พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 1000 เคล็ดวิชาเพลิงใจ

บทที่ 1000 เคล็ดวิชาเพลิงใจ

ผลปรากฏว่า จบลงด้วยการที่เขากระอักเลือดออกมา บาดเจ็บสาหัสอีกแล้ว!

กลุ่มปีศาจรีบพุ่งตัวเข้ามาอีกครั้ง เพราะสำหรับทุกคนแล้ว เจ้าหนุ่มนี่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องสำคัญ จะตายไม่ได้!

รอจนกระทั่งเหมียวอี้หายจากอาการบาดเจ็บ แล้วออกมาอีกครั้ง ทุกคนก็เรียกได้ว่าเกลี้ยกล่อมอย่างยากลำบาก ไม่ต้องเล่นแล้ว ใครเขาฝึกตนกันแบบนี้บ้าง อย่างน้อยเจ้าก็ต้องจับต้นชนปลายได้บ้างสิ ขนาดจับต้นชนปลายไม่ถูกก็ยังจะเล่นแบบนี้อีก แบบนี้ไม่ใช่การเอาชีวิตมาล้อเล่นหรอกเหรอ!

เขาดื้อดึงที่จะทดลอง ห้ามไม่อยู่ คนที่เหลือทำได้เพียงตามเขามาที่หาดทราย มายืนอยู่ข้างหลังเขาเพื่อคอยเตรียมตัวกับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด

เมื่อเห็นเขากำลังรวบรวมจิงชี่เสิน จู่ๆ ชิงเฟิงก็บอกว่า “คุณชายห้า ท่านไม่ลองเปลี่ยนวิธีการดูหน่อยล่ะ เก็บพลังในรวดเดียวกะทันหันเกินไป ท่านทนรับไม่ไหว ไม่ลองเก็บพลังให้น้อยลงล่ะ ปล่อยออกมาเก้าทวนก่อน แล้วเก็บพลังทวนสุดท้ายเอาไว้ พลังอิทธิฤทธิ์ที่ย้อนทำร้ายจะได้ไม่รุนแรงขนาดนั้น”

เหมียวอี้ตะลึงงัน นี่คือวิธีที่ดี จากนั้นก็รวบรวมจิงชี่เสินอีกครั้ง

ชั่วพริบตาเดียวที่เคลื่อนไหว แสงเย็นที่ดุร้ายไร้ที่เปรียบเก้าสายถูกยิงออกมา สายสุดท้ายถูกบังคับหยุดเอาไว้ได้

บึ้ม! ทวนในมือระเบิดกลายเป็นผุยผงอีกครั้ง “พลั่ก!” ไม่ใช่แค่กระอักเลือดสดออกมา แต่เหมียวอี้ก็กระเด็นถอยหลังกลับมาเช่นกัน แม้แต่เสื้อผ้าบนตัวก็ระเบิดกลายเป็นฝุ่นผงเช่นกัน เขาตกกระแทกลงบนหาดทราย สลบเหมือนตายอีกครั้ง!

ทุกคนพุ่งเข้ามาตรวจดูอาการทันที ผลก็คือพบว่าครั้งนี้บาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าเดิม แม้แต่กระดูกในร่างกายก็หักหลายจุด

นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมอานุภาพลดลงแล้ว แต่กลับบาดเจ็บสาหัสยิ่งกว่าเดิมล่ะ?

อิงอู๋ตี๋รีบร่ายอิทธิฤทธิ์รักษา ส่วนชิงเฟิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่พูดอะไร เหมือนกำลังครุ่นคิดว่าปัญหาอยู่ตรงไหน

ส่วนหูเฟยก็เอามือปิดปาก ดวงตาฉายแววแปลกพิลึก มองดูท่อนล่างที่เปลือยเปล่าของเหมียวอี้หลายครั้ง ตอนแรกคนอื่นยังไม่สนใจ แต่เลี่ยหวนกลับสังเกตเห็นแล้ว ตอนนี้เขาอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้มาก รีบเอาตัวเข้ามาขวางทันที ปิดบังสายตาของหูเฟยเอาไว้ ทำให้หูเฟยกลอกตามองบน

ครั้งนี้เลี่ยหวนเริ่มปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างเตียงคุณชายห้าเหมียวทั้งวันทั้งคืน ไม่ออกห่างแม้แต่ก้าวเดียว! บางครั้งก็ออกจากถ้ำมาดูข้างนอกบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าจะเห็นหูเฟยกับราชาปีศาจทะเลครามกำลังเล่นน้ำตัวเปียกอยู่ริมทะเลด้วยกัน เขาคำรามอย่างเดือดดาลทันที ตะคอกถามราชาปีศาจทะเลครามว่า “ไอ้สัตว์เดรัจฉาน เจ้ากำลังเอามือลูบไล้อะไรอยู่!”

นึกถึงเมื่อก่อน ถึงอย่างไรเขาก็คือราชาปีศาจเลี่ยหวนผู้มีชื่อเสียงโด่งดังของพิภพเล็ก อำนาจบารมีแผ่ไปทั่วทิศ เมื่ออยู่ในบ้านก็พูดจามีน้ำหนักน่าเชื่อถือ แต่เพราะเรื่องที่หอโคมเขียวครั้งนั้น การล้างแค้นของหูเฟยทำให้เขาทรมานจนแทบจะเป็นบ้าแล้วจริงๆ คาดว่าคงใกล้ถึงเวลาที่จะได้คุกเข่าขอร้องแล้ว!

หลังจากเหมียวอี้ฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง ทุกคนถึงได้เข้าใจว่าปัญหาอยู่ตรงไหน

เมื่อหยุดออกทวนหนึ่งครั้ง อานุภาพของพลังที่ย้อนทำร้ายก็ลดลงแล้ว แต่ประเด็นสำคัญก็คือเก้าทวนก่อนหน้าได้ทำให้เขาสูญเสียจิงชี่เสินไปเกือบหมด การที่จิงชี่เสินเซื่องซึมแบบนี้ ทำให้เขาไม่สามารถรวบรวมสมาธิเพื่อร่ายอิทธิฤทธิ์ต้านทานได้ทันเวลา ถึงแม้อานุภาพจะลดลง แต่เป็นครั้งที่กายเนื้อต้องทนรับกับพลังย้อนทำร้ายเข้าอย่างจัง

อาศัยวรยุทธ์ของเขาในตอนนี้ ถ้าประมาทเพียงนิดเดียว ก็สามารถทำให้กายเนื้อฉีกขาดได้เลย เคราะห์ดีที่ยังมีการป้องกันไว้บ้างนิดหน่อย ไม่อย่างนั้นครั้งนี้คงอันตรายถึงชีวิตแล้ว

หลังจากได้ยินคำอธิบายนี้ ทุกคนที่กำลังล้อมอยู่ข้างเตียงก็มองชิงเฟิงด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนกำลังบอกว่า ดูความคิดโง่ๆ ที่เจ้าเสนอขึ้นมาสิ

ชิงเฟิงเงยหน้ามองอย่างพูดไม่ออก ใครจะไปรู้วะ!

แต่เหมียวอี้กลับตื่นเต้นดีใจมาก คิดว่าสามารถจับต้นชนปลายได้บ้างแล้ว ในเมื่อหนึ่งทวนไม่สำเร็จ เก้าทวนไม่สำเร็จ เช่นนั้นก็แบ่งที่ตรงกลางแล้วกัน คาดว่าห้าทวนคงจะเหมาะสมที่สุด

เหมือนที่เขาเดาไว้ไม่มีผิด พอได้ทดลอง เขาก็กระอักเลือดเซถอยหลังอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ได้สลบเป็นตาย เพียงแค่ยืนโซเซอยู่อย่างนั้น อาการบาดเจ็บก็ไม่ได้รุนแรงเท่าก่อนหน้านี้แล้ว

ทุกคนต่างก็รู้สึกดีใจแทนเขา คิดว่าในที่สุดเขาก็จับต้นชนปลายได้แล้ว อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะเสียชีวิต

ดังนั้นเขาจึงบาดเจ็บอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งปีก็พบว่าตัวเองเริ่มทนไม่ไหว ไม่มีสมุนไพรเซียนซิงหัวมาให้เขาผลาญเล่นมากมายขนาดนั้น แต่ถ้าไม่ใช้สมุนไพรเซียนซิงหัว การฟื้นตัวก็จะเชื่องช้า เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งปี จะเอาเวลาว่างจากไหนมากมายเยียวยาให้เขา

ยังมีอีกปัญหาหนึ่งก็คือ ต่อให้ควบคุมกระบวนท่าหนึ่งทวนสิบสังหารให้กลายเป็นหนึ่งทวนห้าสังหารก็ไม่มีความหมาย ทำให้ตัวเองบาดเจ็บจนเดินโซเซ จะต่างอะไรกับการสิ้นเปลืองจิงชี่เสินล่ะ? ยามสู้กับศัตรูจะมีอะไรแตกต่างกันเหรอ?

อิงอู๋ตี๋เองก็มองเบาะแสออกเหมือนกัน รอจนกระทั่งเหมียวอี้ฟื้นตัวและออกจากถ้ำอีกครั้ง เขาก็มารออยู่ที่ปากถ้ำแล้ว “เจ้าห้า เจ้าทำแบบนี้ซ้ำๆ แล้วสังเกตเห็นอะไรบางหรือยัง?”

ตรงจุดไกลๆ คือคลื่นสีครามหมื่นลี้ ลมทะเลพัดเข้ามาปะทะหน้า เหมียวอี้ยิ้มเจื่อนขณะทอดสายตามองไปไกลๆ ได้แต่ส่ายหน้าอยู่อย่างนั้น

อิงอู๋ตี๋ “เรื่องแบบนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากหรอก ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เคยมีใครประสบมาก่อน ถ้าอยากจะบุกเบิกช่องทางใหม่ก็ไม่ง่าย จำเป็นต้องมีจังหวะดีๆ เมื่อน้ำมาคลองเกิด ความสำเร็จก็ย่อมมาถึงเอง ถ้าหลับหูหลับตาพุ่งชน โอกาสสมหวังก็มีน้อยมาก มิหนำซ้ำเวลายังสั้นเกินไป สำหรับคนในแดนฝึกตน เวลาหนึ่งปีนับว่าสั้นเกินไปจริงๆ”

เหมียวอี้ที่ดื้อหัวชนฝาครั้งแล้วครั้งเล่าได้รับคำชี้แนะจากเข ไม่รับคำชี้แนะก็คงไม่ได้แล้ว สมุนไพรเซียนซิงหัวเหลือไม่เยอะ ทุกคนนำสมุนไพรซิงหัวที่อยู่ในมือตัวเองมาให้เขาใช้อย่างสิ้นเปลือง

เขาจึงหยุดวิธีการฝึกแบบนี้เอาไว้ชั่วคราว แล้วพาราชาปีศาจทะเลครามออกทะเลไปไกลร้อยลี้

ท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล หลังจากทั้งสองหยุดเหยียบบนคลื่น เหมียวอี้ก็กำหมัดสองข้าง เสื้อผ้าบนตัวฉีกขาด เปลือยร่างกายโดยใส่กางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว แล้วกระโดดดำลงไปในทะเลลึกก่อน จากนั้นราชาปีศาจทะเลครามก็ตามลงไปทันที

เมื่อจมลึกลงไปที่ก้นทะเลหนึ่งหมื่นจั้ง อาศัยแรงดันมหาศาลของทะเลลึก บวกกับการร่ายอิทธิฤทธิ์ของราชาปีศาจทะเลคราม ความน่ากลัวของแรงดันมหาศาลก้นทะเลทำให้เหมียวอี้ก้าวเท้าลำบากมาก

“เริ่มเลยเถอะ!” เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงบอก

ภายใต้ร่ายอิทธิฤทธิ์ของราชาปีศาจทะเลคราม ที่ก้นทะเลมีคลื่นแฝงกลุ่มหนึ่งซัดขึ้นมาทันที กลายเป็นธนูน้ำยิงโจมตีไปทางเหมียวอี้

เหมียวอี้ที่กำลังหลับตาออกแรงชกโจมตีหนึ่งหมัด ทำให้ธนูน้ำพลังทลาย

ตอนที่เหล่าไป๋ชี้แนะเขาในปีนั้น สิ่งที่เขาใช้คืออาวุธ แต่ตอนนี้กลับชกมือเปล่า สาเหตุที่ใช้หมัดเปล่า วิธีคิดของเขาก็เรียบง่ายมาก ในเมื่อใช้ทวนแล้วเกิดจุดสีดำ เช่นนั้นถ้าหลังจากหมัดของเขามีอานุภาพเพียงพอแล้ว ก็จะสามารถเพิ่มอานุภาพแบบนี้ให้หมัดและเท้าได้เหมือนกัน?

ความจริงที่เกิดขึ้นบนดรรชนีกระบี่ของชิงเฟิง ได้มอบความมั่นใจให้เขาสูงมาก!

เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ราชาปีศาจทะเลครามพบว่าเหมียวอี้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของแรงดันในทะเล จนทำให้ร่างกายตัวเองปรับตัวได้ไว เรียกได้ว่าก้าวหน้ารวดเร็วมาก สิ่งนี้ทำให้เขาตกตะลึง จุดที่สำคัญก็คือ เขาพบว่าความสามารถในการแยกแยะของเหมียวอี้ยามอยู่ในความมืดน่าทึ่งมาก เพราะเหมียวอี้หลับตาเสียเป็นส่วนใหญ่

เริ่มจากการโจมตีด้วยธนูน้ำจำนวนประปราย จนกระทั่งเพิ่มเป็นสิบเป็นร้อย การออกหมัดโจมตีของเหมียวอี้ภายใต้แรงดันก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ทุกครั้งที่มีความก้าวหน้าเกิดขึ้น เหมียวอี้ก็จะเข้าไปในภูเขาไฟ เข้าไปในค่ายกลเพลิงอัคคีที่เลี่ยหวนกับหูเฟยวางไว้

เขายังคงเปลือยร่างและสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียว ส่วนท่าทางประหลาดของหูเฟย เขามองข้ามมันไปตั้งนานแล้ว เขากำลังอยู่ในสภาวะฝึกตน จิตใจไม่วอกแวก ในสายตาเขาตอนนี้ คนที่อยู่รอบกายไม่มีการแบ่งแยกชายหญิง เขาถึงขั้นบอกพวกอวิ๋นจือชิวไว้แล้วด้วย ว่าถ้าไม่มีเรื่องสำคัญก็ห้ามรบกวนเขา

ในค่ายกลเพลิงอัคคี ดาบเพลิงนับไม่ถ้วนล้อมโจมตีเขาด้วยความเร็วสูง จำนวนเริ่มจากน้อยไปมาก เหมียวอี้ที่อยู่ข้างในออกหมัดออกเท้าโจมตีอย่างรวดเร็ว

ตอนที่ดาบเพลิงสามารถโจมตีฝ่าการป้องกันของเขาได้ เขาก็จะหยุดมือ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองลงมือได้ไม่เร็วพอ ก็จะลงไปฝึกฝนอย่างหนักโดยอาศัยแรงดันจากก้นทะเลต่อ

“แรงดันยังไม่พอ! ขอแรงดันที่แรงที่สุด!” เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงอยู่ที่ก้นทะเล

ดังนั้น ทุกครั้งที่เหมียวอี้เหนื่อยจนหมดแรงและโผล่ขึ้นมาที่ผิวทะเล ราชาปีศาจทะเลครามก็เหนื่อยปางตายเหมือนกัน พยายามใช้พลังอิทธิฤทธิ์ควบคุมไม่หยุด เมื่อเวลานานไปเขาก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน

หลังจากเริ่มมีความก้าวหน้า การโจมตีของค่ายกลเพลิงอัคคีกับการโจมตีของธนูน้ำก็ทำให้เหมียวอี้พอใจไม่ได้

ไม่ใช่ว่าเหมียวอี้สามารถรับทุกการโจมตีไหว สาเหตุที่รับไม่ไหว ก็เพราะการโจมตีของดาบเพลิงและธนูน้ำมีความหนาแน่นมากเกินไป แบบนั้นต่อให้ตอบสนองได้เร็วกว่านี้ก็ยากที่จะรับมือได้ ถ้าตัดปัจจัยเรื่องความหนาแน่นในการโจมตีออก การโจมตีที่พุ่งเป้ามาหาเขาจริงๆ กลับไม่ได้รวดเร็ว

วิธีการฝึกความเร็วหมัดสองแบบนี้ยังคงดำเนินต่อไป แต่เหมียวอี้ไม่พอใจ จึงจ้องอิงอู๋ตี๋อีกครั้ง

ราชาปีศาจทะเลครามสร้าง ‘พายุหมุน’ ที่ผิวทะเล ใช้น้ำทะเลก่อพายุหมุนขึ้นมา

อิงอู๋ตี๋และเหมียวอี้เข้าไปในพายุหมุนพร้อมกัน เหมียวอี้หลับตาตอนอยู่ข้างใน เสียงลมพัดรุนแรงเคล้ากับเสียงคลื่น ดังเซ็งแซ่ไร้ที่เปรียบ อิงอู๋ตี๋กลายร่างเป็นเงามายาร้อยร่างและล้อมโจมตีเหมียวอี้อย่างบ้าคลั่งและรวดเร็ว

เหมียวอี้ที่กำลังหลับตารีบลงมือโต้ตอบ เสียงของหมัด กรงเล็บ นิ้ว ฝ่ามือที่ปะทะกันดังราวกับเสียงรัวตีกลอง

เมื่อหยุดพักสนามแรก ‘พายุหมุน’ ก็พังตกลงในน้ำทะเล เหมียวอี้ที่อยู่กลางอากาศก็หอบหายใจพลางตะโกนบอกว่า “พี่สาม ข้าโดนท่านโจมตีหกร้อยยี่สิบสามนิ้ว!”

บนร่างเปลือยท่อนบนและขาสองข้างของเขา ทุกที่มีแต่รอยนิ้วมือของอิงอู๋ตี๋

อิงอู๋ตี๋กลับทั้งตกตะลึงทั้งประหลาดใจ เขาโจมตีต่อเนื่องกันไม่หยุด ลงมือไปอย่างน้อยเป็นหมื่นครั้ง แต่กลับโดนเหมียวอี้แค่หกร้อยกว่าครั้ง

และแน่นอน เขาไม่ได้อาศัยความได้เปรียบของพลังอิทธิฤทธิ์มาควบคุม ไม่อย่างนั้นเหมียวอี้จะโดนแค่หกร้อยกว่าครั้งได้อย่างไร แค่โดนครั้งเดียวก็คงแพ้แล้ว

แต่เหมียวอี้หลับตาประมือกับเขาตั้งแต่ต้นจนจบ ภายใต้สถานการณ์ที่ตามองไม่เห็น แถมสภาพแวดล้อมยังเสียงดังวุ่นวายขนาดนั้น รวมทั้งผลกระทบจากลมแรง ภายใต้เงื่อนไขที่ซับซ้อนขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถหลับตารับกระบวนท่าได้เยอะมาก ยากจะบรรยายความตกตะลึงในใจอิงอู๋ตี๋ได้

ดังนั้น อิงอู๋ตี๋จึงหน้าบึ้งเล็กน้อย “เจ้าห้า หรือว่าเจ้าดูถูกข้า ไม่อย่างนั้นเจ้าจะหลับตาตอนประมือกับข้าทำไม?”

เหมียวอี้ตอบพร้อมยิ้มขื่นขม “พี่สาม ถ้าข้าลืมตาสู้ ข้าคงไม่ได้โดนแค่หกร้อยนิ้วหรอก เกรงว่าหกพันนิ้วยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

“ทำไมล่ะ?” อิงอู๋ตี๋สงสัย

เหมียวอี้เอามือกดที่หัวใจ แล้วตอบว่า “ข้ากำลังใจหัวใจตระหนักรู้ การโจมตีของพี่สามเร็วขนาดนั้น สายตาทำให้ตัดสินพลาดได้ง่าย”

“แบบนี้…” อิงอู๋ตี๋พึมพำ ทำท่าทางครุ่นคิด

หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันฝึกฝนสามวิธีอย่างหนัก เงื่อนไขการฝึกที่ดีขนาดนี้ เป็นสิ่งที่เหมียวอี้ไม่เคยกล้าใฝ่ฝันถึงมาก่อน ตอนนี้เรียกได้ว่าหมกมุ่นกับมันอย่างหิวกระหาย

ตอนที่จำนวนครั้งที่อิงอู๋ตี๋โจมตีโดนเหมียวอี้ลดลงต่ำกว่าหกร้อย ตอนที่ทุกคนรู้สึกถึงความก้าวหน้าขอเหมียวอี้ได้อย่างชัดเจน แต่ละคนก็แอบตกตะลึงในใจ หรือว่าวิธีการฝึกแบบนี้จะได้ผลตามคาดจริงๆ? ดูแล้วเหมือนจะเป็นวิธีการที่ดีมาก…

วิธีการที่ดีขนาดนี้ ย่อมไม่มีใครอยากพลาดอยู่แล้ว ดังนั้นตอนที่เหมียวอี้ไปฝึกโดยใช้วิธีการอื่นหรือตอนพักผ่อนฟื้นฟูพลังอิทธิฤทธิ์ คนอื่นๆ ก็ถือโอกาสฝึกตามด้วยเหมือนกัน

ที่ก้นทะเลฝั่งนี้ เลี่ยหวนถูกธนูน้ำโจมตีจนตาเหลือกและพ่นฟองอากาศออกมา

อีกสักประเดี๋ยวเดียว ราชาปีศาจทะเลครามก็ร้องโวยวายอยู่ท่ามกลางค่ายกลเพลิงอัคคี

สำหรับเรื่องนี้ เหมียวอี้ไม่เก็บมาใส่ใจ และไม่กลัวว่าจะมีคนลอกเลียนแบบด้วย ยิ่งวรยุทธ์สูงขึ้น เขาก็ยิ่งตระหนักอะไรบางอย่างได้ วิธีการแบบเดียวกันใช่ว่าจะได้ผลกับทุกคน กุญแจสำคัญอยู่ที่จิตใจ ในจุดนี้ต้องยกความดีความชอบให้เคล็ดวิชาอัคนีดารา

เมื่อการรุมล้อมโจมตีมาถึง ในใจเจ้ารู้หรือไม่ว่ามีวัตถุจำนวนเท่าไรกำลังรุกโจมตีเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกมันมาจากทิศทางไหน การตัดสินให้ถูกต้องแม่นยำคือสิ่งที่สำคัญมาก นี่คือเงื่อนไขสำคัญในการโจมตีโต้ตอบของเจ้า เจ้าต้องรู้ก่อน ถึงจะไล่ตามได้อย่างรวดเร็ว จิตใจต่างหากที่สามารถนำทางให้เจ้าตอบสนองได้รวดเร็ว ถ้าเจ้าไม่รู้แม้แต่สิ่งเหล่านี้ ต่อให้หลับหูหลับตาฝึกไปมั่วๆ ก็ไม่มีประโยชน์

ถ้าพูดจากในบางมุม เหมียวอี้รู้สึกว่า ‘เคล็ดวิชาอัคนีดารา’ นี้ ถ้าเรียกว่า ‘เคล็ดวิชาเพลิงใจ’ จะเหมาะสมกว่า ไม่อย่างนั้นมันจะเผาทำลายเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาได้เหรอ? นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมวิธีการฝึกแบบนี้จึงสามารถทำให้เขาสงบใจท่ามกลางความวุ่นวายและตอบสนองออกมาได้

ตอนที่จำนวนครั้งที่อิงอู๋ตี๋โจมตีโดนเหมียวอี้ลดลงเหลือห้าร้อยครั้ง ก็ครบกำหนดเวลาหนึ่งปีพอดี

ถึงแม้ความก้าวหน้าจะไม่มาก แต่ก็เป็นเพราะมีเวลาสั้นเกินไป แค่นี้ก็นับว่ามีพัฒนาการรวดเร็วมากแล้วในสายตาคนอื่น

“คุณชายสาม ท่านกำลังดูแลข้าเป็นพิเศษอยู่หรือเปล่า? คุณชายห้าต้านทานได้นานขนาดนั้น แต่ข้าต้านทานการโจมตีของท่านไม่ได้เลยสักรอบ? ท่านแน่ใจนะว่าความเร็วในการลงมือกับพวกเราสองคนเท่ากัน?”

ตอนที่เลี่ยหวนร้องโอดครวญและเหาะออกมาจากพายุหมุน เหมียวอี้ก็ถลันตัวเหาะเข้ามา แล้วประกาศอยู่บนท้องฟ้าว่า “กลับกันเถอะ โค่วเหวินหลานส่งข้อความมาบอกข้า การทดสอบของข้ากำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!”

…………………………

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset