บทที่2คุยท้ายบท
ข้าฝัน ฝันสีแดงอันเจิดจรัส แต่ว่าคิดว่ามันไม่ใช่ความฝัน
ที่นี่น่าจะเป็นสถาบันโซลมินาติ อย่างไรก็ตามข้านึกถึงเศษซากอาคารที่พังทลายและบริเวณโดยรอบที่ลุกเป็นไฟในตอนนั้น
「อะ!อึก」
มีแผลทั่วร่างกายของเขา
เศษซากที่ของร่างกายที่ถูกเผาไหม้ กลิ่นของเนื้อไหม้ๆจนติดจมูกและข้าก็คายบางสิ่งออกมา
มีมังกรใหญ่ตัวหนึ่งอยู่ในขุมนรกแห่งนั้น ลำตัวสีดำมีปีกห้าสี มังกรยักษ์ที่น่าจะอยู่ในตัวข้า มันคือเทียแมท
ปากของมันกำลังขยับ ดูเหมือนว่าจะเคี้ยวบางสิ่งบางอย่างอยู่
「อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก…………」
ข้ารู้สึกแย่กับภาพตรงหน้า สัญชาตญาณบอกตัวข้าว่า “อย่ามอง” แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
「อะอะ……………………อ๊ากกกกกกกกกก!」
มันเป็นผมยาวๆที่ติดอยู่ในปากของข้าเมื่อข้ามองไปยังเจ้าของผมข้าก็ตัวสั่นเทา
ช่วงเวลาต่อมาก็มีเปลวเพลิงสีดำขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาทางข้าและก็ถูกเปลวเพลิงแห่งความวุ่นวายนั่นกลืนกินไป
◇◆◇
「อั่ก! แฮ่กแฮ่กแฮ่ก…………」
โนโซมุที่อยู่บนเตียงตื่นขึ้นมาจากความฝัน
「อะ!」
โนโซมุกุมศีรษะแน่นราวกับภาพในความฝันนั่นมันเป็นความจริง มันเหมือนจริงมากเสียจนเขากลัว
เมื่อเวลาผ่านไปโนโซมุก็ค่อยๆสงบลงและเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
(หลังจากการต่อสู้นั่นข้าหมดสติสินะ……)
โนโซมุจำได้ว่าตอนนั้นทันทีหลังจากที่ไอริสและโซเมียเดินเข้ามาหาเขา เขาก็รู้สึกโล่งใจและภาพตรงหน้าก็กลายเป็นสีดำสนิท
「ผ่านไปนานแค่ไหนแล้วกันนะ……」
ด้วยเหตุนี้โนโซมุจึงมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่มีรอยแตกของผนัง ทุกๆอย่างดูปกติมีเตียงและยังมีโต๊ะทำงานพร้อมเก้าอี้ มีเตาผิง ตู้ที่มีลิ้นชักและของอื่นๆ สิ่งของเหล่านี้ไม่มีการตกแต่งมากมายแต่มีความหรูหราเป็นอย่างมาก ดูเหมือนว่าโนโซมุจะถูกพามายังห้องๆหนึ่ง
โนโซมุมองเห็นสวนขนาดใหญ่จากหน้าต่างในห้อง เห็นได้ชัดว่าอยู่ในคฤหาสน์ของตระกูลฟรานซิส
เมื่อโนโซมุมองไปทางประตูก็พบกับหญิงสาวสองคนมองมาทางนี้ด้วยรอยยิ้ม
「ในที่สุด ก็ตื่นแล้วสินะคะ……」
「สบายดีไหมคะ?คุณโนโซมุ」
ไอริสกับโซเมียเข้ามาพูดกับโนโซมุด้วยรอยยิ้มโล่งใจ
「เอ่อ ข้าหลับไปนานแค่ไหนงั้นเหรอ?」
「ประมาณครึ่งวันได้ค่ะ….แต่ว่าก็ดีแล้วล่ะ ฉันกังวลมากเลยล่ะคะที่จู่ๆคุณก็เป็นลมไป」
「ร่างกายไม่เป็นไรแล้วใช่ไหมคะ?」
บางทีอาจเป็นเพราะปลดปล่อยคิมากจนเกินไปจนเป็นผลกระทบต่อร่างกายทำให้เกิดความเหนื่อยล้าต่อร่างกายอย่างมาก นั่นคือสิ่งที่เข้าใจได้
「เอ่อ…แล้วรูกาโต้ละครับ?」
โนโซมุถามว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นรูกาโต้บอกว่าสัญญาของตัวเขาเองถูกทำลายไปแล้วและลูกบอลกับสัญญาระหว่างตระกูลนั่นก็พังทลายไปพร้อมกัน
หลังจากนั้นเขาก็กลับไปที่จักรวรรดิดิซาร์ตเพื่อรายงานต่อนายท่านของเขา
อย่างไรก็ตามดูเหมือนร่างที่โดนฟันขาดไปนั้นจะหายเป็นปกติหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโฒง มันเป็นความสามารถในการฟื้นตัวที่ยอดมากแต่เขาบอกว่า「ก็แบบว่าแผลมันถูกฟันออกมาแบบสวยงามมากจนน่าประทับใจจริงๆครับ เพราะงั้นการฟื้นฟูมันเลยง่ายมาก」เช่นนั้นล่ะ
「ทิม่าและมาร์ก็เตรียมตัวไปโรงเรียนค่ะ แต่ว่าหลังเลิกเรียนเขาจะมาที่นี่ มีเรื่องอยากจะคุยเยอะเลยละค่ะ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?」
「……อ่า อืม…………」
โนโซมุสะดุ้งเล็กน้อยกับคำพูดนั่น
ตอนนั้นเองก็มีเสียง「จ๊อกกกกกกก~~」มาจากท้องของโนโซมุ ดูเหมือนว่าเขาอ่อนแรงมากจนหิว
ทั้งสองที่ได้ยินก็หัวเราะคิกคัก โนโซมุที่เขินอายก็ก้มหน้าลง
「ฟุฟุ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวจะนำอาหารมาเสิร์ฟให้นะคะ เพราะฉะนั้นรอสักครู่ โซเมียไปช่วยกันหน่อยนะ。」
「ค่าพี่สาว! ถ้างั้นคุณโนโซมุรออาหารแสนอร่อยได้เลยนะคะ」
น้องสาวของเธอพูดเช่นนั้นและเดินออกไป หลังจากทั้งสองออกไปโนโซมุก็ล้มตัวลงบนเตียงแล้วนอนคิดอีกครั้ง
ข้าไม่รู้จะอธิบายเรื่องของตัวเองยังไงดี แต่ตอนนี้ทำได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารออาหารที่กำลังมาเสิร์ฟ
◇◆◇
ในตอนเย็นก่อนพลบค่ำ เมื่อพระอาทิตย์เริ่มตกดินผู้คนในเหตุการณ์เมื่อวานก็เริ่มที่จะมารวมตัวกันให้ห้องของตระกูลฟรานซิส
ก่อนอื่นไอริสก็เริ่มพูดคุยข้อตกลงระหว่างตระกูลฟรานซิสกับตระกูลอูราเซียร์ตที่เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้
ดูเหมือนว่าเมื่อ 300 ปี ก่อนตระกูลฟรานซิสกำลังต่อสู้กับตระกูลมหาอำนาจอื่นๆ
อย่างไรก็ตามเพราะว่าเกิดความขัดแย้งภายในครอบครัวของตระกูลฟรานซิสก็ทำให้อำนาจด้อยลงจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ในเวลานั้นเองหัวหน้าของตระกูลฟรานซิสได้ไปอาศัยอยู่กับตระกูลวาเซียร์ตเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกลบจุดอ่อนของพวกเขา
ตระกูลวาเซียร์ตเป็นตระกูลของแวมไพร์และตระกูลฟรานซิสเองมีกองกำลังจำนวนหนึ่ง แต่ศัตรูดันมีความสามารถอันกล้าแกร่งและเครื่องมือเวทย์ ในทางกลับกันนั้นเองตระกูลฟรานซิสก็ได้จ่ายเงินจำนวนมากให้กับตระกูลวาเซียร์ตเพื่อให้ช่วยเป็นกำลังรบและยืมเครื่องมือเวทย์ของพวกเขามาเป็นเวลา 300 ปี
อย่างไรก็ตามสำหรับรูกาโต้ที่รอจนครบ 300 ปีแล้วนั้นก็ยังไม่ได้ของที่ว่าคืนด้วยเหตุนั้นเองจึงส่งผลให้คนๆหนึ่งในตระกูลฟรานซิสโดนคำสาปและต้องสังหารทายาทคนนั้นเพื่อชดเชยค่าตอบแทนที่พวกเขาไม่สามารถรักษาสัญญาได้ ซึ่งเรื่องควรจะเป็นเช่นนั้น
ในช่วงเวลานั้นรูกาโต้ที่เป็นผู้ดูแลสัญญาระหว่างตระกูลทั้งสองฝ่ายนั้นเฝ้ารอมาถึง 300ปี เขาไม่พยายามผูกสัมพันธ์กับครอบครัวไหนเลยเพื่อแสดงความเป็นกลางให้มากที่สุด
นอกจากนี้เนื่องจากตระกูลวาเซียร์ตเป็นแวมไพร์ที่มีอายุยืนยาวสำหรับเวลา300ปีก็เหมือนการหลับตื่นหนึ่ง
◇◆◇
「……อย่างที่คิดไว้นี่คือ……」
「……อย่าคิดจะหนีนะ」
เมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้โนโซมุกับมาร์ก็เดือดได้ที่เลย
ทิม่ายังคงนิ่งเงียบและแสดงท่าทางหวาดกลัว
「……โดยรวมแล้ว! เหนือสิ่งอื่นใดฉันไม่ชอบความคิดนั่นเลย พวกเราสองต่างเป็นหนึ่งเดียวกัน」
「จริงๆ ฉันเองก็โกรธและไม่สามารถให้อภัยเรื่องนี้ได้」
ทั้งไอริสและโซเมียต่างก็ไม่คิดจะซ่อนความโกรธของพวกเขาได้
「นอกจากนี้เตาหลอมวิญญาณนั่นยังหลอมรวมเข้ากับวิญญาณของโซเมีย……」
「ฮะฮะ คนๆนั้น…บอกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกจิตวิญญาณของโซเมียที่หลอมรวมในเตาหลอมได้ แต่ไม่คิดว่ามันจะถูกเอามาใช้ในลักษณะนี้เลย….ฉันองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมวิญญาณของโซเมียถึงได้ไปหลอมรวมกับสิ่งนั้น……」
นั่นหมายความว่าตอนนี้พวกเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตพวกเราต่างนิ่งเงียบ
「……ไอริสเธอพอใจที่จะเล่าเรื่องนี้ให้พวกเราฟังรึเปล่า?」
โนโซมุกำลังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของโซเมียในอนาคตจึงได้ถามเธอเช่นนั้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เผยแพร่ไม่ได้ของตระกูลฟรานซิสเลย
ยังไงก็ตามไอริสตอบโนโซมุด้วยความจริงใจ
「อืมไม่เป็นไรหรอกค่ะ คราวนี้ฉันเองก็ได้นายช่วยเอาไว้เพราะฉะนั้นนายก็เข้ามาพัวพันกับเรื่องของพวกเราแล้ว ฉันไม่อยากจะปิดบังพวกนายอีกต่อไป แต่ถึงอย่างงั้นก็อย่าให้คนภายในบ้านรู้เรื่องนี้เด็ดขาดคะ」
ไอริสเธอบอกปัดว่าไม่สนใจ และเริ่มเล่าเรื่องราว
「ให้ฉันได้ขอบคุณพวกนายอีกครั้งเถอะนะ ขอบคุณที่ช่วยพวกเราในครั้งนี้ ต้องขอบคุณนายมากๆฉันจึงไม่เสียโซเมียไป ขอบคุณจริงๆ……ขอบคุณนะ」
「ขอบคุณค่ะ……………ขอบคุณจริงๆที่ช่วยฉันเอาไว้คะ!」
◇◆◇
พี่น้องตระกูลฟรานซิสก้มหัวให้พวกเรา โนโซมุรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย มาร์เองก็ดูมีความสุขคงเพราะรู้สึกแบบเดียวกันละมั้ง
「เอ่อ แต่ว่ายังมีเรื่องหนึ่งที่ยังสงสัย……」
「ไม่ใช่แบบนั้นสินะคะ!มันโครตของโครตเท่เลยที่โผล่มาช่วยในตอนนั้นค่ะ!」
「ฟุฟุ ใช่เลยค่ะอย่างที่โซเมียพูด」
โซเมียชูมือมาด้านหน้าและพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น ไอริสเองก็ชมโนโซมุ
「เอ่อข้าไม่อยากจะโดนชมมากนักหรอก………นอกจากนั้นข้ายัง…………」
โนโซมุที่สลบไปหลังสู้เสร็จไม่รู้จะทำตัวยังไงให้เป็นธรรมชาติ
มาร์จ้องมองมาทางโนโซมุอย่างจริงจัง น่าจะเป็นเรื่องที่เขาอยากได้ยินจากปากของข้า…………。
◇◆◇
「…………โนโซมุบอกหน่อยได้ไหม? ว่าตอนท้ายของการต่อสู้นั่นน่ะแกทำอะไรลงไปกันแน่?」
「………………」
ไอริสและคนอื่นๆต่างเงียบกับคำถามของมาร์ บางทีพวกเธอเองก็สนใจเช่นกันทุกคนต่างจ้องมองเขา
「ก็รู้หรอกนะว่าแกน่ะแกร่งกว่าที่คนอื่นๆเขาเคยดูถูกแกเอาไว้ แต่ตอนนั้นตัวแกมันแปลกไป ราวกับหลุดไปคนละโลกกับพวกเราเลย?」
ในขณะที่ความเงียบเข้าครอบงำ โนโซมุเริ่มพูดออกมาอย่างช้าๆ
「นั่นคือ………ตัวข้าที่ปลด “พันธนาการ”ออก……」
「ปลดปล่อยพันธนาการเหรอคะ?」
โซเมียเอียงศีรษะให้กับคำพูดของโนโซมุ โนโซมุยังคงอธิบายต่อไป
「เอ่อทุกคนก็น่าจะรู้เกี่ยวกับความสามารถของข้า ความสามารถในการ “พันธนาการ”ใช่ไหมล่ะ?」
「แน่นอนว่าความสามารถนั่นจะกดพลังของผู้ที่ครอบครองมันให้ต่ำลงในระดับหนึ่งสินะคะ」
「ใช่แล้วล่ะ เพราะแบบนั้นทำให้ตัวข้ามีข้อจำกัดด้านพลังกายและพลังเวทย์ก่อขึ้นมา」
ในขณะที่ยืนยันคำพูดของไอริส โนโซมุก็อธิบายถึงความสามารถของเขา
「เรื่องนี้แม้แต่ตัวข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าในช่วงปลายปีของปี 2 นั้น ความสามารถนี้ก็ถูกปลดออกมา」
「……บางที อาจจะเป็นเพราะบาดแผลในตอนนั้นสินะ……」
「อืม ตอนนั้นมีหลายอย่างเกิดขึ้นมากมายและข้าก็สามารถปลดพันธนาการของตัวเองได้ แต่ว่าอาการบาดเจ็บของข้านั้นหนักมากในช่วงการสอบปฏิบัติเลยทำให้ผลการเรียนออกมาแย่…………」
「แล้วทำไมถึงไม่ใช้มันมาจนถึงตอนนี้ล่ะ?」
「ก็เพราะว่า…………」
ฉากนั่นย้อนเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง กลิ่นของเมืองอาร์คาซัมที่ลุกไหม้และผู้คนที่ถูกเผาไหม้ และตัวเธอที่ถูก “หมอนั่น”กลืนกินเข้าไป
「อั่กก!」
「…………โนโซมุคุง?」
「อะ…ขอโทษนะครับ……เอ่อเหตุผลที่เก็บเงียบ……เพราะเมื่อใดที่ข้าปลดปล่อย “พันธนาการ” หากปลดปล่อยมันนานมากเกินไปจะควบคุมพลังของมันไม่อยู่ สามารถใช้งานได้เต็มที่เพียงแค่ 2 นาทีเท่านั้น。」
โนโซมุตอบพร้อมกับซ่อนความกังวลในตัวเขา เขาไม่ได้บอกเรื่องทั้งหมดออกไป
「เพราะว่าแค่ปลดปล่อยพลังนั่น เพียงแค่ข้าสัมผัสหินมันก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะฉะนั้นก็เลยพยายามไม่ใช้กับผู้อื่น」
「…………แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะใช้สินะ……………แต่ว่านั่นก็เป็นความสามารถของนาย」
「……เพราะว่าข้ากลัว」
ท้ายที่สุดแล้วโนโซมุก็ไม่ได้บอกเรื่องที่เขาเป็นดราก้อนสเลเยอร์
เมื่อเวลาผ่านไปค่ำคืนก็มาเยือนท้องฟ้า โนโซมุและคนอื่นๆตัดสินใจกลับบ้านไอริสเองก็มาส่งพวกเขาทางหน้าประตูของคฤหาสน์
「ถ้างั้นขอตัวกลับก่อนนะ」
「ไว้เจอกันนะ」
「อืม ไว้เจอกันที่สถาบันนะ……」
「อืม ไว้เจอกัน」
โนโซมุบอกลาพวกเขา ทันใดนั้นโซเมียที่อยู่ข้างๆไอริสก็มากุมมือเขาไว้
「เป็นไรไปงั้นเหรอ?โซเมียจัง」
「คุณโนโซมุคะ! ขอบคุณที่ช่วยหนูไว้นะคะ! ตอนนั้นฉันคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่สาวอีกแล้วค่ะ…ตอนนี้หนูดีใจเหลือเกินที่ยังมีชีวิตอยู่กับพี่สาวต่อไปได้!」
โซเมียขอบคุณโนโวมุอีกครั้ง ไอริสเองก็เข้ามาขอบคุณเขาอีกครั้งเช่นกัน
「อ่า นั่นสินะถ้าตอนนั้นนายไม่มาช่วยพวกเราละก็ พวกเราคงได้แยกจากกันแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นฉันคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้….เพราะฉะนั้นขอบคุณจริงๆนะคะ」
โนโซมุรู้สึกโล่งใจกับคำพูดของทั้งสองคนที่พูดกับเขา มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้ ความวิตกกังวลมากมายอยู่ในหัวของข้า แต่อย่างน้อยตอนนี้การปลดปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์ก็คงจะไม่แย่เสียเท่าไร
◇◆◇
「……ยังไงซะก็ยังไม่ได้ให้สิ่งนี้กับโซเมียจังเลย」
「???」
โซเมียเอียงศีรษะของเธอด้วยความสงสัย โนโซมุหยิบมันออกมาและยื่นให้เธอในอีกเช้าวันหนึ่ง
「แม้ว่าจะสายไปแล้ว แต่ก็สุขสันต์วันเกิดนะโซเมียจัง」
ข้าหยิบของขวัญที่คิดจะมอบให้เธอออกมา
เป็นเชือกสีขาวดำที่ถูกถักทอเป็นวงแหวนและมีกระดิ่งข้องไว้ด้วย
มันเป็นสิ่งที่ไว้ใส่คู่กับเครื่องประดับแขนของเธอ
「คือว่าข้าพยายามทำออกมาโดยใช้สิ่งนั้นอ้างอิงและคิดว่าคงจะดีถ้าทำด้วยมือของตัวเอง แต่ว่าตัวข้าดันไม่เอาไหนด้านนี้ซะเลย……」
「เอะ! มีความสุขมากเลยล่ะคะ! ขอบคุณมากนะคะคุณโนโซมุ!」
โซเมียพูดเช่นนั้นและใส่ประดับแขนที่มีกระดิ่งที่ข้าทำขึ้น ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยสมส่วนกับเธอมากเท่าไรนัก แม้ว่าจะไม่ใช่ของที่ดีเลิศอะไรแต่มันก็ทำให้โซเมียจังมีความสุข
ไอริสยังคงมองน้องสาวของเธอด้วยรอยยิ้ม
ทั้งทิม่าและมาร์ก็ต่างมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
วันวานที่แสนวุ่นวาย รอยยิ้มที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นอีกเลยในช่วงชีวิตนี้ แน่นอนว่าทุกคนอยากปกป้องรอยยิ้มนั่นเอาไว้
ดีเลย์ 1 บทจากนายท่าน