ห้องเบอร์122 (nc)
ผมพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุดเพื่อบังคับพวงมาลัยรถมุ่งตรงไปยังคอนโดที่เคยไปเมื่อปีก่อน ผมจำได้แม่นว่าคอนโดพี่นาวินอยู่ตรงไหนแต่ก็จำไม่ได้ว่าอยู่ห้องไหน คิดได้ดังนั้นผมก็รีบต่อสายตรงไปหาเขาทันที
“ฮัลโหลครับ”
ผมกดโทรออกได้ไม่นาน ปลายสายก็กดรับแล้วกรอกเสียงเข้ามาทันที
“พี่นาวินอยู่ห้องมั้ย ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
“หือ!? เที่ยงคืนเนี่ยนะ เมาเปล่าเนี่ย ให้พี่ไปรับมั้ย”
“ไม่ได้เมา ผมจะถึงแล้วเนี่ย พี่อยู่ห้องไหนนะ”
“112 ครับ ถ้าถึงแล้วโทรเข้ามาก็ได้เดี๋ยวพี่ลงไปรับ”
“เคครับ” ผมรับคำก่อนจะวางมือถือลง
ไม่นานรถแข่งสีแดงคันหรูก็มาจอดเทียบคอนโดขนาดใหญ่ใจกลางเมือง
คอนโดนี้มีแต่พวกคนรวยอยู่กันทั้งนั้น พี่นาวินเองก็ไม่ใช่พวกไฮโซกระจอก ๆ ทั่วไป เขาเป็นถึงเจ้าของสนามแข่งรถยักษ์ใหญ่ คงสมฐานะกับผมอยู่หรอก
ทันทีที่จอดรถสนิทผมก็ไม่รอช้ารีบตรงเข้ามาในคอนโดเขาทันที
แต่เอะ!? เมื่อกี้พี่นาวินบอกว่าห้องอะไรนะ!?
ห้อง 1122 อะไรซักอย่าง
ผมพยายามใช้หัวคิดอยู่นานแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกจริง ๆ ครับ
ผมยืนคิดอยู่นานสองนานจึงตัดสินใจโทรถามพี่นาวินให้แน่ใจ แต่แบตมือถือเจ้ากรรมดันมาหมดอะไรตอนนี้เนี่ย
ผมเดินเซพิงผนังไปเรื่อย ๆ ภาพเบื้องหน้าตอนนี้เริ่มเบลอจนแทบจะมองไม่เห็นอะไร จนมาหยุดอยู่หน้าห้องหนึ่ง
122 ใช่แน่ ไม่ผิดเลย ห้องพี่นาวินอยู่มุมสุดผมจำได้แม่น ถึงตอนที่มารอบก่อนจะเมาจนแทบจำอะไรไม่ได้ แต่ผมก็พอมีสติอยู่บ้าง ผมสะบัดหัวไล่ความมึนออกก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ
“เอาน่าา แค่เป็นแฟน กลัวอะไรวะ ไม่ใช่ก็แค่เลิกดิ”
ผมพูดงึมงำกับตัวเองเบา ๆ
ก๊อก ก๊อก!!
ฝ่ามือเล็กกำเข้าหากันแน่นก่อนจะเคาะลงไปที่ประตูบานไม้จนเกิดเสียงดังให้พอเป็นพิธี ก่อนที่ผมจะโผงผางเข้าไปเลยโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต นิสัยนี้แก้ไม่หายซักทีไอ้โอเล่มันด่าผมตลอดล่ะครับ แต่มีหรือที่คนอย่างผมจะฟัง ก็ดื้อรั้นสุดในแก๊งแล้วนี่
ผมดันประตูเข้ามาได้โดยง่ายเพราะมันไม่ได้ล็อกตั้งแต่แรก เขาคงเปิดไว้รอผมอยู่สินะ
แต่เอะ!? ทำไมห้องถึงได้มืดขนาดนี้ เขาไม่เปิดไฟเลยหรอ
ผมพยายามเลื่อนมือไปตามผนังเพื่อคลำหาสวิตช์ไฟแต่ก็ต้องสะดุ้งจนตัวโยนเมื่อถูกฝ่ามือหนาของใครบางคนวางทาบลงบนมือเล็กของผมอย่างไม่ทันตั้งตัว
“มาช้าจัง ปล่อยให้รอตั้งนาน”
เสียงทุ้มเอ่ยทัก ทำเอาผมประหลาดใจไม่น้อย ทำไมเสียงพี่นาวินแปลก ๆ นะ เขาไม่สบายรึเปล่า
“ทำไมไม่เปิดไฟหรอครับบ~”
ผมเอ่ยถามเสียงยานคาง ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
“ไหนบอกไม่เมาไงครับ เสียงยานเชียวนะ”
ไม่ว่าเปล่าชายร่างใหญ่ตรงหน้าจับข้อมือผมเหวี่ยงลงเตียงแล้วขึ้นคร่อมทันที เห็นอย่างนี้ผมก็เหมือนสร่างเมาขึ้นมาได้ชั่วขณะ
“พะ พี่จะทำอะไรน่ะ”
ผมถอยหลังกรูดรู้สึกขี้ขลาดขึ้นมาซะดื้อ ๆ ก่อนหน้านี้ยังมีปณิธานแน่วแน่อยู่เลย ตอนนี้อารมณ์นั้นกลับหายไปจนหมดสิ้น
“ชูวววว!! กลัวหรอ”
คนตรงหน้าเลื่อนมือขึ้นมาทาบริมฝีปากผมพร้อมกับออกแรงขยี่ที่มือเบา ๆ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผมเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสจนยากจะอธิบาย
“ไม่ได้กลัวซักหน่อย”
ผมตอบกลับไปขณะที่หลับตาพริ้ม
ไม่รู้ทำไมเขาถึงพูดคำนี้ออกมา เขาก็รู้หนิ ผมเกลียดคำนี้มากแค่ไหน คำสั้น ๆ คำว่ากลัว ผมฑีพายุ ทายาทตระกูลวชิรางกูลไม่เคยกลัวอะไรทั้งนั้นอยู่แล้ว
“ไม่กลัวก็ดีแล้วเด็กดี”
เขาว่าก่อนเลื่อนมือสอดเข้ามาลูบคลำที่เอวบางของผม ทำเอาผมขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“ไม่เจอกันนาน เอวบางลงเยอะเลยนะ”
ไม่เจอกันนานที่ไหนกันล่ะ!?
เขาคงลืมไปแน่ ๆ ว่าสองวันก่อนเราก็เพิ่งเจอกันไปหยก ๆ
“ทำไมเกร็งจังครับ ปล่อยตัวสบาย ๆ นะ”
มือหนาลากวนตามแผ่นอกก่อนจะโน้มลงมาทาบริมฝีปากลงที่ปากบางของผม
ปลายลิ้นร้อนแทรกเข้ามาควานหารสหวานในโพรงปาก กลิ่นแอลกอฮอล์ตีกับคลุ้งไปหมด ผมเพิ่งรู้ว่าพี่นาวินดื่มเหล้ามาด้วยไม่น่าล่ะเขาถึงได้กล้าเข้าหาผมแบบนี้
แต่ผมชอบชะมัด นี่สินะ รสชาติของจูบไม่น่าเชื่อแค่ปลายลิ้นเกี่ยวตวัดกันจะทำให้ผมรู้สึกวูบวาบไปจนถึงช่วงท้อง
“อื้อออ~”
ผมครางออกมาอย่างสุดจะกลั้น
พี่นาวินเขาเก่งจังวะ แค่มือหนาลูบคลำตามก้นงอนก็ทำเอาผมเสียวจนแทบบ้า
“ถ่างขาออกกว้าง ๆ นะครับ”
เขาว่าพร้อมกับจับขาผมถ่างออกโดยผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากางเกงถูกปลดออกตอนไหน
“ฮึก อ้าาา~ อย่าดูดเดี๋ยวเป็นรอย”
ผมร้องปรามพร้อมกับใช้มือเล็กดันอกแกร่งเขาออก แต่นาทีนี้เขาคงไม่ฟังอะไรแล้วล่ะ
พี่นาวินจับข้อมือผมกดลงเตียงพร้อมกับเสียงหอบหายใจถี่ เขาไล่ปลายลิ้นร้อนมาตามริมฝีปากก่อนจะมาวนที่ยอดอกทำเอาผมหลับตาพริ้มส่ายหน้าไปมาด้วยความเสียวซ่าน
“ฮึก สะ เสียว”
คนร่างใหญ่ดันตัวขึ้นแล้วหยิบถุงยางมาสวมใส่ ผมมองเห็นได้จากแสงไฟสลัวที่สาดเข้ามาจากหน้าต่าง เขาดูรูปร่างดีเป็นบ้าซ่อนรูปจนผมแทบไม่อยากวางตา
“เจ็บนิดนึงนะครับ”
เขากระซิบเสียงหวานก่อนจะค่อย ๆ กดแก่นกายเข้ามาช้า ๆ
“ฮึก!!! เจ็บ!”
ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บทันทีเมื่อของแข็งขนาดใหญ่เสียบเข้ามาที่ช่องทางด้านหลังจนคับแน่นไปหมด ทำเอาผมขาสั่นระริก
“อ้าาา~ ไปทำอะไรมา ทำไมมันแน่นขนาดนี้ เจ็บไปหมดแล้ว ซี๊ดดดด”
ทั้งที่บอกว่าเจ็บแต่เขาก็ยังดันทุรังที่จะยัดแก่นกายขนาดใหญ่เข้ามาจนผมหอบหายใจอย่างยากลำบาก
“ฮึก!! พะ พอก่อนได้มั้ย เจ็บ!!”
ผมเบ้หน้าดิ้นทุรนทุราย ไม่คิดว่าครั้งแรกมันจะต้องเจ็บขนาดนี้
“อดทนนะครับคนเก่ง เพิ่งเข้าแค่หัวเอง” ไม่พูดเปล่าคนตรงหน้าออกแรงตอกกระแทกเข้ามาแรง ๆ จนมิดด้าม
สวบ!!!
“ฮึก!!!”
“อ้าาาา~ แม่งเอ๊ย แน่นเป็นบ้า”
คนข้างบนเริ่มขยับสะโพกช้า ๆ เนิบ ๆ ปล่อยจังหวะให้ผมได้หอบอากาศเข้าปอดหนัก ๆ แต่ขายังสั่นริก ๆ อยู่
“อ้าาา~ แอ่นนมมาให้กินหน่อยครับ อยากกินนมจะแย่”
ไม่ว่าเปล่ามือหนาคว้าเอวผมลอยขึ้นพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาดูดเลียที่ยอดปลายแก่นกายผมจนบวมเป่งขณะที่ตอกกระแทกเข้ามาแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนสติผมเริ่มพร่าเบลอ
“ฮึก อ๊ะ อ๊ะ อ้าาา~”
ผมครางกระเส่ากำเส้นผมหนาในมือไว้แน่น น้ำตาใส ๆ ปริ่มที่สองข้างแก้มก่อนจะหยดแหมะลงที่ปลอกหมอนอย่างสุดจะกลั้น
“อ้าาา~ โคตรมันส์ เอามันส์อย่างงี้ทุกวันพี่หลงตายเลย ซี๊ดดดด”
คนข้างบนเริ่มครางไม่ได้ศัพท์ เอาแต่ตอกกระแทกเข้ามาเน้น ๆ โดยไม่คำนึงเลยว่านี่เป็นครั้งแรกของผม
“ฮึก อ๊ะ อ๊ะ อ้าาา~ สะ เสียว ฮึก อ้าาา~”
ผมเจ็บจนแทบบ้าแต่ก็เสียวจนแทบคลั่ง นี่สินะสาเหตุที่ไอ้ภีมมันคอดำคอแดงมาเรียนทุกวัน มันเสียวจนยั้งสติไม่อยู่นี่เอง
“อ้าาา ครางโคตรเสียว วันนี้ครางเสียงหวานจัง”
เขาว่าพร้อมกับโหมกระแทกเข้ามาถี่ ๆ กระตุ้นให้ผมครางเสียงดังยิ่งขึ้น
ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!!!
“ฮึก อ๊ะ อ๊ะ มะ ไม่ไหวแล้ว อื้อออ”
ผมหลับตาปี๋ สองมือกำที่นอนจนยับยู่ยี่ ปลายเท้าที่จิกพื้นตอนนี้ลอยขึ้นตามแรงกระแทกจนสั่นระริก
“อ้าา~ จะเสร็จแล้ว ฮึก ครางชื่อพี่หน่อยสิครับ อ้าาา~”
ป๊าบ ป๊าบ ป๊าบ!!!
“ฮึก อ๊ะ อ๊ะ จะเสร็จแล้ว ฮึก แรง ๆ ครับพะ พี่นาวิน”
อยู่ ๆ คนตรงหน้าก็หยุดครางไปชั่วขณะแต่ก็ยังตอกกระแทกเข้ามาแรง ๆ จนตัวเซ
ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!!!
“ซี๊ดดดดดด!!”
ทันทีที่หน้าท้องเกร็งจนขึ้นล่อนกล้ามเขาก็ตัวงอพ่นของเหลวออกมาจากยอดปลายแก่นกายทันที คาดเดาว่าน้ำสีขาวขุ่นคงเอ่อล้นอยู่เต็มถุงยางอยู่เป็นแน่
แฮก ๆ ๆ
ผมหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอดหนัก ๆ หลังจากที่เมื่อกี้ลืมวิธีหายใจไปแล้วด้วยซ้ำ
“เอากับพี่ แต่ครางชื่อคนอื่นแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะครับน้องต้า”
เขาผละตัวออกพร้อมกับหันมาพูดกับผมเสียงแข็ง บ่งบอกได้ว่ากำลังรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ต้า!? ต้าไหน”
ผมเบิกตากว้างเหมือนสร่างเมาไปชั่วขณะ เพิ่งได้เสียกันไปหยก ๆ เขาก็เริ่มออกลายแล้วงั้นหรอ
คนตรงหน้าไม่พูดอะไรเพียงแค่เดินไปเปิดโคมไฟที่หัวเตียงอย่างไม่สบอารมณ์
ทันทีที่แสงไฟสว่างวาบก็ทำเอาผมเบิกตาโพลงตกใจขั้นสุด เพราะผู้ชายที่ผมเพิ่งเสพสุขไปเมื่อสักครู่กลับไม่ใช่พี่นาวินอย่างที่คิด
“เชี่ยยยย!!! มึงเป็นใครวะ”
ผมตาค้างช็อกสุดขีดรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวไว้ด้วยความเขินอาย สายตาก็จ้องมองคนข้างหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ส่วนไอ้หมอนี่ก็ตะลึงงันช็อกอ้าปากค้างไม่ต่างไปจากผม
“ฉันต้องถามนายมากกว่า นายมาทำอะไรที่ห้องฉัน”
“ห้องมึงเหี้ยไร ห้องพี่นาวินต่างหาก ไอ้โรคจิต ไอ้เหี้ย ไอ้สารเลวเอ๊ย!!”
ผมทั้งก่นด่ามือก็ปาข้าวของใส่มันก่อนจะรีบสวมเสื้อผ้าลวก ๆ นาทีนี้สติผมแตกกระเจิงไปจนหมดสิ้น สิ่งเดียวที่ผมควรทำมากที่สุดในตอนนี้คือพาตัวเองออกมาจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
“จะหนีไปไหนฮะ เข้ามาพังข้าวของคนอื่นแล้วจะชิ่งหนีไปดื้อ ๆ อย่างงี้หรอ”
ทันทีที่ผมกำลังวิ่งออกจากห้องก็ถูกฝ่ามือหนารวบข้อมือไว้ได้ทัน
“อย่ามาแตะตัวกูนะ ไอ้สวะ!!”
ผลัวะ!!!
“โอ๊ยย!!”
คนร่างใหญ่หน้าหันไปตามแรงหมัดของผมเปิดโอกาสให้ฝีเท้าเล็กได้แล่นออกมาจากห้อง
“แม่งเอ๊ย!! มันไม่ใช่เรื่องจริง ๆ กูต้องฝันไปแน่ ๆ”
ผมรีบวิ่งหน้าตั้งลงมาลานจอดรถด้วยหัวใจที่เต้นระรัวก่อนจะบึ่งตรงมาที่รถคันสีแดงคู่ใจทันที
“เอ้า พายุ ไปไหนมาพี่รอตั้งนาน”
พี่นาวินที่ยืนพิงรถรอผมอยู่ก่อนเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่นาทีนี้สติผมกระเจิงไปหมดแล้วไม่พร้อมคุยกับใครทั้งนั้น
“ผมจะกลับแล้ว”
ผมว่าพร้อมกับรีบเปิดประตูรถแล้วดันตัวเองเข้าไปนั่งเบาะคนขับทันที
“ดะ เดี๋ยวสิพายุ เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าซีดเหงื่อท่วมตัวแบบนั้นล่ะ แล้วทำไมใส่เสื้อกลับด้านอย่างงี้ล่ะไปทำอะไรมา”
“ผะ ผมไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ นะ ผมไปก่อนล่ะ” ไม่รอให้คนร่างใหญ่ได้ถามเซ้าซี้รีบเอื้อมมือไปปิดประตูรถแล้วเหยียบคันเร่งออกมาทันที
กูจะบ้าตาย!!
ไอ้เหี้ยเอ้ยย เมื่อกี้กูไปเอากับใครมาวะ แล้วมันจะรู้มั้ยว่าเป็นกู แล้วมันจะตามมาประจานกูมั้ย ในหัวผมเต็มไปด้วยคำถามมากมายจนแทบจะระเบิดออกมา
สาาาาธุ!!! ขอให้ชาตินี้ทั้งชาติผมกับมันอย่าได้วนมาเจอกันอีกเลย ผมไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนจริง ๆ ขอร้องงง!!!