ประมุขชิงเดินช้าๆ อยู่ในตำหนักใหญ่ พลางกล่าวว่า “ว่ากันว่าถ้าบรรพบุรุษมีวาสนามากเกินไป ลูกหลานก็จะอับโชค ข้าเห็นคนรุ่นหลังอยู่เต็มราชสำนัก คนที่ความสามารถเหนือกว่าบิดาก็แทบจะไม่มี ข้ายอมรับว่าแม้แต่ลูกชายตัวเองก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน นี่ไม่ใช่ข้อพิสูจน์คำโบราณนั่นหรอกเหรอ? เซี่ยโห้วท่าผ่านมาแล้วสามยุค ใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงไปมาราวกับพลิกฟ้าคว้าฝน เสพสุขกับโชควาสนาในใต้หล้ามาเต็มที่ แต่กลับให้กำเนิดลูกชายอย่างเซี่ยโห้วลิ่งได้ นี่มันหลักการอะไรกัน?” เขาหันตัวมาโบกแผ่นหยกในมือให้ซ่างกวนชิง ถึงขนาดทอดถอนใจ “เป็นการกระทำที่ยิ่งใหญ่!”
ซ่างกวนชิงบอกว่า “หลังจากอิ๋งจิ่วกวงกระโดดออกมาก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย คำพูดเยาะเย้ยเขาต่างๆ นานาล้วนมีหมด ที่เขาลงมือกับตระกูลอิ๋งก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะโหดขนาดนี้ จะสังหารทั้งตระกูลอิ๋งให้สิ้นซาก แต่ก็สมเหตุสมผลเช่นกัน เซี่ยโห้วลิ่งต้องการการเคลื่อนไหวใหญ่ครั้งเดียวที่มีประสิทธิภาพ สยบรอบทิศในชั่วพริบตาเดียว รวมทั้งภายในตระกูลเซี่ยโห้วด้วย จะได้ทำตำแหน่งหัวหน้าตระกูลของเขาให้มั่นคง!”
ขณะมองแผ่นหยกในมือ ประมุขชิงก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างคับแค้นอีก “ตระกูลเซี่ยโห้วจะมีเซี่ยโห้วท่าคนที่สองแล้วเหรอ? เจ้าเขี้ยวยาวตัวนี้ช่างน่าแค้นนัก นึกไม่ถึงว่าจะวางแผนลามขึ้นมาบนหัวข้าแล้ว อยากจะฉวยโอกาสเสี้ยมให้ตระกูลที่เหลือแว้งกัดเขาจริงๆ!”
ซ่างกวนชิงกล่าวอย่างลังเล “แต่ดูจากแผนการแล้ว เซี่ยโห้วลิ่งนี่ก็เจ้าเล่ห์มาก เอาเรื่องที่อิ๋งจิ่วกวงจะเล่นงานหนิวโหย่วเต๋อให้ถึงตายมาปลุกปั่นหนิวโหย่วเต๋อ หนิวโหย่วเต๋อต้องทำเพื่อให้มีชีวิตรอด จึงไม่มีทางเลือก ถูกเขาผลักมาเป็นผู้โจมตีหลักข้างหน้า ส่วนเขาก็เป็นตัวเสริม หมายความว่าเขาสามารถปลีกตัวหนีได้ตลอดเวลา พอเขาปลีกตัวไปไม่เข้ามาแทรกแซงอีก เกรงว่าตระกูลอื่นคงจะกลัวกำลังของตระกูลเซี่ยโห้ว ไม่ยอมให้หยกแหลกลาญไปพร้อมศิลา ถ้าอยากจะกัดเขาก็ค่อนข้างยาก”
ประมุขชิงสะบัดแขนเสื้อ แล้วกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “หนิวโหย่วเต๋อเป็นผู้โจมตีหลักเสียที่ไหนกัน เป็นข้าต่างหาก! คนที่ลงมือสังหารอิ๋งจิ่วกวงแท้จริงแล้วคือข้า ข้าถูกเขาผลักมาไว้ข้างหน้า วิธีการของเจ้าเขี้ยวยาวตัวนี้ไม่ด้อยไปกว่าจิ้งจอกเฒ่าเซี่ยโห้วท่าเลย!”
