน
ส่วนอาวุธเวทที่คุณชายสี่ใช้กลับเป็นดาบวงพระจันทร์เล่มหนึ่ง ดาบวงพระจันทร์บินออกไปพร้อมแสงวิญญาณหมุนอยู่กลางอากาศกลายเป็นพระจันทร์ดวงหนึ่ง ที่ที่บินผ่านหางของปลาประหลาดถูกตัดออกมาทั้งหาง
มั่วชิงเฉินลงมือที่ส่วนหางปลาโดยเฉพาะตามอย่าง พบว่าง่ายขึ้นมากตามความคาดหมาย
จำนวนของปลาประหลาดแม้ไม่น้อย ทว่าพลังจู่โจมกลับธรรมดา ได้มั่วชิงเฉินร่วมด้วย ทั้งสี่คนใช้เวลาครึ่งชั่วยามก็กำจัดพวกมันได้อย่างสิ้นซาก
มั่วชิงเฉินหอบหายใจแผ่วเบา นี่ถึงมีเวลาว่างพิจารณาสภาพแวดล้อมที่อยู่
รอบๆ ตัวมีสิ่งมีชีวิตนานาชนิดว่ายไปมา มีปลาประหลาดปากแหลมหางยาว ประเภทหอยตัวเล็กกระจิริด ปลาดาวที่ทึ่มๆ ไร้เดียงสา…
สีสันสดใสราวกับดอกไม้ที่ว่ายน้ำได้เป็นดอกๆ ส่วนพวกสาหร่ายที่โอ้อวดอยู่ใต้ทะเลยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้ภาพฉากที่สวยงามเช่นนี้อย่างประหลาด
มั่วชิงเฉินกำลังพิจารณาอย่างละโมบ กลับได้ยินคุณชายสิบเจ็ดโวยวายว่า “อีกาตัวนั้นล่ะ อีกาตัวนั้นล่ะ?” พูดพลางเดินมาหามั่วชิงเฉินด้วยลักษณะท่าทางดุดัน
มั่วชิงเฉินยืนอยู่ที่เดิม มองคุณชายสิบเจ็ดอย่างเย็นชาว่า “เป็นอันใด คุณชายสิบเจ็ดคิดถึงมันหรือ?” พูดกลางเพ่งจิตปล่อยอีกาไฟออกมา
อีกาไฟกระพือปีกกระโดดขึ้นไปบนไหล่มั่วชิงเฉิน ร้องใส่คุณชายสิบเจ็ดว่า “แว้ดๆ ได้ยินว่าเจ้าคิดถึงข้า? ข้าขอเตือนให้เลิกความคิดนี้ซะ ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก!”
“ฟู่” มั่วชิงเฉินที่สุขุมเสมอมาทนไม่ไหวต้องหัวเราะออกมา นางไม่ยอมรับไม่ได้ว่า อีกาไฟนี่บางทีก็เก่งกาจเสียจริง เมื่อก่อนนางรังเกียจที่มันพลังโจมตีไม่ไหวมาตลอด วุ่นมาครึ่งค่อนวันพลังโจมตีมันอยู่นี่นี่เอง!
คุณชายสิบเจ็ดโกรธจนเกือบหงายหลัง มือที่ชี้อีกาไฟสั่นไม่หยุดว่า “เจ้าเดรัจฉานขนแบน ตกลงใช้วิชาปีศาจอันใดกันแน่ ถึงทำให้ข้าตกลงไป?”
อีกาไฟพยายามยกม่านตาขึ้นครึ่งหนึ่ง กวาดสายตามองเขาปราดหนึ่งอย่างไม่แยแสว่า “ช่างผมยาวความรู้สั้น[1]เสียจริง เจ้าไม่เคยได้ยินว่าอะไรเรียกว่าปากอีกา[2]หรือไร?”
