นางพลันชูมือขึ้น หุ่นเชิดทองในชุดหุ่นเชิดห้าธาตุพลันปรากฏกาย กลายเป็นชายร่างใหญ่สูงเก้าฉื่อ ต้านทานอยู่ด้านหน้าร่มไผ่เหมันต์ อ้าปากออกดูดลำแสงสีทองเข้าไป จากนั้นก็ชักขวานยาวออกมาจากแผ่นหลัง ขว้างออกไปทางกระบี่แสงสีทองอย่างรวดเร็ว
ยามที่ชายร่างใหญ่และลำแสงสีทองต้านทานกันนั้น มั่วชิงเฉินก็ไม่มีเวลาว่าง หยิบต่อมผลิตใยของแมงมุมยักษ์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นิ้วดึงใยแมงมุมสีแดงเพลิงออกมา
ใยแมงมุมเหล่านี้ไม่ใช่ของธรรมดา เดิมนางคิดจะเก็บเอาไว้จนถึงตอนที่พบเยี่ยเทียนหยวน ให้เขาเอาไปหลอมอาวุธ ทว่าตอนนี้กลับไม่สนใจแล้ว
เมื่อหุ่นเชิดห้าธาตุแยกกันจู่โจม กำลังก็ลดลง ชายร่างใหญ่ในยามนี้มีกำลังแค่เทียบเท่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างปราณเท่านั้น โชคดีที่เมื่ออยู่ในค่ายกลสังหารโดยธรรมชาติ ค่ายกลสังหารชนิดนี้จะทำการสังหารตามกำลังของผู้ที่เข้าไปอยู่ในค่ายกล ประกอบกับธาตุที่เหมือนกันแล้ว ก็พอจะประคับประคองไปได้
มั่วชิงเฉินร่ายนิ้วทั้งสิบอย่างรวดเร็ว สร้างตาข่ายแมงมุมขึ้นอย่างรวดเร็ว ใยแมงมุมสีแดงสดเส้นแล้วเส้นเล่ากวัดแกว่งไปกลางอากาศอย่างงดงาม
ในยามนั้นเองใจกลางของค่ายกลสังหารก็มีอัสนีสีทองบินออกมา ตรงไปหาชายร่างใหญ่
หุ่นเชิดธาตุทองกับมั่วชิงเฉินฝึกฝนจนเชื่อมโยงจิตใจกันแล้ว จึงสัมผัสได้ว่าหากอัสนีสีทองปะทะกับร่างของชายร่างใหญ่ ชายร่างใหญ่จะต้องถูกเผาจนเป็นชิ้นๆ แน่ ส่วนหุ่นเชิดห้าธาตุก็จะขาดไปหนึ่งตัว และไม่สมบูรณ์
นางนำหุ่นเชิดทองกลับมาอย่างรวดเร็ว ร่มไผ่เหมันต์หุบลง ปลายแหลมของร่มพุ่งเข้าไปหาอัสนีสีทอง แทงเข้าไปอย่างรุนแรง และพริบตานั้นก็ดึงร่มไผ่เหมันต์กลับมา เปลี่ยนเป็นก้อนอิฐอีกครั้ง
เสียงอัสนีบาตดังขึ้น เปล่งเสียง เปรี้ยงๆ เป็นสายๆ ออกมา แต่แค่เสียงนี้กลับติดอยู่ในค่ายกลสังหารโดยธรรมชาติ ไม่อาจแผ่ขยายออกไปได้
ร่างของมั่วชิงเฉินสั่นเทา อ้าปากออกกระอักโลหิตสดๆ ออกมา ก้อนอิฐร่อนลงมาอยู่ในมือและเปลี่ยนเป็นหม่นแสงไร้สีสัน โชคดีที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ
มั่วชิงเฉินเข้าใจในลักษณะพิเศษของสมบัติวิเศษตั้งนานแล้ว ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือก้อนอิฐ ยามนี้ดูแล้วคงเดิมพันถูกแล้ว หากใช้หุ่นเชิดทองและร่มไผ่เหมันต์ต้านทาน ครานี้คงไม่มีที่ให้ร่ำไห้
กลางอากาศมีลำแสงสีทองเปล่งประกาย กลายเป็นลำแสงสีทองจำนวนนับหมื่นสายอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของมั่วชิงเฉินกลับไม่สู้ดีนัก
การต้านทานของก้อนอิฐเมื่อครู่ แม้ว่าก้อนอิฐจะไม่ได้รับความเสียหาย แต่ชีพจรของนางกลับถูกสั่นคลอนจนได้รับบาดเจ็บ ยามนี้คิดจะโคจรพลังปราณต่อกรกับค่ายกลสังหารก็เป็นเรื่องที่ยากเย็น
สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือหากผู้ที่เข้าไปในค่ายกลสังหารโดยธรรมชาตินี้ตั้งรับการโจมตีก็ช่างเถิด หากเป็นฝ่ายเริ่มโจมตี อานุภาพของการสังหารจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า นี่คือสาเหตุที่หลังจากนางเข้ามาในค่ายกล ก็ยังไม่ได้ต่อกรตรงๆ
ค่ายกลสังหารโดยธรรมชาติทำได้เพียงแก้ไขไปตามสถานการณ์ ไม่อาจหยุดการสังหารด้วยการสังหารได้
ความคิดเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หาวิธีทำลายค่ายกลนี้ อีกาไฟพลันกระโจนออกมาจากถุงอสูรวิญญาณ เอ่ยโวยวายว่า ”นายท่าน ไปทางนั้น!”
มั่วชิงเฉินได้ฟังพลันมุมปากกระตุก ในใจกลับรู้สึกผ่อนคลายลง
หากเป็นอสูรวิญญาณตัวอื่นกระโจนออกมา นางก็ยังกังวลว่าจะเป็นการโอ้อวดหรือไม่ แต่เมื่อเป็นอีกาไฟ นางก็เข้าใจแล้ว แต่ปกติแล้วอันตรายเพียงเล็กน้อย ให้ตายอย่างไรเจ้านี่ก็จะไม่ยอมออกมา
อีกาไฟบินมาอยู่กลางอยู่กลางอากาศ ก็สยายปีกทั้งสองข้างออก อ้าปากพ่นลูกไฟ จากนั้นก็วิ่งแจ้นออกไป
ลำแสงสีทองเหล่านั้นดูเหมือนจะถูกทำให้โกรธ จึงหันกลับมาพุ่งไปหาอีกาไฟ
อีกาไฟหันกลับมามอง บิดตัวแล้วซ่อนตัว
แต่จากนั้นเสียง ครืนๆ ก็ดังขึ้น เสียงแหลมสูงของอีกาไฟตามมา “กาๆ ซ่อนตัวก็ไม่มีประโยชน์!”
พูดไปพลางวิ่งไปพลาง ขนอีกาสีดำสองสามเส้นร่วงลงมาตรงหน้ามั่วชิงเฉิน
มั่วชิงเฉินกัดฟัน “ไร้สาระ นี่มันค่ายกลสังหารโดยธรรมชาติ ไม่ได้มีคนควบคุม เจ้าซ่อนตัวไป หลบซ่อนคนได้ แล้วหลบจิตสัมผัสของธรรมชาติได้หรือ”
นางพลาดแล้ว ไม่ควรคาดหวังกับน้ำส้มสายชูครึ่งขวด[1]นี้!
“อู๋เย่ว์ เจ้าถ่วงเวลาได้ก็ถ่วงเวลาไปก่อน หากไม่ไหวจริงๆ ก็กลับมา ข้าไม่อาจไปดูแลเจ้าได้” มั่วชิงเฉินเอ่ยพลางก้มหน้า สองมือพลิกฝ่ามืออย่างรวดเร็ว สมาธิจดจ่ออยู่กับการสร้างตาข่ายวิญญาณ
ตาข่ายแมงมุมสีแดงเพลิงสร้างขึ้นทีละนิ้วๆ เมื่อมองเห็นว่าจะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว กลับได้ยินเสียงอีกาไฟร้องโหยหวย
มั่วชิงเฉินพลันหน้าเปลี่ยนสี เงยหน้าขึ้นมองอีกาไฟ กลับเห็นอีกาไฟมีสีหน้าดำคล้ำ ดวงตาทั้งสองมีลำแสงสีม่วงวาวโรจน์ “กล้าทำร้ายปีกอันงดงามไม่เป็นสองรองใครของข้า เพลิงสวรรค์จะช่วยข้ากำจัดเจ้า!”
