เซี่ยโห้วหลงเฉิง? ที่แท้ก็เป็นเจ้าบ้านี่เองเหรอ! เหมียวอี้กับสวีถังหรานร่ำร้องในใจพร้อมกัน ทำไมไอ้หมีควายนั่นไม่ไปตายซะ ช่างเป็นผีที่วิญญาณไม่สูญสลาย!
ทุกคนเข้าใจในชั่วพริบตาเดียว ไม่ต้องพูดแล้ว ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นแค่ที่ปรึกษาที่ทำงานแทนคนอื่น แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่มีอำนาจหนุนหลังแข็งแกร่ง! ทำให้เกิดการสุ่มทดสอบระดับผู้บัญชาการได้ ก็ชัดเจนแล้วว่าพุ่งเป้ามาทางนี้ ครั้งก่อนโดนโค่วเหวินหลานกดดันให้ออกไป ครั้งนี้อีกฝ่ายกลับมาโต้ตอบแล้ว ถ้าไม่ได้ชำระแค้นก็ไม่ยอมเลิกรา!
พอได้ยินชื่อเซี่ยโห้วหลงเฉิง มู่หรงซิงหัวกับหยางไท่ก็มองไปทางเหมียวอี้กับสวีถังหรานแทบจะพร้อมกัน หลังจากเหมียวอี้เห็นสายตาของทั้งสอง ตัวเองก็ไม่อยากเป็นตัวการเพียงคนเดียวในสายตาทุกคน จึงหันไปมองสวีถังหราน ราวกับกำลังบอกว่าไม่เกี่ยวกับข้านะ ทั้งหมดเป็นเพราะสวีถังหราน
ที่จริงเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะมาคิดบัญชีกับเหมียวอี้หรือไม่ เขาเองก็ไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด ทำได้เพียงร่ำร้องในใจ เจ้าหมีควายเซี่ยโห้วหลงเฉิงนั่นเรียนรู้จนฉลาดแล้ว เมื่อก่อนใช้กำลังปะทะตรงๆ แล้วเสียเปรียบบ่อย ตอนนี้รู้จักเล่นสกปรกลับหลังแล้ว อาศัยภูมิหลังของเจ้าบ้านั่น ถ้าเล่นสกปรกขึ้นมา ก็จะเล่นถึงขั้นมีคนตายแน่นอน
เหมียวอี้สงสัยว่าเรื่องนี้มีใครออกความคิดให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ไม่อย่างนั้นอาศัยสมองอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิง ก็ไม่มีทางอดทนรอเวลาอย่างช้าๆ เพื่อล้างแค้นแบบนี้ได้เลย
ถึงแม้แขนของสวีถังหรานจะงอกออกมาแล้ว แต่ในใจกลับเป็นทุกข์มาก เขายังจดจำดาบนั้นของเซี่ยโห้วหลงเฉิงได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้น มันแทบจะฟันเขาขาดครึ่งท่อนแล้ว
ที่จริงเขารับตำแหน่งผู้บัญชาการนี้ได้อย่างน่าสงสารมากทีเดียว เมื่อเซี่ยโห้วหลงเฉิงบุกมาคราวนั้น ประกอบกับคำเตือนตอนที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงโดนจับไป หลังจากเขาได้นั่งรักษาการณ์ที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันตก ยามปกติก็แทบจะไม่กล้าออกจากประตูจวนเลย กลัวว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะโผล่มาเอาดาบฟันอีก คนบ้าอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่สนใจเหตุผลอะไรทั้งนั้น เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุขึ้นซ้ำอีกครั้ง สิ่งนี้แทบจะกลายเป็นอาการป่วยจิตของเขา ตอนนี้พอได้รู้ว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงเล่นแบบนี้ ก็ขนหัวลุกจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความคิดแรกก็คือพุ่งเป้ามาที่เขา ดีไม่ดีถ้าไม่เล่นงานเขาจนถึงตาย อีกฝ่ายก็อาจจะไม่เลิกรา!
หลังจากสบตากับหยางไท่แวบหนึ่ง ในที่สุดมู่หรงซิงหัวก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ข้าน้อยกับหยางไท่ไม่มีความแค้นกับเซี่ยโห้วหลงเฉิง เขาจะนับพวกเราสองคนไปด้วยทำไม?”
โค่วเหวินหลานตอบว่า “คิดบัญชีหนิวโหย่วเต๋อกับสวีถังหรานเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ที่นับพวกเจ้าสองคนไปด้วยก็ย่อมเป็นเพราะพุ่งเป้ามาที่ข้า ลองคิดดูสิ ถ้าใต้สังกัดข้าไม่มีผู้บัญชาการที่เหมาะสมกับตำแหน่งเลยสักคน นั่นก็แปลว่าผู้บัญชาการใหญ่อย่างข้าก็ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งเหมือนกัน ไม่เข้าใจว่าจะเป็นผู้บัญชาการที่ดีได้ยังไง จะได้ฉวยโอกาสดึงข้าลงจากตำแหน่งเพื่อล้างความอัปยศ!”
มู่หรงซิงหัวกับหยางไท่สบตากันแวบหนึ่ง ได้แอบทอดถอนใจ พวกเราไปมีเรื่องกับใครเสียที่ไหนล่ะ อยู่ดีๆ ก็ลำบากไปด้วยแบบนี้ ไม่ได้รับความเป็นธรรม!
“ในเมื่อผู้บัญชาการใหญ่รู้ว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงพุ่งเป้ามาที่ท่าน เหตุใดท่านจึงไม่ห้ามล่ะ?” หยางไท่ถาม
โค่วเหวินหลานตอบว่า “แต่ไหนแต่ไรมา ถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงมีความแค้นก็จะล้างแค้นทันที พอเรื่องนี้เปิดเผยออกมา ก็ดูไม่เหมือนนิสัยของเซี่ยโห้วหลงเฉิงเลย ตอนแรกข้ายังไม่สังเกต แต่หลังจากรอจนแน่ใจเรื่องนี้แล้ว รอจนชื่อของพวกเจ้าถูกรายงานขึ้นไปรวมกับหนึ่งพันรายชื่อ จนได้รับการอนุมัติจากราชันสวรรค์แล้ว คำสั่งของราชันสวรรค์จะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ต่อให้มีคนสามารถโน้มน้าวราชันสวรรค์ให้ยกเลิกคำสั่งได้ แต่คงไม่เอ่ยปากเพื่อคนต่ำต้อยไร้ความสำคัญอย่างพวกเราหรอก ดังนั้นเรื่องนี้จึงหลีกเลี่ยงได้ยากแล้ว!”
พวกลูกน้องพูดไม่ออก โดยเฉพาะสวีถังหราน สีหน้าซีดเผือดไปแล้ว กำลังหวาดกลัวว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะใช้วิธีการอะไรทำให้เขาตาย
จู่ๆ โค่วเหวินหลานก็ยืนขึ้น “ข้ารู้ว่าทุกคนเดาประวัติภูมิหลังของข้าออก วันนี้ผู้บัญชาการคนนี้จะบอกความจริงให้ทุกคนรู้ อ๋องสวรรค์โค่ว หนึ่งในอ๋องสวรรค์ของตำหนักสวรรค์คือปู่ของข้าเอง!”
ทุกคนอึ้งทันที แต่กลับไม่แปลกใจ ที่จริงทุกคนเดาออกตั้งนานแล้วว่าเขามาจากตระกูลโค่ว คนที่มีอำนาจหนุนหลังใหญ่ขนาดนั้นที่ตำหนักสวรรค์ ทั้งยังแซ่โค่ว ก็คงจะมีแค่ท่านนั้นแล้ว เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าโค่วเหวินหลานจะเป็นหลานชายของอ๋องสวรรค์โค่ว แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าในบรรดาหลานของอ๋องสวรรค์โค่ว เขามีฐานะเป็นอย่างไร
“ภูมิหลังของเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าข้า อาหญิงของเขาเป็นราชินีสวรรค์ เป็นมารดาแห่งใต้หล้า ไม่ได้อยู่ในลำดับอาวุโส แต่เป็นอาแท้ๆ!” โค่วเหวินหลานกล่าวเสริมอย่างช้าๆ
เรื่องนี้ทุกคนก็เดาได้แล้วเหมือนกัน ราชินีสวรรค์คนปัจจุบันแซ่เซี่ยโห้ว ทุกคนสงสัยนานแล้วว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงมาจากตระกูลเซี่ยโห้ว เพียงแต่เดาไม่ถูกว่ามีความสัมพันธ์อย่างไร และนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะเป็นหลานชายแท้ๆ ของราชินีสวรรค์ ภูมิหลังแบบนี้น่าตกใจเกินไปแล้ว นี่เป็นภูมิหลังที่อยู่ระดับสูงสุดแล้ว สวีถังหรานตกใจจนแทบเข่าอ่อน
แต่สิ่งที่ทั้งสี่สงสัยก็คือ ถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงมีคนหนุนหลังใหญ่ขนาดนั้น ทำไมโค่วเหวินหลานถึงกล้าสู้กับเซี่ยโห้วหลงเฉิงล่ะ?
สุดท้ายก็ยังเป็นโค่วเหวินหลานที่เปิดเผยเบื้องลึกของตัวเอง “ข้ารู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไร ที่จริงเรื่องราวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิด ราชินีสวรรค์ก็คือราชินีสวรรค์ ตระกูลเซี่ยโห้วก็คือตระกูลเซี่ยโห้ว ถึงอย่างไรเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ไม่ได้รับความเอ็นดูจากตระกูลเซี่ยโห้วสักเท่าไร เหตุผลก็ไม่ซับซ้อนเลย ทุกคนก็รู้จักนิสัยเซี่ยโห้วหลงเฉิงดี เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะใช้ให้ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญ ดังนั้นทุกคนจึงไม่ต้องกลัว ถึงแม้เรื่องสุ่มทดสอบครั้งนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว แต่ข้าก็หาคนไปเข้าร่วมด้วยเหมือนกัน ไม่ให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงทำอะไรพวกเจ้าอย่างโจ่งแจ้งแน่ แต่พวกเจ้าต้องพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้ผ่านการทดสอบครั้งนี้…ข้าจะพูดให้ชัดเจนกว่านี้อีกหน่อยแล้วกัน การทดสอบของพวกเจ้าครั้งนี้สำคัญกับข้ามาก ถ้าถ่วงขาให้ข้าถอยหลัง ในภายหลังถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะทำอะไรกับพวกเจ้า นั่นก็ไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว แต่ถ้าใครสามารถทดสอบได้อันดับดีๆ ไม่ช้าก็เร็วที่ตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของข้าจะเป็นของเขา แล้วข้าจะบรรจุเขาให้เป็นข้ารับใช้ของตระกูลโค่วด้วย ในภายหลังถ้าพบปัญหาความยุ่งยากอะไร ตระกูลโค่วของข้าจะไม่นิ่งดูดายแน่!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ทุกคนก็ทั้งตกใจทั้งดีใจ! เหมียวอี้พึมพำในใจ สงสัยว่าระหว่างโค่วเหวินหลานกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงเป็นอย่างไรกันแน่ ดูจากที่พวกเขาสองคนสู้กัน เหมือนจะไม่ใช่เพราะหวงฝู่จวินโหรวอย่างเดียว เมื่อใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานๆ เขาก็มองออก ว่าที่จริงโค่วเหวินหลานไม่ได้สนใจหวงฝู่จวินโหรวสักเท่าไรเลย เป็นเพราะรู้ว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงชอบหวงฝู่จวินโหรว เขาถึงได้มาแย่งชิง แต่พอเซี่ยโห้วหลงเฉิงไปแล้ว ก็ไม่เห็นว่าโค่วเหวินหลานจะไปมาหาสู่กับหวงฝู่จวินโหรวอีก ในนั้นมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรกันแน่?
“ผู้บัญชาการใหญ่ ไม่ทราบว่าจะทดสอบอะไรขอรับ?” เหมียวอี้กุมหมัดถาม แล้วบอกว่า “ถ้ารู้แต่เนิ่นๆ พวกเราจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า”
โค่วเหวินหลานตอบว่า “ที่บอกให้พวกเจ้ารู้ล่วงหน้าตอนนี้ ก็เพราะอยากให้พวกเจ้าเตรียมตัวได้อย่างเต็มที่ ส่วนจะทดสอบหัวข้ออะไร ตอนนี้ยังไม่มีหัวข้อออกมา หลักๆ เป็นเพราะป้องกันไม่ให้มีคนโกง หัวข้อทดสอบเป็นเรื่องสำคัญ เกรงว่าคงรอให้ใกล้ถึงเวลาค่อยตัดสินใจ ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งปีก่อนทดสอบ พวกเจ้าเตรียมใจไว้ก่อนเถอะ ข้าจะคอยช่วยเฝ้าสืบข่าวให้พวกเจ้าตลอดเวลา จะช่วยพวกเจ้าเตรียมตัวจากอีกด้านหนึ่ง ไม่ให้พวกเจ้าแพ้ตั้งแต่เริ่มต้น”
“ขอบคุณผู้บัญชาการใหญ่!” ทุกคนทำได้เพียงกล่าวขอบคุณแบบปากไม่ตรงกับใจ จากนั้นก็แยกย้ายกันไป
แต่เหมียวอี้กลับยังไม่รีบไป
โค่วเหวินหลานเหมือนดูออกว่าเขามีอย่างอื่นจะพูด จึงถามว่า “ยังมีคำถามอะไรอีก?”
เหมียวอี้ตอบอย่างลังเลว่า “ผู้บัญชาการใหญ่ เพื่อที่จะรับมือกับการทดสอบ ข้าอยากจะหาที่ที่เหมาะสมเพื่อเก็บตัวฝึกฝนทักษะการต่อสู้ อาจจะต้องจากที่นี่ไปสักระยะหนึ่ง อยากจะลาหยุดก่อนขอรับ”
“ฝึกฝนทักษะการต่อสู้เหรอ?” โค่วเหวินหลานสะบัดผ้าเช็ดหน้าออกมาลูบหน้าอย่างสงสัยครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าตอบทันที “วรยุทธ์ของเจ้าต่ำไปหน่อย การทดสอบครั้งนี้ทำให้เจ้าลำบากจริงๆ ถ้าอยากจะบรรลุวรยุทธ์ภายในเวลาสั้นๆ ก็เป็นไปไม่ได้ เพิ่มพูนทักษะการต่อสู้ก็เป็นวิธีที่ดีเหมือนกัน เพียงแต่เวลาหนึ่งปีจะได้ผลเหรอ?”
“พอจะหาต้นสายปลายเหตุได้บ้างแล้ว อาจจะต้องใช้สภาพแวดล้อมภายนอกเพื่อช่วยกระตุ้น ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลองดูก่อนขอรับ” เหมียวอี้ตอบ
“ไปเถอะ! ก่อนไปอย่าลืมจัดการงานของเขตเมืองตะวันออกให้เรียบร้อย” โค่วเหวินหลานตอบรับอย่างสบายใจแล้ว
“ขอบคุณที่ผู้บัญชาการใหญ่ช่วยให้สมปรารถนา!” เหมียวอี้กล่าวขอบคุณแล้วขอตัวออกมา
หลังจากออกจากตำหนักคุ้มเมือง กลับพบว่าสวีถังหรานยังไม่กลับไป เหมียวอี้ยังนึกว่าเขามีธุระกับผู้บัญชาการใหญ่ แต่ตอนที่กุมหมัดอำลากลับโดนสวีถังหรานดึงแขนไว้ “ผู้บัญชาการหนิว คืนนี้ว่างมั้ย?”
“ไม่ว่าง!” เหมียวอี้ไม่สนใจว่าเขาจะมีธุระอะไร ปฏิเสธไปอย่างนั้นเสียเลย แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่เคยเกรงใจสวีถังหรานอยู่แล้ว ตอนแรกไม่ได้ฆ่าเจ้าเวรนี่ทิ้ง โรงภัยแฝงที่จะกำเริบตอนหลังยังคงอยู่
“เฮ้อ! น้องชาย…น้องชาย…” สวีถังหรานรีบดึงแขนเขาไว้ แล้วยิ้มสู้ “ไว้หน้าสักครั้งเถอะ คืนนี้ในจวนของข้าจัดงานเลี้ยง แถมยังเชิญผู้บัญชาการหรงมู่กับผู้บัญชาการหยาง พวกเขาตอบตกลงที่จะไปร่วมงานเลี้ยงแล้ว จะขาดเจ้าไปสักคนได้อย่างไร สามขาดหนึ่งจะดูไม่ดีใช่มั้ยล่ะ? เดี๋ยวข้าเชิญเสวี่ยหลิงหลงจากหอกลิ่นสวรรค์มาช่วยเพิ่มความบันเทิง เป็นอย่างไร?”
“เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?” เหมียวอี้สงสัย
“ย่อมเกี่ยวข้องกับเรื่องการทดสอบครั้งนี้ของพวกเราอยู่แล้ว”
“การทดสอบ?” เหมียวอี้พึมพำ มองเขาศีรษะจดเท้าแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ก็ได้ ถ้าถึงเวลาแล้วว่างข้าจะไป” พูดจบก็สะบัดมือเขาออกแล้วเดินก้าวยาวออกไป
“ถึงตอนนั้นข้าจะส่งคนไปเชิญน้องชายนะ!” สวีถังหรานรีบตะโกนเสริมอย่างร่าเริง
เมื่อกลับมาที่เขตเมืองตะวันออก เหมียวอี้ก็ยังไม่กลับจวนผู้บัญชาการ ขณะที่กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็เดินมาถึงร้านโฉมเมฆาโดยไม่รู้ตัว
ขณะกำลังจะเดินเข้าไป เขาหันกลับมาแล้วพบว่าเป่าเหลียนที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดคำสั่งอยู่ข้างกายเขายังคงติดตามเขาอยู่ จึงยิ้มพร้อมบอกว่า “ที่ข้าไม่มีธุระอะไรแล้ว เจ้ากลับไปก่อนเถอะ”
“ค่ะ!” เป่าเหลียนเอ่ยรับ ขณะมองร่างเขาเดินเข้าร้านโฉมเมฆาไป ในดวงตาก็ฉายแววสับสน เรื่องที่เหมียวอี้กำลังตามจีบเถ้าแก่เนี้ยร้านนี้ นางเองย่อมได้ยินข่าวมาแล้วเหมือนกัน
พอเข้ามาข้างในแล้วถามบัณฑิตที่อยู่หลังโต๊ะคิดเงินว่าเถ้าแก่เนี้ยอยู่หรือไม่ ถึงได้รู้ว่าหวงฝู่จวินโหรวก็อยู่เหมือนกัน เหมียวอี้หันเลี้ยวเตรียมจะหนี แต่ก็หยุดฝีเท้ากะทันหัน คิดไปคิดมาก็ตัดสินใจว่าเข้าไปด้านหลังดีกว่า
ในศาลาของลานบ้านด้านหลังที่มีภูเขาปลอมเป็นฉากกั้น อวิ๋นจือชิวกำลังพูดคุยยิ้มแย้มกับหวงฝู่จวินโหรว
เหมียวอี้เดินอ้อมภูเขาปลอมเข้ามา แล้วกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่เนี้ย…ผู้จัดการร้านหวงฝู่ก็อยู่ด้วยเหรอ?”
หลังจากสองสาวยืนขึ้นแล้ว อวิ๋นจือชิวก็แสร้งคำนับอย่างสงบเสงี่ยม “คำนับผู้บัญชาการหนิวค่ะ”
“ผู้บัญชาการหนิว!” หวงฝู่จวินโหรวยิ้มหยอกเย้า ทำให้เหมียวอี้ค่อนข้างอึดอัด
อวิ๋นจือชิวที่หางตากำลังสังเกตปฏิกิริยาของทั้งสองเลิกคิ้วเล็กน้อย จาดนั้นก็เชิญให้นั่ง แล้วสั่งให้เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์นำน้ำชามาวาง
“สาวสวยสองคนกำลังคุยอะไรกันอยู่ที่นี่ ดูท่าทางเบิกบานใจเชียว?” เหมียวอี้นั่งลงพร้อมกล่าวกลั้วหัวเราะ
หวงฝู่จวินโหรวยิ้มอย่างสนิทสนมพร้อมตอบว่า “กำลังถามว่าสามีของพี่อวิ๋นจะมาเมื่อไร อยากจะชื่นชมความสง่างามสักครั้ง”
อวิ๋นจือชิวหัวเราะแล้วพูดต่อว่า “น้องหวงฝู่สนใจสามีของข้าขนาดนี้ ข้าไม่กล้าพาเขามาแล้วล่ะ ถ้าน้องหวงฝู่ถูกใจเขาขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะ?”
คำพูดนี้…เหมียวอี้กำหมัดแล้วไอแห้งๆ แต่ใครจะคิดว่าหวงฝู่จวินโหรวกลับพูดเสริมอีกว่า “ข้าร้อนใจแทนผู้บัญชาการหนิว ใครๆ ก็รู้ถึงความจริงใจที่ผู้บัญชาการหนิวมีให้พี่อวิ๋น”
อวิ๋นจือชิวส่ายหน้า “น้องสาวเล่นมุขแล้ว ข้าเป็นคนที่มีสามีแล้ว ไม่มีความคิดจะแต่งงานอีกรอบหรอก”
“แบบนี้จะไม่ทำให้ผู้บัญชาการหนิวหดหู่ใจหรอกเหรอ” หวงฝู่จวินโหรวเอามือป้องปากหัวเราะ แต่ใต้โต๊ะกลับใช้ปลายเท้าสะกิดเหมียวอี้เบาๆ ราวกับกำลังบอกว่า ได้ยินหรือยัง ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายหรือยัง อีกฝ่ายไม่มีทางยอมรับที่โดนเจ้าจีบ รีบถือโอกาสตัดใจซะเถอะ!
…………………………