มั่วชิงเฉินฝืนกลั้นหัวเราะไว้ อยากบอกอีกาไฟจริงๆ ว่าผมยาวความรู้สั้นไม่ได้ใช้กันเช่นนี้ แต่กลับเห็นคุณชายสิบเจ็ดยกกรรไกรจู่โจมมาที่อีกาไฟ
กระบี่บินในมือมั่วชิงเฉินบินออกไป เคร้งเสียงหนึ่งชนเข้ากับกรรไกรของคุณชายสิบเจ็ด หยุดการโจมตีของเขาลง จากนั้นถามเสียงเย็นชาว่า “คุณชายสิบเจ็ด เจ้าคิดดีแล้วหรือ?”
ในยามนี้เสียงของคุณชายสี่ดังมา “น้องสิบเจ็ด อย่าทำเหลวไหล!”
คุณชายสิบเจ็ดกระทืบเท้าอย่างแรงทีหนึ่ง “พี่สี่ เจ้าเดรัจฉานมีขนนั่นรังแกกันเกินไป!”
คุณชายสี่เอ่ยนิ่งเรียบว่า “เหตุใดเจ้าต้องถือสาอสูรวิญญาณตัวหนึ่งด้วย”
“ทว่า…ทว่ามันทำให้ข้าตกลงไป” คุณชายสิบเจ็ดตะโกนอย่างไม่ยอม
คุณชายสี่ถลึงตาใส่เขาปราดหนึ่ง “นั่นเป็นเพียงความบังเอิญเท่านั้น เจ้ายังนึกว่าอีกาตัวหนึ่งบอกว่าเจ้าตกลงไป เจ้าก็จะตกลงไปจริงหรือ?”
คุณชายสิบเจ็ดเห็นคุณชายสี่โกรธแล้ว มั่วชิงเฉินและคุณชายหกก็มองมาสายตาเป็นประกาย จึงหุบปากอย่างขุ่นเคือง กลับแอบส่งเสียงทางจิตว่า “พี่สี่ ข้าเชื่อว่านั่นไม่ใช่ความบังเอิญ”
“เอ่อ มันเป็นเช่นไร?” คุณชายสี่ถามว่า
คุณชายสิบเจ็ดว่า “ท่านไม่รู้หรอก ตอนที่เจ้าเดรัจฉานขนแบนพูดประโยคนั้นจบ ข้าก็รู้สึกว่าเหมือนมีมือที่มองไม่เห็นข้างหนึ่ง ลากข้าลงไปทั้งอย่างั้น ข้าฝืนอย่างไรก็ต้านไว้ไม่อยู่” พูดถึงนี่ จู่ๆ คุณชายสิบเจ็ดก็ขนลุกซู่
ผ่านไปพักใหญ่ เสียงของคุณชายสี่ถึงดังมาว่า “หากเป็นเช่นนี้จริง เช่นนั้นเจ้ายิ่งวู่วามไม่ได้แล้ว ผู้บำเพ็ญเพียรหญิงระดับสร้างรากฐานที่ไม่รู้ความเป็นมาคนหนึ่ง บวกอสูรวิญญาณชั้นสองที่พลังไม่อาจคาดเดาได้ ยังมีหวังหกที่ไม่ถูกกับเรามาตลอด หากเจ้าทำเหลวไหลไม่ยั้งคิด ไม่แน่เราก็เรือร่มในทางระบายน้ำ[3]นี้แล้ว”
“ได้ พี่สี่ ข้าฟังท่าน ต่อไปจะรอบคอบให้มาก” คุณชายสิบเจ็ดฟังแล้วก็รู้สึกว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีขึ้นมา
คุณชายสี่ว่า “อืม หากอีกานั่นท้าทายอีก เจ้าก็คิดว่านั่นเป็นเพียงแค่เดรัจฉานตัวหนึ่งเท่านั้น”
ส่งเสียงทางจิตเสร็จคุณชายสี่อดกวาดสายตามองมั่วชิงเฉินปราดหนึ่งไม่ได้ สายตาหยุดอยู่ที่เอวนาง เห็นเพียงที่นั่นห้อยเชือกสีฟ้าอ่อนเส้นหนึ่ง ด้านล่างผูกมุกสีฟ้าอ่อนเม็ดหนึ่งขนาดเท่าผลซิ่งไว้
ดูจากความวิจิตรแล้วมุกกันน้ำนี้อย่างน้อยต้องเกิดจากอสูรทะเลชั้นสี่ แม่นางมั่วผู้นี้ตกลงเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงมีมุกกันน้ำดีเพียงนี้ได้?
