“เขาดีตรงไหน?” จาหรูเยี่ยนไม่ยอมรับ ออกแรงส่ายหน้า “นายท่าน นั่นคือศัตรูของข้านะ! เขาฆ่าเหรินจวิ้น เขาฆ่าหลานชายแท้ๆ ของข้า ข้าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับเขาได้ยังไง ไม่ได้หรอก!” นางค่อยๆ คุกเข่าลง
ผังก้วนอยากจะบอกมากว่าหลานชายสวะไร้ประโยชน์อย่างนั้น เก็บไว้ก็เป็นภัย ตายแล้วจะได้หยุดพักบ้าง…แต่เขาย่อมไม่พูดออกมา ตอนนี้ไม่อาจยั่วโมโหจาหรูเยี่ยนได้ เขายังต้องขอความร่วมมือจากจาหรูเยี่ยน ไม่อย่างนั้นถ้าทะเลาะกับลูกสาวจนจะเป็นจะตาย ทำลายความร่วมมือในครั้งนี้ นั่นต่างหากที่ยุ่งยากแล้วจริงๆ
เขาใช้สองมือประคองจาหรูเยี่ยนให้ลุกขึ้นมา แล้วกล่าวเสียงต่ำ “หรูเยี่ยน เจ้าลองคิดดูสักหน่อย เสี้ยวเสี้ยวเป็นลูกสาวของข้า ข้าจะทำร้ายนางได้เหรอ?”
“ข้าไม่ยอม นายท่าน ข้าขอร้องล่ะ!” จาหรูเยี่ยนวิงวอนไหยุด แล้วจู่ๆ ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ รูดกำไลเก็บสมบัติในมือลงมา ยัดใส่มือผังก้วน “ข้าไม่เอาแล้ว เขาให้ของขวัญข้า ข้าไม่ต้องการแล้ว ข้าคืนของพวกนี้ให้เขา ให้เขาปล่อยลูกสาวข้าไปตกลงไหม!”
ตอนนี้นางตระหนักได้ถึงเรื่องบางอย่าง ก่อนหน้านี้ที่ให้ของขวัญในห้องเก็บสมบัติ ไม่ใช่เพื่อประจบเอาใจตน แต่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นสินสอด!
ผังก้วนที่ถือกำไลเก็บสมบัติงงงวย นี่มันสถานการณ์อะไรกัน?
จาหรูเยี่ยนน้ำตานองหน้า “นายท่าน ข้าเล่นงานหนิวโหย่วเต๋อจะให้ตายหลายครั้ง หนิวโหย่วเต๋ออยากจะล้างแค้นข้า ถ้าลูกสาวตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อ จะต้องถูกเขาทรมานแน่นอน! เป็นความผิดของข้าเอง ล้วนเป็นความผิดของข้า ขอเพียงเขาปล่อยเสี้ยวเสี้ยวไป เรื่องก่อนหน้านี้ถ้าจะไม่เอาเรื่องอีกแล้ว ปล่อยลูกสาวข้าไปเถอะ!” เรียกได้ว่าเอาใจตัวเองไปคิดแทน คิดว่าตัวเองแค้นหนิวโหย่วเต๋อขนาดนั้น หนิวโหย่วเต๋อจะต้องแค้นนางมากเช่นกัน ถ้าลูกสาวตกอยู่ในมือหนิวโหย่วเต๋อ นางก็ไม่กล้าจินตนาการถึงผลที่ตามมาเลย กลัวว่าจะอยู่มิสู้ตาย!
ผังก้วนขมวดคิ้ว พูดอะไรมั่วไปหมด คนที่อยู่ในตำแหน่งอย่างหนิวโหย่วเต๋อ กอปรกับแผนการที่อยู่ตรงหน้า ใครจะไปคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องสับปะรังเคของเจ้?
เขารู้ว่าฮูหยินของตัวเองเข้าใจผิดไป รู้เช่นกันว่าคลายปมความแค้นของฮูหยินไม่ได้ ฮูหยินไม่มีทางให้ลูกสาวแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อ
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง บางเรื่องที่เดิมทีไม่อยากบอกจาหรูเยี่ยน คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจบอกว่า “หรูเยี่ยน หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้จิตใจคับแคบขนาดนั้น เขาไม่เก็บเรื่องในปีนั้นมาใส่ใจตั้งนานแล้ว”
จาหรูเยี่ยนส่ายหน้า “จะเป็นไปได้ยังไง!” นางคิดว่าตัวเองปล่อยวางไม่ลง แล้วอีกฝ่ายจะปล่อยวางลงได้อย่างไร
ผังก้วนประคองนาง แล้วถามเสียงต่ำว่า “เจ้าไม่อยากเป็นหวังเฟยเหรอ?”
