พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 993 ภารกิจเสร็จสิ้น

บทที่ 993 ภารกิจเสร็จสิ้น

พอเหมียวอี้พยักหน้าให้สัญญาณกับทุกคน กลุ่มปีศาจเฒ่าก็เผยวรยุทธ์บงกชทองตรงหว่างคิ้วทันที

เมื่อเห็นว่าทั้งหมดมีวรยุทธ์ระดับบงกชทองขั้นหนึ่ง สอง สาม โค่วเหวินหลานถึงได้วางใจ ขอเพียงเป็นเรื่องที่รับปากไว้แล้ว เขาก็จะจัดการอย่างรวดเร็วมาก มีมาดของลูกชายจากตระกูลใหญ่ ลงทะเบียนสร้างรายชื่อทันที บันทึกตราอิทธิฤทธิ์ไว้สำหรับตรวจสอบ รวบรวมใส่เข้าไปในทะเบียนของตำหนักสวรรค์ ส่วนเรื่องของเป่าเหลียนก็ย่อมถือโอกาสดำเนินการไปด้วยเลย

หลังจากทำตามระเบียบข้อบังคับเสร็จแล้ว ก็ร่างรายการอาวุธและเกราะรบที่ทุกคนต้องใช้ออกมา แล้วสั่งให้คนไปนำมาแจกจ่าย

หลังจากชายหญิงทุกคนสวมเกราะรบแล้ว ก็ดูสง่าผ่าเผยเหมือนกัน

โค่วเหวินหลานย่อมไม่อยู่กินดื่มคุยเล่นกับทุกคนอยู่แล้ว โบกมือให้เหมียวอี้รีบจัดการเรื่องกำลังคนให้เข้าที่

อวิ๋นจือชิวที่อยู่อีกด้านก็พาสองพี่น้องโอวหยางไปที่ร้านโฉมเมฆาก่อน ให้เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์นำคนงานสองสามคนไปเก็บกวาดที่พักให้สองพี่น้องโอวหยาง จากนั้นค่อยพาพวกนางไปที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก

ตอนที่มาถึงจึงได้รู้ว่าเหมียวอี้ไม่อยู่ เพราะไปที่ตำหนักคุ้มเมืองแล้ว แต่เถ้าแก่เนี้ยก็หน้าใหญ่มากทีเดียว เมื่อพวกลูกน้องรู้ว่านายท่านผู้บัญชาการกำลังจีบนาง ก็เชิญเข้าไปนั่งข้างในก่อนทันที ไม่กล้าให้รอที่ประตู

เหมียวอี้นำกลุ่มปีศาจเหาะลงมาจากฟ้า พอเหยียบลงพื้น พอนักพรตบงกชทองสวมเกราะทองหลายสิบคนก็ปรากฏตัว เหล่าทหารสวรรค์มากมายในจวนผู้บัญชาการก็ร่ำร้องในใจ หัวใจตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง ไม่มีโอกาสเลื่อนขั้นเป็นกรณีพิเศษแล้ว

เบื้องล่างย่อมมีคนมารายงานให้ทราบว่าเถ้าแก่เนี้ยมาแล้ว

เหมียวอี้กำชับให้ลูกน้องพากลุ่มปีศาจเฒ่าไปพักผ่อนก่อน แล้วก็สั่งให้คนให้เชิญเถ้าแก่เนี้ยมาที่จวนขุนนางของตน

เมื่อได้เจอเหมียวอี้อีกครั้ง โอวหยางหลางกับโอวหยางหวนก็ตื่นเต้นหวั่นไหวมาก แทบจะโผเข้าไปกอดเขา แต่กังวลที่อวิ๋นจือชิวอยู่ด้วย ทั้งยังมีลูกน้องของเหมียวอี้มาวางน้ำชาให้ พวกนางจึงข่มใจเอาไว้

