วันต่อมา เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่ตัวดำเมี่ยมก็กลับมาถึงแล้วเช่นกัน บุกตรงมาฟ้องร้องที่ตำหนักคุ้มเมือง!
ผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตกและตะวันออกที่ตัวดำขลับสองคนกำลังเถียงกันอยู่ในตำหนักคุ้มเมือง
“เขายุยงให้สวีถังหรานลูกน้องตัวเองมาลามปามทำร้ายร่างกายข้าน้อย!”
“ผู้บัญชาการเซี่ยโห้ว อย่าพูดจาเหลวไหลแบบตาไม่กะพริบสิ ต่อให้สวีถังหรานใจกล้ากว่านี้ร้อยเท่าก็ไม่กล้าแตะต้องเจ้า คำใส่ร้ายป้ายสีใครๆ ก็พูดได้ หลักฐาน! เจ้าต้องเอาหลักฐานออกมา!”
ผู้ชายสองคนที่ดำไปทั้งตัวจนเห็นแค่ฟันกับลูกตา ขณะที่มองดูพวกเขากำลังเถียงกันไม่หยุด ปี้เยว่ฮูหยินที่งดงามเย้ายวนกลั้นขำนิดหน่อย ฝืนกลั้นไว้ไม่ให้หัวเราะออกมา พอนางได้ยินแบบนั้น ก็ถามเซี่ยโห้วหลงเฉิงว่า “ผู้บัญชาการเซี่ยโห้ว เจ้าบอกว่าผู้บัญชาการโค่วแย่งผลงานเจ้า ทั้งยังยุยงให้คนซ้อมเจ้าด้วยเหรอ มีหลักฐานมั้ย?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงตอบอย่างคับแค้นใจว่า “ลูกน้องของข้าน้อยตายหมดแล้ว ไม่มีใครมาเป็นพยานให้ เพียงหวังว่าท่านแม่ทัพภาคจะตัดสินอย่างยุติธรรม!”
มีอะไรให้ตัดสินอย่างยุติธรรมอีกล่ะ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำร้ายร่างกาย ปี้เยว่ฮูหยินแสยะยิ้มถามว่า “ผู้บัญชาการเซี่ยโห้ว ขนาดเจ้ายังบอกเลยว่าตัวเองเพิ่งต่อสู้เป็นครั้งแรก ลูกน้องตัวเองตายหมดแล้ว ทั้งยังโดนเฮยหวังจับขังก่อนอีก เจ้ายังกล้าบอกอีกเหรอว่าตัวเองเป็นคนจับเฮยหวัง คิดว่าฮูหยินเป็นคนโง่หรือไง?”
“…” เซี่ยโห้วหลงเฉิงอึกอัก ทำสีหน้าไม่ถูก
โค่วเหวินหลานส่ายหน้าอยู่ข้างๆ กุมหมัดกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ฮูหยินช่างมีสายตาเฉียบคมดุจกระจกใส!”
ปี้เยว่ฮูหยินเหล่ตามองเขาแวบหนึ่ง พบว่าบนตัวโค่วเหวินหลานมีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อย เขาเคารพเกรงใจนางขึ้นเยอะมาก ทำตัวสมกับอยู่ในตำแหน่งใต้บังคับบัญชา ถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ถึงมีการเปลี่ยนแปลง แต่อย่างน้อยก็ทำให้นางสบายใจ ในใจนางตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว!
ปรากฏว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงบ่นอีกว่า “ฮูหยิน แต่เรื่องที่เขายุยงลูกน้องคือเรื่องจริงนะ!”
“พอแล้ว! รอให้เจ้าหาหลักฐานเรื่องนี้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ!” ปี้เยว่ฮูหยินยืนขึ้นอย่างช้าๆ สายตาจ้องไปที่โค่วเหวินหลาน “โค่วเหวินหลาน! การลงโทษเฮยหวังครั้งนี้ เจ้าได้สร้างผลงานไว้ใหญ่หลวง! ฮูหยินคนนี้พูดคำไหนคำนั้น ข้าให้เวลาเจ้าสามวัน ส่งต่องานที่เขตเมืองตะวันออกให้ชัดเจน หลังจากนี้สามวันไปรับตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ รักษาการณ์ตลาดสวรรค์!”