ซ่างกวนชิงเงียบไป คิดในใจว่า ถ้าเจ้าไม่อาศัยช่องทางนี้เพื่อลงมือ แผนร้ายของอีกฝ่ายก็จะทำลายตัวเอง
ทว่าคิดไปคิดมาก็แอบยิ้มเจื่อน เห็นได้ยินว่าอีกฝ่ายวางแผนนี้ขึ้นมาก็เพราะมองขาดเจตนาของฝ่าบาทแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางสร้างแผนนี้ขึ้นมาเลย ฝ่าบาทจะทิ้งโอกาสดีในการลงมือไปได้เหรอ? สี่อ๋องสวรรค์ไม่เข้าประชุมขุนนาง เขาอยู่ข้างกายประมุขชิงมาหลายปี นับว่าเข้าใจประมุขชิงดีเกินไป ใต้หล้ามีคนมากมายมองอยู่ ประมุขชิงไม่มีทางอดทนต่อไปได้ในระยะยาว ช้าเร็วก็ต้องหาโอกาสลงมือ ตอนนี้โอกาสงัดข้อมาถึงแล้ว ฝ่าบาทจะพลาดได้อย่างไร?
ถ้าพลาดโอกาสนี้ไป ตอนหลังต้องรอถึงเมื่อไร นี่คือแผนร้ายที่สง่าผ่าเผย! เซี่ยโห้วลิ่งคนนี้ร้ายกาจเกินไปจริงๆ ไม่แปลกใจที่ทำให้ฝ่าบาทหวาดกลัวได้…ซ่างกวนชิงแอบทอดถอนใจ รอจนกระทั่งการกระทำและคำพูดของประมุขชิงเหมือนจะใจเย็นลงแล้ว เขาถึงได้ถามหยั่งเชิงอีกว่า “ฝ่าบาท จะเรียกให้หนิวโหย่วเต๋อเข้ามามีส่วนร่วมสักหน่อยมั้ยขอรับ?”
“ไม่ต้องแล้ว!” ประมุขชิงที่เดินไปเดินไปมายกมือห้าม แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ดูสถานการณ์ก่อนว่าเป็นยังไงแล้วค่อยตัดสินใจ รีบไปเรียกซือหม่าเวิ่นเทียนมาพบข้า!”
ซ่างกวนชิงแอบยิ้มเจื่อนอีกครั้ง รู้อยู่แจ่มแจ้งว่าถูกหลอกใช้ แต่ก็ยังเป็นฝ่ายกระโดดเข้าไปในกับดักของเซี่ยโห้วลิ่งแล้ว
เขาหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อซือหม่าเวิ่นเทียนเสียตรงนั้นเลย
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม ซือหม่าเวิ่นเทียนที่ถูกเรียกก็รีบเข้ามาที่วังสวรรค์อย่างรวดเร็ว พอเข้ามาในตำหนักดาราจักรก็ทำความเคารพ “ข้าน้อยคารวะฝ่าบาท ไม่ทราบว่าฝ่าบาทมีอะไรจะกำชับขอรับ?”
ตอนแรกประมุขชิงยังไม่ได้พูดอะไร เรื่องจวนตัวแล้วแต่ก็ยังเหมือนลังเลนิดหน่อย เขาเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าซือหม่าเวิ่นเทียนไม่หยุด
ซือหม่าเวิ่นเทียนกลุ้มใจนิดหน่อย สายตาเขามองตามเขาเดินไปเดินมา เมื่อเห็นอีกฝ่ายชักช้าไม่ยอมพูดเสียที อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซ่างกวนชิง อยากจะเห็นเบาะแสอะไรบ้าง
ซ่างกวนชิงหลุบตาลง แสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
หลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดประมุขชิงก็มาหยุดตรงหน้าซือหม่าเวิ่นเทียน ซ่างกวนชิงสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ในใจเข้าใจดี ว่าตอนนี้ฝ่าบาทตัดสินใจแน่วแน่แล้ว
เป็นอย่างที่คาดไว้ ประมุขชิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซือหม่าเวิ่นเทียน แล้วถามเสียงต่ำว่า “ครั้งนี้ต้องให้เจ้าไปด้วยตัวเอง แอบไปพบกับเถิงเฟยสายชวดจอมพลและเฉิงไท่เจ๋อจอมพลสายฉลู…” กำชับเรื่องที่ต้องทำอย่างจริงจัง