ด้านนี้คุณชายสี่แอบสันนิษฐานคนเดียว อีกด้านหนึ่งมั่วชิงเฉินก็ถามอีกาไฟผ่านจิตขึ้นมา
“ลองว่ามาสิ เมื่อครู่มันเรื่องอันใดกันแน่?”
“หา?” อีกาไฟชะงักว่า
มั่วชิงเฉินกัดฟันว่า “อย่าแกล้งโง่ เมื่อครู่เหตุใดเจ้าบอกให้เขาตกลงไป เขาก็ตกลงไปเลย?”
ผ่านไปเนิ่นนาน อีกาไฟถึงส่งเสียงทางจิตอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “ที่แท้ถามเรื่องนี้หรือนี่ ข้าบอกเจ้าตั้งนานแล้วมิใช่หรือ ว่าข้ามีพลังใหม่ขึ้นมาอย่างหนึ่ง?”
มั่วชิงเฉินชะงัก “เจ้าบอกตั้งแต่เมื่อไร?”
อีกาไฟร้องว่า “ก็วันนั้นที่ข้าเพิ่งตื่นมาเจ้าถามข้าว่ามีพลังอะไรใหม่ไม่ใช่หรือ?”
มั่วชิงเฉินระลึกความหลังทีหนึ่ง แล้วหน้าบึ้งว่า “เจ้าบอกเพียงว่าเจ้าพูดได้!”
อีกาไฟหน้าบึ้งเช่นกัน “ข้าให้เขาตกลงไป หรือว่ามิได้ใช้ปากพูดหรือไร?”
มั่วชิงเฉินกลั้นความอยากกระทืบมันไว้ ประหลาดใจว่า “เจ้าหมายถึง พลังใหม่ของเจ้าคือสามารถทำสิ่งที่พูดให้เป็นความจริง?”
อีกาไฟลังเลทีหนึ่ง เสียงที่ส่งไปถึงสมองมั่วชิงเฉินเบาลงมาก “มีเพียงเวลาพูดเรื่องไม่ดีเท่านั้น…”
มั่วชิงเฉินฟังแล้วอดมุมปากกระตุกทีหนึ่งไม่ได้ นี่ช่างเป็นปากอีกาสมชื่อจริงๆเลยนะ!
จากนั้นกลับคิดขึ้นได้ นางจำได้ว่าม้วนคัมภีร์หยกที่บันทึกเกี่ยวกับอีกาไฟบอกไว้ว่า น้อยมากที่อีกาไฟสามารถเลื่อนชั้นถึงชั้นสองได้ เมื่อถึงชั้นสองแล้วก็จะพูดภาษาคนได้ ส่วนในยามที่เลื่อนชั้นแล้วเกิดการแปรผันเนื่องด้วยสาเหตุที่ไม่อาจรู้ได้บางอย่าง จะก่อให้เกิดพลังอย่างหนึ่ง นั่นก็คือการสาปแช่ง!
แน่นอน อีกาไฟที่เกิดการแปรผันนั้นในหมื่นตัวยังหาไม่ได้สักตัว ยิ่งกว่านั้นการสาปแช่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องผืนลิขิตแต่อย่างใด คำสาปที่ออกจากปากอีกาเฮี้ยนหรือไม่เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้โดยสิ้นเชิง
ต่อให้เป็นเช่นนี้ มั่วชิงเฉินก็รู้สึกว่าตนกำไรแล้ว อสูรวิญญาณแปรผันตัวหนึ่ง พลังที่แอบแฝงไม่อาจคาดเดาได้
สี่คนหนึ่งอีกาเดินๆ หยุดๆ ในโลกใต้ทะเลที่เป็นดั่งเทพนิยาย ระหว่างทางพบเจออสูรปีศาจไม่น้อย ก็มียามที่อันตรายมากเช่นกัน ดีที่ล้วนถูกทุกคนร่วมมือกันกำจัดแล้ว แม้แต่อีกาไฟก็พ่นลูกไฟย่างปลาตัวอ้วนๆ ที่เห็นแล้วถูกตาต้องใจจนสุก กินอย่างเอร็ดอร่อยได้
หนึ่งวันให้หลัง ข้างหน้าคนทั้งขบวนปรากฏตำหนักขึ้นหลังหนึ่ง ตำหนักสร้างจากผลึกแก้วชิ้นใหญ่ๆ ประตูตำหนักเปิดกว้าง แขวนม่านมุกที่ร้อยขึ้นจากไข่มุกและเปลือกหอยสีต่างๆ บังด้านในไว้มิด ใต้ทะเลไม่รู้มีแสงมาจากไหน ส่องจนตำหนักทั้งหลังแสงสีเรืองรอง สวยงามอร่ามตา
วังบาดาล นางเงือก น้ำตาไข่มุก มั่วชิงเฉินมักรู้สึกว่าตนกำลังเดินเข้าสู่ความฝัน เป็นดินแดนแห่งความฝันที่เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในความเป็นจริง
แล้วก็ได้ยินคุณชายหกเอ่ยตามที่คาดไว้ว่า “แม่นางมั่ว ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณก็อยู่ในนี้แหละ เพียงแต่หลังจากก้าวเข้าทางเข้า พวกเรากลับต้องตกสู่แดนมายา ครั้งที่แล้วข้าก็พ่ายแพ้ในด่านนี้แหละ หากไม่ใช่เตรียมตัวมาอย่างเต็มที่ เกรงว่าต้องดับสูญอยู่นี่ตั้งนานแล้ว”
คุณชายสี่ก็ว่า “ถูกต้อง สิ่งที่แดนมายานี้ทดสอบก็คือใจแห่งเต๋า ขอเพียงใจแห่งเต๋ามั่นคง ก็สามารถแตกพ่ายโดยไม่ต้องบุกโจมตี ทว่าหลักแห่งเต๋าเราต่างเข้าใจ จะทำให้ได้กลับไม่ง่าย”
ในใจแอบคิดว่าครั้งที่แล้วหากไม่เพราะปรมาจารย์เข้าข้าง มอบมุกจื่อหวาสงบจิตชั้นเลิศให้ตนเม็ดหนึ่ง ตนต้องผ่านด่านนี้ไปไม่ได้แน่ ส่วนมุกจื่อหวาสงบจิตเม็ดนั้นเนื่องจากต้านการรุกล้ำก่อกวนของแดนมายาจึงระเบิดไปแล้ว
“ทุกคนเตรียมตัวให้ดี!” พูดจบแสงวิญญาณในมือคุณชายสี่สว่างขึ้น จากนั้นซัดไปที่ม่านไข่มุก
แล้วก็ได้ยินม่านไข่มุกกระทบกันเกิดเสียงกังวานไพเราะเหมือนดนตรี จากนั้นค่อยๆ ม้วนขึ้น ข้างในแสงสีขาวแสบตา ส่วนมั่วชิงถูกแสงสีขาวดูดเข้าไปอย่างไม่อาจต้านได้
——
[1] ผมยาวความรู้สั้น เป็นคำพูดดูถูกผู้หญิงว่าไม่มีความรู้ในสมัยก่อน เนื่องจากสมัยโบราณผู้หญิงจะไว้ผมยาว และไม่ค่อยมีโอกาสได้ออกจากบ้านไปเปิดหูเปิดตาหาความรู้
[2] ปากอีกา หมายถึง ปากเสีย ปากอัปมงคล
[3] เรือล่มในทางระบายน้ำ เปรียบเทียบว่า เรื่องที่อยู่ในความควบคุมแล้วแท้ๆ กลับเกิดปัญหาได้