ผังก้วนเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะถามว่า “เถ้าแก่จะให้ข้าเชื่อได้ยังไง ถ้าข้าลงมือแล้วกลับไม่เห็นคำสัญญาของเถ้าแก่ จะไม่เป็นการรนหาที่ตายให้ตัวเองหรอกเหรอ?”
“คิดมากไปแล้ว ถ้าจะทำร้ายจอมพลผัง ข้ามีวิธีการทำให้ฮ่าวเต๋อฟางกำจัดเจ้าอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมานั่งคุยกับเจ้าตรงนี้หรอก นอกจากนี้ ข้าสามารถลงมือก่อนได้ ถ้าจอมพลผังไม่เห็นความจริงใจของข้า ก็สามรถรั้งทัพไม่เคลื่อนไหวก็ได้ สำหรับจอมพลผังจะมีอะไรเสียหายล่ะ?” เฉาหม่านถาม
พูดถึงขั้นนี้แล้ว อีกฝ่ายให้การรับประกันแบบนี้แล้ว ผังก้วนยังมีอะไรต้องพูดอีก ย่อมตัดสินใจตรงนี้แล้ว
หลังจากทั้งสองฝ่ายคุยรายละเอียดกันอีกครั้ง เฉาหม่านก็ไม่มีท่าทีว่าจะรั้ง ผังก้วนขอวิธีการติดต่อเฉาหม่าน แล้วก็บอกลากันตรงนี้
จากนั้นก็ออกไปทันที ตั้งแต่ต้นจนจบเหมียวอี้ไม่ได้พูดอะไรเลย คอยฟังอยู่ข้างๆ ตลอด ให้ผังก้วนไปตัดสินใจเอง ไม่ได้แทรกแซงอะไร
หลังจากมองคล้อยหลังทั้งสองออกไปแล้ว เฉาหม่านก็เริ่มทำสีหน้าพยับเมฆ สะบัดชายเสื้อหันตัวมา แล้วกัดฟันบอกว่า “ไอ้หนิวจัญไรเจ้าเล่ห์นัก มีอุบายออกมาไม่ขาดสาย สามารถใช้เล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลงสถานการณ์ ถ้าเก็บไว้ต้องเป็นภัยต่อตระกูลเซี่ยโห้วแน่นอน รอให้เรื่องนี้จบลง ไม่จำเป็นต้องพิจารณาถึงหกลัทธิ ควรทุ่มสุดตัวเพื่อกำจัดเขาก่อน!”
เว่ยซูมองเขาแวบหนึ่ง ในที่สุดก็เห็นความแตกต่างระหว่างเซี่ยโห้วลิ่งและท่านนี้แล้ว จากประโยคนี้ก็ดูออกแล้วว่าความเด็ดเดี่ยวในการฆ่าไม่ใช้สิ่งที่เซี่ยโห้วลิ่งเทียบติด
พอนึกถึงเซี่ยโห้วลิ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ…
หยางเจาชิ่งกับเฉินหวยจิ่วที่รออยู่นอกทางเดินเข้ามารับเหมียวอี้กับผังก้วน แล้วหันตัวตามออกจากที่นี่ไป
เฉินหวยจิ่วสังเกตสายตาของผังก้วน มองเบาะแสบางอย่างออกจากสายตาที่สุขุมมั่นคง อาศัยที่เขารู้จักผังก้วน ก็รู้ว่าเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ท่านจอมพลคงจะได้การรับประกันบางอย่างที่เชื่อถือได้จากเฉาหม่าน งานใหญ่ควรค่าแก่การเฝ้ารอ!
พอเรือแล่นออกจากทางน้ำ ผังก้วนที่ยืนเคียงกับเหมียวอี้บนหัวเรือก็หันกลับไปมองตึกศาลาสัตยพรตที่มืดสลัวเงียบเหงาแวบหนึ่ง ภายนอกดูไม่สะทกสะท้าน แต่ในใจกลับฮึกเหิมและตื่นเต้นดีใจจนยากจะคุมไหว นับวันรอวันที่จะกลายเป็นท่านอ๋องได้เลย!
เหมียวอี้มองเขาแวบหนึ่ง แล้วถ่ายทอดเสียงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ยินดีด้วยจอมพลผัง! ดูท่าแล้วอีกไม่นานหลังจากนี้จะต้องเปลี่ยนเป็นเรียกว่าท่านอ๋องแล้ว!”
