เจ้ากรรมนายเวร
“ไอ้พายุ มาเร็ว วู้ววว”
ซ่า ซ่า!!
เสียงไอ้เฟียสตะโกนเรียกผมลงไปเล่นน้ำขณะที่กำลังขี่หลังไอ้โอเล่แหวกว่ายในทะเล
“กูว่ายน้ำเป็นซะที่ไหนล่ะไอ้ห่า”
ผมหันไปตอบพร้อมกับหยิบบาบิคิวที่พี่เฟยลูกน้องคนสนิทของพี่คิงส์เพิ่งย่างสุกเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ่ย ๆ จนแก้มป่อง
ตอนนี้พวกเรามาฉลองสอบเข้ามหาลัยติดกันที่เกาะส่วนตัวของเพื่อนพี่สายฟ้า ตามจริงไม่ต้องฉลองก็ได้นะ ในเมื่อทุกคนก็รับรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องสอบติด
เพราะอะไรน่ะหรอ ทุกคนคงน่าจะทราบกันดี พ่อผมเป็นถึงผู้ก่อตั้งมหาลัยเลยนี่ จะไม่ให้สอบติดได้ไงล่ะ
“ไอ้สองตัวนี้มันเล่นน้ำเอาเป็นเอาตายอย่างกับไม่เคยเจอทะเลเลยเนาะ มึงว่าปะ”
ผมหันไปขอความคิดเห็นจากไอ้ภีม ที่มันเอาแต่ก้มหน้าก้มตาหั่นแคร์รอตอย่างชำนาญ ไอ้นี่มันเป็นแม่ศรีเรือนจริง ๆ เลยครับผมยังเคยแซวว่าจะจีบมันมาเป็นเมียเลย จำได้แม่นว่าตอนนั้นโดนพี่คิงส์ส่งสายตาอำมหิตใส่จนขนแขนลุกซู่ไปทั่วทั้งตัว
“แล้วพายุไม่อยากเล่นน้ำบ้างหรอ”
ผมรีบส่ายหน้าพัลวันกลับไปทันที
“ตอนเด็ก ๆ กูเคยจมน้ำเกือบตาย โชคดีที่พี่สายฟ้ามาช่วยไว้ได้ทัน ไม่งั้นมึงคงอดได้เป็นเพื่อนกับคนหล่อ ๆ อย่างกูไปละ”
เหตุการณ์วันนั้นผมจำได้แม่นเลยล่ะครับ จนทุกวันนี้ยังไม่กล้าที่จะลงเล่นน้ำอีกเลย
“ขี้โม้อะไรของมึงไอ้พายุ แล้วมึงแดกอะไรเยอะแยะวะ ไอ้เฟยมันย่างไม่ทันแล้วน่ะ”
พี่คิงส์ที่เดินมาจากทางด้านหลัง ใช้แขนโอบรอบเอวไอ้ภีมไว้หลวม ๆ
“เด็กกำลังโตก็กินเยอะแบบนี้ล่ะ” ผมตอบกลับขณะที่ยังเคี้ยวบาบิคิวอยู่เต็มปาก
“กลืนก่อนค่อยพูด เดี๋ยวก็ติดคอตายห่า แล้วนี่ทำอะไรคะ ไม่ต้องทำแล้วเดี๋ยวมีดบาดมือ”
เขาดุผมเสียงแข็งก่อนจะหันไปพูดกับไอ้ภีมเสียงอ่อนเสียงหวานจนผมต้องเบะปากแล้วเสมองขึ้นข้างบนอย่างนึกหมั่นไส้
เหลือเกินนะพ่อคุ้นนนน ครองตำแหน่งคลั่งรักเมียเลยคนนี้
“ไอ้เฟย ทำไมมึงปล่อยให้เมียกูมาทำอาหารแบบนี้ถ้ามีดบาดมือเมียกูขึ้นมาจะทำยังไง”
“อย่าไปว่าพี่เฟยเลยครับ ผมเป็นคนทำเอง พี่เฟยเขาห้ามแล้ว แต่ผมอยากทำ”
ไอ้ภีมหันไปบอกก่อนจะหันมาหั่นแคร์รอตต่อ
“ถ้างั้นให้พี่หั่นดีกว่านะ ภีมไปนั่งพักเถอะ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่ไม่เคยเข้าครัวเลย จะหั่นได้ยังไงล่ะครับ”
“ฮ่า ๆ ตัวเองยังห้ามเมียไม่ได้เลย คิดได้ไงจะให้พี่เฟยห้าม เมียตัวเองแท้ ๆ พี่นี่ก็ตลกเนาะ”
ผมว่าก่อนจะยกเบียร์ขึ้นดื่มแล้วรีบมุดไปซ่อนตัวใต้โต๊ะทันทีเพราะโดนพี่คิงส์ปาเปลือกแคร์รอตใส่ไม่ยั้ง
รังแกผมอีกแล้วนะพี่คิงส์!!!
“อีกแล้วหรอไอ้สองตัวนี้เจอกันทีไรเป็นกัดกันตลอด” พี่สายฟ้าเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับไอ้โอเล่และไอ้เฟียสที่เพิ่งอาบน้ำกันเสร็จ
“โห!! ไอ้พายุ อย่าบอกนะว่าไอ้ไม้ที่วางอยู่บนจานนี้คือบาบิคิวที่มึงแดกหมดแล้ว”
“ก็เออดิ”
“กูก็ว่าพี่เฟยย่างตั้งนานทำไมได้แค่นี้”
ไอ้โอเล่ว่าก่อนจะเดินอ้อมมานั่งข้างไอ้เฟียส
“พี่เฟยมากินเถอะครับเดี๋ยวผมไปย่างให้”
ไอ้ภีมเสนอพร้อมกับดันตัวลุกจากเก้าอี้
“ไม่เป็นไรครับคุณภีมผมยัง…”
“พี่เฟยครับ ไปกินเดียวนี้เลยเดี๋ยวผมย่างเอง ส่วนพี่คิงส์กินอิ่มแล้วก็ลุกมาช่วยผมย่างเลยครับ คนอื่น ๆ ยังไม่ได้กินเลย”
ไอ้ภีมออกคำสั่งจนพี่คิงส์ต้องรีบวางแก้วเหล้าลงแล้วเดินไปช่วยมันย่างบาบิคิวอย่างว่าง่าย เห็นอย่างงี้ผมก็อดที่จะล้อเขาไม่ได้จริง ๆ
“ฮ่า ๆ พี่คิงส์คนกลัวเมียว่ะ”
“หึหึ ไอ้คิงส์! มึงนี่ทาสเมียที่แท้ทรู รู้ถึงไหนอายถึงนั่น” พี่สายฟ้าพูดสมทบอีกคน
“หุบปากเลยนะทั้งพี่ทั้งน้อง เดี๋ยวกูยิงกระบาลแตก” เขาชี้หน้าคาดโทษก่อนจะตั้งใจย่างบาบิคิวต่อ
“พี่จะมายิงผมไม่ได้นะ ผมเป็นผู้มีพระคุณนะเว้ย อุตส่าห์พาไอ้ภีมไปหาพี่ถึงโรงบาล”
ผมว่าพร้อมกับยักคิ้วใส่อย่างกวน ๆ เมื่อนึกถึงครั้งที่เคยพาไอ้ภีมไปส่งให้เขาช่วงที่ทั้งสองทะเลาะกันหนัก ๆ ช่วงหนึ่ง
“มึงนั่นแหละตัวดี พาเมียกูหนียังมีหน้ามาลอยหน้าลอยตา แล้วก็ไม่ต้องมาทวงบุญคุณ ถ้ากูไม่เอะใจขับตามมึงไปถึงคอนโดก็ไม่รู้หรอก” เขาว่าอย่างเคียดแค้น
“แฮะ ๆ เอาเป็นว่าเราไม่พูดถึงเรื่องนี้กันดีกว่าเนาะ” ผมรีบตัดบทก่อนที่จะเผลอไปจุดไฟแห่งความโกรธของพี่คิงส์ขึ้นมาอีกครั้ง
“เฟยไปหาเก้าอี้อีกตัวมาวางตรงนี้หน่อยนะ เพื่อนฉันกำลังจะมาละ”
พี่สายฟ้าหันไปสั่งพี่เฟยที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย เขาจึงรีบลุกไปทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
เมื่อย่างบาบิคิวเสร็จ พวกผมก็มาตั้งวงกินไปคุยกันไปรู้ตัวอีกทีก็เริ่มจะเมาจนตาลายกันหมดแล้ว
“โทษทีว่ะ พอดีกูตกเครื่องเลยมาช้า”
ผู้มาใหม่เดินฝ่าความมืดเข้ามานั่งลงเก้าอี้ข้างพี่สายฟ้าและพี่คิงส์ ส่งให้ผมเบิกตากว้างโดยอัตโนมัติ เมื่อมองเห็นเขาได้อย่างถนัดตา
“เชี่ยย!!!”
ทันทีที่ผมเงยหน้ามาปะทะดวงตากับผู้มาใหม่ก็ทำเอาผมถึงกับเบิกตากว้างอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจสุดขีด ส่วนผู้มาใหม่นั้นก็ช็อกไม่ต่างไปจากผมเลยสักนิด
“นี่นายอีกแล้วหรอ”
ผมไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยว่าผมจะเจอมันที่นี่ มันที่พรากพรหมจรรย์ไปจากผมเมื่อไม่นานมานี้
“อะไรกัน สองคนนี้รู้จักกันด้วยหรอ”
พี่สายฟ้าเอ่ยถามอย่างงุนงง
“รู้จักดีเลยล่ะ ไอ้นี่มันเป็นคนโรคจิตนิสัยไม่ดี เลวระยำต่ำช้าหมาไม่แดก นี่เพื่อนพี่ใช่ปะ พี่เลิกคบมันได้เลย” ผมเริ่มโวยวายอย่างเดือดดาล นี่พี่ชายผมแอบไปมีเพื่อนนิสัยอย่างงี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“นี่ ๆ ให้มันน้อย ๆ หน่อย รอบก่อนนายต่อยฉันแล้วชิ่งหนี ใครกันแน่นิสัยไม่ดี”
มันว่าพร้อมกับยื่นหน้าที่ยังมีรอยช้ำตรงมุมปากให้ผมดู
“ก็มึง… แม่งเอ๊ย!!”
ผมเว้นวรรคยาวก่อนจะสบถออกมาอย่างหัวเสีย ถ้าผมพูดไปมีหวังโดนพี่สายฟ้าฆ่าตายแน่
“ไม่รู้ล่ะ เพื่อนคนนี้พี่คบไม่ได้ พี่ไล่มันไปเลยนะ”
“เหอะ จะให้ไล่ไปไหน นี่มันเกาะฉัน”
มันว่าพร้อมกับกอดอกทำหน้ายียวนขั้นสุดจนอารมณ์ที่เดือดพล่านของผมพุ่งขึ้นสูงยิ่งกว่าเดิม
“เอาล่ะ ๆ ใจเย็น ๆ ทั้งสองคนเลย เห้ออ!”
พี่สายฟ้าพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ ด้วยความเหนื่อยใจ
“เพิ่งเจอกันก็กัดกันซะละ ถ้าต้องไปเจอกันที่มหาลัยทุกวันจะไม่ตีกันตายเลยหรอ” พี่คิงส์กุมขมับด้วยความหนักใจอีกคน
“หมายความว่ายังไงหรอครับ” ไอ้ภีมขมวดคิ้วถามอย่างสงสัยแทนใจผมกับเพื่อน ๆ ที่รอฟังหน้าสลอน
“ไอ้ไต้ฝุ่นมันกำลังทำงานวิจัยเกี่ยวกับการศึกษาอยู่ ก็เลยต้องออกเก็บข้อมูลหนึ่งเทอม พี่เลยขอให้มันมาเก็บข้อมูลของชั้นพวกภีมนั่นแหละ จะได้มีคนดูแลให้ด้วย”
“ฮะ!! ไม่เอานะพี่”
ผมรีบคัดค้านเอาเป็นเอาตาย อะไรมันจะซวยขนาดนั้นวะ อาจารย์สุดหล่อที่ไอ้เฟียสพูดถึงก็คือ…ไอ้หมอนี่เองน่ะหรอ
“มึงว่าไงล่ะไอ้ไต้ฝุ่น ดูทรงแล้วคงไม่ไหวเก็บข้อมูลไปก็คง…”
“กูตกลง” ไอ้หมอนี่รีบตอบกลับมาทันควันจนผมหน้าเหวอไปชั่วขณะ
“บังเอิญไม่ค่อยเจอเด็กดื้อด้วยสิ เคสพิเศษแบบนี้กูถนัดเลยล่ะ”
มันว่าพร้อมกับเหยียดยิ้มยียวน จนผมยั้งตัวไม่อยู่รีบพุ่งไปหวังจะซัดหน้าคนปากดีให้จม แต่ก็ถูกไอ้โอเล่และไอ้เฟียสดึงรั้งไว้ก่อน
“โอเค ๆ กูถือว่าจบไปแล้วนะเรื่องนี้ เดี๋ยวกูแนะนำให้รู้จักก่อน อันนี้ไอ้เฟียส อันนี้ไอ้โอเล่ อันนี้ไอ้พายุน้องกู แล้วก็ขอบสุดน้องภีมเมียไอ้คิงส์ กูคงไม่ต้องแนะนำอะไรมาก มึงคงเคยเห็นเต็มทีวีอยู่ช่วงหนึ่ง”
พี่สายฟ้าหันไปแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ แต่ผมไม่อยากรู้จักมันเลยซักนิด
“แล้วก็นี่ไอ้ไต้ฝุ่นนะ มันเป็นเพื่อนพวกพี่มาตั้งแต่สมัยประถมแล้ว แต่มันย้ายไปอยู่เยอรมันตั้งแต่จบม.6 เพิ่งกลับมาไทยได้ไม่กี่วันนี่ล่ะ”
“แล้วนี่น้องมึงใช่ปะไอ้สายฟ้า ใช่ไอ้เด็กแสบที่มันทำปลาทองกูตายปะ”
ไอ้ไต้ฝุ่นหันไปถามพี่สายฟ้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทำให้ผมพอจะจำเหตุการณ์พอคร่าว ๆ ได้ ไต้ฝุ่นงั้นหรอ…
เพียงแค่ได้ยินชื่อนี้ก็ทำเอาผมหูผึ่ง ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อก่อนผมตัวติดกันซะยิ่งกว่าอะไรดี ผมชอบแอบไปเล่นบ้านมันบ่อย ๆเพราะบ้านเราไม่ไกลกันมาก พ่อแม่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาแต่ไหนแต่ไร นึกไม่ถึงเลยว่าผมจะพลาดถึงขนาดไปมีอะไรกับพี่ที่ผมเคยเคารพนับถือได้
“เออ นี่แหละไอ้พายุ น้องกูเอง”
“กะ กูไม่ได้ตั้งใจทำมันตายซักหน่อย ก็เห็นมันโผล่ขึ้นมาหายใจ กูก็นึกว่ามันจะตายน้ำก็เลยเอามันขึ้นมาจากน้ำแค่นั้นเอง” ผมรีบแก้ตัวตะกุกตะกัก จนทุกคนต่างขำพรืด
“ไอ้พายุ กูก็รู้นะเว้ยว่ามึงโง่ แต่กูไม่รู้จริง ๆ ว่ามึงโง่ถึงขนาดนี้ ฮ่า ๆ”
ไอ้เฟียสที่กลั้นขำไม่ไหวก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ไอ้เวรนี่ กูเพื่อนมึงนะโว้ยยย!!
“ก็ตอนนั้นกูก็เพิ่ง 7 ขวบเองไง”
ผมตอบกลับอย่างฉุนเฉียวจนไอ้ไต้ฝุ่นต้องส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา
พวกเรานั่งดื่มกันต่อไม่ถึงสิบนาทีพี่คิงส์ก็จูงมือเมียสุดที่รักขึ้นห้องไป พวกผมที่เริ่มเมาแอ๋จึงแยกย้ายกันกลับห้อง
ตามจริงผมอยากจะลุกหนีตั้งนานแล้วแหละ แต่กลัวไอ้นี่มันจะบอกพี่สายฟ้าว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นน่ะสิ ผมยังไม่อยากหาเรื่องตายตอนนี้หรอกนะ