สิ้นเสียงท้องฟ้าก็มีพายุหมุนวาดออกมาเป็นสายฟ้าสีม่วงสายหนึ่ง จากนั้นสายฟ้าก็ตัดสลับกันไปมาโจมตีไปยังเมฆสีดำ ลูกไฟสีม่วงตกลงมาจากท้องฟ้า ชั่วพริบตาก็ทำให้เสาหินที่ตกลงมาอย่างซี้ซั้วกลายเป็นเสาเพลิง ไม่นานนัก เสาเพลิงเหล่านี้ค่อยๆ สลายหายไป สายฟ้าที่ตัดสลับกันกลางอากาศพลันทยอยกันสลายหายไป
“ฮ่าๆๆ” อีกาไฟใช้ปีกเท้าสะเอว พลางหัวเราะร่า ขนนกร่วงลงมาสองสามเส้น
มั่วชิงเฉินลากอีกาไฟออกมาจากกลางอากาศที่เพิ่งปรากฏตัว แล้วเอ่ยอย่างจนปัญญา “อย่ามัวแต่หัวเราะ หากหัวเราะอีกขนก็จะร่วงจนหมดตัว”
หนึ่งคนหนึ่งอีกากระโจนออกไปไกล แล้วถึงได้หยุดลง
มั่วชิงเฉินมองตาข่ายแมงมุมที่ใกล้จะสมบูรณ์คร่าวๆ เดิมนางคิดจะใช้ใยแมงมุมเหนี่ยวนำเปลวน้ำแข็งเหมันต์มาต่อกรกับค่ายกลโดยธรรมชาติ คิดไม่ถึงว่าอีกาไฟจะแสดงกระบวนท่าแปลกๆ ออกมาแล้วจัดการค่ายกลสังหารโดยธรรมชาติลงได้
“อู๋เย่ว์ ไม่เลวนี่ จากนี้หากเจ้าเปล่งแสงพ่นไฟเช่นนี้ได้ อยากดื่มสุราวิญญาณเท่าไหร่ก็ไม่มีปัญหา” มั่วชิงเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มจนตาหยี
อีกาไฟมีสีหน้าดำคล้ำ พลันโกรธเกรี้ยว “ดื่มกับผีสิ หากทำอีกสองสามครั้ง ขนของข้าก็ร่วงจนหมดตัวพอดี แล้วจะออกเรือนได้อย่างไร!”
เอ่ยจบก็เข้าไปในถุงอสูรวิญญาณ กวาดตามองร่างอสูรในถุงทั้งสาม ที่สุดก็กระโจนไปอยู่ตรงหน้าดอกเบญจมาศแดงแล้วฟาดมันไปรอบหนึ่ง พลันเห็นเงาของตนแล้วรู้สึกสงสารขึ้นมา
ในโสตประสาทของมั่วชิงเฉินได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกๆ ของดอกเบญจมาศแดงและเสียงถอนใจของอีกาไฟดังมา
จึงตัดการเชื่อมโยงจิตใจจากถุงอสูรวิญญาณ ชั่วขณะนั้นมั่วชิงเฉินพลันรู้สึกสงบ เหยียบไปบนไหมเกล็ดน้ำแข็งใช้ความเร็วอันเหนือชั้นบินไปด้านหน้า
บินมาได้ระยะหนึ่งฉับพลันนั้นส้มโอมือสีทองก็ส่งเสียงประหลาดออกมา มั่วชิงเฉินกระตุ้นไหมเกล็ดน้ำแข็ง จิตสัมผัสสังเกตเห็นเหตุการณ์ที่ผลส้มโอมือสีทองเปล่งแสง กลายเป็นเส้นแล้วแผ่ออกมาด้านนอก
ในรัศมีเกินร้อยลี้ บุรุษสวมอาภรณ์สีฟ้าคนหนึ่งกำลังต่อสู้กับอสูรปีศาจสองตน บุรุษสวมอาภรณ์สีม่วงอีกคนหนึ่งกำลังถือโอกาสนี้บินไปยังเสาหินสีทองที่ตั้งตระหง่านอยู่ เมื่อบินไปได้ครึ่งทางก็ร่วงลงมาเพราะเหตุใดก็สุดจะรู้ได้ แขนทั้งสองข้างกำลังปีนขึ้นมาบนเสาหินทีละนิดๆ ส่วนยอดของเสาหิน มีส้มโอมือสีทองผลหนึ่งกำลังเอนหมอบอยู่ตรงนั้น
มั่วชิงเฉินเพิ่มความเร็วทันที ชั่วพริบตาก็ปรากฏตัวในขอบเขตค้นหาของจิตสัมผัส มองเห็นบุรุษสวมชุดสีม่วงกำลังจะจับส้มโอมือสีทอง แขนเสื้อพลันสะบัดลูกธนูลับออกมาดอกหนึ่ง ปักลงไปบนข้างแขนขวาของคนผู้นั้น แล้วเอ่ยเตือนว่า “อย่าเด็ด!”
บุรุษสวมชุดสีม่วงสะบัดไอสีดำสายหนึ่งมาโจมตีมั่วชิงเฉิน มืออีกข้างหนึ่งยื่นออกไปหาส้มโอมือสีทองอย่างต่อเนื่อง
มั่วชิงเฉินไม่สนใจสิ่งอื่น ยกมือขึ้นสะบัดลูกธนูอีกดอกออกไป ในเวลาเดียวกันร่างกายก็กระโจนบินไปหาบุรุษผู้นั้น แล้วเอ่ยอย่างร้อนรน “สหาย ห้ามหยิบส้มโอมือนั่น!”
เมื่อถูกมั่วชิงเฉินขัดขวางอย่างต่อเนื่องสองครั้ง บุรุษสวมชุดสีม่วงก็ล้มเลิกความคิดที่จะหยิบส้มโอมือสีทองทันที หันกายมา สยายปีกคู่ใหญ่ออกแล้วกระโจนมาหามั่วชิงเฉิน
——