ผังก้วนหันกลับมา จ้องเขาแล้วครุ่นคิดเล็กน้อย “ในเมื่อภายหลังจะทำเรื่องนี้ร่วมกัน ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลทางด้านฮ่าวเต๋อฟางกับตำหนักสวรรค์แล้ว พอมาดูตอนนี้ ลูกสาวคนเล็กของข้า เสี้ยวเสี้ยวก็เหมาะสมกับผู้ตรวจการใหญ่ดี หวังว่าต่อไปนี้ผู้ตรวจการใหญ่จะปฏิบัติต่อลูกสาวคนเล็กของข้าอย่างดี”
ตอนที่กล่าวประโยคนี้ออกมา ในใจเขาก็ร่ำร้องอย่างเศร้าโศกเช่นกัน ลูกสาวคนเล็กของเขสาคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ทำให้เขาพอใจมาก เปรียบเสมือนหัวใจของเขาอย่างแท้จริง เป็นไข่มุกล้ำค่าในมือของเขาโดยแท้!
ตอนนี้ผังก้วนนับว่าเข้าใจแล้ว หนิวโหย่วเต๋อขอให้ตนพาลูกสาวมาด้วย ก็เพราะมั่นใจแล้วว่าตนจะมอบลูกสาวให้แต่งงานกับเขา โหดมากทีเดียว พอเอ่ยปากก็ขอลูกสาวที่สวยที่สุด ลูกสาวที่ตนรักที่สุดเลย แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าหนิวโหย่วเต๋อโลกกว่านี้สักหน่อย คงจะขอลูกสาวทั้งสองคนของเขาที่ยังไม่แต่งงานไปด้วย ตอนนี้เขาก็แข็งใจแสร้งตอบรับอย่างสบายๆ เช่นกัน!
ประเด็นก็คือรู้ว่าเรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่ตอบรับก็คงไม่ได้ ถ้าตอนนี้เขาไม่ร่วมงานด้วย เกรงว่าตระกูลเซี่ยโห้วก็จะลงมือกับเขา ก็อย่างที่เฉาหม่านบอก อีกฝ่ายมีวิธีการกำจัดเขาอยู่แล้ว ฟังจากที่เฉาหม่านเพิ่งพูด เขาก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของอำนาจตระกูลเซี่ยโห้ว ยิ่งไปกว่านั้นโอกาสดีแบบนี้ก็มาส่งถึงตรงหน้าแล้ว เขาไม่มีทางปฏิเสธ ถ้าพลาดโอกาสครั้งนี้ไป ในภายหลังจะมีโอกาสนี้ให้ตนหรือไม่ก็พูดยากแล้ว
เพียงแต่ตัวเองมาตั้งไกล ไม่น่าเชื่อว่าจะนำลูกสาวมาส่งให้อีกฝ่ายถึงประตูบ้านด้วยตัวเอง นี่มันใช่เรื่องเสียที่ไหน!
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาเข้าใจชัดเจนมาก หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้ถูกใจลูกสาวของเขา ดังนั้นพอเอ่ยปากก็ขอลูกสาวที่เขารักหวงแหนมากที่สุด เพราะอยากจะเห็นความจริงใจจากเขา หนิวโหย่วเต๋อคงจะกังวลเช่นกันว่าเขาอาจจะข้ามแม่น้ำแล้วหรือสะพาน ถ้าให้ไม่ได้แม้แต่ลูกสาวคนนี้ แล้วเจ้าจะให้หนิวโหย่วเต๋อกล้าเชื่อเขาได้อย่างไร
และในตอนนี้เขาก็จำเป็นต้องนำลูกสาวมาแสดงความจริงใจ ปลอบประโลมเหมียวอี้ไว้ งานใหญ่ในครั้งนี้ ทัพเกรียงไกรหลายสิบล้านในมือหนิวโหย่วเต๋อมีความสำคัญต่อเขาที่สุด
ดังนั้นก็เห็นชัดเจนแล้ว ว่าการที่ลูกสาวมาในครั้งนี้ ก็ไม่อาจพากลับไปกับเขาได้อีกแล้ว ถ้าไม่รีบมีความสัมพันธ์สามีภรรยากับหนิวโหย่วเต๋อ กำหนดเรื่องนี้ให้แน่นอน ทั้งสองฝ่ายก็ล้วนไม่วางใจ ต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เรียกกันว่าแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ เป็นการแต่งงานที่มีพื้นฐานอยู่บนผลประโยชน์!
นอกจากนี้ยังมีอีกจุดหนึ่ง ถ้าครั้งนี้สามารถตัดความกังวลพวกนี้ไปได้ เขาก็คิดจะหาทางผูกมัดจิตใจเหมียวอี้ด้วยเล่ห์เพทุบาย มีลูกเขยที่รบเก่งขนาดนี้ มีประโยชน์ต่ออนาคตของเขาสุดๆ ว่ากันว่าต้องสยบตระกูลเซี่ยโห้วให้ได้ก่อน ถึงจะสยบใต้หล้าได้ เขากำลังครุ่นคิดว่าจุดอ่อนของเฉาหม่านที่อยู่ในมือเหมียวอี้จะแสดงประโยชน์ต่อไปได้หรือเปล่า? ถ้าเป็นไปได้ ราชัน ขุนนาง ขุนพล ใช่ว่าเป็นได้เพราะชาติกำเนิด ใช่ว่าเขาจะนั่งในตำแหน่งสูงไม่ได้เสียหน่อย
ตอนที่เหมียวอี้ติดต่อเขาและเอ่ยเรื่องที่คุยกันนอกแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ทั้งยังบอกให้เขาพาลูกสาวมาด้วย เขาก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้แล้ว เพียงแต่ในใจไม่อยากยอมรับก็เท่านั้นเอง
พอเหมียวอี้ได้ยินแบบนี้ ในใจก็แสยะยิ้ม ก่อนหน้านี้ยังเอาฮ่าวเต๋อฟางกับตำหนักสวรรค์มาเป็นโรคกำบังเพื่อปฏิเสธตน ตอนนี้ก็หาข้ออ้างมาเพื่อยอมรับอีก ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็ล้วนหาเหตุผลมาได้ ในใจก็คิดอย่างนั้น แต่ภายนอกกลับบอกว่า “ข้าย่อมชอบลูกสาวของท่านอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าลูกสาวของท่านจะตอบตกลงหรือเปล่า”
ผังก้วนกล่าวเสียงต่ำว่า “แต่ไหนแต่ไรมา การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ รวมเป็นคำสั่งบิดามารดา เป็นคำพูดของแม่สื่อ หากบิดามารดายังอยู่ มีหรือที่นางจะตัดสินใจเองได้ ย่อมต้องตามใจบิดามารดาอยู่แล้ว เรื่องนี้จะไม่ต้องกังวล เพียงแต่ว่า…”
เหมียวอี้ตะลึงงัน อย่าบอกนะว่าเปลี่ยนใจ? ถ้าเจ้ายังกล้าเปลี่ยนใจภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ ข้าก็นับถือในความเป็นสุภาพบุรุษของเจ้า ถ้าไม่แต่งงานกับลูกสาวเจ้าก็ได้ แต่ข้าก็จะร่วมงานกับเจ้าเหมือนเดิม!
ที่จริงแล้วที่เขาต้องการจะแต่งงานกับผังเสี้ยวเสี้ยว ก็เพื่อให้ฝ่ายวางใจ ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไปว่าตัวเองอยากจะได้ความจริงใจจากต่อีกฝ่าย จะได้หลอกให้สับสน
ผังก้วนถอนหายใจ “แต่เจ้าก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ เรื่องแต่งงานจะประกาศออกไปไม่ได้ ต้องปิดเป็นความลับ ทำทุกอย่างให้เรียบง่ายเป็นยังไง?”
เหมียวอี้พยักหน้า “ควรจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว!”
ผังก้วนตบบ่าเขา แล้วกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “ต่อไปถ้าเงื่อนไขพร้อมแล้ว ค่อยให้พวกเจ้าจัดงานอย่างมีหน้ามีตาอีกครั้ง ตั้งแต่นี้ไป เจ้าห้ามปฏิบัติต่อเสี้ยวเสี้ยวอย่างขาดความยุติธรรม ไม่อย่างนั้นข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่!”
แบบนี้เท่ากับตัดสินใจแล้ว!
เหมียวอี้หันตัวมาประสานมือคารวะทันที “ลูกเขยคำนับท่านพ่อตา!”
เฉินหวยจิ่วกับหยางเจาชิ่งหันมามองแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็ทำความเคารพใหญ่โต ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิ่กลัก พอจะเดาออกแล้ว คาดว่าเรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้คงสำเร็จแล้ว
แน่นอน นี่ล้วนเป็นสิ่งที่ในใจทั้งสองยินดีที่จะเห็น ล้วนเฝ้ารอให้เจ้านายของตัวเองอาศัยโอกาสนี้เพื่อทำงานใหญ่ให้สำเร็จ!
ผังก้วนยื่นมือไปประคองเหมียวอี้ แล้วเอามือไขว้หลังยืนตรงหัวเรือ ไม่พูดอะไรอีกแล้ว ถอนหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่ง เพื่อผ่อนคลายอารมณ์ที่สับสนซับซ้อน
ในใจกำลังหาข้ออ้างมาปลอบใจตัวเอง ว่าลูกสาวแล้วเติบโตแล้ว ช้าเร็วก็ต้องแต่งงานออกเรือน จะซ้ายหรือขวาก็ต้องแต่งงาน ไม่สู้แต่งกับคนดีๆ หน่อยดีกว่า นับว่ารับผิดชอบต่อลูกสาวแล้วเช่นกัน…
ได้ยินเหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงชี้แนะ คนยังไม่กลับถึงจวนผู้สำเร็จราชการ หยางเจาชิ่งก็ให้คนที่เชื่อใจได้เตรียมสร้างเรือนใหม่แล้ว
ทุกอย่างเรียบง่าย ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือต้องรักษาความลับ จากภายนอกมองไม่ออกว่าจะมีการแต่งงาน
ที่จริงเหมียวอี้ก็ไม่ได้ใจร้อนขนาดนี้ กลับเป็นผังก้วนที่ค่อนข้างร้อนใจ เขาจะต้องกำหนดเรื่องนี้โดยเร็ว จากนั้นก็กลับไปวางแผน ไม่สะดวกจะเสียเวลา
เรื่องสร้างเรือนใหม่เขากันเฟยหงไว้แล้ว แต่งงานเพิ่มอีกห้อง ทั้งยังให้เฟยหงไปจัดเตรียม ต่อให้เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ทำไม่ลง
พอกลับมาถึงจวนผู้สำเร็จราชการ เหมียวอี้ก็เรียกเฟยหงเข้าไปที่ห้องสมาธิ
“เฟยหง ตอนนี้มีบางเรื่องที่ไม่สามารถอธิบายกับเจ้าได้ ข้าแต่งงานก็ย่อมมีเหตุผลให้ข้าต้องแต่ง อีกไม่นานเจ้าก็จะรู้เอง หวังว่าตอนนี้เจ้าจะเข้าใจ”
เฟยหงรู้สึกเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่รู้สึกตกตะลึงมากกว่า นางย่อมรู้ว่ามีสาเหตุแน่นอน แต่นี่ไม่ใช่การแต่งงานกับคนอื่น เป็นการกับลูกสาวจอมพลสายเถาะผังก้วนเชียวนะ ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลทั้งสองที่ในมือมีกำลังทหารมากจะต้องการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ถือว่าผิดข้อห้ามทั้งนั้น ลองใช้สมองอันน้อยนิดคิดดูก็จะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
ช่วงก่อนหน้านี้นางก็สังเกตได้แล้วว่าฝั่งเหมียวอี้จะต้องเกิดเรื่องแน่นอน ตอนนี้ลางสังหรณ์รุนแรงยิ่งขึ้น รู้สึกได้ว่าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยธรรมดา แต่เรื่องใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นแล้ว นางถามอย่างกังวลนิดหน่อยว่า “นายท่าน กำลังจะเกิดเรื่องแล้วใช่ไหม?”
“ในภายหลังเจ้าก็จะเข้าใจเอง” เหมียวอี้ตอบอย่างไม่แน่ใจ
เฟยหงกัดริมฝีปาก ถามว่า “ฮูหยินรู้เรื่องนี้หรือยังคะ?”
เหมียวอี้พยักหน้า “ฮูหยินตอบตกลงเรื่องนี้แล้ว กลับไปเจ้าก็ติดต่อกับฮูหยินได้เลย”
เฟยหงฝืนยิ้ม “เช่นนั้นก็ดีค่ะ ไม่อย่างนั้นท่านก็รู้ว่าอารมณ์ของฮูหยินเป็นยังไง”
เหมียวอี้ใช้สองมือประคองแขนนาง “เกรงว่าเจ้าก็ต้องหลบไปด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าอยากให้เจ้าไปให้พ้นสายตาเพื่อความสบายใจ เรื่องนี้ช้าเร็วก็ต้องให้คนนอกรู้ ตอนนี้ให้เจ้าหลบไปก็เพราะต่อไปเจ้าจะได้ชี้แจงกับหน่วยตรวจการซ้ายได้สะดวก ถ้าหน่วยตรวจการซ้ายถามถึง เจ้าจะได้มีข้ออ้างบอกว่าไม่รู้เรื่องนี้เลย ข้าแต่งงานอย่างลับๆ ตอนเกิดเรื่องข้าจงใจแยกเจ้าออกไป บนเกาะทางฝั่งตะวันออกสร้างเรือนพักไว้หลังนึงแล้ว เจ้าไปที่นั่นแล้วก็ดูว่าจะปลูกดอกไม้สร้างทิวทัศน์ยังไง เจาชิงเตรียมคนไว้เป็นพยานให้แล้ว”
เฟยหงนึกไม่ถึงว่าแผนการจะละเอียดถึงขั้นนี้ แม้แต่บ้านบนเกาะก็เตรียมไว้แล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่อารมณ์ชั่ววูบ แต่เป็นแผนการที่วางไว้นานแล้ว
นางรู้ว่าเรื่องบางเรื่องไม่อาจเข้ามาแทรกแซงได้ง่ายๆ จึงพยักหน้าเบาๆ ตอบ “ค่ะ”
“อะไรนะ? เจ้าจะให้ลูกสาวข้าแต่งงานกับไอ้จัญไรนั่นเหรอ? ข้าฟังผิดไปหรือเปล่า?”
บ้านสำหรับให้ครอบครัวของผังก้วนพักชั่วคราวก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยิน ‘ข่าวดี’ จาหรูเยี่ยนก็แทบจะตาถลนออกมา นางร้องอุทาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ เรากลับเห็นผี
ส่วนผังเสี้ยวเสี้ยว เฉินหวยจิ่วพาแยกออกไปแล้ว การเจรจารอบนี้ค่อนข้างลำบาก ไม่อาจให้ผังเสี้ยวเสี้ยวรู้ได้ รอให้ถึงตอนที่ผังเสี้ยวเสี้ยวรู้ นั่นก็เป็นตอนที่ได้ผลลัพธ์แล้ว
ผังก้วนกล่าวเสียงเรียบ “หรูเยี่ยน เจ้าฟังไม่ผิด เสี้ยวเสี้ยวต้องแต่งงานกับหนิวโหย่วเต๋อ”
“ไสหัวไป! ข้าไม่อนุญาต ข้าไม่อยากฟังด้วย ไสหัวไป!” จาหรูเยี่ยนสีหน้าตกตะลึง ชี้ไปด้านนอก
ผังก้วนสายตาแน่วแน่ กล่าวด้วยน้ำเสียงปกติว่า “เรื่องนี้ต่อให้เจ้าไม่เห็นด้วยก็ต้องเห็นด้วย!”
“เจ้าไม่ไปข้าไปเอง ข้าจะพาลูกกลับ!” จาหรูเยี่ยนถลันตัวออกไปข้างนอกทันที
ผังก้วนรีบลงมือ คว้าแขนนางเอาไว้ ดึงนางกลับมาแล้วใช้นิ้วจิ้มบนตัว สกัดพลังอิทธิฤทธิ์ของนางไว้ตรงนั้น
เมื่อเห็นแบบนี้ ใบหน้าจาหรูเยี่ยนก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว แบบนี้เท่ากับตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะยกลูกสาวตนให้ไอ้จัญไรนั่น นางรีบใช้สองมือเขย่าผังก้วน กล่าวขอร้องว่า “นายท่าน ท่านเคยบอกว่าเสี้ยวเสี้ยวคือไข่มุกล้ำค่าในมือท่าน ท่านเคยบอกว่านางคือลูกสาวที่ท่านรักที่สุด อย่างน้อยก็ต้องเก็บเสี้ยวเสี้ยวไว้ข้างกายหลายหมื่นปี นางเพิ่งอายุเท่าไรเอง นางเพิ่งเกิดได้ไม่ถึงสามสิบปีด้วยซ้ำ นอกจากฝึกฝนร่ำเรียน นางก็แทบไม่ได้สัมผัสเรื่องราวในสังคมเท่าไรเลย นางยังเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งนะ ท่านทำใจได้ยังไง? ท่านบอกว่าในอนาคตจะหาสามีที่ดีที่สุดในโลกให้นาง ข้าก็เชื่อ ข้าเชื่อคำพูดท่าน แต่ท่านทำกับลูกเมียแบบนี้ได้ยังไง?”
ผังก้วนไม่สะทกสะท้าน กล่าวอย่างใจแข็งเหมือนหินว่า “หนิวโหย่วเต๋อก็คือสามีที่ดีที่สุดของนาง เจ้ายังหาใครที่ดีกว่านี้ได้อีกเหรอ?”
…………