พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 994 การโต้กลับของเซี่ยโห้ว

บทที่ 994 การโต้กลับของเซี่ยโห้ว

ผู้บัญชาการเขตเมืองคนหนึ่งของตลาดสวรรค์ วันๆ แทบจะไม่ต้องทำงานอะไร ยามปกติมีปัญหาเกิดขึ้นน้อยมาก นอกจากคนบ้าอย่างโค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิง โดยทั่วไปก็ไม่มีใครกล้าก่อเรื่องที่ในสถานที่แบบตลาดสวรรค์แล้ว ดังนั้นสถานการณ์จึงสงบมั่นคง พวกงานเบ็ดเตล็ดหยุมหยิมย่อมมีลูกน้องระดับล่างไปจัดการ ส่วนใหญ่เหมียวอี้จะอยู่ในสภาวะฝึกตนอย่างสงบใจ

“สุรานี้รสชาติใช้ได้เลยนะ เป็นสุราอะไร?” อิงอู๋ตี๋ถาม

เวลาไม่มีธุระงานการอะไร ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ก็จะมาดื่มสุรากับเหมียวอี้ ก็เหมือนในตอนนี้ เก้าอี้นอนสามตัวถูกจัดวางเป็นสามมุม ตรงกลางวางโต๊ะไว้ตัวหนึ่ง ทั้งสามคนนอนเอนกาย ดื่มสุราดูดาวกันอย่างเกียจคร้าน รู้สึกเบื่อหน่ายมากทีเดียว

ว่ากันตามจริง นี่ไม่ใช่ชีวิตในพิภพใหญ่แบบที่ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋จินตนาการไว้ เพราะสุขสบายจนไร้เหตุผล เทียบไม่ติดกับความตื่นเต้นเร้าใจยามปล้นเกาะศักดิ์สิทธิ์ เทียบไม่ติดกับความระมัดระวังตัวตอนอยู่ทะเลดาวนักษัตร อยู่ที่นี่แทบจะไม่มีภัยคุกคามอะไรเลย

“ภัตตาคารที่อยู่ทางฝั่งเหนือส่งมาให้ ถ้ารู้สึกว่าอร่อยเดี๋ยวข้าจะให้คนสั่งมาให้พวกท่านเยอะๆ” เหมียวอี้ตอบอย่างเกียจคร้าน

“ช่างเถอะ!” อิงอู๋ตี๋บ่นพึมพำ ใช้มือข้างหนึ่งยันหนุนศีรษะ พร้อมจิบสุราเบาๆ

“เป่าเหลียน ตรงนี้ไม่ต้องรับใช้หรอก เจ้าไปพักผ่อนเถอะ” เหมียวอี้หันไปมองเป่าเหลียนที่ช่วยรินสุราให้

“ไม่เป็นไรค่ะ!” เป่าเหลียนเอ่ยรับเบาๆ แต่พอเห็นเหมียวอี้โบกมือ ก็ยังต้องถอยออกไป

จากนั้นเหมียวอี้ก็โยนแหวนเก็บสมบัติสองวงให้ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ “เอาไปใช้ก่อนแล้วกัน”

เขามอบยาแก่นเซียนให้คนละหนึ่งล้านเม็ด

หลังจากแยกย้ายกันตอนเที่ยงคืน อาศัยอารมณ์อันสนุกสนานที่เกิดจากฤทธิ์สุรา เหมียวอี้แอบดำเข้าไปในบ่อน้ำอย่างเงียบๆ ออกไปจากจวนผ่านทางใต้ดิน

เมื่อมีทางใต้ดินแล้ว เขาก็ไปที่ร้านโฉมเมฆาได้สะดวกเช่นเดียวกัน พอไปถึงทางแยก ก็ใช้ระฆังดาราติดต่อกับอวิ๋นจือชิว หลังจากปิดค่ายกลป้องกันของร้านโฉมเมฆาชั่วคราวแล้ว เขาถึงได้ล่วงล้ำเข้าไป พอเขาผ่านเข้าไป ค่ายกลป้องกันก็ถูกเปิดใช้งานทันที

เมื่อปีนออกจากบ่อน้ำของร้านโฉมเมฆา ก็เจอพ่อครัวที่กำลังนั่งสมาธิเฝ้าอยู่ในตึกด้านหลังและหรี่ตามองเขาแวบหนึ่ง จึงยิ้มให้อีกฝ่ายแล้วขึ้นไปบนตึกโดยตรง เขาไม่เกรงใจเลยสักนิด ร่ายอิทธิฤทธิ์เปิดประตูห้องของอวิ๋นจือชิวโดยตรง

ประตูมายาของชัยภูมิถ้ำสวรรค์กำลังเปิดรอเขาแล้ว เขาจึงบุกเข้าไปโดยตรง เจอกับอวิ๋นจือชิวที่กำลังรอเขาอยู่ในลานบ้าน

เมื่อพบหน้ากัน อวิ๋นจือชิวก็ขมวดคิ้วถาม “ทำไมไม่สงบจิตสงบใจฝึกตน จะวิ่งมาที่นี่ซี้ซั้วทำไม?”

“มาหาฮูหยินของตัวเองที่นี่ นับว่าวิ่งมาซี้ซั้วได้เหรอ?” เหมียวอี้ก้าวเข้ามาแล้วไม่พูดพร่ำทำเพลง อุ้มนางเดินก้าวยาวเข้าไปในห้องนอนใหญ่ทันที

อวิ๋นจือชิวที่ถูกเขาอุ้มกลอกตามองบน “กลิ่นสุราเต็มตัว นี่เจ้ารู้จักอายบ้างรึเปล่า มีคนมองอยู่นะ?”

เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ กลั้นขำ เหมียวอี้จึงกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “กลัวอะไร ไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย”

พอเข้ามาในห้องนอน เหมียวอี้ที่อาศัยฤทธิ์สุราก็อดใจรอไม่ไหว ซุกศีรษะเข้าไปในหน้าอกขาวอวบอิ่มของอวิ๋นจือชิว…

หลังจากทั้งสองได้ผ่อนคลาย ก็นอนกอดกันอยู่บนเตียง เหมียวอี้ง่วงนอนอยากจะหลับ อวิ๋นจือชิวกลับผลักเขาแล้วถามว่า “เป่าเหลียนที่พักอยู่ในเรือนของเจ้านี่ยังไงกันปน่? พวกเจ้าสองคนคงไม่ได้นอนด้วยกันหรอกใช่มั้ย?”

เหมียวอี้พึมพำตอบว่า “พูดเหลวไหลอะไรของเจ้า เจ้าสำนักอวี้หลิงฝากฝังให้ข้าดูแล ถ้าปล่อยนางไว้ในฝูงผู้ชายจะไม่เหมาะสมไง”

อวิ๋นจือชิวพ่นเสียงทางจมูกแล้วบอกว่า “เอาไว้ข้างกายหมาป่าอย่างเจ้าจะเหมาะเหรอ? สักวันก็ต้องโดนเจ้าเขมือบ!”

“อย่ามาใส่ร้ายกันสิ นอนเถอะ!” เหมียวอี้กอดเนื้อขาวๆ ของนาง แล้วเริ่มนอนกรนเบาๆ ดูท่าทางจะสงบใจไร้ที่เปรียบ

ที่จริงแล้วร้านที่เขามาบ่อยที่สุดก็คือที่นี่ ถึงแม้ร้านของสองพี่น้องโอวหยางจะมีคนสวยเยอะและมีเสน่ห์หลากหลาย แต่ที่มานอนกอดบ่อยที่สุดก็ยังเป็นที่นี่ มาทุกๆ สามวันห้าวัน บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร ผู้หญิงคนอื่นต่อให้เย้ายวนใจและสวยแค่ไหน แต่สถานที่พักผ่อนที่แท้จริงของเขาก็ยังเป็นที่นี่ ตอนที่ได้กอดเรือนร่างหอมและอ่อนโยนของอวิ๋นจือชิว ดมกลิ่นหายหอมที่คุ้นเคยของนาง ก็ให้ความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน ทำให้เวลาพักผ่อนรู้สึกสบายใจและสงบใจเป็นพิเศษ

อวิ๋นจือชิวก็รู้สึกได้ถึงความคิดของเขาเช่นกัน นางมองเขาด้วยสีหน้าเอ็นดูทะนุถนอม ยื่นมือไปลูบผมเขาเบาๆ จูบบนหน้าผากของเขาอย่างอ่อนโยน แล้วก็มุดศีรษะไปในอ้อมอกของเขา ก่อนจะหลับตาลงอย่างหวานชื่น…

คนที่คุมตำหนักพ่อบ้านของจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกในตอนนี้ก็คือชิงเฟิง ลูกน้องที่ทำธุระประจำวันให้ก็คือหูเฟย ผู้หญิงคนนี้เป็นนางจิ้งจอกช่างยั่วโดยธรรมชาติอย่างแท้จริง เวลาพูดจาก็ออเซาะ ไม่ว่าจะเดินไปไหน หน้าอกขาวอวบอิ่มก็โผล่ออกมาครึ่งหนึ่งเพื่อดึงดูดสายตาผู้ชายเสมอ ดังนั้นพวกเพื่อนๆ ของเลี่ยหวนจึงชอบลวนลามนางเป็นพิเศษ เลี่ยหวนไม่ไว้วางใจสุดๆ จึงขอร้องให้จัดหูเฟยให้เข้าไปอยู่ในตำหนักพ่อบ้าน ให้อยู่แยกกับผู้ชายพวกนั้น

เวลาหูเฟยไม่มีกิจธุระต้องทำ นางก็จะนั่งอยู่หลังโต๊ะยาวหน้าตำหนักพ่อบ้าน วางเท้าเปลือยสองข้างพาดบนโต๊ะ ปากก็พึมพำร้องเพลงเบาๆ ในมือถือตะไบอันเล็กถูเล็บที่นิ้วมือ ทำเอาทหารสวรรค์ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกแอบมองมาบ่อยๆ

หลังจากตะไบเล็บเสร็จแล้ว ถ้ายังไม่มีเรื่องอะไรมาให้จัดการอีก หูเฟยก็จะไม่ทำงานของทางการแล้ว จะสั่งลูกน้องลงไปว่า มีธุระอะไรพรุ่งนี้เช้าค่อยมาหาใหม่ ส่วนนางก็จะแต่งตัวสวยออกไปเดินเล่นที่ตลาด พอเดินเล่นเสร็จกลับมา ถึงได้สงบจิตสงบใจฝึกตน

นี่คือชีวิตอันเอ้อระเหยลอยชายหลังจากได้มาที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก แต่หูเฟยก็ชอบชีวิตแบบนี้ นางรู้สึกว่านี่ต่างหากถึงจะเรียกว่าชีวิต น่าสนใจกว่าอยู่ที่ป่าเขารกร้างอย่างทะเลดาวนักษัตรตั้งเยอะ

ผู้ชายอยู่ห่างจากผู้หญิงไม่ได้ กลุ่มปีศาจเฒ่าแทบจะไม่ได้พาคนในครอบครัวมาด้วยเลย ส่วนใหญ่ยังไม่มีครอบครัว คู่สามีภรรยาแบบเลี่ยหวนหาพบได้น้อยมาก แต่ตอนอยู่ที่พิภพเล็ก พวกเขาก็ไม่ได้ขาดผู้หญิงเช่นกัน แต่หลังจากมาที่พิภพใหญ่ จวนผู้บัญชาการก็ห้ามไม่ให้ไปนอนค้างอ้างแรมซี้ซั้ว ตอนหลังมีทหารสวรรค์คนอื่นๆ แนะนำ กลุ่มปีศาจเฒ่าจึงกลายเป็นแขกประจำของหอโคมเขียว นี่ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกัน แม้แต่ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ก็ไปเป็นแขกในบางครั้ง รวมทั้งพวกบัณฑิตกับพ่อครัวของร้านโฉมเมฆาด้วย อวิ๋นจือชิวก็ทำเป็นปิดตาข้างเดียวเหมือนเดิม ตอนอยู่ที่ทะเลทรายม่านเมฆาก็เป็นแบบนี้ ผู้ชายในโลกนี้เข้าออกหอโคมเขียวกันเป็นเรื่องปกติมาก ไม่มีใครรู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง

ถึงแม้จะใจกว้างกับผู้ชายคนอื่น แต่ไม่ได้แปลว่าจะใจกว้างกับผู้ชายของตัวเอง อวิ๋นจือชิวเรียกได้ว่าเตือนเหมียวอี้ซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าอย่าเอาเยี่ยงอย่าง ถ้ากล้าไปแตะต้องผู้หญิงสกปรกที่ใช้งานได้สาธารณะที่หอโคมเขียวล่ะก็ ต่อไปก็อย่าได้มาแตะต้องนางอีกเลยตลอดชีวิต แถมนางยังจะสู้ตายกับเหมียวอี้ด้วย ถึงอย่างไรก็ใช่ว่าในบ้านจะไม่มีผู้หญิง แต่ไหนแต่ไรมาข้าก็ไม่เคยห้ามเวลาที่เจ้าไปหาสองพี่น้องโอวหยาง สรุปก็คือไม่อนุญาตให้เหมียวอี้ไปที่หอโคมเขียว ขีดเส้นตายไว้ให้เหมียวอี้ชัดเจน

ที่จริงนับว่าเหมียวอี้ควบคุมตัวเองได้ดีกับเรื่องพวกนี้ แต่ก็เกิดเรื่องกับบางคนแล้ว เกิดเรื่องกับเลี่ยหวนแล้ว!

ถึงแม้หูเฟยจะเป็นคนสวยเย้ายวนใจ แต่เมื่ออยู่ด้วยกันนานๆ ก็เบื่อเหมือนกัน ทั้งยังไม่ขาดผู้หยิงเท่าตอนอยู่หุบเขาเพลิงนภาด้วย เลี่ยหวนจึงทนการชักชวนของพวกเพื่อนๆ ทหารไม่ไหว คุยว่าดานเด่นร้านไหนเป็นยังไง คุยจนเลี่ยหวนเกือบน้ำลายไหล จึงออกไปมั่วกับเขาด้วยเหมือนกัน

เขาเองก็เจ้าเล่ห์เหมือนกัน เป็นกระต่ายที่ไม่กินหญ้าในรัง วิ่งไปที่หอโคมเขียวเขตเมืองตะวันตก เขตเมืองเหนือ เขตเมืองใต้โดยเฉพาะ คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหลบพ้นสายตาคนรู้จัก จะได้ไม่ให้ฮูหยินของตัวเองจับได้ แต่ผลปรากฏว่าไม่รู้ใครทำเสียเรื่อง ข่าวหลุดไปถึงหูหูเฟย โดนหูเฟยจับได้คาหนังคาเขาที่เขตเมืองเหนือ เกิดเรื่องราวใหญ่โตทันที!

หูเฟยประสาทเสียแล้ว! นอกจากฆ่าผู้หญิงที่กำลังร่วมรักกับเลี่ยหวนตายคาที่ นางกับต่อสู้กับเลี่ยหวนอีกด้วย ทำให้หอโคมเขียวของคนอื่นพัง

แบบนี้ก็แย่น่ะสิ คนของจวนผู้บัญชาการเขตเมืองเหนือก็ไม่ใช่เล่นๆ จับตัวสองสามีภรรยาไปทันที หลังจากยืนยันตัวตนแล้ว ก็ให้คนของจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกไปรับตัวเอง เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลกไปแล้ว เหมียวอี้ไม่สะดวกจะออกหน้า แบบนี้มันใช่เรื่องเหรอ? เขาให้ฝูชิงไปรับตัวลูกน้องเอง

ทว่าให้ฝูชิงไปกลับไม่มีประโยชน์ อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย จะให้เหมียวอี้ไปรับด้วยตัวเองให้ได้

“ผู้บัญชาการมู่หรง เป็นคนกันเองทั้งนั้น เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้ผู้บัญชาการใหญ่โค่วออกหน้าด้วยตัวเองหรอกมั้ง?”

หลังจากมาถึงจวนผู้บัญชาการเขตเมืองเหนือ และได้พบกับผู้บัญชาการมู่หรงซิงหัวแล้ว เหมียวอี้ก็เรียกได้ว่าหน้าด้านขอร้อง อีกฝ่ายต้องการจะจัดการตามกฏระเบียบ การฆ่ากันตายในตลาดสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ในฐานะที่เขาเป็นคุณชายห้าของทะเลดาวนักษัตร เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนใจ! มิหนำซ้ำเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ คนที่สามารถเปิดหอโคมเขียวตลาดสวรรค์ได้ แสดงว่าอำนาจที่หนุนหลังไม่ใช่น้อยๆ ถ้าเขาไม่ออกหน้าเองก็จัดการเรื่องนี้ไม่ได้

เมื่อเห็นเขาอ้างชื่อโค่วเหวินหลาน มู่หรงซิงหัวก็แสยะยิ้มแล้วบอกว่า “เจ้าวัดไม่ดี หลวงชีสกปรก!”

เหมียวอี้พูดไม่ออก รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังว่าเรื่องที่ตนไปชอบผู้หญิงที่มีสามีแล้ว แต่ก็นับว่ายังไว้หน้าโค่วเหวินหลาน มู่หรงซิงหัวรับปากว่าจะปล่อยคน แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็ยังต้องชดใช้ แถมทางหอโคมเขียวก็ต้องการให้เขาไปจัดการด้วยตัวเอง ขอเพียงหอโคมเขียวไม่เอาเรื่อง นางถึงจะปล่อยผ่านไปได้

ดังนั้นเหมียวอี้จึงต้องไปหาแม่เล้าของหอโคมเขียวด้วยตัวเอง ว่ากันตามจริง ดูจากอำนาจที่หนุนหลังอีกฝ่ายแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าเหมียวอี้เหมือนกัน แถมนี่ก็ไม่ใช่อาณาเขตของเหมียวอี้ เหมียวอี้ควบคุมไม่ได้ อีกฝ่ายมีอะไรให้กลัวล่ะ สุดท้ายก็ยังพิจารณาว่าเหมียวอี้มีโค่วเหวินหลานคุ้มกะลาหัวอยู่ นับว่าเห็นแก่หน้าโค่วเหวินหลาน ให้ชดใช้เงินเพื่อจบเรื่อว

หลังจากรับตัวเลี่ยหวนกับหูเฟยกลับมาแล้ว เหมียวอี้ก็ตะคอกด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ข้าเสียหน้าหมดแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าต้องไปขอโทษที่หอโคมเขียว วันหลังเรื่องนี้ต้องแพร่ไปทั้งตลาดสวรรค์แน่นอน พี่รอง คนของท่าน ท่านจัดการเอาเองเถอะ!”

ฝูชิงก็โมโหเหมือนกัน ไม่นานก็สืบได้ว่าคนที่ชี้นำให้หูเฟยไปหาเลี่ยหวนคือใคร เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ หูเฟยก็ไม่กล้าปิดบังเช่นกัน : ราชากระดูกขาว!

ราชากระดูกขาวกับเลี่ยหวนมีความสัมพันธ์ต่อกันค่อนข้างดี นี่เป็นการหาความบันเทิงเพราะเบื่อหน่ายแท้ๆ แต่ใครจะคิดว่าหูเฟยจะทำให้เรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ ผลก็เลยแย่มาก!

ชิงเฟิงลงโทษตามคำพิพากษาด้วยสีหน้าเย็นเยียบ ซ้อมทั้งสามจนสาหัสปางตาย ทั้งหมดโดนซ้อมจนมือเท้าหัก ห้ามไม่ให้ทั้งสามติดต่อกันเลยภายในหนึ่งเดือน ต้องให้ทั้งสามได้รับความเจ็บปวดทรมานเป็นเวลาหนึ่งเดือน ลดเงินเดือนเพื่อลงโทษทั้งสามก็ยิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจากจบเรื่องนี้ หูเฟยก็ยิ่งเปิดกว้างขึ้น พูดจาออเซาะยิ่งกว่าเดิม ถึงขั้นโอบไหล่กับผู้ชายคนอื่นอย่างโจ่งแจ้ง เลี่ยหวนรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที ขอร้องไปก็ไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด กลัวตัวเองจะโดนสวมเขา

นี่คือเรื่องน่ารำคาญใจที่เกิดขึ้นเพราะว่างเกินไป แต่สำหรับการฝึกตน สภาพแวดล้อมแบบนี้เหมาะสมที่สุดแล้ว แต่ความยุ่งยากที่ควรจะมาก็ยังต้องมา

ในจวนผู้บัญชาการใหญ่ ผู้บัญชาการทั้งสี่รวมตัวกันรออยู่ พวกเขากระซิบกระซาบคุยกัน ไม่รู้ว่าจู่ๆ ผู้บัญชาการใหญ่เรียกพบด้วยเรื่องอะไร

เมื่อเห็นโค่วเหวินหลานออกมา ทุกคนก็ทำสีหน้าจริงจังทันที แล้วคำนับพร้อมกัน “คำนับผู้บัญชาการใหญ่!”

ไม่กี่ปีมานี้ ใบหน้าของโค่วเหวินหลานค่อยๆ เปลี่ยนเป็นขาวขึ้นแล้ว แต่ในตอนนี้เหมือนจะสีหน้าค่อนข้างจริงจังหนักแน่น  กวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “คาดว่าพวกเจ้าคงจะรู้แล้ว ปีหน้าตำหนักสวรรค์จะสุ่มทดสอบครั้งแรกในรอบพันปี ข้ารู้สถานการณ์มาล่วงหน้าจากแหล่งข่าว ระดับที่จะต้องสุ่มทดสอบครั้งนี้คือระดับผู้บัญชาการอย่างพวกเจ้า จะสุ่มผู้บัญชาการหนึ่งพันคนจากที่ต่างๆ มาทำการทดสอบ ดูว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีหรือเปล่า!”

ทั้งสี่ตะลึงงัน การสุ่มทดสอบแบบนี้ สุ่มเฉพาะระดับผู้บัญชาการใหญ่ขึ้นไปไม่ใช่เหรอ ผู้บัญชาการเล็กๆ อย่างพวกเรามีอะไรน่าทดสอบ? มู่หรงซิงหัวผู้บัญชาการเขตเมืองเหนือกุมหมัดถามว่า “ฟังจากที่ผู้บัญชาการใหญ่กล่าว หรือว่าหนึ่งในพวกเราสี่คนจะมีคนโดนสุ่มแล้ว?”

“ในบรรดาพวกเจ้าสี่คน โดนเลือกกันทั้งหมด!” โค่วเหวินหลานตอบอย่างชัดถ่อยชัดคำ

ทั้งสี่พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง เรื่องนี้ผิดปกติเกินไปแล้ว

“ผู้บัญชาการจากที่ต่างๆ มีเยอะจนนับไม่ถ้วน สุ่มเลือกจากหนึ่งพันคน ทำไมบังเอิญสุ่มได้พวกเราสี่คนพอดีเลยล่ะขอรับ?” หยางไท่ผู้บัญชาการเขตเมืองใต้ถาม

โค่วเหวินหลานตอบด้วยเสียงทุ่มต่ำว่า “เรื่องนี้ข้าสืบมาชัดเจนแล้ว เซี่ยโห้วหลงเฉิงเล่นไม่ซื่ออยู่เบื้องหลัง หลังจากเขาถูกคุมตัวไปรับโทษที่ตำหนักสวรรค์เสร็จ ก็เข้าร่วมเป็นที่ปรึกษาในการสุ่มทดสอบครั้งนี้ ครั้งนี้เลยสุ่มระดับผู้บัญชาการ เจ้าบ้านี่มันสร้างผลงานอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเลย!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset