“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีคนคนหนึ่ง…อืม ก็คือนางเงือกน้อยที่พวกเจ้าเรียกกันกระมัง นางเป็นองค์หญิงเล็กที่แท้จริงในเผ่า และก็เป็นคนที่พรสวรรค์โดดเด่นที่สุดเท่าที่เคยมีมาในเผ่า นางมีนิสัยมองโลกในแง่ดีตามแต่กำเนิด ทุกวันล้วนประดับรอยยิ้มไว้บนหน้า บำเพ็ญเพียรอย่างมีความสุข ยามว่างจึงชอบโผล่พ้นผิวทะเลพิจารณาโลกที่แตกต่างกับสถานที่ที่นางใช้ชีวิตอยู่อย่างสิ้นเชิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น เป็นเช่นนี้ นางที่จิตใจบริสุทธิ์บำเพ็ญเพียรด้วยความเร็วที่ทำให้คนตกใจถึงชั้นเจ็ดที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าเรียกกัน เทียบได้กับผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณระยะปลายของพวกเจ้า และในวันหนึ่งในปีนั้น ยามที่นางลอยขึ้นเหนือผิวน้ำชมวิวทิวทัศน์เหมือนปกตินั้น มีผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์คนหนึ่งไม่รู้เพราะเหตุใดได้ตกลงมา จมลงไปในทะเล เพราะว่านางเงือกน้อยเห็นผู้บำเพ็ญเพียรมนุษย์ไปๆ มาๆ บ่อยๆ จึงค่อยๆ เกิดความรู้สึกใกล้ชิดกับพวกเขา เห็นท่าจึงรีบช่วยคนที่ตกน้ำนั้นขึ้นมา เพียงแต่ไม่คิดว่าคนคนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส นางเงือกน้อยจำใจ จึงได้แต่แอบจัดให้เขาพักอยู่บนเกาะเล็กที่ห่างไกลผู้คนเกาะหนึ่ง ตั้งแต่นั้นนางเงือกน้อยจึงไปดูแลเขาบ่อยๆ จนกระทั่งหลังจากเขาหายดีนางเงือกน้อยใช้ไข่มุกที่มาจากน้ำตาของนางร้อยสร้อยข้อมือขึ้นมาเส้นหนึ่ง มอบให้คนคนนั้นเป็นของขวัญจากลา ทว่าคิดไม่ถึงว่าคนคนนั้นกลับบอกว่าเพราะว่ามีศัตรูไล่ฆ่า เขาตัดสินใจไม่ไปแล้ว รอให้ตบะสูงขึ้นก่อนค่อยไป ก็เป็นเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานคนนี้ก็อาศัยอยู่ที่เกาะเล็กที่ห่างไกลผู้คนขึ้นมา” ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณเล่าอย่างช้าๆ สีหน้าจะแฝงไว้ด้วยความหวานชื่นสายหนึ่งอย่างคาดไม่ถึง
มั่วชิงเฉินรู้ นางเงือกน้อยในนิทานท่าทางก็คือมันแล้ว
สายตาของปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณทอดไปที่ผิวน้ำที่อยู่ไกลออกไป เสียงยิ่งอ่อนหวานขึ้น “ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นร้ายกาจมาก สามารถหลอมหญ้าทิพย์สมุนไพรทิพย์ต่างๆ เป็นโอสถมหัศจรรย์ นี่เป็นสิ่งที่ปีศาจทั้งหลายเรียนรู้ไม่ได้ แม้นางเงือกน้อยตบะสูงกว่าเขา กลับนับถือเขามาก ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรเนื่องจากนางเงือกน้อยมีบุญคุณในการช่วยชีวิต จึงห่วงใยเอาใจใส่นางเงือกน้อยยิ่งนัก นางเงือกน้อยเอาหญ้าทิพย์สมุนไพรทิพย์ผลไม้ทิพย์ที่เด็ดได้ใต้ทะเลให้ผู้บำเพ็ญเพียรบ่อยๆ ผู้บำเพ็ญเพียรก็จะนำสิ่งเหล่านี้หลอมเป็นโอสถหลากหลายชนิด แบ่งส่วนหนึ่งให้นางเงือกน้อย เป็นเช่นนี้ ตบะทั้งของผู้บำเพ็ญเพียรและนางเงือกน้อยต่างรุดหน้าอย่างรวดเร็ว อย่างค่อยๆ นางเงือกน้อยพบว่าทุกวันเวลาลืมตาตื่นมาเรื่องที่นึกถึงเป็นเรื่องแรกก็คือไปพบเขา นางเงือกน้อยที่ไร้เดียงสาไม่รู้ว่าตนมีใจให้ชายชาวมนุษย์แล้ว นางเพียงแต่กระทำการตามใจ จึงย้ายที่อยู่ไปอยู่ข้างเกาะเล็กให้รู้แล้วรู้รอดไป อยู่กับผู้บำเพ็ญเพียรเช้าเย็น ผู้บำเพ็ญเพียรก็ไม่ใช่หุ่นไม้ นานวันเข้า ในที่สุดก็เป็นฝ่ายเปิดเผยความในใจของตนต่อนางเงือกน้อย ยิ่งกว่านั้นบอกนางเงือกน้อยว่า ปีศาจเช่นพวกนางหลังจากชั้นแปดแล้วก็จะแปลงกายได้ รูปลักษณ์ภายนอกก็จะไม่ต่างกับหญิงชาวมนุษย์แล้ว ที่จริงนางเงือกน้อยผู้ไร้เดียงสาในยามนั้นไม่ได้ตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้ตกลงหมายถึงอะไรกันแน่ นางรู้เพียงว่าตนมีความสุขมากขึ้น เวลาบำเพ็ญเพียรก็ยิ่งพยายาม
ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณพูดถึงตรงนี้แล้วยิ้มระทมทีหนึ่ง ดูเหมือนกำลังหัวเราะเด็กโง่ที่ไม่รู้เรื่องคนหนึ่ง
มั่วชิงเฉินกวาดมองหางปลาสีทองของปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณปราดหนึ่งอย่างไร้ร่องรอย เห็นเช่นนี้แล้ว นางไม่ได้ถอดหางปลาทิ้งไป แปลงกายเป็นหญิงสาวชาวมนุษย์ที่แท้จริงดั่งที่ผู้บำเพ็ญเพียรคนนั้นพูดเสียแล้ว
ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณเอ่ยต่อว่า “ในที่สุดวันหนึ่ง นางเงือกน้อยรอถึงเคราะห์อัสนีแปลงกายมาถึง ทว่าหลังจากเคราะห์อัสนีผ่านไปนางก็ไม่ได้ถอดหางปลาไป กลายเป็นขาคู่หนึ่งเฉกเช่นที่ผู้บำเพ็ญเพียรว่าไว้ หากแต่นอกจากสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นภายในกายแล้วไม่มีสิ่งใดแตกต่างเลย สำหรับการนี้ผู้บำเพ็ญเพียรก็คิดไม่ตก สังเกตถึงความผิดหวังที่แฝงอยู่ในตาของผู้บำเพ็ญเพียรได้อย่างเฉียบไว นางเงือกน้อยตัดสินใจกลับไปขอคำชี้แนะจากปราชญ์ผู้ได้รับการถ่ายทอดปรีชาญาณในเผ่า ปราชญ์ชนิดนี้มีเพียงผู้เดียวเสมอมา เมื่อปราชญ์รุ่นก่อนสิ้นไป ปราชญ์คนใหม่จึงจะถือกำเนิด พวกเขาถือกำเนิดมาพร้อมความรู้มากมายตั้งแต่โบราณกาลของเผ่าพันธุ์นี้ หลังจากนางเงือกน้อยหาปราชญ์พบจึงถามความสงสัยในใจออกมา จนกระทั่งหลังจากนั้นนานมากแล้ว นางเงือกน้อยยังจำได้ถึงความเข้าใจและเวทนาในตาของปราชญ์ในยามนั้น ปราชญ์บอกนางว่า เผ่าพันธุ์ของพวกเขาได้รับความเมตตาจากฟ้าแต่เพียงเผ่าเดียว เมื่อถือกำเนิดมาก็มีปัญญาวิญญาณ สามารถพูดภาษาคนได้ ในขณะเดียวกันนอกจากหางปลาที่อยู่ภายนอกแล้วไม่มีอะไรแตกต่างจากมนุษย์ ยิ่งกว่านั้นพวกเขามีอายุขัยที่ยืนยาว ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรเร็วกว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจธรรมดามากนัก ก็คงไม่สามารถได้ประโยชน์ไปเสียทุกด้านกระมัง เผ่าพันธุ์ของพวกเขานี้ต่อให้ผ่านเคราะห์อัสนีแปลงกาย ยังคงไม่อาจแปลงเป็นมนุษย์ได้ ยิ่งกว่านั้นหลังจากบำเพ็ญเพียรถึงจุดสุดยอดก็ไม่อาจเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่นเข้าสู้โลกวิญญาณได้ ทำได้เพียงเป็นความมีตัวตนที่สูงส่งที่สุดอยู่ในโลกมนุษย์…”
ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณตกเข้าไปในการรำลึกความหลัง อารมณ์ความรู้สึกขึ้นลงตามเรื่องที่ตนสาธยาย มั่วชิงเฉินที่ฟังอยู่ข้างๆ กลับต้องตกตะลึงเพราะถูกข้อมูลที่เปิดเผยออกมาในระหว่างที่มันพูด
นางได้ยินอะไรเข้าแล้ว ไม่คิดว่ามันจะพูดว่าสิ่งมีชีวิตเมื่อบำเพ็ญเพียรถึงจุดสุดยอดจะได้เข้าสู่โลกวิญญาณ ทว่า ทว่าการศึกษาที่นางได้รับเสมอมาคือผู้บำเพ็ญเพียรเริ่มตั้งแต่ระดับหลอมลมปราณต้องผ่านเขตแดนเก้าชั้น หลังจากถึงระดับมหายานแล้วก็จะได้บินขึ้นโลกเซียนมีอายุขัยคู่ฟ้าดินนี่นา
แม้บัดนี้คนในโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรรู้ว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งคือระดับถอดดวงจิต เขตแดนต่อจากนั้นเป็นเช่นไร อายุขัยเท่าไรล้วนไม่อาจรู้ได้ ทว่าไม่เคยได้ยินว่ามีโลกวิญญาณอะไรนี่นา รู้เพียงว่าเกือบแสนปีมานี้ ไม่มีเรื่องเล่าใดๆ เกี่ยวกับผู้บำเพ็ญเพียรบินขึ้นสวรรค์อีก
นึกถึงตรงนี้ก็ตกใจในทันใด หรือว่าสิ่งที่ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณพูดเป็นเรื่องจริง เมื่อหลังจากสิ่งมีชีวิตบำเพ็ญเพียรถึงเขตแดนระดับหนึ่งจะเข้าสู่โลกอีกใบหนึ่ง ดังนั้นโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรหลายปีมานี้จึงไม่มีข่าวการบินขึ้นสวรรค์เป็นเซียนของผู้บำเพ็ญเพียรใดๆ
มั่วชิงเฉินกดหน้าอกไว้อย่างไม่รู้ตัว นางล่วงรู้ความลับสะเทือนฟ้าเรื่องหนึ่งเข้าแล้วใช่หรือไม่ ความลับที่ว่าเหตุใดในโลกบำเพ็ญเพียรในแสนปีมานี้จึงไม่มีคนบินขึ้นสวรรค์เป็นเซียนอีก?
ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณกลับไม่ใส่ใจความตื่นเต้นของมั่วชิงเฉิน คำพูดที่ปิดผนึกมานานอัดอั้นอยู่ในใจของมันมานานเกินไปแล้ว นานจนขอเพียงหาคนที่เหมาะสมมารับฟังได้ คำพูดพวกนั้นก็จะพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่ได้ “นางเงือกน้อยฟังที่ปราชญ์พูดแล้วก็ร้องไห้อย่างรุนแรง ปราชญ์ชอบองค์หญิงน้อยคนนี้มากมาตลอด ในที่สุดก็ทนไม่ไหวบอกนางว่าในโลกมนุษย์มีผลไม้ทิพย์ชนิดหนึ่งเรียกว่าผลแย่งลิขิต หากกินเข้าไปแล้วก็จะหลุดจากการกำหนดของฟ้า ถอดหางปลาออกได้ และสามารถเข้าสู่โลกวิญญาณเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่น เพียงแต่ผลแย่งลิขิตนี้ถือกำเนิดอยู่ที่ใดกันแน่ กลับไม่อาจรู้ได้แล้ว นางเงือกน้อยที่มองโลกในแง่ดีมาแต่กำเนิดมีความหวังแล้วจึงไปบอกผู้บำเพ็ญเพียรอย่างดีใจ กลับละเลยเสียงถอนใจเสียงนั้นของปราชญ์ที่อยู่ด้านหลัง ดีที่ผู้บำเพ็ญเพียรชอบนางเงือกน้อยมากเช่นกัน ต่อให้ไม่สามารถเป็นสามีภรรยากันได้ทันที ใจของพวกเขากลับอยู่ใกล้กันจนไม่มีอะไรเทียบได้ ทั้งสองคนไม่รู้ผ่านวันเวลาที่อบอุ่นบนเกาะเล็กไปนานเท่าใด ในที่สุดผู้บำเพ็ญเพียรก็บำเพ็ญเพียรถึงระดับก่อกำเนิด เขาตัดสินใจจากไปเพื่อแก้แค้น และตามหาผลแย่งลิขิตเพื่อนางเงือกน้อย นางเงือกน้อยอยากไปพร้อมผู้บำเพ็ญเพียร ทว่าที่นางมีคือหางปลาอันหนึ่ง ไม่อาจเดินเคียงบ่าเคียงไหล่เขาได้ ด้วยความจำใจ นางจึงได้แต่เซ็นพันธสัญญากับเขา กลายเป็นอสูรวิญญาณของเขา มีเพียงเช่นนี้นางถึงสามารถเข้าไปในถุงอสูรวิญญาณคอยอยู่เคียงข้างเขาได้”
มั่วชิงเฉินฟังมาถึงตรงนี้จู่ๆ ก็ทำใจฟังต่อไปไม่ค่อยได้แล้ว คนและปีศาจรักกันแต่เดิมก็ถูกกำหนดให้ยากเข็ญอยู่แล้ว เมื่ออสูรปีศาจกลายเป็นอสูรวิญญาณของคนนั้น ผลลัพธ์แทบจะถูกกำหนดไว้แล้ว
“หลังจากผู้บำเพ็ญเพียรกลับถึงโลกที่มนุษย์อยู่ได้พยายามนับร้อยปี ในที่สุดก็แก้แค้นสำเร็จ ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะยามที่เขาเริ่มตามหาผลแย่งลิขิตไปตามสถานที่ต่างๆ นับไม่ถ้วน เขาค่อยๆ กลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียงที่ไม่มีคนไม่รู้จัก ต่อมา เริ่มมีหญิงสาวนับไม่ถ้วนแอบหลงรักเขา แย่งกันเข้าใกล้เขา ยิ่งสำนักใหญ่หรือยอดฝีมือคิดจะยกบุตรสาวหรือศิษย์ให้เขา ในช่วงนั้น นางเงือกน้อยทั้งหวานชื่นและทุกข์ทน ที่นางหวานชื่นคือผู้บำเพ็ญเพียรปฏิเสธคนอื่นครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่ไว้หน้า สายตาที่อ่อนโยนปราดนั้นมองมาที่นางเท่านั้น ที่ทุกข์ทนคือผู้บำเพ็ญเพียรไม่เคยบอกคนอื่นมาก่อน ว่านางไม่ใช่อสูรวิญญาณของเขา หากแต่เป็นคนรักของเขา เจ้าทายสิ ต่อมาพวกเขาเป็นเช่นไร?” จู่ๆ ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณก็หันสายตา มาทางมั่วชิงเฉินแล้วถามว่า
มั่วชิงเฉินเม้มปาก จะเป็นเช่นไรได้ล่ะ หากพวกเขาอยู่ด้วยกันมาตลอด มันจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณหัวเราะอย่างอ้างว้าง “ต่อมา หญิงสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งโลกบำเพ็ญเพียรแสดงความพึงใจที่มีต่อเขา หลังจากที่เขาปฏิเสธอีกครั้ง บิดาของหญิงคนนั้นที่อยู่ระดับถอดดวงจิตขั้นสมบูรณ์ใช้พลังอำนาจข่มเขา บังคับให้เขาอธิบายให้ได้ ในที่สุดเขาก็ยอมรับความสัมพันธ์ระหว่างเขาและนางเงือกน้อย ไม่คิดว่ากลับทำให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหล พวกเขายอมรับความรักระหว่างคนและปีศาจได้ กลับไม่อาจยอมรับผู้บำเพ็ญเพียรรักกับอสูรวิญญาณของตน ผู้บำเพ็ญเพียรจากบุคคลในตำนานที่คนนับหมื่นนับถือกลายเป็นตัวตลกในสายตาคน จากนั้นผู้บำเพ็ญเพียรพานางเงือกน้อยตามหาผลแย่งลิขิตไปทั่ว ไม่ค่อยเสวนากับมนุษย์อีก ทว่านางเงือกน้อยสัมผัสได้ว่าเขายิ่งนานยิ่งไม่มีความสุขแล้ว ผ่านไปอีกหลายปี พวกเขายังคงหาผลแย่งลิขิตไม่พบ ผู้บำเพ็ญเพียรเริ่มกักตนทะลวงชั้นแยกดวงจิต นางเงือกน้อยที่ใจลุ่มหลงเฝ้าอยู่นอกแห่งพำนักตลอดเวลา ทว่าเมื่อสิบปีให้หลังในชั่วพริบตาที่ผู้บำเพ็ญเพียรผลักประตูออก นางเงือกน้อยพบว่าพันธสัญญาอสูรวิญญาณระหว่างตนและผู้บำเพ็ญเพียรได้ยกเลิกไปแล้ว ตรงหน้าพวกเขาปรากฏประตูบานหนึ่งขึ้นกลางอากาศ ผู้บำเพ็ญเพียรเพียงพูดกับนางว่า ‘ขอโทษ’ สองคำแล้วก็เดินเข้าประตูไป และหายไปตลอดกาล นางเงือกน้อยรู้ว่าเขาไปโลกวิญญาณแล้ว นางยังรู้ว่าที่จริงในฐานะอสูรวิญญาณของเขา เขาสามารถพานางไปด้วยกันได้ ทว่าสุดท้ายเขาก็ทิ้งนางไว้แล้วไปคนเดียว เรื่องราวของพวกเขาจึงสิ้นสุดลง”
มั่วชิงเฉินเผยอปากแล้วเผยอปากอีกไม่รู้จะพูดอะไรดี อัดอั้นตันใจพูดไม่ออก นางกระทั่งไม่รู้ว่าผู้บำเพ็ญเพียรควรถูกตำหนิจริงหรือไม่
ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณดูเหมือนก็ไม่ใส่ใจว่ามั่วชิงเฉินจะว่าเช่นไร มันเล่านิทานจบแล้วรู้สึกในใจโล่งขึ้นมากมาย เห็นหน้ามั่วชิงเฉินย่นเป็นซาลาเปาท่าทางครุ่นคิดกลับหัวเราะขึ้นมาว่า “นางหนูน้อย เจ้าไม่ต้องคิดอีกแล้ว ข้าเล่านิทานเรื่องนี้ให้เจ้าฟัง ก็เพราะหวังว่าเจ้าจะช่วยทำความหวังของข้าให้เป็นจริงได้”
“หา?” มั่วชิงเฉินชะงัก แอบว่าสวรรค์ ท่านผู้อาวุโสคงไม่ให้ข้าไปหาผลแย่งลิขิตหรอกกระมัง ไม่แน่ยังอาจกำหนดเวลาให้ข้าอีก กี่ปีให้หลังหากไม่สำเร็จผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรอะไรประเภทนั้น
ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณหัวเราะว่า “เจ้าคิดได้ไม่ผิด ความปรารถนาของข้าก็คือได้ผลแย่งลิขิตมา ทว่าข้าไม่จำกัดเวลาเจ้าหรอก และก็ไม่ทำอะไรเจ้าเช่นกัน เพียงแต่หวังว่าหากเจ้ามีโอกาสวาสนาได้มาแล้วจะสามารถมอบมันให้ข้า ถึงเวลาเพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจะบอกความลับเจ้าเรื่องหนึ่ง”
“ความลับ?” มั่วชิงเฉินรู้สึกว่าความลับที่ได้ฟังวันนี้มากพอแล้ว กลัวจริงๆ ว่ารู้มากกว่านี้จะโดนฟ้าผ่าเอา
“ความลับที่จะเลื่อนขั้นแยกดวงจิตได้อย่างไร” ปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำ มันไม่เชื่อว่าจะมีใครสามารถปฏิเสธความเย้ายวนนี้ได้
มั่วชิงเฉินตกใจร้องเสียงหลง “อะไรนะ?” รู้สึกเพียงหัวใจเต้นปึงๆ จนแทบจะหายใจไม่ทัน