“ไม่อยาก…” จาหรูเยี่ยนปฏิเสธลูกเดียว หลังจากได้สติแล้ว นางก็ตะลึงงัน มองสามีขณะน้ำตาคลอ นึกว่าตัวเองฟังผิดไปแล้ว
“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด อีกไม่นานหลังจากนี้ ทั้งอาณาเขตทัพใต้จะเป็นของข้า ถึงตอนนั้นข้าก็จะเป็นท่านอ๋องที่คุมทัพใต้ ส่วนเจ้าก็เป็นหวังเฟย!” ผังก้วนกล่าว
“นี่…” จาหรูเยี่ยนปาดน้ำตา แววตาวูบไหว ถามยังตกใจปนสงสัยว่า “จะเป็นไปได้ยังไง? ท่านอ๋องฮ่าวจะหลีกทางให้เจ้าได้ง่ายๆ เหรอ?”
“หนิวโหย่วเต๋อเชี่ยวชาญการรบ ในมือมีทัพใหญ่หลายสิบล้าน!” ผังก้วนกล่าว
ต่อให้จาหรูเยี่ยนจะรู้แค่ไหน แต่ก็เข้าใจเช่นกัน ว่านี้คือการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ กำลังยกลูกสาวให้แต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อเพื่อแลกกับการสนับสนุนจากหนิวโหย่วเต๋อ นางกัดริมฝีปาก แล้วกล่าวเสียงสะอื้น “แต่หนิวโหย่วเต๋อมีเมียแล้ว ลูกสาวข้าจะไปเป็นเมียน้อยคนอื่นได้ยังไง?”
ผังก้วนตะคอกเสียงต่ำ “โง่เหรอ! ถ้าเรื่องนี้สำเร็จเมื่อไหร่ ข้าได้ขึ้นสู่ตำแหน่งเมื่อไหร่ การสนับสนุนให้เสี้ยวเสี้ยวเป็นภรรยาเอก ก็เป็นเรื่องง่ายไม่ใช่เหรอ ยังต้องกังวลเรื่องนี้อีกหรือไง?”
วิธีคิดของเขาในตอนนี้ก็เหมือนกับก่วงลิ่งหงในตอนนั้น ต่างก็คิดว่าหลังจากเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ก็จะสนับสนุนให้ลูกสาวตัวเองได้เป็นภรรยาเอก
ดวงตาที่มีน้ำตาคลอของจาหรูเยี่ยนเป็นประกายเล็กน้อย พอคิดแบบนี้ ที่ผู้ชายของตัวเองพูดก็เหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง
ผังก้วนบอกว่า “เจ้าเคยคิดบ้างหรือเปล่า ถ้าข้ากลายเป็นท่านอ๋องที่คุมทัพใต้เมื่อไร เจ้าก็จะเป็นหวังเฟย ทั้งยังเป็นหวังเฟยโดยชอบธรรม หวังเฟยคนใหม่ของตระกูลก่วงนั่นเทียบไม่ติด!”
จาหรูเยี่ยนปาดน้ำตาอีกครั้ง กัดริมฝีปากโดยไม่พูดอะไร ในหัวมีความคิดแวบเข้ามา เช่นนั้นท่ามกลางผู้หญิงทางใต้หล้า ฐานะของตัวเองก็เป็นรองแค่ราชินีสวรรค์ไม่ใช่หรอกหรือ?
ผังก้วนรู้ว่านางหวั่นไหวแล้ว จึงถือโอกาสตีเหล็กตอนยังร้อน “เจ้าลองคิดดูสิ ถ้าข้าเป็นท่านอ๋อง ในอนาคตลูกชายเจ้าก็จะกลายเป็นท่านอ๋องเหมือนกัน! ข้ากลายเป็นท่านอ๋องแล้ว ตามที่ข้าตอบรับเงื่อนไขของหนิวโหย่วเต๋อ จะสนับสนุนให้หนิวโหย่วเต๋อเป็นจอมพลสายเถาะ เสี้ยวเสี้ยวก็จะได้กลายเป็นฮูหยินจอมพลตั้งแต่อายุยังน้อย เรื่องดีแบบนี้จะไปหาจากไหนได้อีก ผู้หญิงทางใต้หล้าแทบจะอิจฉาไม่ทันแล้ว ถามหน่อยว่าในใต้หล้านี้ เจ้าจะหาลูกเขยที่ดีกว่าหนิวโหย่วเต๋อได้อีกไหม? ไม่ใช่ว่าข้าหวังดีกับลูกสาวหรอกหรือ ข้าทำร้ายลูกสาวหรือไง?”