โค่วเหวินหลานโค้งกายทันที กุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยน้อมรับบัญชา!”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงยืนเอ๋ออยู่กับที่ เมื่อเห็นว่าปี้เยว่ฮูหยินหันตัวจะเดินออกไป ตัวเองยังอยากก้าวขึ้นไปพูดอะไรอีก แต่กลับถูกผู้การสองขวางไว้ ทำให้อกสั่นขวัญแขวนทันที ในหัวคิดอยู่อย่างเดียวว่า ไอ้ตุ้งติ้งกลายเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าแล้ว!
ปกติผู้บัญชาการใหญ่คุมพวกเขาสองคนไม่ได้เลย ดังนั้นเวลาทั้งสองมีเรื่องอะไรก็จะมาหาปี้เยว่ฮูหยินโดยตรง ตอนนี้จบเห่แล้ว โค่วเหวินหลานเป็นผู้บัญชาการใหญ่แล้ว อีกฝ่ายต้องไม่เกรงใจเขาแน่นอน!
จู่ๆ โค่วเหวินหลานก็พบว่าตัวดำนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในตอนนี้ เขาเหลือบมองเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่กำลังยืนเอ๋อแวบหนึ่ง แล้วเอามือไขว้หลังหันตัวเดินออกไป สีหน้าเยาะเย้ยยากที่จะปิดบังไว้ได้
เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เดินออกจากตำหนักยังคงอกสั่นขวัญแขวน เดินมาถึงประตูร้านค้าร้านหนึ่งแล้วเงยหน้า ถึงได้พบว่าตัวเองเดินมาถึงร้านค้าสมาคมวีรชนโดยไม่รู้ตัว
“ไปรายงานจวินโหรวหน่อย”
“ใคร?”
“ขนาดข้าเป็นใครเจ้ายังไม่รู้จักเลยเหรอ ข้าเซี่ยโห้วหลงเฉิง!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงแยกเขี้ยวยิงฟันตะคอกใส่คนงานร้านค้าสมาคมวีรชน
คนงานตกใจ ตอนนี้ถึงได้สังเกตเห็นว่าผีดำตัวนี้คือเซี่ยโห้วหลงเฉิงจริงๆ ทำไมกลายสภาพเป็นผีไปแล้วล่ะ? คนงานรีบไปรายงาน ผ่านไปครู่เดียวก็เชิญเขาเข้าไป
พอเห็นเซี่ยโห้วหลงเฉิง หวงฝู่จวินโหรวก็ตกใจเหมือนกัน “เซี่ยโห้ว ได้ยินว่าโค่วเหวินหลานก็ดำแล้วเหมือนกัน พวกเจ้าเป็นอะไรไป?”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงเหมือนจะค่อนข้างฮึกเหิม ใช้มือข้างหนึ่งคว้ามือหวงฝู่จวินโหรว “จวินโหรว ไปกับข้าเถอะ ออกไปจากที่นี่กับข้าเถอะ!”
“เซี่ยโห้วหลงเฉิง โปรดสำรวมด้วย!” หวงฝู่จวินโหรวออกแรงสะบัดมือออก ก้าวถอยหลังไปอยู่หลังโต๊ะหินอีกด้านหนึ่งแล้วขมวดคิ้ว สีหน้าหงุดหงิด
เซี่ยโห้วหลงเฉิงยิ้มเผยฟันขาวสดใส ยิ้มอย่างน่าเวทนาพร้อมบอกว่า “ข้าแพ้แล้ว จวินโหรว ข้าแพ้ไอ้ตุ้งติ้งแล้ว ไอ้ตุ้งติ้งกำลังจะกลายเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ มันต้องไม่ปล่อยข้าไปแน่นอน ต้องทำให้ข้าอับอายเป็นร้อยๆ อย่างแน่ ข้าอยู่ที่ดาวเทียนหยวนต่อไปไม่ได้แล้ว ข้าต้องออกไป! จวินโหรว ไปกับข้า แต่งงานกับข้าเถอะ!” เดินอ้อมโต๊ะตามเข้าไป
หวงฝู่จวินโหรวรีบอ้อมหนี อาศัยให้โต๊ะกั้นเขาไว้ตลอด พลางคิดในใจว่า ถ้าข้าสามารถติดตามเจ้าไปได้ตามอำเภอใจ ถ้าสามารถแต่งงานได้ตามอำเภอใจ โอกาสก็คงไม่วนไปถึงเจ้าอยู่ดี!
เมื่อไม่ได้คำตอบที่ตัวเองต้องการ เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ผิดหวังมาก และโมโหมากเช่นกัน เดินออกจากร้านค้าสมาคมวีรชนพร้อมสีหน้าเศร้าโศกคับแค้น…
ในห้องด้านหลังของตำหนักพ่อบ้าน สวีถังหรานกำลังเอนกายนอนหลับตางีบอยู่บนเก้าอี้ บนใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้มบางๆ เรื่องราวถูกกำหนดแล้ว โค่วเหวินหลานกำลังจะได้คุมทั้งตลาดสวรรค์ เจ้าตัวบอกเขาและเหมียวอี้ไว้ชัดเจนแล้ว เป็นอย่างที่ทั้งสองปรารถนา คนหนึ่งคุมเขตเมืองตะวันตก คนหนึ่งคุมเขตเมืองตะวันออก
เบื้องบนมีคนจ้องอย่างได้ตำแหน่งของสองเขตนี้แล้ว ต้องทราบไว้ว่าสำหรับตลาดสวรรค์สาขาต่างๆ ที่อยู่ในเก้าโลก นอกจากตำหนักสวรรค์กับแดนสุขาวดี สถานที่ที่ราชันสวรรค์และประมุขพุทธะคุมย่อมเทียบไม่ติดอยู่แล้ว ในจำนวนนั้นนับว่าตลาดสวรรค์ร่ำรวยที่สุด เศรษฐีแทบทุกคนของแดนฝึกตนล้วนมารวมตัวกันที่ตลาดสวรรค์ ตลาดสวรรค์คือสถานที่ของมหาเศรษฐีอย่างแท้จริง ผู้บัญชาการเขตของตลาดสวรรค์คือตำแหน่งที่ร่ำรวยแน่นอน เป็นตำแหน่งที่คนมากมายอยากจะวางแผนช่วงชิง ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็ไม่มีทางทนแรงกดดันนี้ไหวเลย มีแค่เจ้านายที่มีอำนาจหนุนหลังแข็งแกร่งอย่างโค่วเหวินหลานเท่านั้น ถึงจะทนแรงกดดันแบบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นเขากับหนิวโหย่วเต๋อคงไม่มีส่วนกับสองตำแหน่งนี้หรอก
ในใจสวีถังหรานชื่นมื่นมาก! ขนาดนอนหลับฝันก็ยังยิ้มออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะเกิดเรื่องนี้ขึ้น คนที่ไม่มีทั้งเส้นสายและไม่มีทั้งภูมิหลังอย่างตน ก็ไม่รู้จริงๆ ว่าวันไหนจะได้ขึ้นนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการเขตของตลาดสวรรค์ ต่อให้ไต่เต้ามาได้จนถึงระดับนี้ แต่ก็ไม่มีทางที่จะได้ขึ้นตำแหน่งที่สามารถตักตวงผลประโยชน์ได้เยอะแบบนี้!
ขอเพียงต่อไปนี้ตามติดโค่วเหวินหลานไว้ หากโค่วเหวินหลานได้เลื่อนตำแหน่งสูงกว่านี้อีก ก็อาจจะมีวันที่ตนได้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ก็ได้ เพียงแต่หนิวโหย่วเต๋อเป็นคู่แข่งที่ร้ายกาจมาก!
พอนึกถึงเหมียวอี้ สวีถังหรานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยทั้งๆ ที่กำลังยิ้มอยู่ ตอนนี้ผู้บัญชาการโค่วคงจะกำลังส่งต่องานให้หนิวโหย่วเต๋อกระมัง?
เมื่อนึกถึงเหมียวอี้ ก็นึกถึงสมบัติที่เหมียวอี้ตักตวงมามากมายแต่ไม่แบ่งให้ตนแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ในใจรู้สึกเอือมมาก
แต่ไม่นานก็ปลอบใจตัวเองได้ แค่นี้ก็นับว่าเป็นความโชคดีที่อยู่ในความโชคร้ายแล้ว เพราะคนพวกนั้นที่ตายไปก็ไม่ได้อะไรเลย ตัวเองเหยียบศพคนพวกนั้นเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง ขอเพียงได้นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตก ขอเพียงได้มีอำนาจ ของที่ควรจะมีก็จะได้มี ลำพังแค่สินบนที่พวกร้านค้านำมาให้ในแต่ละปี แค่คิดก็ทำให้เขาน้ำลายไหลแล้ว
“นายท่าน! ข้างนอกมีคนมาหาท่าน!” ทหารสวรรค์เกราะเงินคนหนึ่งเดินมารายงานข้างกายเขา
ก็ช่วยไม่ได้ นักพรตบงกชทองของเขตเมืองตะวันตกและตะวันออกตายหมดแล้ว คนที่วิ่งเต้นทำงานในตอนนี้ล้วนเป็นทหารสวรรค์เกราะเงินทั้งหมด
“ใครมาหา?” สวีถังหรานลืมตาถาม
ทหารสวรรค์คนนั้นส่ายหน้า “ไม่ทราบขอรับ เขาบอกเพียงว่าเป็นสหายเก่าของท่าน ไม่ยอมเปิดเผยที่มาที่ไป”
“สหายเก่า?” สวีถังหรานลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก กำลังครุ่นคิดว่าเป็นใคร
เมื่อมาถึงประตูใหญ่ของผู้บัญชาการ เขาก็มองไปรอบๆ แวบหนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นเงาใคร อดไม่ได้ที่จะถามทหารยาม “คนล่ะ?”
“ไปแล้วขอรับ!” ทหารยามตอบ
“ไปแล้ว?” สวีถังหรานงุนงง ขณะกำลังยืนเหลียวซ้ายแลขวา จู่ๆ ก็เงยหน้าและเบิกตากว้าง เห็นคนคนหนึ่งพุ่งลงมาจากฟ้า ควงดาบฟันเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด “ไอ้โจรสุนัข รับความตายซะเถอะ!”
ผู้ที่ลอบโจมตีตัวดำเมี่ยม นอกจากเซี่ยโห้วหลงเฉิงแล้วจะมีใครอีก!
สวีถังหรานตกใจแทบแย่ ต่อให้หลับฝันก็นึกไม่ถึงว่าหมาบ้าจะกล้าเข้ามาลงมือที่นี่โดยตรง เข้าถลันตัวอยากจะหลบ แต่เซี่ยโห้วหลงเฉิงเตรียมการมาอย่างดี ฉวยโอกาสโจมตีตอนเขาไม่ทันตั้งตัว ด้วยความเร็วอย่างเขา ถ้าอยากจะหลบเซี่ยโห้วหลงเฉิงให้พ้นก็ต้องเคี่ยวเข็ญพอสมควร
ขณะที่ลุกลี้ลุกลนหลบหลีก เขาก็โบกดาบต้านไว้ พร้อมตะโกนร้องว่า “ผู้บัญชาการช่วยข้าด้วย!”
ตอนนี้นักพรตบงกชทองของที่นี่ตายเกือบหมดแล้ว ยังหาคนมาเติมไม่ครบ นอกจากโค่วเหวินหลานก็ไม่มีใครแล้วที่ช่วยเขาได้ และเขาก็ไม่ได้หวังว่าเหมียวอี้จะมาช่วยเขาด้วย
ทหารยามที่อยู่สองฝั่งพุ่งเข้ามาช่วยเหลือ แต่กลับโดนพลังอิทธิฤทธิ์ของเซี่ยโห้วหลงเฉิงจนสะเทือนออกไป นักพรตบงกชม่วงจะต้านทานเขาไหวได้อย่างไร
ในมือของเซี่ยโห้วหลงเฉิงคือดาบผลึกแดงขั้นห้า อาวุธในมือสวีถังหรานจะต้านทานไหวได้อย่างไร
เสียงดังเพล่ง อาวุธโดนฟันจนขาดเป็นสองท่อน สวีถังหรานก็เกือบโดนฟันร่างจนขาดสองท่อนเหมือนกัน โชคดีที่เบี่ยงตัวหลบทันที
“อา!” แต่ก็ยังโดนฟันจนกรีดร้องออกมา แขนข้างหนึ่งรวมทั้งบ่าครึ่งหนึ่งโดนฟันกระเด็นแล้ว เลือดสดสาดพุ่งออกมา คมดาบแทบจะเฉียดผ่านศีรษะของเขาไป
สวีถังหรานตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ กลิ้งหลายตลบและลุกขึ้นหนีเอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่ง เซี่ยโห้วหลงเฉิงพุ่งเข้าไปในจวนผู้บัญชาการแล้ว ไล่สังหารต่อไป!
โชคดีที่โค่วเหวินหลานได้ข่าวและออกมาดู แทงทวนสกัดเซี่ยโห้วหลงเฉิงอย่างเกรี้ยวกราด ดาบและทวนของทั้งสองกำลังยันกัน โค่วเหวินหลานตะคอกอย่างเดือดดาล “ไอ้หมีควาย เจ้ามันใจกล้านักนะ!”
เซี่ยโห้วหลงเฉิงโผล่ซ้ายแฉลบขวา โค่วเหวินหลานดึงแขนเขาไว้ข้างหนึ่งไม่ยอมปล่อย พัวพันเขาเอาไว้
เหมียวอี้ที่กำลังรับงานต่อจากโค่วเหวินหลานวิ่งตามออกมาด้วย เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ตกใจมากเช่นกัน
สวีถังหรานรีบหนีมาหลบข้างหลังเขา “น้องหนิวช่วยข้าด้วย!”
ช่วยบ้าอะไรล่ะ! หมีควายตัวนี้เป็นบ้าไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีความแค้นต้องชำระ ขนาดข้ายังไม่เลยว่าจะไปหลบที่ไหน! เหมียวอี้เผยทวนออกมาเตรียมป้องกัน
กลางวันแสกๆ ทหารยามของตลาดสวรรค์ก็ไม่ใช่เล่นๆ รู้ว่าฝ่ายตัวเองขาดคนชั่วคราว บนฟ้ามีคนเหาะมากลุ่มหนึ่ง มาพร้อมกับเชือกมัดเซียนหลายเส้น แล้วมัดเซี่ยโห้วหลงเฉิงที่โดนโค่วเหวินหลานพัวพันอยู่โดยตรง
เซี่ยโห้วหลงเฉิงโดนทหารสวรรค์หลายคนควบคุมและยังคงดิ้นรน เขาถลึงตาจ้องสวีถังหรานพร้อมตะโกนอย่างเดือดดาล “ชาติสุนัข! บังอาจมาซ้อมข้า นับว่าวันนี้เจ้าดวงชะตาแข็ง เจ้าคอยดูเถอะ!”
เขาถูกลากออกไปพร้อมเสียงคำรามที่ดังก้อง
ขณะที่มองเซี่ยโห้วหลงเฉิงถูกลากออกไป โค่วเหวินหลานก็รู้สึกจนใจเหมือนกัน สั่งสอนเซี่ยโห้วหลงเฉิงยังพอทำได้ แต่ถ้าจะให้ฆ่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจริงๆ เขาเองก็ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไรเหมือนกัน เช่นเดียวกัน เซี่ยโห้วหลงเฉิงเองก็ไม่กล้าฆ่าเขา
ตามกฎแล้ว พฤติกรรมแบบเซี่ยโห้วหลงเฉิงต้องโดนประหารคาที่ แต่โค่วเหวินหลานยังไม่ได้รับตำแหน่งคุมตลาดสวรรค์ ไม่มีอำนาจลงโทษผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตก จึงผลักให้ตำหนักคุ้มเมืองไปลงโทษ
โค่วเหวินหลานหันกลับมา เห็นเหมียวอี้เข้าไปประคองสวีถังหรานแล้ว กำลังถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง
โดนฟันแขนไปข้างหนึ่ง ถึงแม้จะไม่ตาย แต่ก็ทำให้สวีถังหรานสูญเสียพลังปราณไปมาก ย่อมถูกประคองไปพักฟื้นทันที
เรื่องนี้โค่วเหวินหลานก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน เพราะพูดต่อหน้าทุกคนไปแล้ว แขนข้างที่สวีถังหรานเสียไป เขาจะเป็นคนชดเชยให้ จะทำให้งอกออกมาให้เร็วที่สุด
จากนั้นเหมียวอี้ก็ตามโค่วเหวินหลานออกมา หลังจากเรียกลูกน้องมาถามสถานการณ์จนรู้ชัดแล้ว ในใจเหมียวอี้ก็รู้สึกหนาวนิดหน่อย โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้พุ่งเป้ามาหาเขา โชคดีที่เขาไม่ได้ลงมือตอนอยู่ที่เขาโอนเอน ไม่อย่างนั้นทั้งแค้นใหม่แค้นเก่ารวมกันคงแย่แน่!
พอนึกขึ้นได้ว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงล่อสวีถังหรานออกไป ไม่ได้มาหาเหมียวอี้ ในใจเหมียวอี้ก็แอบขำ ความแค้นส่วนใหญ่ย้ายไปที่ตัวสวีถังหรานแล้วจริงๆ ด้วย
เรื่องนี้ชัดเจนมาก เซี่ยโห้วหลงเฉิงรู้ว่าตัวเองเป็นผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตกต่อไปไม่ได้แล้ว จะซ้ายหรือขวาก็เป็นไม่ได้ ในภายหลังจะไปหาเรื่องอีกฝ่ายไม่ได้อีก ไม่สู้ตอนนี้เป็นฝ่ายรุกเสียเองดีกว่า ถือโอกาสล้างแค้นไปเสียเลย!
“หมีควายตัวนี้มันเจ้าคิดเจ้าแค้น ต่อไปเจ้าก็ระวังตัวหน่อย!” โค่วเหวินหลานหันกลับมาสั่ง
“ขอรับ!” เหมียวอี้กุมหมัดรับคำสั่ง ย่อมไม่พูดเรื่องที่ตัวเองแอบโยนสมุนไพรเซียนซิงหัวให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงอยู่แล้ว
ถึงแม้สมุนไพรเซียนซิงหัวต้นเดียวจะไม่ได้มีค่าอะไรกับเซี่ยโห้วหลงเฉิง แต่ประเด็นสำคัญคือให้ได้ถูกจังหวะเวลา ถ้าไปเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย[1]ก็ไม่มีประโยชน์ ส่งถ่านให้กลางหิมะ[2]ต่างหากถึงจะเป็นเวลาที่ยอดเยี่ยม ถึงจะทำให้คนจดจำได้อย่างลึกซึ้ง ดูจากวันนี้แล้วก็พอจะได้ผลอยู่บ้างนิดหน่อย
…………………………
[1] เพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย 锦上添花 หมายถึงการประดับตกแต่งสิ่งที่สวยงามอยู่แล้วให้สวยงามยิ่งขึ้นไปอีก เปรียบเปรยถึงการกระทำที่ไม่จำเป็น
[2] ส่งถ่านให้กลางหิมะ 雪中送炭 หมายถึงให้ความช่วยเหลือในยามคับขัน