“เจ้าเด็กเย่ว์เจ๋อนั่นไล่จีบเฟิงหย่า หวงแหนชื่อเสียงของตนเองนัก เป็นศิษย์เขานับว่าดีมาก” ราชันฉินก่วงยิ้มจนตาหยีขณะเอ่ย
เดิมทีมั่วชิงเฉินปฏิเสธข้อเสนอของอาจารย์หย่า ก็เพราะคิดว่าตนเองต้องอยู่ที่แดนผีลอดไป การมอบท่านอาหกให้คนอื่นก็ไม่วางใจเท่ากับอยู่กับตนเอง
แต่ยามนี้ไม่ต้องพูดถึงว่าเดิมทีนางก็อาลัยอาวรณ์คนและเรื่องราวในแดนมนุษย์ แค่เรื่องของศิษย์พี่เรื่องเดียว นางก็ไม่อาจไม่กลับไปได้แล้ว
เช่นนั้น หากท่านอาหกกลายเป็นศิษย์ใต้อาณัติของอาจารย์หย่าได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
“ผู้ที่ผู้อาวุโสแนะนำ ย่อมเป็นคนที่ดีมาก” มั่วชิงเฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
ราชันฉินก่วงพลันเบะปาก “ดีกับนางหนูอย่างเจ้าน่ะสิ รุกฆาตข้าเสียแล้ว ในเมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็รีบไปบอกลากับครอบครัวเถิด ข้ายังต้องคุยกับเด็กนี่อีกสักหน่อย”
มั่วชิงเฉินกวาดตามองถังมู่เฉินแวบหนึ่ง
ถังมู่เฉินเหยียดมุมปากยิ้ม ส่งสายตาที่ทำให้นางวางใจมา
มั่วชิงเฉินกลับไม่กังวลใจว่าราชันฉินก่วงจะพูดกลับไปกลับมา เมื่อมาอยู่ในฐานะเช่นเขา การแสร้งทำเป็นตอบรับล้วนเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
กลับเป็นถังมู่เฉิน หลังจากเห็นสายตาของราชันฉินก่วง ก็อาจจะมีวาสนาอยู่บ้าง
มั่วชิงเฉินพลันย่อตัวลงเป็นมารยาทแล้วถอยออกไป
ราชันฉินก่วงละสายตาที่มองไปยังมั่วชิงเฉินออก ขบคิดในใจว่านางหนูคนนี้ชาญฉลาดนัก
คำว่า ‘ลิขิตฟ้า’ ในสายตาของผู้บำเพ็ญเพียรส่วนใหญ่ ล้วนเป็นคำเลื่อนลอย
ไม่มีสมบัติวิเศษมามอบให้ ไม่มีการสัญญาว่าจะทำเรื่องราวอะไรแทนเขา แต่พอใช้สองคำนี้ กลับทำให้ตนรู้สึกผ่อนคลายลง จนปล่อยอนุชนที่ให้ความสำคัญไปได้ คนอื่นคงรู้สึกขบขันอยู่เล็กน้อย
ความจริงแล้วนี่เป็นเพราะระดับขั้นแตกต่างกัน สิ่งที่สนใจจึงไม่เหมือนกัน
เมื่อมาถึงระดับขั้นของเขา จะมีสมบัติวิเศษอะไรที่ทำให้เขาสนใจได้ และการที่อาจารย์ผีตนหนึ่งยอมสัญญาว่าจะทำอะไรแทนเขา ก็ยิ่งไม่มีความสำคัญ
นางหนูคนนี้มายังแดนผี ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ สรุปได้เพียงว่า กายเนื้อของนางที่ยังอยู่ในแดนมนุษย์ย่อมเกิดเรื่องที่บังเอิญสุดๆ ขึ้นแน่
นี่ก็ช่างเถิด แต่ว่านางยังรู้จักผู้ที่สามารถไปมาระหว่างทั้งสองแดนได้ และยิ่งไปกว่านั้นยังยอมเข้ามาในแดนผีเพื่่อนำวิญญาณของนางกลับไป
เรื่องประจวบเหมาะเช่นนี้ ในโลกของผู้บำเพ็ญเพียรพบเห็นได้ไม่ง่าย หากว่ากันถึงแก่นแท้แล้ว ก็คงเป็นลิขิตของสวรรค์
ชะตาชีวิตยังไม่ถึงฆาต ลิขิตสวรรค์ก็เป็นเช่นนี้
เมื่อมาอยู่ในระดับอย่างเขา ยิ่งต้องสนใจหนทางสวรรค์อันลึกลับยากจะคาดเดา
หากเขาขัดขวาง ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดผลอะไรตามมา จนทำให้ตนเองต้องชดใช้
แต่การปล่อยพวกเขากลับไป ก็เป็นลิขิตของสวรรค์ และความเมตตาในวันนี้ ก็อาจจะส่งผลดีกับเขาในอนาคต แต่กลับคาดไม่ถึงว่าลิขิตสวรรค์จะมอบเส้นลิขิตฟ้าเส้นหนึ่งให้กับตน
ความฉลาดของนางหนูผู้นี้ก็คือ นางเข้าใจว่าผู้มีฐานะและระดับพลังยุทธ์เช่นเขา สนใจอะไรมากที่สุด
ราชันฉินก่วงสรุปในใจ มองไปยังถังมู่เฉิน “เด็กน้อย เจ้ามานี่สิ”
ถังมู่เฉินผู้นี้น่าจะโชคร้ายจนชินแล้ว ถึงอย่างไรเสียเป็นกิ้งก่าได้ทองก็โชคร้ายได้ จะทำลิ้นยาวถึงตาตุ่มก็โชคร้ายได้ มิสู้คอยทำความเข้าใจให้มากหน่อย เมื่อเผชิญหน้ากับราชันผีผู้มีระดับขั้นเทียบเท่ากับมนุษย์บำเพ็ญเพียรระดับถอดดวงจิตจะได้ไม่หวาดกลัวมากนัก พลันเอ่ยถามเสียงฉะฉานว่า “ผู้อาวุโสเรียกอนุชนทำไมรึ”
ราชันฉินก่วงพลันฉุนกึก ลมยะเยือกสายหนึ่งพัดเข้ามา “เจ้าเด็กนี่ รีบมาหาผู้เฒ่า หากลีลาอีก ก็อยู่นี่คอยล้างเท้าทุบหลังให้ข้าเสีย”
ถังมู่เฉินส่งเสียง พรึ่บ แล้วกระโจนมาอยู่ด้านหลังราชันฉินก่วง บีบไหล่ให้เขา แล้วฉีกยิ้มอย่างประจบประแจง “ใต้เท้าราชันผีมีรับสั่งอะไร ต่อให้ต้องตายหมื่นพันครั้งผู้น้อยก็จะไม่บอกปัดขอรับ!”
“หากเจ้ายอมตายจริงๆ ละก็ เช่นนั้นก็ไม่มีเรื่องดีเรื่องอื่นแล้ว” ราชันฉินก่วงเอ่ยพร้อมกับยิ้มจนตาหยี
ถังมู่เฉินทนไม่ไหวพลางตบหน้าตัวเอง ทำใบหน้าโอดครวญทอดมองราชันฉินก่วง
ราชันฉินก่วงขี้เกียจจะสนใจเจ้าหมอนี่แล้ว พลันสะบัดแขนเสื้อไปทางสิ่งหนึ่ง “นี่คือสมุดบันทึกหยินหยาง เจ้ารับไว้”
ถังมู่เฉินรับสมุดบันทึกหยินหยางเอาไว้พลางมองด้วยความสนใจ “สมุดบันทึกหยินหยางก็คือสมุดบันทึกเป็นตายในตำนานหรือ”
ราชันฉินก่วงค้อนขวักอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าเด็กบ้าฟังนิทานมามากเกินไปกระมัง สมุดบันทึกหยินหยางนี้เป็นสมบัติวิญญาณ สามารถพาคนจากแดนผีกลับไปยังแดนมนุษย์ได้ ในอดีตยามที่แดนมนุษย์และแดนผีไม่ได้ถูกตัดขาด ก็ผีวิญญาณที่พกสมุดบันทึกหยินหยางไปยังแดนมนุษย์ด้วย”
“เช่นนั้นสมุดบันทึกหยินหยางเอาไว้ทำอะไรกันแน่” ถังมู่เฉินมีสีหน้านอบน้อม ในใจกลับก่นด่าชายชราว่าพูดมาตั้งนานกลับไม่มีจุดไหนสำคัญ
ราชันฉินก่วงเหลือบตามองถังมู่เฉินแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้ามแดนสอนศิษย์!”
“เอ๋” ถังมู่เฉินพลันตะลึงงัน
…
มั่วชิงเฉินเดินออกไป ทักทายพวกอาจารย์หย่าสองสามประโยค และเอ่ยว่าต้องการสนทนาตามลำพังกับท่านปู่
ไม่ทราบว่าแม่นางมั่วและราชันฉินก่วงมีความสัมพันธ์อะไรกัน แม่ทัพหย่าและไป๋ซิงย่อมไม่ทำให้ลำบากใจเลยแม้แต่น้อย
“นางหนู คุณชายท่านนั้นที่มาหาเจ้าเป็นใครกัน” มั่วต้าเหนียนมีสีหน้ารักใคร่เอ็นดู แววตากลับเปล่งประกาย
มั่วชิงเฉินมองแล้วรู้สึกลำบากใจ ริมฝีปากเผยอออก แล้วถึงได้เอ่ยว่า “เป็นพี่ชายที่ข้ารู้จัก”
พลันกัดฟันเอ่ยเรื่องราวที่ผ่านมาให้ฟังไปรอบหนึ่ง
นางรู้ว่าหากพูดคำเหล่านี้ออกไป ต่อให้นางไม่กลับไปท่านปู่ก็ต้องไล่นางกลับไป
ได้อยู่กับท่านปู่เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ แล้วก็จากกันย่อมเป็นอะไรที่นางรู้สึกอาลัยอาวรณ์ แต่ต่อให้อาลัยอาวรณ์อย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อนึกถึงว่าศิษย์พี่เผาจิตวิญญาณดั้งเดิมของตนเองเพื่อนางอย่างไม่สนใจว่าจิตวิญญาณจะแตกสลาย นางก็ไม่สามารถรั้งรออยู่ได้แม้เพียงครู่
“ท่านปู่ ล้วนเป็นชิงเฉินที่อกตัญญู ไม่อาจอยู่กับท่านได้” มั่วชิงเฉินจับแขนของมั่วต้าเหนียนพลางเอ่ยอย่างแผ่วเบา
มั่วต้าเหนียนได้ยินคำพูดของมั่วชิงเฉินก็หน้าเปลี่ยนสีเป็นเคร่งขรึม ยื่นมือออกมาลูบศีรษะของนาง “เด็กโง่ ปู่ดีใจแทนเจ้า เจอสามีที่ดีเช่นนี้ แต่น่าเสียดาย ปู่ไม่รู้ว่าเจ้าหนุ่มนั่นมีหน้าตาอย่างไร…”
มั่วชิงเฉินระงับเจ็บความแปลบในใจเอาไว้ หยิบพู่กันออกมาด้ามหนึ่ง ไม่นาน รูปภาพเหมือนของเยี่ยเทียนหยวนก็ปรากฏขึ้นบนกระดาษ พลันส่งให้มั่วต้าเหนียนอย่างเขินอายอยู่บ้าง “ท่านปู่ นี่คือหลานเขยของท่าน”
มั่วต้าเหนียนมองโดยไม่ละสายตา แล้วพยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ไม่เลว เป็นหลานสาวของข้าที่ตามีแวว”
มั่วชิงเฉินรู้สึกดีมาก แม้จะรู้ว่าการไปครั้งนี้กว่าจะได้พบกันอีกคราก็เนิ่นนาน แต่เพราะว่าตัดสินใจแล้ว จึงสงบจิตใจเป็นอย่างมาก
“ท่านปู่ ข้าตัดสินใจว่าจะให้ท่านอาหกคารวะเป็นศิษย์อาจารย์หย่า เช่นนั้นนางก็จะได้อยู่ในระดับอาจารย์ผีได้ไวขึ้น และฟื้นฟูสติสัมปชัญญะกลับมาได้ ถึงเวลานั้นมีนางคอยดูแลท่าน ชิงเฉินก็วางใจแล้ว”
มั่วต้าเหนียนลูบเรือนผมของมั่วชิงเฉิน เอ่ยด้วยสีหน้าสบายใจ “นางหนู มีเรื่องหนึ่ง ปู่อยากบอกเจ้า”
“ท่านปู่อยากพูดอะไร”
มั่วต้าเหนียนฉีกยิ้ม “ท่านปู่อยากกลับสู่วัฏสงสาร”
“อะไรนะ” มั่วชิงเฉินหน้าเปลี่ยนสี
เมื่อเข้าสู่วัฏสงสารก็จะได้เกิดใหม่ นั่นก็จะกลายเป็นอีกคนหนึ่ง
“นางหนู เจ้าอย่ากังวลเลย” มั่วต้าเหนียนดึงแขนของมั่วชิงเฉิน “เรื่องนี้ปู่คิดไว้ตั้งนานแล้ว ไม่ใช่เพราะเจ้าต้องกลับไปยังแดนหยางแล้วถึงได้คิด”
มั่วชิงเฉินรู้สึกรับไม่ไหวอยู่บ้าง “ท่านปู่ เพราะเหตุใด”
ระหว่างปู่และหลานมีหยินหยางกั้นอยู่ แม้ว่าจะไม่อาจพบกันได้ แต่เพียงแค่คิดว่าญาติผู้สนิทสนมที่สุดเองก็กำลังคิดถึงนางอยู่ในอีกห้วงมิติเวลา เช่นนี้ก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดแล้ว
แต่หากไปเกิดใหม่ เช่นนั้น ท่านปู่ของนาง ก็จะไม่อยู่แล้วจริงๆ
แววตาของมั่วต้าเหนียนรู้สึกรักใคร่และอาลัยอาวรณ์ สิ่งที่มากกว่านั้นก็คือความสงบ “นางหนู ปู่เป็นแค่วิญญาณธรรมดาๆ การกลับเข้าสู่วัฏสงสารถึงจะเป็นสิ่งที่เหมาะกับปู่มากที่สุด เจ้าน่าจะเข้าใจมากกว่าปู่”
“ท่านปู่ ข้าทำใจไม่ได้”
มั่วต้าเหนียนหัวเราะ “เด็กโง่ ปู่เองก็ทำใจไม่ได้ แต่ปู่หวังว่าจะได้เกิดใหม่เป็นคน ถึงยามนั้นคงไปนอนอาบแดดบนเก้าอี้เอน ลิ้มรสรสชาติของการดื่มสุรา ไม่ใช่การล่องลอยอยู่ในแดนผี และยิ่งไปกว่านั้นปู่ไม่เพียงจะได้พบเจ้า ยังได้พบโฉวเอ๋อร์ พวกเจ้าล้วนมีที่พักพิง เจ้าเก้าและเจ้าสิบเองก็พยายามมุมานะ ยามนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว ถึงเวลาที่ควรไปแล้ว”
มั่วชิงเฉินอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ทั้งโศกเศร้าทั้งดีใจยากจะแยะแยก ชั่วครู่ในที่สุดก็เงยหน้าขึ้น มองมั่วต้าเหนียนแล้วฉีกยิ้มหวานหยาดเยิ้ม “ความปรารถนาของท่านปู่จะต้องสมหวัง ไม่แน่ถึงยามนั้น อาจจะมีหลานสาวที่เชื่อฟังผุ้หนึ่ง คอยรินสุราและชาให้ท่าน”
“อืม” แววตาของมั่วต้าเหนียนเปล่งประกาย แล้วพยักหน้า
หนึ่งชั่วยามให้หลัง มั่วโฉวอยู่ที่จวนของอาจารย์หย่า ราชันฉินก่วงพามั่วชิงเฉินและพวกทั้งสามคนไปยังแท่นวัฏสงสาร
แท่นวัฏสงสารตั้งอยู่ที่ทิศใต้ของแดนผี ติดกับทะเลสาบ เหนือทะเลสาบมีสะพาน นามไน่เหอ (จนใจ)
ริมสะพานไน่เหอมีสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ ร่างกายอรชนอ้อนแอ้น ใบหน้างดงาม มือถือช้อนไม้คนอยู่ในหม้อใบใหญ่
มั่วชิงเฉินอดที่จะกุมมือของมั่วต้าเหนียนไม่ได้
หญิงสาวผู้นั้น ก็คือยายเมิ่งในตำนานของแดนมนุษย์
ดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง ก็จะลืมเรื่องราวที่ผ่านมาจนหมด
หญิงสาวมองมาจากอีกด้าน ดูเหมือนว่าจะรู้จักคุ้นเคยกับราชันฉินก่วงจึงพยักหน้าให้ “เจ้ามาได้อย่างไร”
ราชันฉินก่วงเองก็มีท่าทีปกติ “ข้ามาส่งคน”
มั่วชิงเฉินเผยท่าทีครุ่นคิด เมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวผู้นี้ ราชันฉินก่วงไม่ได้เรียกแทนตนเองว่า ‘ข้าผู้เป็นราชัน’
“ผู้ใดกัน สามารถให้ราชันฉินก่วงมาส่งได้ หกมรรคาบนแท่นวัฏสงสาร มรรคาสวรรค์ได้ขาดสะบั้นไปตั้งนานแล้ว” หญิงสาวกวาดสายตามองบนเรือนร่างของพวกมั่วชิงเฉินทั้งสามคนแวบหนึ่ง
วัฏสงสารหกมรรคา แบ่งออกเป็นมรรคาสวรรค์ มรรคามนุษย์ มรรคาอสุรกาย มรรคาเปรต มรรคาเดรัจฉาน มรรคานรก
หลายหมื่นปีก่อน เส้นทางทั้งหกสายเชื่อมต่อกัน บางครั้งในตอนที่วิญญาณผู้ทรงคุณูปการลึกล้ำเข้าสู่วัฏสงสารก็จะได้เดินทางสู่มรรคาสวรรค์โดยตรง กลายเป็นเทพเซียน
วิญญาณประเภทนั้น แน่นอนว่าย่อมมีราชันผีแย่งกันมาคุ้มกันน้อมส่ง
แต่หลังจากที่มรรคาสวรรค์ถูกตัดขาด เรื่องเช่นนี้ก็ไม่เกิดขึ้นอีก
ราชันฉินก่วงได้ฟังแล้วพลันหัวเราะ “แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ที่มีวาสนา รบกวนแม่นางเมิ่งรินชาให้หน่อย”
มั่วชิงเฉินกุมมือมั่วต้าเหนียนแน่น แล้วตั้งใจฟังเงียบๆ
นางเข้าใจว่าการทำให้ราชันฉินก่วงมาส่งได้ เกรงว่าคงได้ประโยชน์มาจากถังมู่เฉิน
หญิงสาวผู้นั้นเองก็ไม่ได้พูดมาก ยกมือขึ้น รินน้ำชามาถ้วยหนึ่ง มองพวกมั่วชิงเฉินทั้งสาม “ชาเย็นแล้ว จะไม่อร่อย”
มั่วต้าเหนียนตบบ่ามั่วชิงเฉิน แล้วสาวเท้ายาวๆ เดินไป
“ท่านปู่…” แม้ว่ามั่วต้าเหนียนจะเตรียมตัวมาตั้งนานแล้ว เมื่อวินาทีนี้มาถึง ก็ยังรู้สึกปั่นป่วน อดไม่ไหวกระโจนวิ่งเข้าไปหาท่านปู่แล้วกอดเขาเอาไว้ พลางขอร้องไม่ให้เขาไป
มั่วต้าเหนียนเผยรอยยิ้มออกมา “นางหนู ใช้ชีวิตให้ดี ปู่เองก็จะทำเหมือนกัน”
เอ่ยจบก็ดื่มชาในถ้วยไปจนหมด น้ำตาหยดหนึ่งร่วงลงไปในถ้วยชาอย่างเงียบเชียบ
เมื่อดื่มน้ำแกงยายเมิ่งลงไป ร่างของมั่วต้าเหนียนก็รู้สึกเบาสบายขึ้น ราวกับเป็นกลุ่มควันสายหนึ่ง ลอยพลิ้วไปยังสะพานไน่เหอ แล้วเข้าสู่แท่นวัฏสงสาร
เพียงแสงกะพริบวาบหนึ่ง ก็หายวับไปจนมองไม่เห็นเงา
“ท่านปู่” มั่วชิงเฉินเอ่ยพึมพำ ก้มหน้าลงซ่อนน้ำตาที่ร่วงลงมา
“จากกันเป็นเรื่องเจ็บปวด ชีวิตมีรสชาติอีกมากมายที่ยังไม่ได้ลิ้มลอง ที่สุดแล้วก็ยากนักจะสมบูรณ์” ฉับพลันนั้นราชันฉินก่วงพลันถอนใจออกมาปนะโยคหนึ่ง
ถังมู่เฉินลอบกรอกตาคราหนึ่ง สะกิดมั่วชิงเฉินเบาๆ “น้องสาวคนดี อย่าเศร้าไปเลย ไปกับพี่ชายเถิด หากไม่ไป เกรงว่าสามีของเจ้าคงตามหาเจ้าแล้ว”