ซือหม่าเวิ่นเทียนยิ่งฟังก็ยิ่งทำสีหน้าจริงจัง กระทั่งหลังจากเข้าใจเจตนาประมุขชิงแล้ว เขาก็อกสั่นขวัญแขวนแล้วจริงๆ อดไม่ได้ที่จะกุมหมัดคารวะ “ฝ่าบาท นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อติดตามอิ๋งจิ่วกวงมาหลายปี แบบนี้เท่ากับจะให้ทั้งสองทรยศอิ๋งจิ่วกวง เกรงว่าจะไม่ได้โน้มน้าวง่ายๆ ขนาดนั้น! บางทีลิ่งหูโต้ว จอมพลสายขาลคนใหม่อาจจะโน้มน้าวได้ง่ายกว่า จะ…”
ประมุขชิงโบกมือ “ลิ่งหูโต้วจ้งถูกอิ๋งจิ่วกวงเลื่อนขั้นให้ในเวลานี้ได้ แสดงว่าต้องมีเหตุผลแน่นอน แล้วลิ่งหูโต้วจ้งก็เพิ่งขึ้นตำแหน่ง สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำผลประโยชน์ให้มั่นคงก่อน ไม่มีทางเสี่ยงอันตรายในเวลานี้ แต่เถิงเฟยกับเฉิงไท่เจ๋อนั้นไม่เหมือนกัน ผลประโยชน์ของพวกเขามั่นคงตั้งนานแล้ว การปรับปรุงทัพตะวันออกทำให้ลูกน้องของทั้งสองคับแค้น จุดจบของจอมพลสายขาลคนก่อน เกรงว่าคงสะเทือนถึงทั้งสองบ้างไม่มากก็น้อย กระต่ายสิ้นใจ จิ้งจอกร่ำไห้ เจ้าไปบอกพวกเขาสองคน ว่าหลังจากจบเรื่องแล้ว ทัพตะวันออกจะแบ่งจากหนึ่งเป็นสอง ข้าจะแต่งตั้งพวกเขาสองคนเป็นอ๋องสวรรค์ ตั้งแต่นี้ไปไม่ต้องถูกอิ๋งจิ่วกวงควบคุมอีกแล้ว! ข้ายินดีเขียนราชโองการให้เจ้านำไปให้พวกเขาสองคนก่อน พวกเขาจะได้ไม่ต้องกังวลว่าหลังจบเรื่องแล้วข้าจะกลับคำพูด!”
ซือหม่าเวิ่นเทียนค่อนข้างลำบากใจ “ฝ่าบาท ไม่ใช่ว่าข้าน้อยไม่ยินดีทำงานรับใช้ เพียงแต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ แม้ทัพตะวันออกจะผันผวน แต่ก็มีอีกสามตระกูลช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง มีความเป็นไปได้ต่ำมากที่ทั้งสองจะเสี่ยงอันตราย เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตอบตกลง หวังว่าฝ่าบาทจะไตร่ตรองอีกครั้ง!” เขาโค้งตัวจนแทบจะถึงพื้นแล้ว
ประมุขชิงประคองแขนเขาขึ้นมา “เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้าไม่ได้หวังให้พวกเขาตอบตกลงตอนนี้เลย”
“เอ่อ…” ซือหม่าเวิ่นเทียนยืนตรง แล้วถามอย่างไม่เข้าใจ “ข้าน้อยไม่เข้าใจเจตนาของฝ่าบาท”
ประมุขชิงแสยะยิ้ม “ข้าก็แค่ให้เจ้าไปปูทางออกให้พวกเขาก่อน รอจนโอกาสมาถึงแล้ว พอข้ากดดันอีก พวกเขาสองคนก็ย่อมตัดสินใจเลือกได้อย่างสมเหตุสมผล จำไว้นะ ครั้งนี้ข้าให้เจ้าออกหน้าเอง เจ้าก็น่าจะเข้าใจเจตนาของข้าแล้วนะ อย่าให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นเหมือนครั้งก่อนอีก”
พอได้ยินว่ายังไม่ต้องโน้มน้าวจอมพลทั้งสองในตอนนี้ ซือหม่าเวิ่นเทียนก็โล่งใจขึ้นบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางทำภารกิจนี้ให้สำเร็จได้เลย เขากุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยน้อมรับบัญชา จะพยายามสุดความสามารถแน่นอน”
ดังนั้นประมุขชิงจึงสะบัดแขนเสื้อ หยิบแผ่นหยกสองแผ่นออกมาเขียนคำสั่งแต่งตั้งตำแหน่งอ๋องให้ใฟ้เถิงเฟยและเฉิงไท่เจ๋อ
ฉวยโอกาสตอนที่ประมุขชิงกำลังเขียน ซือหม่าเวิ่นเทียนมองไปที่ซ่างกวนชิงด้วยสายตาสอบถามอีก เขายังมืดแปดด้านเหมือนมีในสมองมีแต่หมอกขาว นี่มันอะไรกันแน่ อยู่ดีๆ ทำไมถึงทำเรื่องนี้? นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะ ถ้าไม่ระวังก็อาจทำให้ใต้หล้าวุ่นวายได้เลย!
ทว่าซ่างกวนชิงยังคงยืนเก็บมือด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง ไม่ยอมเปิดเผยอะไรทั้งนั้น…
ทิ้งปี้เยว่ให้นั่งอยู่คนเดียวในศาลากลางน้ำ เหมียวอี้พาวิงและชิงเยว่เหาะออกไป นับว่าโล่งใจแล้วเช่นกัน
วันนี้บังคับให้ปี้เยว่แสดงท่าที เขาเองก็พิจารณาแล้วเช่นกัน ถ้าปี้เยว่ไม่ยอมยืนอยู่ฝั่งไห่ยวนเค่อ ก็จะไม่เป็นผลดีต่อเรื่องที่เขาจะทำในภายหลัง ถ้าเรื่องที่เกี่ยวกับความเป็นความตายของเทียนหยวนทำให้ปี้เยว่เปิดโปงภูมิหลังของเขาเมื่อไร เช่นนั้นก็จะเป็นปัยหามาก ดังนั้น…วันนี้เกรงว่าเขาคงจะไม่ปล่อยให้ปี้เยว่รอดชีวิตออกไป เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของคนมากเกินไป เขาทำได้เพียงตัดไมตรีในวันเก่าไม่ให้เหลือเยื่อใย!
เหมียวอี้เองก็มองออกแล้วเช่นกันว่าปี้เยว่สับสน ระหว่างไห่ยวนเค่อกับเทียนหยวน นางไม่อาจตัดสินใจเลือกได้เลย ถึงขั้นเอนเอียงไปทางสามีเก่าด้วย โชคดีที่ลูกตุ้มน้ำหนักอย่างไห่ผิงซินได้แสดงบทบาทในช่วงเวลาสำคัญ ทำให้ปี้เยว่ตัดสินเลือกสิ่งที่เหมียวอี้หวังจะเห็น
ปี้เยว่ที่นั่งอยู่ในศาลากลางน้ำมีสีหน้าหดหู่ อาหารบนโต๊ะเย็นหมดแล้ว
แม้นางจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่อาจถูกขนาบอยู่ระหว่างไห่ยวนเค่อกับเทียนหยวนได้นานเกินไป ช้าเร็วก็ตัดสินใจต้องเลือกสักทาง แต่นางก็คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้ นางไม่คิดว่าไห่ยวนเค่อจะออกจากแดนอเวจีในเร็วๆ นี้ ดังนั้นนางจึงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเหมียวอี้จึงบังคับให้นางเลือกในเวลานี้…
หลังจากมาถึงดาราจักร เหมียวอี้ก็หยิบระฆังดาราออกมาอีก ติดต่อไปหาเซี่ยโห้วลิ่งโดยตรง บอกว่า : ปฏิบัติการขั้นแรกเรียบร้อยแล้ว ทางนั้นสามารถเริ่มได้เลย
จากนั้นก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อหยางเจาชิงอีก บอกว่า : เริ่มเลย!
จากนั้นก็บอกอวิ๋นจือชิวอีก แล้วก็บอกหยางชิ่ง สรุปว่าบอกต่อลงไปเรื่อยๆ
แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง บนหน้าผาที่มีคลื่นซัดกระทบฝั่ง หยางชิ่งยืนรับลม เก็บระฆังดาราในมืออย่างช้าๆ บนใบหน้าเริ่มฉายแววกลัดกลุ้ม
ตลาดผีเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนั้น หกลัทธิมีสายลับอยู่ที่นั่น เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่รู้สถานการณ์ พอถามเหมียวอี้ถึงได้รู้ว่าเกี่ยวข้องกับสำนักลมปราณและเป่าเหลียน
เขาไม่รู้จะด่าอะไรเหมียวอี้ดี งานใหญ่กำลังจะมาถึงแล้ว ไม่น่าเชื่อว่ายังจะมีกะจิตกะใจไปมีเรื่องกับตระกูลก่วงอีก ที่เหมียวอี้บอกว่าจะให้คนนอกรู้ก่อนว่าเขากับตระกูลเซี่ยโห้วร่วมมือกัน ในสายตาหยางชิ่งเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งนั้น พอเริ่มใช้แผนในตอนหลัง คนนอกก็ย่อมรู้ว่าเป็นตระกูลเซี่ยโห้วลงมือ จนป่านนี้แล้วยังนึกถึงไมตรีเก่าของสำนักลมปราณอีก
แบบนี้เท่ากับถือวิสาสะเปลี่ยนแผนเองแล้ว ทั้งยังไม่บอกล่วงหน้าด้วย หยางชิ่งนับว่าเข้าใจแล้ว ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เหมียวอี้เชื่อฟังเขาทั้งหมด ที่สำคัญคือเขาไม่รู้ว่าในระหว่างที่ปฏิบัติตามแผนในตอนหลัง เหมียวอี้จะแทรกตอนพิเศษเข้าไปหรือเปล่า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังไม่ลืมที่แทรกเรื่องส่วนตัวเข้าไปอีก ทำให้เขากังวลจนเหงื่อแตกแล้วจริงๆ
จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล หยางเจาชิงเดินก้าวยาวเข้ามาที่เรือนด้านหลัง เมื่อเห็นอวิ๋นจือชิวนั่งสง่าอยู่ในศาลา ก็กุมหมัดคารวะแล้วบอกว่า “ฮูหยิน นายท่านกำชับมาแล้ว ตอนนี้เริ่มปฏิบัติตามแผนจริงจังแล้ว ต้องย้ายกำลังพลออกไป เกรงว่าคงไม่สะดวกจะอยู่ที่นี่ต่อ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุไม่คาดคิด ฮูหยินออกเดินทางก่อนเถอะขอรับ”
อวิ๋นจือชิวพยักหน้า “นายท่านบอกข้าแล้ว ข้ารูแล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะดูแลพวกหลินผิงผิงให้ดี เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
“ขอรับ!” หยางเจาชิงกุมหมัดคาระแล้วถอยออกไป เสร็จแล้วเงยหน้าบอกเหยียนซิวที่ยืนอยู่ข้างๆ “ปกป้องฮูหยินให้ดี!”
เหยียนซิวพยักหน้าเบาๆ ตอนนี้หยางเจาชิงถึงได้หันตัวเดินก้าวยาวออกไป
ผ่านไปไม่นาน อวิ๋นจือชิวไม่ได้บอกให้ใครรู้ล่วงหน้า นางหาข้ออ้างพาพวกผู้หญิงออกไปเที่ยวเล่น พาพวกนางที่มีสีหน้าตื่นเต้นดีใจออกไป
ขณะยืนอยู่บนกำแพงมองคล้อยหลังพวกผู้หญิงออกไป หยางเจาชิงก็เอียงหน้าบอกว่า “พี่สวี เรียกแม่ทัพทุกคนไปรวมตัวที่ตำหนักประชุมเดี๋ยวนี้!”
“เอ่อ…” สวีถังหรานที่อยู่ข้างๆ งุนงง “จะทำอะไร? นายท่านกับฮูหยินไม่อยู่ เรียกรวมกำลังพลไปที่ตำหนักประชุมเอง ไม่เหมาะมั้ง?”
หยางเจาชิงพลิกมือยื่นแผ่นหยกออกมา แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “คำสั่งของนายท่านอยู่นี่แล้ว ให้ฝ่าฝืน ประหาร!”
จวนท่านปู่สวรรค์ สวนต้องห้าม ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า เซี่ยโห้วลิ่งเก็บระฆังดาราแล้วเอามือลูบลำต้นที่ใหญ่หยาบ สีหน้าเลื่อนลอยเพ้อฝัน ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจความรู้สึกของบิดาตอนที่ลูบต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ในปีนั้นแล้ว ตัวเองก็คือต้นไม้ใหญ่ของตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนกัน
“เว่ยซู แจ้งให้ผู้ช่วยที่อยู่ตามตลาดสวรรค์แต่ละแห่งมารวมตัวกัน ต้องเก็บเป็นความลับ ใครปล่อยให้ข่าวหลุด ฆ่า!” เซี่ยโห้วลิ่งเอามือลูบไล้ลำต้นพร้อมกล่าวเสียงเรียบ ในน้ำเสียงแฝงความเย็นเยียบดุร้าย
……………
Related