จาหรูเยี่ยนไม่ทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายอีกแล้ว เสียงพูดต่ำลงหลายส่วน กล่าวอย่างน้อยใจ “แต่ถึงยังไงเขาก็ฆ่าเหรินจวิ้น ข้าส่งลูกสาวให้แต่งงานกับเขา ข้าจะเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษตระหูลจาได้ยังไง?”
“หลังจากจบเรื่องนี้ข้าให้เจ้าคลอดลูกชายอีกหนึ่งคน แล้วส่งให้ตระกูลจา ให้เขาใช้แซ่จา ให้คอยไหว้บรรพบุรุษจองตระกูลจาต่อไป!” ผังก้วนกล่าว
จาหรูเยี่ยนพลันเหลือบตาขึ้น ถามว่า “นายท่านพูดคำไหนคำนั้นหรือเปล่า?” นางมีความคิดนี้มาตั้งนานแล้ว ถึงอย่างไรลูกชายของนางก็มีสายเลือดของตระกูลจาครึ่งหนึ่ง แต่ผังก้วนไม่อนุญาต ผังก้วนบอกว่าลูกชายของเขาจะไปเป็นลูกบุญธรรมคนอื่นได้อย่างไร จะไม่กลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะหรอกหรือ!
“เคยหลอกเจ้าเสียที่ไหนล่ะ? ไม่กลืนคำพูดแน่นอน!” ผังก้วนกล่าวอย่างจริงจัง
อารมณ์รุนแรงที่ควบคุมไม่ได้ของจาหรูเยี่ยนหายไปแล้ว นั่งก้มหน้าถามว่า “เขาจะไม่ทารุณเสี้ยวเสี้ยวหรอกใช่ไหม?”
“พูดจาเหลวไหลอะไรกัน อาศัยตำแหน่งของเขาตอนนี้ จำเป็นต้องมาหาเรื่องพวกเราด้วยเหรอ? ประเด็นของปัญหาก็อยู่ที่เจ้า ถ้าเจ้าเอาแต่เห็นเขาเป็นศัตรู เจ้าจะให้เขาคิดยังไงล่ะ?” ผังก้วนถาม
จาหรูเยี่ยนก้มหน้าพูดอะไร
“จำไว้นะ อย่าให้คนนอกมองเบาะแสเรื่องนี้ออกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหายนะทั้งตระกูล!” ผังก้วนกล่าว
จาหรูเยี่ยนเงยหน้ากลอกตา “ข้าไม่ใช่คนโง่สักหน่อย จะไม่รู้เรื่องนี้เชียวเหรอ ยังต้องให้เจ้าบอกไหม?”
ผังก้วนพูดไม่ออก สุดท้ายก็ชูของในมือขึ้นมา ขมวดคิ้วถามว่า “แล้วนี่คืออะไร?”
ขณะมองกำไลเก็บสมบัติในมือเขา จาหรูเยี่ยนก็แอบถอนหายใจ เสียเปรียบมากเกินไปแล้วของขวัญนี้ไม่สะดวกจะเก็บไว้ ครั้งนี้ยังต้องเพิ่มสินเดิมเจ้าสาวหนักๆ อีก..
ตอนที่ผังเสี้ยวเสี้ยวกลับมา จาหรูเยี่ยนก็ยอมสงบสติอารมณ์แล้ว ทั้งยังเข้าไปจูงแขนลูกสาวด้วยรอยยิ้ม “เสี้ยวเสี้ยว ข้างนอกสนุกไหม?”
ผังเสี้ยวเสี้ยวระแวงสงสัยนิดหน่อย หลังจากมารดามาที่นี่ก็หน้าตึงอยู่ตลอด ทำไมตอนนี้เปลี่ยนเป็นยิ้มแย้มสดใสแล้วล่ะ?
เฉินหวยจิ่วมองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านายท่านคุยกับฮูหยินเรียบร้อยแล้ว รู้ว่าต่อไปก็ต้องรับมือกับคุณหนูแล้ว จึงเป็นฝ่ายขอตัวถอยออกไป
“เสี้ยวเสี้ยว จะคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นยังไงบ้าง?” หลังจากอ้อมค้อมอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดจาหรูเยี่ยนก็เข้าประเด็นหลักแล้ว
ผังเสี้ยวเสี้ยวรู้ว่ามารดาแค้นหนิวโหย่วเต๋อที่สุด มีหรือที่จะกล้าพูดอะไรดีๆ ตอบอย่างคลุมเครือว่า “ก็ไม่ต่างจากที่ภายนอกหรือกันเท่าไหร่ค่ะ”
จาหรูเยี่ยนจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เสี้ยวเสี้ยวโตแล้ว ช้าเร็วก็ต้องมีครอบครัวของตัวเอง ต่อไปถ้าแต่งงานก็คงลืมแม่แล้วกระมัง?”
ผังเสี้ยวเสี้ยวถูกนางพูดจนเขินอายเล็กน้อย กล่าวอย่างไม่คล้อยตามว่า “ท่านแม่ พูดมั่วอะไรของท่านน่ะ”
จาหรูเยี่ยนดึงแขนนางแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พูดมั่วอะไรกัน อาศัยฐานะของลูกสาวแม่ คนในใต้หล้าไขว่คว้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เมื่อครู่นี้หนิวโหย่วเต๋อจะส่งคนมาสู่ขอเหรอ”
“…” ผังเสี้ยวเสี้ยวตะลึงเหม่อ นึกว่าตัวเองฟังผิดไปแล้ว
จาหรูเยี่ยนกลับพูดเปิดเผยเสียเลย “หนิวโหย่วเต๋อบอกว่าตกหลุมรักเจ้าตั้งแต่แรกพบ ก่อนหน้านี้พอได้เห็นเจ้าก็ชอบเจ้าแล้ว ร้องโวยวายว่าจะแต่งงานกับเจ้าให้ได้ แม่เลยไม่ยอม บอกว่าจะมาถามความเห็นของลูกสาวก่อน เสี้ยวเสี้ยว เจ้าบอกแม่มาเถอะ เรื่องนี้เจ้าคิดว่ายังไง ถ้าเจ้าไม่มีความเห็นแย้งอะไร แม้ก็จะตัดสินใจแทนเจ้าแล้วนะ”
ผังก้วนค่อนข้างรับไม่ได้ ยอมผู้หญิงคนนี้แล้ว เรียกได้ว่าทั้งรักทั้งเกลียดผู้หญิงคนนี้
ผังเสี้ยวเสี้ยวหน้าแดงก่ำทันที นางคิดไม่ถึงว่าจะเจอเรื่องแบบนี้ ส่ายหน้าตอบอย่างลนลานว่า “ไม่ๆๆ”
“ไม่อะไร? ปกติแม่สอนเจ้าอย่างไร พูดดีๆ หน่อยได้ไหม?” จาหรูเยี่ยนถลึงตา “เป็นผู้หญิงช้าหรือเร็วก็ต้องแต่งงาน คนเป็นแม่ก็ต้องตรวจสอบให้เจ้า ไม่ทำร้ายเจ้า…”
เรียกได้ว่าพูดไม่หยุด สรุปก็คือล้วนพูดแต่เรื่องดีๆ ของหนิวโหย่วเต๋อ
ผังเสี้ยวเสี้ยวตกตะลึงแล้ว นี่ยังใช่มารดาของตนคนที่แค้นหนิวโหย่วเต๋ออยู่หรือเปล่า?
นางหันกลับไปมองผังก้วนที่งียบอยู่ข้างๆ ทำให้เข้าใจทันที ว่าบิดามารดาล้วนอนุญาตให้นางแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อแล้ว
แม้นางจะอายุน้อย แต่กลับเป็นผู้หญิงที่ฉลาดมีสติปัญญาดี ชั่วพริบตานั้นนางตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ไม่สนใจเสียงของมารดาที่พูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างหูแล้ว จ้องผังก้วนอย่างตะลึงงันอยู่นานมาก สุดท้ายก็ยืนขึ้นถามว่า “ท่านพ่อ พวกท่านกำลังนำลูกสาวไปทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับหนิวโหย่วเต๋อเหรอคะ?”
นางมีชาติกำเนิดแบบนี้ เรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เพื่อผลประโยชน์ นางเห็นเองกับตามาเยอะเกินไป พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
“เด็กโง่ พูดเหลวไหลอะไรกัน?” จาหรูเยี่ยนตำหนิ แต่ผังเสี้ยวเสี้ยวจ้องเพียงบิดา นางรู้เรื่องแบบนี้ ถ้าบิดาไม่อนุญาตก็เป็นไปไม่ได้เลย
ในใจผังก้วนรู้สึกเจ็บปวด แต่สีหน้ายังไม่เปลี่ยนไป สุดท้ายก็กล่าวช้าๆ ว่า “นางหนู ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้ากำลังคิดอะไร แต่ถ้าเจ้าดึงดันจะคิดอย่างนี้ข้าก็ช่วยไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่พ่อรับประกันกับเจ้าได้ เรื่องที่ให้เจ้าแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อ พ่อพิจารณามาอย่างดีแล้ว ชั่งน้ำหนักในด้านต่างๆ มานานแล้ว แต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อไม่ทำให้เจ้าเสียศักดิ์ศรีแน่นอน มีแต่ผลดีกับเจ้า ไม่มีผลร้ายกับเจ้า!”
ผังเสี้ยวเสี้ยวส่ายหน้าด้วยความสับสน “ท่านก็เลยยอมให้ลูกแต่งงานไปเป็นอนุภรรยาเหรอคะ?”
จาหรูเยี่ยนตะคอกทันทีว่า “จะให้เจ้าเป็นอนุภรรยาได้ยังไง ก็แค่ชั่วคราว มีพ่อมีแม่อยู่ ช้าเร็วก็ต้องสนับสนุนให้ลูกได้เป็นภรรยาเอกอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลหรอก”
ผังก้วนเหล่ตามองนางอย่างเย็นเยียบ เขายังเดือดดาลนิดหน่อย ลูกยังไร้เดียงสา มาพูดอะไรแบบนี้ต่อหน้าเด็ก คนเป็นบิดามารดาแค่จัดการเรื่องนี้ให้ดีก็พอแล้ว
ผังเสี้ยวเสี้ยวตกใจ คนที่มีชาติกำเนิดแบบนาง มีหรือที่จะไม่เคยฟังเรื่องความโหดร้ายระหว่างภรรยา ตระหนักได้แล้วว่าจะทำอะไรกับอวิ๋นจือชิว รีบส่ายหน้าบอกว่า “ไม่แต่ง ลูกไม่แต่ง!”
“เจ้าเด็กคนนี้…” จาหรูเยี่ยนต้องการจะสั่งสอนทันที
ผังก้วนยกมือขึ้น พูดตัดบทนาง ลุกขึ้นช้าๆ แล้วเดินไปตรงหน้าลูกสาว จ้องตานางพร้อมบอกว่า “แต่ไหนแต่ไรมา เรื่องแต่งงานของลูกเป็นเรื่องใหญ่ บิดามารดาเป็นคนตัดสินใจ เป็นหลักการฟ้าดินที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง! ข้ากับแม่เจ้าพอใจหนิวโหย่วเต๋อมาก ตั้งใจจะเกี่ยวดองกับเขา เจ้าจะไม่แต่งงานก็ได้ งั้นก็ให้พี่สาวเจ้าแต่งแทน เจ้าหรือพี่สาวเจ้าจะแต่งงาน เจ้าไปตัดสินใจเอาเอง!”
ผังเสี้ยวเสี้ยวมองเขาด้วยสีหน้าสิ้นหวัง…
มีบิดาที่เข้าใจการวางแผนพลิกแพลงสถานการณ์ มีมารดาที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ ผังก้วนกับจาหรูเยี่ยนตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว จะปล่อยให้ผังเสี้ยวเสี้ยวเลือกเองได้อย่างไร
ไม่นานข่าวดีจากฝั่งนี้ก็ถูกส่งไปที่เหมียวอี้ ทุกอย่างดำเนินการตามแผน
ส่วนจาหรูเยี่ยนก็ดึงลูกสาวเข้ามาในห้อง ใช้ถ้อยคำดีๆ ปลอบใจและสั่งสอนนาง
………………