ดวงหน้างามดุจดอกพุดตาน เรือนร่างอรชรปานต้นหลิว เอวบางหน้าอกอิ่ม ผมดำขลับเกล้าม้วนขึ้น ประกอบกับเครื่องประดับศีรษะที่สวยประณีต ทำให้ดูสวยสดใสราวกับหิมะในฤดูใบไม้ผลิ ดวงตาแวววาวดุจดวงดาว บนใบหน้าเจือด้วยรอยยิ้มที่เย็นสดชื่นราวกับสายลมโชย นี่ก็คือหวงฝู่จวินโหรว ยังคงสวยกินใจ ยังคงทำให้ผู้ชายหัวใจเต้นแรง นางเดินเนิบนาบเข้ามาในห้องโถง
เมื่อเดินเข้าประตูมาก็ยิ้มอย่างสนิทสนม “ผู้บัญชาการหนิวได้เลื่อนขั้น หวงฝู่จวินโหรวจึงมาเองโดยไม่ได้รับเชิญ หวังว่าจะไม่ถือสานะ”
เหมียวอี้ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้าผู้หญิงคนนี้อย่างไรดี นางย่อมจัดอยู่ในประเภทยอดหญิงงามอยู่แล้ว แต่เหมียวอี้ไม่ได้รู้สึกดีกับนางสักเท่าไร แต่ทั้งสองดันเกิดมีความสัมพันธ์กันไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี หลังจากโบกมือให้คนอื่นๆ ออกไป ถึงได้ขมวดคิ้วถามว่า “เจ้าถ่อมาที่นี่ทำไม?”
หวงฝู่จวินโหรวนั่งลงเองโดยไม่ต้องเชิญ พอแบมือ แหวนเก็บสมบัติวงหนึ่งก็ลอยจากฝ่ามือเข้ามา “ข้าก็มาแสดงความยินดีที่ผู้บัญชาการหนิวได้เลื่อนขั้นน่ะสิ รีบมามอบของขวัญให้ อย่าบอกนะว่าผู้บัญชาการหนิวไม่ยินดีต้อนรับ?”
เหมียวอี้ไม่เชื่อหรอกว่านางตั้งใจมาแสดงความยินดีกับตน “เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่ มีอะไรก็พูดมา”
“นำของขวัญมามอบให้จริงๆ” หวงฝู่จวินโหรวตอบ
“ไม่มีธุระอย่างอื่นเหรอ?” เหมียวอี้ถามย้ำ
“ไม่มี!” นายส่ายหน้า
เหมียวอี้ทำสีหน้าสงสัย ยื่นมือไปคว้าแหวนเก็บสมบัติที่ลอยเข้ามาแล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดู ข้างในมีของขวัญเล็กน้อยเพื่อแสดงน้ำใจอยู่จริงๆ เป็นยาเจี๋ยตันขั้นสามจำนวนสิบเม็ดเท่านั้น สำหรับเขาในตอนนนี้ ไม่นับว่าเป็นของขวัญล้ำค่าอะไร เขานำกระดาษที่ได้รับเมื่อครู่นี้ใส่เข้าไป แล้วเก็บแหวนเก็บสมบัติเอาไว้ “ข้ารับของขวัญไว้แล้ว ถ้าไม่มีธุระอย่างอื่นแล้ว…”
“หนิวโหย่วเต๋อ!” หวงฝู่จวินโหรวพูดตัดบท “ข้าขัดหูขัดตาเจ้าขนาดนั้นเชียวเหรอ? เขาว่ากันว่าเป็นสามีภรรยากันคืนเดียวเท่ากับติดนี้บุญคุณกันไปร้อยวัน มิหนำซ้ำพวกเราก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันแค่คืนเดียวเสียหน่อย ทำไมเจ้าใจแข็งขนาดนี้?”
เหงื่อแตกพลั่ก! ถ้าคำพูดนี้เผยแพร่ออกไปต้องแย่แน่ๆ เหมียวอี้รีบยืนขึ้นแล้วเดินไปดูนอกประตู เมื่อเห็นว่าไม่มีใครถึงได้โล่งอก รีบเดินกลับมายืนตรงหน้านาง ก้มมองลงพร้อมกล่าวเสียงต่ำ “หวงฝู่จวินโหรว ข้าเคยบอกแล้ว เรื่องระหว่างเรามันผ่านไปแล้ว เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่?”
หวงฝู่จวินโหรวที่กำลังนั่งเงยหน้าขึ้น จ้องมองเขาพลางกัดริมฝีปาก จากนั้นก็ยิ้มหวานทันที “ได้! ข้าจะไม่พูดถึงความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ของเราอีก ข้าอุตส่าห์ยอมรับผิดแล้ว เจ้ายังจะแข็งใจตบข้าได้ลงคอเหรอ ข้ามีน้ำใจนำของขวัญมามอบให้ ต่อให้เจ้าจะไม่เชิญข้าดื่มน้ำชา แต่คงไม่ถึงขั้นต้องรีบไล่ข้าออกไปหรอกมั้ง?”
เหมียวอี้ยักไหล่สองข้าง “เจ้าคิดว่าระหว่างเรามีอะไรดีๆ ให้คุยกันเหรอ?”
หวงฝู่จวินโหรวแค้นจนกัดฟันกรอด ไม่รู้ว่ามีผู้ชายตั้งมากมายเท่าไรที่ใฝ่ฝันถึงนาง แต่เจ้าบ้านี่กลับอยากจะหนี นางจึงยืนขึ้นอย่างช้าๆ แล้วเผชิญหน้าด้วยรอยยิ้ม “เดินดูที่พักของเจ้าสักหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง?”
“ตามสะดวก!” เหมียวอี้เบี่ยงตัวหลีกทางให้นาง หลบออกจากลมหายใจหอมที่นางพ่นรดหน้า แต่ก็พูดเสริมอีกว่า “ทางที่ดีเจ้ารีบๆ หน่อยเถอะ อยู่ที่นี่นานจะทำให้คนสงสัย”
หวงฝู่จวินโหรวหมุนตัว มองไปรอบๆ ห้องโถงแวบหนึ่ง แล้วพูดเรื่อยเปื่อยว่า “ถ้าข้าจำไม่ผิด ข้าเคยกัดเจ้าที่นี่!”
เหมียวอี้หน้าบึ้งทันที นั่นเป็นตอนที่โค่วเหวินหลานเป็นผู้บัญชาการ ขณะกำลังจะกล่าวเตือน นางก็เดินไปที่โถงด้านหลังแล้ว
กลัวนางจะวางกับดักอะไร เหมียวอี้เดินตามหลังนางไป ตามไปถึงลานบ้านด้านหลัง
เมื่อเดินมาถึงโถงหลักด้านหลัง หวงฝู่จวินโหรวก็ชี้ไปที่ศาลเจ้าของตำหนักสวรรค์ “ยังไม่เคยเห็นชัยภูมิถ้ำสวรรค์ชั้นหนึ่งของของผู้บัญชาการเลยว่าข้างในเป็นอย่างไร ถ้าไม่ถือสาข้าขอเข้าไปดูหน่อยสิ?”
เหมียวอี้ขมวดคิ้ว “ทางที่ดีเจ้าอย่าเล่นไม่ซื่อนะ” เขาโบกมือร่ายพลังอิทธิฤทธิ์ เปิดประตูมายาทางเข้าให้
“ในสายตาเจ้า ข้าจิตใจอำมหิตขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
“เจ้าไม่ได้ทำร้ายข้าแค่ครั้งสองครั้งใช่มั้ยล่ะ?”
“เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าเรื่องของเรามันผ่านไปแล้ว ทำไมเอาแต่จดจำไว้ล่ะ?” หวงฝู่จวินโหรวถามกลั้วหัวเราะ แล้วก้าวเข้าไปในประตูมายา
ในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ นางกำลังเดินเอ้อระเหยลอยชาย เหมียวอี้จ้องทุกการกระทำของนางอย่างระมัดระวัง กลัวว่านางจะเล่นไม่ซื่อ
หลังจากเดินวนดูทั่วแล้ว เขาก็ถามว่า “สิ่งที่ควรเห็นก็ได้เห็นแล้ว ถ้าอยู่นานกว่านี้ จะไม่ให้คนอื่นคิดมากก็คงยาก” เขากล่าวส่งแขกอีกครั้ง
แต่ใครจะไปคาดคิด หวงฝู่จวินโหรวที่หันหลังให้เขายกมือถอดปิ่นปักผมออก พอสะบัดผมเบาๆ ผมยาวดำขลับก็สยายลงมาคลุมบ่าราวกับน้ำตก แล้วเดินตรงไปที่ห้องนอน “ข้าไม่ไปไหนแล้ว ข้าจะอยู่ที่นี่” พูดจบก็ผลักประตูเข้าไป
“…” เหมียวอี้ตาค้างนิดหน่อย ป้องกันเป็นหมื่นเป็นพันอย่าง แต่ก็ป้องกันอุบายนี้ไม่ได้ ผู้จัดการร้านสมาคมวีรชนผู้สง่าผ่าเผยมาพักอยู่ที่นี่ ล้อเล่นอะไรกัน? เขารีบเดินตามเข้าไป แล้วดึงแขนนาง อยากจะดึงนางออกมา
หวงฝู่จวินโหรวถือโอกาสหันตัวมา กางแขนสองข้างคล้องคอ ยื่นริมฝีปากแดงสวยเข้ามาอุดปากไว้ ท่านขุนนางเหมียวออกแรงผลักทันที ทว่าวรยุทธ์ไม่สูงเท่าอีกฝ่าย กลับโดนนางหมุนตัวพาล้มลงบนเตียงด้วยกันทั้งคู่ นางอยู่บนเขาอยู่ล่าง ตอนนี้ริมฝีปากทั้งคู่ถึงได้แยกออกจากกัน ดวงตาทั้งสี่ดวงสบประสาน ผมงามดุจผ้าม่านของนางย้อยลงมาบนใบหน้าของเขา
กลิ่นกายหอมของนางโชยเข้าจมูก รู้สึกได้ว่าเรือนร่างงามที่นุ่มเด้งจนน่าทึ่งของนางกำลังกดทับอยู่บนร่างตน เหมียวอี้จินตนาการได้เลยว่าภาพยามนางถอดเสื้อผ้าออกหมดเป็นอย่างไร ท่วงท่าที่งดงามแพรวพราวแบบนั้น เขาไม่ได้ลิ้มลองบนตัวนางแค่ครั้งเดียว มันอัศจรรย์มาก พอนึกเชื่อมโยงไปถึงฉากแบบนั้นอีกครั้ง เหมียวอี้ก็รู้สึกร้อนผ่าวตรงท้องน้อยทันที
ผู้ชายทนความเย้าย้วนประเภทนี้ไม่ไหว เกิดความรู้สึกแล้วแท้ๆ แต่กลับยังปากแข็ง “ข้าไม่ชอบเจ้าตรงนี้แหละ!”
หวงฝู่จวินโหรวจูบเบาๆ บนริมฝีปากเขา แล้วถามอีก “เจ้าไม่คิดถึงข้าสักนิดเชียวเหรอ?”
“ไม่คิดถึง!” ปากเหมียวอี้ก็พูดแบบนี้ แต่มือกลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร อย่างเช่นผลักอีกฝ่ายออกไป
หวงฝู่รู้สึกได้ว่าเขาปากไม่ตรงกับใจ เพราะสัมผัสได้ว่าร่างกายท่อนล่างของเขาไม่ปกติแล้ว นางกัดริมฝีปากแดงเบาๆ ความปรารถนาวูบไหวอยู่ในดวงตางาม “ตอนนี้ล่ะ? ตอนนี้ไม่คิดถึงเหรอ?”
“ไม่คิด!” เหมียวอี้ยังคงปากแข็ง
หวงฝู่ลุกขึ้นแล้วหันหลังให้ ถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกเบาๆ เหมียวอี้ที่ลุกขึ้นนั่งจึงได้เห็นภาพที่ทำให้เลือดลมสูบฉีด เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงมองดูเงียบๆ
ผ่านไปไม่นาน ชุดกระโปรงก็ตกลงพื้น เรือนร่างอ่อนช้อยขาวหมดที่อยู่ใต้ม่านผมงามเปิดเผยออกมา ผิวเนียนสวยกลี้ยงเกลา โดยเฉพาะบั้นท้ายขาวที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของนาง และเป็นจุดที่ดึงดูดเหมียวอี้มากที่สุดเช่นกัน ทั้งใหญ่ทั้งขาว ทำให้เหมียวอี้หายใจถี่กระชั้นเล็กน้อย
หวงฝู่ที่กำลังกัดริมฝีปากเหมือนจะตัวสั่นเล็กน้อย นางหันตัวมาอย่างช้าๆ เผยให้เห็นด้านหน้าที่เย้ายวนหัวใจ เดินเข้ามาช้าๆ พร้อมถามเสียงสั่น “ตอนนี้คิดถึงหรือยัง?”
สุดท้ายสติสัมปชัญชะก็พังทลาย เอาชนะความปรารถนาไม่ได้ เหมียวอี้ไม่ได้พูดอะไรสักคำ ใช้มือข้างหนึ่งดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วโถมทับลงบนเตียง…
หลังจากพายุฝนพรั่งพรู ร่างเปลือยสองร่างก็นอนกอดกัน หวงฝู่จวินโหรวที่ผมเผ้ายุ่งสยายพึมพำเบาๆ ว่า “ข้ารู้ว่าทำแบบนี้ไม่ถูก แต่ข้าไม่มีทางถอนตัวได้…”
เหมียวอี้ไม่รู้จะตอบอย่างไร ขณะที่ใช้มือลูบไล้เรือนร่างของนาง ก็กล่าวเตือนเสียงต่ำว่า “นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ!”
หวงฝู่จวินโหรวตอบเสียงต่ำเช่นกัน “อืม” ซุกศีรษะเข้าไปอ้อมอกเขา…
นอกจวนผู้บัญชาการ อวิ๋นจือชิวนำพ่อครัวมาถึงแล้ว นางยื่นนามบัตรให้ มาแสดงความยินดีที่เหมียวอี้ได้เลื่อนขั้นเช่นเดียวกัน ถึงแม้ระหว่างทั้งสองจะไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ แต่ภายนอกก็ยังต้องทำให้ดูสักหน่อย ในเมื่อแสดงละครและก็ต้องแสดงให้สมจริง
เมื่อเห็นว่าเป็นท่านนี้ ทหารยามก็ยิ้มต้อนรับทันที ตอนนี้ไม่ใครบ้างที่ไม่รู้ ว่าผู้บัญชาการหนิวถูกใจผู้หญิงที่มีสามีแล้วคนนี้ ตามจีบท่านนี้มาตลอด ถ้าผู้บัญชาการเห็นนางมาจะต้องดีใจมากแน่นอน
นอกจากจะไม่กล้าขัดใจแล้ว ยังเชิญให้เข้ามาในลานบ้านของจวนผู้บัญชาการโดยตรง เชิญให้นางรอสักครู่ แล้วก็รีบวิ่งเข้าไปรายงาน
“เถ้าแก่เนี้ย ดูที่ใต้ร่มไม้นั่นสิ” จู่ๆ พ่อครัวก็เตือนอวิ๋นจือชิวที่อยู่ข้างๆ
อวิ๋นจือชิวหันหน้ามองตาม เห็นเกี้ยวหลังหนึ่งจอดอยู่ นางไม่ได้เห็นเกี้ยวหลังนี้เป็นครั้งแรก เป็นเกี้ยวของหวงฝู่จวินโหรวไงล่ะ นางแสยะยิ้มทันที “อีเห็นมาอวยพรปีใหม่ให้ไก่ ไม่ได้หวังดีหรอก คอยดูเถอะ สักวันข้าจะต้องสั่งสอนนาง บังอาจมาคิดไม่ซื่อกับผู้ชายของข้า !”
ที่นางบอกว่าคิดไม่ซื่อ ย่อมไม่ได้หมายความว่าหวงฝู่จวินโหรวชอบเหมียวอี้อยู่แล้ว แต่หมายถึงหวงฝู่จวินโหรวคิดจะวางแผนทำร้ายเหมียวอี้ นางแน่ใจว่าหวงฝู่จวินโหรวมามาที่ดีโดยไม่ได้หวังดี
พ่อครัวพยักหน้าเบาๆ เช่นกัน ในดวงตาฉายแววดุร้าย เขารู้ว่าเหมียวอี้เกี่ยวข้องกับอนาคตของทุกคน ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับเหมียวอี้ ก็ไม่เป็นผลดีกับทุกคนเลย ตอนนี้ทุกคนไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพยากรฝึกตน ถ้าเทียบความเร็วในการฝึกตนกับเมื่อก่อน ก็เรียกได้ว่ารุดหน้าไปหลายพันลี้ ดังนั้นจะปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับเหมียวอี้ไม่ได้ แต่ก็รู้ว่าถ้าอาศัยกำลังความสามารถของพวกเขาในตอนนี้ ยังไม่มีทางแตะต้องหวงฝู่จวินโหรวได้ ทำได้เพียงอดทนไว้ก่อน
ในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ ร่างสองร่างยังคงพัวพันกันอยู่บนเตียง แต่ด้านนอกกลับมีเสียงดัง “ผู้บัญชาการ เถ้าแก่เนี้ยร้านโฉมเมฆามาแสดงความยินดีขอรับ!”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา เหมียวอี้ตกใจจนแทบขวัญหนีดีฝ่อ ประเดี๋ยวเดียวก็ผุดลุกออกจากเตียง ตอบเสียงดังว่า “ข้ากำลังมีแขกอยู่ เชิญให้นางรอก่อน!” ขณะที่พูดก็รีบเก็บเสื้อผ้าออกมาใส่
อานุภาพยามเมียหลวงมาเยือนนั้นรุนแรงเกินไป สำหรับเขาในตอนนี้ นางน่ากลัวยิ่งกว่านักพรตระดับบงกชรุ้งเสียอีก
หวงฝู่จวินโหรวเองก็ตกใจจนฉุกละหุกลุกขึ้นนั่งเช่นกัน ตกใจจนหน้าถอดสี ใจหายใจคว่ำ!
นางเองก็ได้แต่กล้าลักลอบทำเรื่องแบบนี้กับเหมียวอี้ แต่ไม่กล้าเปิดเผยเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางแก้ตัวกับสมาคมวีรชนได้เลย
สุนัขตัวผู้กับสุนัขตัวเมียคู่นี้เรียกได้ว่าลุกลี้ลุกลน ก่อนหน้านี้ลืมสิ้นเสียทุกอย่าง ตอนนี้มานึกสียใจทีหลังแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ในเวลานี้
“รีบช่วยข้าจัดแต่งทรงผมหน่อย!” เหมียวอี้นั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ขณะที่เขากำลังใส่เสื้อผ้า หวงฝู่ที่ยังโป๊เปลือยก็รีบเข้ามาช่วยทำผมให้เขา
หลังจากแต่งตัวทำผมเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็รีบลุกขึ้นพร้อมบอกว่า “เจ้ารีบจัดการตัวเองสักหน่อย หลังจากออกไปแล้วห้ามเดินไปที่โถงหลัก ให้ออกทางประตูด้านข้าง”
หวงฝู่จวินโหรวรีบพยักหน้ารีบปาก ใช้คำว่ากินปูนร้อนท้องมาบรรยายจะเหมาะที่สุด
เหมียวอี้รีบเร่งฝีเท้าเดินออกไป หลังจากออกไปแล้ว ตอนอยู่ในลานบ้านก็พบว่าบนร่างกายตัวเองมีกลิ่นของหวงฝู่จวินโหรว ขนาดตัวเองยังได้กลิ่นเลย ชัดเจนเกินไปแล้วมั้ง เขาจึงรีบร่ายอิทธิฤทธิ์ รอบกายขยับเองโดยไร้ลม กำจัดกลิ่นที่ติดอยู่บนร่างกายออก
หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีกลิ่น เขาถึงได้ตบหน้าหน้าอก ปรับสีหน้าอารมณ์ให้มั่นคงแล้วออกจากชัยภูมิถ้ำสวรรค์
ส่วนหวงฝู่จวินโหรวที่ลุกลี้ลุกลนอยู่ในห้องนอน ไม่นานก็พบว่าตัวเองลืมสวมใส่อะไรบางอย่าง นางมองซ้ายมองขวา แล้วหยิบเสื้อชั้นในจากใต้เตียง คิดจะยัดเก็บเข้าในกำไลเก็บสมบัติ แต่ไม่นานก็ชะงัก ในนี้คือชัยภูมิถ้ำสวรรค์ที่อยู่ในจวนขุนนางของหนิวโหย่วเต๋อ คนนอกเข้ามาไม่ได้ เถ้าแก่เนี้ยของร้านโฉมเมฆาก็ยิ่งไม่มีทางเข้ามาในที่ลับตาคนแบบนี้ แล้วจะมีอะไรให้นางกลัวล่ะ? จะตื่นตระหนกขนาดนี้ไปทำไมกัน?
พอคิดได้แบบนี้ แล้วนึกถึงภาพลุกลี้ลุกลนเมื่อครู่ จู่ๆ นางก็หลุดหัวเราะ ขนาดตัวเองยังรู้สึกบันเทิงมาก
พอกลับมามองดูเสื้อชั้นในตู้โตว[1]ในมือตัวเอง นางก็กัดริมฝีปาก ตัดสินใจจะทิ้งของที่ระลึกไว้ให้ผู้ชายน่ารังเกียจคนนี้ ไหนๆ ก็ได้ครอบครองความบริสุทธิ์ของนางไปแล้ว นอนก็นอนด้วยกันแล้ว บทจะลืมก็ลืมกันง่ายๆ งั้นเหรอ ไม่มีทาง!
นางก็เลยสะบัดมือ โยนเสื้อชั้นในไว้บนเตียงของเหมียวอี้เสียเลย ส่วนตัวเองก็นั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งอย่างสบายใจ จัดแต่งทรงผมตัวเองอย่างเนิบนาบเอาใจใส่ หลังจากออกไปแล้วคนจะได้มองไม่เห็นพิรุธ
นางนั่งหวีผมงามอยู่หน้ากระจกอย่างสุขกายสบายใจ ปากพึมพำร้องเพลงเบาๆ แต่พอนึกถึงภาพที่ตัวเองหลงระเริงเป็นฝ่ายรุกยั่วยวนเมื่อครู่นี้ นางก็แก้มแดงเหมือนแสงแดดยามสายัณห์ทันที
…………………………
[1] เสื้อชั้นในตู้โตว 肚兜 ผ้าปิดหน้าอกของสตรีจีนสมัยโบราณ