เหมียวอี้สั่งให้ลูกน้องออกไปก่อน เมื่อเห็นสองพี่น้องโอวหยางผอมลงไม่น้อย และไม่หยิ่งยโสเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกที่ทะเลทรายม่านเมฆา เขาก็มองพวกนางด้วยแววตาสับสน นึกอยากโอ้อวดฝีมือแต่กลับกลายเป็นปล่อยไก่ ถึงไม่ถึงว่าจะเป็นการกำหนดชีวิตการแต่งงานของตัวเอง ถึงจะบอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับพวกนาง แต่ตอนนี้ในใจก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาในบางครั้ง คำกล่าวที่ว่า ‘เป็นสามีภรรยากันคืนเดียวเท่ากับติดนี้บุญคุณกันไปร้อยวัน’ ไม่ใช่แค่คำพูดลอยๆ เพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ ทิ้งทั้งสองไว้ที่พิภพเล็กตลอดโดยไม่สนใจถามไถ่ ในใจเขาก็รู้สึกผิดอยู่บ้างเหมือนกัน

อวิ๋นจือชิวมองดูปฏิกิริยาของทั้งสองฝั่ง แล้วถามหยอกล้อว่า “ต้องให้ข้าหลบไปก่อนรึเปล่า?”

เหมียวอี้ไอแห้งๆ ทีหนึ่ง แล้วพูดกับทั้งสองว่า “หลางหลาง หวนหวน คืนนี้ข้าจะไปหาพวกเจ้า”

ไปหาพวกนางเพื่อทำอะไร ก็ย่อมไม่ต้องบอกแล้ว ทั้งสองเอ่ยรับอย่างเขินอาย “ค่ะ!” ต้องเตรียมตัวล่วงหน้าแล้ว

“ไปที่ร้านข้าแล้วกัน พวกเจ้าไปมาหาสู่กันแบบเปิดเผยไม่สะดวก” อวิ๋นจือชิวขมวดคิ้วบอก

เหมียวอี้ปฏิเสธว่า “เดี๋ยวข้าปลอมตัวไปก็แล้วกัน” รู้สึกแปลกจริงๆ ที่ต้องทำเรื่องแบบนั้นอยู่ใต้หนังตาอวิ๋นจือชิว

“งั้นเจ้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน ด้วยฐานะของเจ้าในตอนนี้ โผล่ไปไหนทีก็ดึงดูดความสนใจได้ง่าย เดี๋ยวข้าให้ผีจวินจื่อขุดหลุมให้” อวิ๋นจือชิวเอ่ยอย่าไม่ใส่ใจ แล้วก็เปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่องสำคัญ “รีบดำเนินการเรื่องร้านค้าให้เป็นรูปธรรมเถอะ ค่ำคืนยาวนานกลัวความฝันจะเปลี่ยน!”

เหมียวอี้พยักหน้า แล้วตะโกนเรียกเสียงดัง “ทหาร!”

มีคนวิ่งเข้ามาจากด้านนอกทันที หลังจากได้รับคำสั่งก็วิ่งไปเรียกคนที่รับหน้าที่ดำเนินการด้านนี้มา อีกฝ่ายไม่กล้าบ่นอะไรต่อหน้าเหมียวอี้ ดำเนินการให้ตรงนั้นอย่างรวดเร็ว แต่เงินก็ยังต้องจ่าย อวิ๋นจือชิวจ่ายเงินครบในรวดเดียว เหมียวอี้เป็นตัวแทนของทางการเพื่อลงนามกับสองพี่น้องโอวหยาง จากนั้นเหมียวอี้ก็สั่งให้คนเชิญอิงอู๋ตี๋มาหา ให้อิงอู๋ตี๋นำกำลังคนคุ้มกันส่งเงินไปให้ตำหนักคุ้มเมือง เหมียวอี้ไม่ได้ควบคุมเงินส่วนนี้

หลังจากจัดการธุระเรียบร้อย อวิ๋นจือชิวก็พาสองสาวออกไป นางคิดว่าเหมียวอี้ไม่อยากไปพบกับสองสาวเป็นการส่วนตัวที่ร้านของนาง จึงซื้อชัยภูมิถ้ำสวรรค์หนึ่งหลังกับค่ายกลป้องกันตัวขนาดเล็กให้พวกนาง เสร็จแล้วถึงได้กลับไปหาพวกนาง ส่วนเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ก็กำลังนำคนไปเก็บกวาดพอดี

หลังจากอวิ๋นจือชิวตรวจดูอย่างละเอียด ก็รู้สึกว่ายังต้องซ่อมแซมตกแต่งใหม่สักหน่อย ต่อไปก็ต้องย้ายผลึกสกัดที่มีความบริสุทธิ์สูงของร้านโฉมเมฆามาที่นี่ ในเมื่อสองพี่น้องโอวหยางมาที่นี่แล้ว นางก็ต้องหางานให้ทั้งสองทำ ไม่อย่างนั้นถ้าเบื่อเซ็งเกินไปจะเกิดปัญหาได้ง่าย

พอนางกลับไปที่ร้านโฉมเมฆา ก็กำชับให้คนงานไปจัดการเรื่องนี้ทันที พร้อมทั้งไปหาผีจวินจื่อ ให้ผีจวินจื่อวางแผนขุดทางใต้ดิน สิ่งที่ต้องการเป็นอันดับแรกคือความปลอดภัย ผีจวินจื่อรับประกันอย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะเขาถนัดเรื่องนี้ที่สุด จึงไปเลือกสถานที่เพื่อสำรวจลักษณะพื้นภูมิทันที

ส่วนเหมียวอี้ก็เรียกพวกฝูชิงให้มาหา พอคุยกันถึงเรื่องบางอย่าง ถึงได้รู้ว่าอวิ๋นจือชิวได้พูดสิ่งที่ควรจะพูดกับพวกเขาไปแล้ว ทำให้เขาหมดเรื่องกังวลใจไปหลายเรื่อง จากนั้นก็จัดแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบของรองผู้บัญชาการ ผู้ช่วยผู้บัญชาการและผู้บังคับการกองร้อยลงไป ให้พวกเขาต่างคนต่างพาลูกน้องไปทำความคุ้นเคยกับสถานการณ์

ในบรรดาพวกเขายังเหลืออยู่หนึ่งคน นั่นก็คือเป่าเหลียน บนตัวนางสวมเกราะรบสีดำ ทหารสวรรค์หญิงที่ระดับยังไม่ถึงล้วนสวมเกราะดำ เป็นทหารสวรรค์สี่แถบ ชั่วคราว ยังไม่มีภาระหน้าที่อะไร

เหมียวอี้เองก็ไม่รู้ว่าควรจัดภาระหน้ที่อะไรให้นาง ถ้าให้นางไปรวมอยู่ในกลุ่มผู้ชายเขาก็ไม่วางใจ จึงถามหยั่งเชิงว่า “เป่าเหลียน เจ้าคอยฟังคำสั่งอยู่ข้างกายข้าดีไหม รับหน้าที่คอยถ่ายทอดคำสั่งชั่วคราว รอให้วรยุทธ์เจ้าสูงขึ้นก่อน แล้วข้าค่อยหมอบหมายงานอย่างอื่นให้ เจ้าว่าดีมั้ย?”

นี่คือสิ่งที่ตรงกับใจนางพอดี จึงพยักหน้าเอ่บรับทันที “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”

เมื่อเห็นว่านางไม่มีความเห็นอะไร เหมียวอี้ก็กล่าวกลั้วหัวเราะว่า “งั้นเจ้าก็เลือกห้องพักในนี้ได้ตามสบายเลยนะ”

“รับทราย!” เป่าเหลียนเอ่ยรับ ยังคงไม่คัดค้าน กลับเป็นคนที่คุยง่ายคนหนึ่ง

หลังจากท้องฟ้ามืดลง ในร้านค้าของสองพี่น้องโอวหยางก็มีแขกสวมชุดดำคนหนึ่งมาหา นอกจากเหมียวอี้ก็ไม่มีใครแล้ว จือฉินกับจือซูที่ได้รับแจ้งล่วงหน้าออกมาเฝ้าอยู่ที่ประตูตลอด หลังจากแน่ใจแล้วว่าผู้ที่มาคือเหมียวอี้ จือฉินก็รีบวิ่งขึ้นไปรายงานชั้นบน ส่วนจือซูก็นำเหมียวอี้ขึ้นไปชั้นบนด้วยความระมัดระวังและเคารพ

เหมียวอี้ถอดเครื่องปลอมตัวขณะกำลังเดินขึ้นไปชั้นบน สองพี่น้องหลางหลางและหวนหวนกำลังชะเง้อหน้าคอยอยู่ชั้นบน พอเห็นหน้าเขาก็เผยแววตาดีใจ แล้วย่อเข่าคำนับพร้อมกัน “นายท่าน!”

เหมียวอี้ยื่นมือไปประคองให้ทั้งสองยืนตรง เมื่อได้กลิ่นกายหอมกรุนจากตัวทั้งสอง ก็รู้ว่าอาบน้ำรอล่วงหน้าแล้ว จึงทักทายพร้อมรอยยิ้มบางๆ “ปล่อยให้รอนานแล้ว!”

ความดีอกดีใจที่ฉายอยู่ในดวงตาสองพี่น้องยากจะปิดบังได้ โอวหยางหลางกำชับลงไปทันที “รีบไปเตรียมสุราอาหาร!”

หญิงรับใช้ทั้งสี่เริ่มวิ่งเต้นทำงานทันที และไม่นานก็ยกอาหารมาวางบนโต๊ะ เห็นได้ชัดว่าเตรียมไว้นานแล้ว

นานๆ ทีจะได้อยู่ด้วยกัน เหมียวอี้หันไปสั่งว่า “พวกเจ้าสี่คนออกไปก่อน”

โอวหยางหวนโบกมือให้ทั้งสี่ออกไปทันที แล้วยกกาน้ำชารินให้ด้วยตัวเอง ทั้งสามชนถ้วยน้ำชาดื่มร่วมกัน สองสาวอารมณ์ชื่นมื่นเบิกบาน ปรนนิบัติอย่างสุดจิตสุดใจ ในเมื่อฮูหยินบอกมาแล้ว ว่าข้างนอกอาจจะกำลังมีนางจิ้งจอกมาล่อหลอกนายท่าน แบบนี้ก็แย่น่ะสิ สองสาวเรียกได้ว่าตัวฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่า วางความอับอายที่ทำให้สำรวมท่าทีเอาไว้ก่อน ประจบเอาใจอย่างฉลาดน่ารักมาก

ตอนกำลังรับประทานอาหาร เหมียวอี้ไม่แคล้วต้องถามว่าทั้งสองเป็นอย่างไรบ้างตออยู่พิภพเล็ก ทั้งสองไม่กล้สพูดอะไรมาก กลัวจะโดนสงสัยว่าเสี้ยมให้แตกคอกัน บอกเพียงว่าสบายดี

เหมียวอี้ขมวดคิ้ว “ข้าได้ยินฮูหยินบอกว่า ตอนอยู่ที่ยอดเขาหยกนครหลวง พวกเจ้าแทบจะไม่ก้าวขาออกจากตำหนักเลย เป็นเพราะมีใครกลั่นแกล้งหรือเปล่า?”

“ไม่มีค่ะ พวกเราตั้งอกตั้งใจฝึกตนมาโดยตลอด” โอวหยางหลางตอบด้วยเสียงต่ำเบา

เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ที่จริงอวิ๋นจือชิวก็เคยเอ่ยให้เข้าได้ยินมาก่อน บอกว่าหงเหมียน ลู่หลิ่วทำกับตำหนักคู่แฝดเกินไป เพียงแต่อวิ๋นจือชิวก็ไม่อยากให้เหมียวอี้รู้สึกว่านางกำลังเสี้ยมให้แตกคอกัน จึงไม่ได้พูดอะไรมาก ทว่าเหมียวอี้มีพื้นเพมาจากตลาด ได้ยินเรื่องแบบนี้มาไม่น้อยเหมือนกัน ถ้าเป็นตระกูลใหญ่ที่มีภรรยาเยอะ ก็ไม่มีบ้านไหนที่ไม่เกิดการหึงหวงกัน มีหยิงมารวมตัวอยู่ด้วยกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่อย่างสงบ หัวใจของคนเรานี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาหรือคนในแดนฝึกตน ที่จริงแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย เขาใช้สมองคิดนิดเดียวก็พอจะเข้าใจเหตุการณ์คร่าวๆ แล้ว

คืนนี้บรรยากาศดี สองสาวเพิ่งมาเป็นครั้งแรก อารมณ์ดีไม่เบา เหมียวอี้เองก็ไม่อยากทำลายอารมณ์อันสุนทรีย์ของทั้งสอง ดังนั้นจึงไม่พูดเรื่องนี้เยอะ เพียงบอกว่า “ถ้าได้รับความไม่ยุติธรรมอะไรก็บอกฮูหยิน ฮูหยินน่ะเป็นคนปากร้าย แต่มีอำนาจตัดสินใจภายในบ้าน ข้าเองก็ให้เกียรตินาง ถ้าในบ้านมีเรื่องอะไรที่ไม่สะดวกจะเอ่ยปากบอกข้า พวกเจ้าก็สามารถบอกฮูหยินได้เลย ฮูหยินจะจัดการให้อย่างเหมาะสมแน่นอน”

“ค่ะ!” ทั้งสองเอ่ยรับ

“เอาล่ะ คืนนี้ไม่พูดเรื่องอื่นแล้ว พวกเราคุยเรื่องเบาๆ กันก็พอ! มา แต่ไหนแต่ไรมาข้าก็ไม่เคยได้อยู่กับพวกเจ้าดีๆ เลย ข้าจะทำโทษตัวเองเพื่อภรรยา จะดื่มสุราให้พวกเจ้าสามจอกเพื่อขอโทษ”

สองสาวรีบบอกว่าไม่ต้องทำอย่างนั้น แต่กลับห้ามไว้ไม่อยู่ เหมียวอี้รินดื่มเองเสียเลย ทำโทษตัวเองสามจอกแล้วจริงๆ

ตอนหลังก็นับว่าทำตามคำสั่งของอวิ๋นจือชิวแล้ว บนปากราวกับป้ายน้ำผึ้งหวานเอาไว้ พยายามใช้คำพูดที่น่าฟังพูดเอาอกเอาใจให้ทั้งสองชื่นมื่น ชมว่าพวกนางยิ่งนับวันยิ่งสวยขึ้น ทั้งยังนำของสวยงามที่รวบรวมได้ในพิภพใหญ่มามอบให้ทั้งสองเป็นของขวัญ ปะเหลาะให้สองสาวหน้าชื่นตาบานได้จริงๆ พวกนางเลิกสำรวมท่าทีแล้ว ดื่มเป็นเพื่อนเขาหลายจอกด้วยอารมณ์อันนุ่มนวลหวานชื่น

หลังจากสุราอาหารบนโต๊ะเย็นลง บรรยากาศกำลังดี เหมียวอี้ก็ถามพร้อมรอยยิ้มว่า “หรูฮูหยินทั้งสอง คืนนี้ใครจะปรนนิบัติให้ข้าดีล่ะ?”

“น้องสาวแล้วกันค่ะ!” โอวหยางหลางตอบอย่างขวยเขิน

“พี่สาวค่ะ!” โอวหยางหวนรีบปฏิเสธ

เหมียวอี้จึงหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ไม่สู้ปรนนิบัติด้วยกันเลยเป็นไง?” เมื่อเห็นทั้งสองกัดริมฝีปากไม่พูดอะไร หน้าแดงเรื่อด้วยความเขินอาย ก็พูดเสริมอีกว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเราเสียหน่อย นึกถึงปีนั้นตอนที่อยู่ที่ทะเลทรายม่านเมฆา พวกเจ้าสองคนก็ไม่ได้เกรงใจข้านี่นา!”

คำพูดนี้ยิ่งทำให้ทั้งสองอับอายจนทำอะไรไม่ถูก ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่อวิ๋นจือชิวสั่งไว้ก่อนหน้านี้เกิดผลแล้วหรือเปล่า สุดท้ายโอวหยางหลางก็ตอบอย่างขวยเขินว่า “ทุกอย่างตามใจนายท่านค่ะ”

เช่นนั้นเหมียวอี้ก็ไม่เกรงใจแล้ว เป็นฝ่ายจูงมือทั้งสองเดินออกไปด้วยกันเองเลย…

ว่ากันว่าอิจฉาเพียงนกยวนยางที่ได้เคียงคู่ ไม่อิจฉาเทพเซียนผู้โดดเดี่ยว ความสุขของการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาย่อมยอดเยี่ยมอยู่แล้ว หลังจากพายุฝนสงบ ขณะกำลังนอนกอดซ้ายกอดขวาขบคิดถึงรสชาติ โอวหยางหลางก็ไม่ลืมที่จะเตือน นางถามหยั่งเชิงว่า “นายท่าน ฉีฉินซูฮว่าติดตามรับใช้พวกเรามาหลายปีแล้วมีไตรีจิตต่อพวกเราสองพี่น้อง แต่งงานติดตามมาด้วย แต่นายท่านกลับไม่รับพวกนางเข้าห้องเสียที ไม่ทราบว่านายท่านจะไปเชยชมพวกนางเมื่อไรเจ้าคะ?”

พอพูดถึงเรื่องนี้ ก็นับว่ายังเป็นเรื่องสำคัญ คำสั่งของอวิ๋นจือชิวใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เหมียวอี้ตอบอย่างอึดอัดเก้อเขินนิดหน่อยว่า “พวกนางเป็นคนของพวกเจ้า เรื่องนี้ให้พวกเจ้าเตรียมการให้แล้วกัน”

พวกเขาย่อมเหมือนปลาที่ได้น้ำทั้งคืน กลิ้งเกลือกอยู่ในกระแสคลื่นหลายรอบ…

เป็นอย่างที่อวิ๋นจือชิวบอก เหมียวอี้ไม่สะดวกจะวิ่งมาที่นี่บ่อยจริงๆ สักวันหนึ่งอาจจะโดนคนจับตามองได้

โชดีที่ผีจวินจื่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ใช้เวลาเพียงสามวัน ทางอุโมงค์ใต้ดินที่คดเคี้ยวก็ถูกขุดสร้างเสร็จแล้ว เริ่มจากบ่อน้ำในจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก บ่อน้ำของร้านโฉมเมฆา บ่อน้ำของร้านผลึกสกัด สามจุดถูกเชื่อมต่อเป็นส้นทางเดียวกันแล้ว ที่จริงถ้าอิงตามกฎของตลาดสวรรค์ ข้างล่างห้ามขุดช่องทางใต้ดิน แต่นี่เป็นอาณาเขตของเหมียวอี้ เขาไม่มีอะไรให้กลัว

ปากทางล้วนอยู่ในบ่อน้ำ ทั้งยังอยู่บนข้างกำแพงในบ่อน้ำด้วย ตอนที่ขุดสามจุดนี้ ก็ถือโอกาสปิดค่ายกลป้องกันของร้านโฉมเมฆากับร้านผลึกสกัดร่วมด้วย

เหมียวอี้กระโดดลงช่องทางลับในบ่อน้ำ เดินขึ้นไปบนเนิน พอเริ่มเดินลงเนินอีกครั้งถึงได้พบว่า เพื่อที่จะสร้างฉากกำบัง ไม่น่าเชื่อว่าผีจวินจื่อจะขุดลึกลงไปใต้ดินหนึ่งพันเมตร ไม่น่าเชื่อว่าจะหลีกเลี่ยงเส้นทางน้ำใต้ดินได้อย่างแม่นยำ อาศัยทางน้ำใต้ดินช่วยกำบัง ก็ยังทำให้คนสังเกตพบช่องทางใต้ดินได้ยาก ฝีมือช่างน่าทึ่งจริงๆ สมกับเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านการขุดรูโดยธรรมชาติ พิถีพิถันในหลักการจริงๆ

เพียงแต่ถ้าเป็นแบบนี้ การอ้อมไปอ้อมมาก็ยังทำให้อ้อมหลายเส้นทาง

ขระที่เดินอยู่ในทางใต้ดิน จู่ๆ ก็พบว่าในทางใต้ดินมีแสงสว่าง พอเข้าไปดูใกล้ๆ ก็พบว่าผีจวินจื่อขุดห้องใต้ดินเอาไว้ห้องหนึ่ง

“เจ้าหลบทำอะไรอยู่ข้างใน?” เหมียวอี้แปลกใจ

ผีจวินจื่อหัวเราะแห้งๆ แล้วตอบว่า “เถ้าแก่เนี้ยสั่งเสีย ว่าถ้าข้าไม่มีธุระอะไรก็ให้ฝึกตนอยู่ในนี้ ถ้าพบว่าสถานการณ์ไม่ชอบมาพากล ก็ให้ข้าทำลายทางใต้ดินนี้ซะ จะได้ไม่โดนคนพบเบาะแสอะไร”

ทำแบบนี้ก็เหมาะสม เหมียวอี้รู้สึกว่าอวิ๋นจือชิวคิดได้ละเอียดถี่ถ้วน จึงไม่ได้พูดอะไรมากอีก

เมื่อมีทางใต้ดินก็ไปมาหาสู่กันได้สะดวกแล้ว ภายใต้การไปมาหาสู่กันในเส้นทางใต้ดิน ฉีฉินซูฮว่าหญิงรับใช้ทั้งสี่ก็เป็นบุปผาบานสะพรั่งที่ถูกเหมียวอี้เด็ดให้เหี่ยวเฉาแล้วเช่นกัน ทุกๆ สองวันจะอยู่กับหนึ่งคน สุดท้ายก็ทำให้สี่สาวกลายเป็นผู้หญิงของตัวเองอย่างแท้จริงเสียที เหมียวอี้นับว่าได้เสพสุขกับวาสนา แต่ในใจก็ยิ้มเจื่อนเหมือนกัน นี่ไม่ใช่ความรักที่เขาใฝ่ฝันเหมือนเมื่อก่อน ทว่าเมื่อเดินมาจนถึงระดับหนึ่ง ความรักระหว่างชายหญิงก็ยังต้องหลีกทางให้กับสิ่งที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ จะว่าเขาไม่จริงใจก็ได้ จะว่าเขาดัดจริตก็ได้ เขามองว่าสิ่งนี้คือการทำภารกิจให้เสร็จสิ้นอย่างแท้จริง ตอนที่อยู่ด้วยกันยังต้องปฏิบัติตัวอย่างอ่อนโยนด้วย ทำให้ฉีฉินซูฮว่าจจำความดีของเขาเอาไว้ ส่วนต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะได้แตะต้องพวกนางอีกครั้ง เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset