พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า – ตอนที่ 893

 ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว

หลังจากสั่งสอนเหมียวอี้ในฐานะผู้อาวุโสเสร็จแล้ว ตอนหันกลับมาอบรมอวิ๋นจือชิว เขากลับทำสีหน้าจริงจังขึ้นหลายส่วน

“น้องชิว คำโบราณกล่าวไว้ว่า แต่งกับไก่ก็ตามไก่ แต่งกับสุนัขก็ตามสุนัข คือคติพจน์อันเป็นสัจจะ! เมื่อแต่งงานกับเหมียวอี้แล้ว เจ้าก็เป็นคนของเขา ต่อไปก็ควรคิดพิจารณาเพื่อเขาทุกอย่าง เมื่อยืนอยู่ตรงหน้าผลประโยชน์ของตระกูลเหมียว ผลประโยชน์ของตระกูลอวิ๋นก็เป็นเรื่องรอง ต่อไปหากเขาเป็นศัตรูกับข้า พวกเจ้าสองสามีภรรยาก็ลงมือเต็มที่ได้เลย ไม่ต้องออมมือให้ข้า ข้าเองก็จะไม่ออมมือให้พวกเจ้าเช่นกัน ถ้าเขาตายด้วยน้ำมือข้า เจ้าก็สามารถกลับมาที่ตระกูลอวิ๋นได้อีก แต่เหนือสิ่งอื่นใด การช่วยเหลือสามีและสั่งสอนบุตรก็คือหน้าที่ของภรรยาอย่างเจ้า นี่คือรากฐานที่จะทำให้ครอบครัวของผู้หญิงคนหนึ่งตั้งมั่นได้ ที่ตระกูลอวิ๋นมีวันนี้ ผลงานครึ่งหนึ่งก็เป็นของผู้หญิง จงทำตัวองอาจผึ่งผายและดูแลครอบครัวของเจ้าให้ดี ผู้หญิงที่แม้แต่ครอบครัวตัวเองยังดูแลไม่ได้ ถ้าบอกว่าจะมาดูแลบ้านพ่อแม่ตัวเองก็เป็นเรื่องที่น่าขำ อย่าให้ปู่คนนี้ต้องดูถูกเจ้า!”

เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา อวิ๋นรั่วซวงที่อยู่ข้างๆ ก็ตกตะลึง อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่เขยต้องการจะเป็นศัตรูของตระกูลอวิ๋นเหรอ?”

เหมียวอี้เงียบงัน อวิ๋นอ้าวเทียนพูดจาต่อหน้าถึงขั้นนี้แล้ว เท่ากับอาศัยอีกวิธีการหนึ่งเพื่อบอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยตัวเยียนเป่ยหง ไม่มีทางที่จะเขาปล่อยคนที่มีวิธีการฝึกตนวิปริตเช่นนี้ออกไปเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์ของตระกูลอวิ๋น ดับความคิดของเหมียวอี้ที่อยากจะมาเจรจากับเขาแล้ว

อวิ๋นจือชิวน้ำตาคลอ ส่ายหน้าบอกว่า “ไม่มีทางค่ะ ท่านปู่ ไม่มีทาง”

อวิ๋นอ้าวเทียนโบกมือ เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดเยอะ เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนที่ขี้บ่นอยู่แล้ว วันนี้นับว่าเป็นข้อยกเว้นเพราะคุยเรื่องครอบครัว เขาเหลือบมองเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “ตาเฒ่าเฉียว เขาอยากไปเยี่ยมเยียนเป่ยหงไม่ใช่เหรอ? พาเขาไปสิ เฝ้าให้ดีล่ะ อย่าให้เขาเล่นลูกไม้อะไรเด็ดขาด เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่เล่นๆ!”

“ขอรับ!” ตาเฒ่าเฉียวเอ่ยรับ แล้วเดินมายื่นมือเชิญ

เหมียวอี้พูดไม่ออกสุดๆ ข้าไม่ใช่เล่นๆ ยังไง? แต่ก็ช่วยไม่ได้ คงไม่ดีถ้าจะเถียงกลับ

อวิ๋นจือชิวดึงแขนเสื้อเขาอีกครั้ง แล้วสองสามีภรรยาก็คุกเข่าหมอบคำนับ กล่าวอำลา!

อวิ๋นรั่วซวงคล้องแขนอวิ๋นจือชิว ตอนที่เดินลงบันไดตำหนักจอมมารไป ประตูใหญ่ก็ปิดสนิทเองโดยไร้ลม ทำให้พวกเขาหันกลับไปมองแวบหนึ่ง

สถานที่ขังเยียนเป่ยหงก็คือถ้ำภูเขาแห่งหนึ่งของนภาจอมมาร

อวิ๋นจือชิวที่มาที่นี่ค่อนข้างปลงอนิจจัง ตอนที่เข้ามาในถ้ำภูเขา อวิ๋นจือชิวจงใจเตือนเหมียวอี้ว่า “ก่อนหน้านี้เฟิงเสวียนก็โดนขังอยู่ที่นี่”

อวิ๋นจือชิวไม่ได้หลบเลี่ยงอะไร เหมียวอี้เอียงศีรษะมองนางด้วยแววตาที่ค่อนข้างแปลก ผลก็คือโดนนางยื่นมือไปบีบเอว “อย่าคิดอะไรเหลวไหล!”

ในจุดลึกของห้องถ้ำมี กรงขังหลายกรงที่สร้างจากทองผลึกบริสุทธิ์ เยียนเป่ยหงที่ผมยุ่งกระเซิงเหมือนขอทานถูกขังอยู่ข้างใน หงซิ่วกับหงฝูก็อยู่ด้วยเช่นกัน แต่โดนจับขังแยกไว้คนละกรง ทุกคนมีสภาพสะบักสะบอมมาก พอเหมียวอี้เห็นพวกเขามีท่าทางอ่อนแอไร้ชีวิตชีวา ก็รู้เลยว่าโดนผนึกวรยุทธ์แล้ว

พอตาเฒ่าเฉียวโบกมือกวาด โคมไฟหลายดวงที่อยู่บนผนังก็สว่างขึ้นทันที เขากล่าวเตือนว่า “เหมียวอี้ ห้ามถ่ายทอดเสียงคุยกัน มีอะไรต้องพูดกันอย่างเปิดเผย ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ! วิชามารที่เขาฝึก นายท่านไม่ยอมให้เล็ดรอดออกไปเด็ดขาด”

“พี่ใหญ่เยียน!” เหมียวอี้เดินมาตรงหน้ากรงแล้วตะโกนเรียก

เยียนเป่ยหงที่นอนอยู่ในกรงพลิกตัวหันมามอง ใช้สองมือเสยผมที่ปิดบังใบหน้า แล้วเดินเข้ามาอย่างตื่นเต้นดีใจ “น้องชาย เจ้ามาได้ยังไง?”

หงซิ่วและหงฝูที่อยู่ในกรงฝั่งซ้ายและขวาก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน พอเห็นเหมียวอี้ ก็เหมือนได้เห็นความหวังที่หายไป จึงรีบเขามาคำนับพร้อมกัน “ท่านเหมียว!”

“น้องชายติดธุระจึงมาช้า รู้เรื่องช้าเกินไป พี่ใหญ่เยียนได้รับความลำบากแล้ว” เหมียวอี้กุมหมัดคารวะ จากนั้นก็หันไปเรียกอวิ๋นจือชิวให้เดินเข้ามา “พี่ใหญ่เยียน นี่คือคนใน อวิ๋นจือชิว”

“พี่ใหญ่เยียน!” อวิ๋นจือชิวย่อเข่าคำนับ

เยียนเป่ยหงหัวเราะเสียงดังแล้วบอกว่า “เคยเจอแล้ว ก่อนหน้านี้น้องสะใภ้เคยมาเยี่ยมแล้ว น้องชายช่างมีความสามารถจริงๆ แม้แต่เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมเมฆาวายุก็กล้าแย่งกลับมาเป็นเมียตัวเอง จะว่าไปแล้วก็รู้สึกผิด เพราะตอนงานแต่งงานใหญ่ของน้องชาย ข้าไม่ได้ไปร่วมงาน กอปรกับบนตัวไม่มีสมบัติเหลือเฟือ ไม่มีของขวัญดีๆ อะไรจะมอบให้ เดิมทีคิดจะให้ชดเชยตามไปทีหลัง แต่ตอนนี้เกรงว่าจะไม่มีโอกาสแล้ว หวังว่าน้องสะใภ้จะไม่ถือสานะ!”

“ของขวัญจะถูกจะแพงก็ไม่สำคัญเท่าน้ำใจของพี่ใหญ่เยียนหรอกค่ะ” อวิ๋นจือชิวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

เยียนเป่ยหงโบกมือ “ถ้าไม่ใช่เพราะน้องสะใภ้วิ่งเต้นมาขอร้องให้ เยียนเป่ยหงจะมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้เหรอ ทำไมล่ะ? หรือว่าที่น้องชายมารอบนี้ เพราะจะมาช่วยข้าออกไป!”

“ไม่ปิดบังพี่ใหญ่ ตอนมาข้ามีเจตนานี้จริงๆ แต่จนใจที่ข้าอาศัยฐานะหลานเขยออกหน้าช่วยไปก็ไร้ประโยชน์ เกรงว่าต้องให้พี่ใหญ่อยู่ที่นี่ต่อไปก่อนสักระยะหนึ่ง” เหมียวอี้กล่าวอย่างละอาย

เยียนเป่ยหงถอนหายใจแล้วบอกว่า “นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในหลักทำนองคลองธรรม ในเมื่อเรื่องลับของข้าโดนปราชญ์มารจับได้ ที่ไม่สังหารข้าทิ้งก็นับว่าไว้หน้าน้องสะใภ้มากพอแล้ว มายืนพูดอยู่ตรงนี้ได้ก็นับว่าโชคดีแล้วล่ะ แต่หงซิ่ว หงฝูกลับต้องลำบากไปกับข้าด้วย น้องสะใภ้ช่วยหาวิธีพาพวกนางสองคนออกไปก่อนได้หรือไม่?”

อวิ๋นจือชิวยังไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไร ตาเฒ่าเฉียวที่อยู่ข้างหลังก็ชิงพูดแล้วว่า “ไม่ได้! คนที่ฝึกวิชามารนั่นห้ามออกไปแม้แต่คนเดียว ถ้าอยากจะออกไปก็ได้ แต่ตัวเองต้องตายก่อนแล้วค่อยว่ากัน เอาออกไปได้แต่ศพ”

อวิ๋นจือชิวทำได้เพียงตอบเยียนเป่ยหงด้วยรอยยิ้มขื่นขม

“พี่ใหญ่วางใจเถอะ ขอเพียงมีโอกาส น้องชายจะต้องหาทางพาท่านออกไปแน่นอน เพียงแต่น้องชายไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่ง ท่านไปได้วิชามารส่วนนั้นมาจากไหนเหรอ?” เหมียวอี้ถาม

“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีอะไรน่าปิดบังอีกต่อไป!” เยียนเป่ยหงใช้สองมือจับลูกกรง จากนั้นหัวเราะเบาๆ แล้วเล่าว่า “น้องชายยังจำตอนที่พวกเราแยกกันที่แดนหมอกเลือดหมื่นจั้งในปีนั้นได้มั้ย? น้องชายเดินเข้าไปเสี่ยงอันตรายต่อ แต่ข้าเดินกลับออกมาตลอดทาง ระหว่างทางข้าบังเอิญเก็บดาบเล็กได้เล่มหนึ่ง มันยาวแค่นิ้วเดียวเอง” ขณะที่พูด เขาก็ยื่นนิ้วชี้ขึ้นมาวาดขนาดให้ดู แล้วเล่าต่อ “มันปักอยู่บนต้นไม้ต้นหนึ่งที่กลายเป็นตอถ่าน ตอนนั้นข้าดึงออกมาเก็บไว้ ตอนแรกก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ตอนหลังพอเข้าสำนักศรีเมฆาและมีพื้นฐานการฝึกตนแล้ว ถึงได้ไขปริศนาที่อยู่ในดาบเล็กเล่มนั้น ข้าได้เคล็ดวิชาฝึกตนส่วนหนึ่งมาจากในนั้น มันชื่อว่า ‘มหาอิทธิฤทธิ์มารดูดกลืน’  ข้างในบรรยายข้อเสียของการฝึกเคล็ดวิชานี้เอาไว้ แต่ข้าก็ยังอดทนความดึงดูดใจของมันไม่ไหว ถึงได้เดินมาทีละก้าวจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้ดาบเล่มนั้นอยู่ในมือปราชญ์มารแล้ว ด้วยวรยุทธ์อย่างเขา คาดว่าคงไขปริศนาที่อยู่ในนั้นได้แล้ว”

เหมียวอี้กับอวิ๋นจือชิวหันกลับมาสบตากัน พอเห็นตาเฒ่าเฉียวยังคงยิ้มตาหยีอย่างไม่สะทกสะท้าน ก็รู้แล้วว่าเป็นอย่างที่เยียนเป่ยหงบอก เป็นไปได้สูงว่าวิชามารส่วนนั้นจะตกอยู่ในมืออวิ๋นอ้าวเทียนแล้ว

เหมียวอี้หันกลับมาถามอีก “หรือว่าพี่ใหญ่เยียนหมายถึงดาบโลหิตด้ามนั้น?”

“ใช่แล้วล่ะ!” เยียนเป่ยหงพยักหน้า “ดาบด้ามนั้นเปลี่ยนขนาดได้ ซ่อนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เอาไว้มากมาย หั่นเหล็กได้เหมือนหั่นโคลน อานุภาพไร้ที่สิ้นสุด เป็นของวิเศษขั้นหกที่มาจากพิภพใหญ่ ยิ่งวรยุทธ์สูงก็ยิ่งสำแดงอานุภาพของมันได้ดี เมื่อได้ดาบด้ามนั้นไป ปราชญ์มารก็เรียกได้ว่าเหมือนเสือติดปีก! แต่ถึงแม้จะอาศัยวรยุทธ์ของปราชญ์มาร ก็ยังสำแดงอานุภาพที่แท้จริงของดาบด้ามนี้ไม่ได้ง่ายๆ เลย ไม่อย่างนั้นปราชญ์มารต้องเป็นราชันแห่งใต้หล้าแน่นอน!”

สองสามีภรรยามองหน้ากันเลิกลั่ก

ทั้งสองเองก็ไม่ได้อยู่ที่นี่นานเกินไป สาเหตุหลักเป็นเพราะตาเฒ่าเฉียวไม่อนุญาต สุดท้ายก็ยังช่วยเหลือเยียนเป่ยหงออกมาไม่ได้

แต่ว่าก่อนจะจากกัน เหมียวอี้ย้ำแล้วย้ำอีกว่า “พี่ใหญ่เยียนอยู่ที่นี่ต้องรักษาตัวดีๆ อย่าทำร้ายตัวเอง เหมียวอี้จะต้องคิดหาทางช่วยพี่ใหญ่ออกไปได้แน่นอน!”

เยียนเป่ยหงหัวเราะลั่นอย่างเบิกบานใจ แล้วบอกว่า “ข้าจะรอ! ถ้าเก็บรักษาชีวิตนี้ไว้ได้ก็นับว่าได้กำไร ถ้าตายก็ถือว่าแล้วกันไป!”

ในคืนนั้น แสงไฟลุกโชนสว่างไสวอยู่ในนภาจอมมาร จัดงานเลี้ยงอย่างอลังการงานสร้าง คนของตระกูลอวิ๋นที่สามารถมาได้ก็มากันหมด ทั้งชายทั้งหญิงนั่งกันสิบกว่าโต๊ะ คึกคักอบอุ่นมาก

เหมียวอี้กับอวิ๋นจือชิวเดินดื่มฉลองทีละโต๊ะ ขณะที่ดื่มฉลองก็ได้รับของขวัญแสดงน้ำใจจากเขยคนใหม่ ถือว่าเป็นมารยาทในการพบปะ

อวิ๋นจือชิวเตรียมของขวัญไว้ล่วงหน้าแล้ว ควรจะให้ใครมากน้อยเท่าไร อวิ๋นจือชิวรู้ชัดอยู่แก่ใจ ไม่ต้องให้เหมียวอี้กังวลเรื่องพวกนี้ เมื่อเดินมาตรงหน้าใคร อวิ๋นจือชิวก็จะนำแหวนเก็บสมบัติที่เตรียมไว้ยัดใส่มือเหมียวอี้ ให้เหมียวอี้มอบให้ขณะที่พูดจาทักทาย

ของขวัญที่ให้ถือว่าไม่น้อยเลย ประการแรกเป็นเพราะเหมียวอี้จะกลับมาที่นี่อีก ประการที่สองเป็นเพราะอวิ๋นจือชิวแต่งงานออกมาแล้ว จะให้ครอบครัวฝ่ายหญิงดูถูกไม่ได้ แล้วก็ต้องสนใจหน้าตาศักดิ์ศรีของเหมียวอี้ด้วย จะให้เหมียวอี้ดูกระจอกเกินไปไม่ได้ นอกจากนั้นก็คือ ไม่แน่ว่าในภายหลังคนพวกนี้อาจจะช่วยเหลืออะไรได้บ้าง

อาหญิงกับอาชายที่ญาติพี่น้องสายตรงได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน ในแหวนเก็บสมบัติแต่ละวงมีลูกแก้วพลังปรารถนาระดับต่ำหนึ่งร้อยล้านลูก ส่วนอาเขยและอาสะใภ้ได้คนละห้าสิบล้าน ส่วนเหล่าอนุภรรยาของอาชายได้คนละสิบล้าน ก็ช่วยไม่ได้ ภรรยาเอกและอนุภรรยาต้องได้ต่างกัน ถ้าได้เท่ากันจะทำให้ภรรยาเอกไม่พอใจ แบบนั้นไม่เท่ากับบอกว่าภรรยาเอกและอนุภรรยาฐานะเท่ากันหรอกเหรอ

พวกน้องๆ ที่เป็นรุ่นหลานเหมือนอวิ๋นจือชิวได้ลูกแก้วพลังปรารถนาระดับต่ำไปคนละสิบล้านลูก ภรรยาเอกแปดล้านลูก อนุภรรยาห้าล้านลูก เท่ากับว่าจำนวนที่น้อยที่สุดที่ให้ไปคือลูกแก้วพลังปรารถนาระดับต่ำห้าล้านลูก

ถึงแม้จำนวนที่แบ่งให้แต่ละคนจะไม่ถือว่าเยอะ แต่ก็เทียบกับจำนวนคนไม่ติด แค่เมียของพวกเขาก็นั่งเหมาทั้งโต๊ะแล้ว การแจกของขวัญรอบนี้ได้สูญเสียลูกแก้วพลังปรารถนาระดับต่ำไปเกือบห้าพันลูกแล้ว ทุกคนได้รับของขวัญอย่างทั่วถึง พอเห็นของในแหวนเก็บสมบัติก็พากันสำราญบานใจ

โดยเฉพาะอาหญิงกับอาชายแปดท่านนั้น แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นของขวัญล้ำค่า คู่รักหนุ่มสาวช่างมีความตั้งใจ ลูกแก้วพลังปรารถนาระดับต่ำหนึ่งร้อยล้านลูกนี้ ยังไม่ต้องไปเทียบกับอย่างอื่น เทียบกับตอนที่พวกเขามอบของขวัญให้คนอื่น ต่อให้มอบสิ่งของที่แพงกว่านี้ให้ แต่ก็คงไม่ให้ลูกแก้วพลังปรารถนาเยอะขนาดนี้แน่

เมื่ออยู่ที่พิภพเล็ก การมอบของขวัญเป็นลูกแก้วพลังปรารถนาถือว่าใช้งานได้จริงที่สุด แต่เหมียวอี้ก็หาลูกแก้วพลังปรารถนามามากมายขนาดนั้นไม่ไหวเหมือนกัน สาเหตุหลักเป็นเพราะทรัพยากรฝึกตนของพิภพเล็กมีจำกัด ต่อให้เขามีกำลังทรัพย์มาก แต่ก็ไม่อาจรวบรวมลูกแก้วพลังปรารถนาได้เยอะขนาดนี้ภายในรวดเดียว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสินเดิมเจ้าสาวของอวิ๋นจือชิว นางสะสมของพวกนี้มาหลายหมื่นปี ยังพอนำออกมาใช้ไหว สาเหตุหลักเป็นเพราะนางกับเหมียวอี้ไม่ค่อยได้อาศัยสิ่งนี้เพื่อฝึกตนแล้ว

เหมียวอี้นำยาแก่นเซียนอีกหลายล้านเม็ดให้อวิ๋นจือชิวไปบริหาร อวิ๋นจือชิวช่วยเขาจัดการคนมากมายขนาดนี้ ถ้าไม่มีทรัพยากรติดมือไว้บ้างคงไม่ได้ ตอนนี้เขามียาเม็ดโลหิตเก้าเม็ดนั้นก็พอแล้ว ตอนนี้นับว่าสองสามีภรรยาเป็นมหาเศรษฐีของพิภพเล็กได้เลย แต่ก็ได้แค่แอบดีใจเงียบๆ ไม่กล้าโอ้อวดเสียงดัง

จากนั้นพวกน้องชายก็จับเหมียวอี้ไปกรอกสุราอย่าบ้าคลั่ง อวิ๋นจือชิวห้ามยังไงก็ห้ามไม่อยู่ โดนบรรดาน้องสาวดึงตัวแยกออกมาแล้ว

หลังจากกลับถึงตำหนักนอนที่เตรียมไว้ เหมียวอี้ก็กลับมาพร้อมกลิ่นสุราเต็มตัว โชคดีที่เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา ขณะที่ดื่มก็กลั่นกรองฤทธิ์สุราทิ้งไปด้วย แต่ก็ยังโดนรมควันไปพอสมควร เสื้อผ้าที่ถอดเปลี่ยนตรงนั้นโดนฉีกทิ้งไปหลายชุด เขาแทบจะเดินกลับมาตัวเปล่า สรุปก็คือกลับมาในสภาพผมกระเซิงและชุดขาดรุ่งริ่งเหมือนขอทาน แม่งเอ๊ย ป่าเถื่อนเกินไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าตอนกระดกสุราจะมีคนกระชากผม ภาพนี้มันคุ้นๆ เหมือนเคยเจอที่ไหน เขารู้สึกคุ้นเคยมาก!

ทำเอาอวิ๋นจือชิวที่คอยปรนนิบัติอยู่ในห้องอาบน้ำรู้สึกผิด วันนี้นับว่าได้ทำให้สามีเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าคนของตระกูลอวิ๋นเป็นอย่างไร นอกจากพูดจาหยาบคายสกปรก ยังลงมือบังคับดื่มสุราด้วย ถึงขั้นจับกดลงพื้นแล้วบีบปากกรอกด้วยซ้ำ มีบางคนโวยวายว่าผู้หญิงของตระกูลอวิ๋นไม่ได้นอนด้วยง่ายๆ ขนาดนั้น ทำท่าเหมือนยกพวกมารุมทำร้าย นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เหมียวอี้ยังทำสีหน้าหวาดกลัวอยู่ ขนาดสายตาที่เขามองนางยังดูแปลกไปเลย

อวิ๋นจือชิวที่รู้สึกอับอายทำได้เพียงด่าในใจ ไอ้พวกนี้น่าจะโดนสักพันดาบ ทำข้าเสียหน้าหมดแล้ว!

เหมียวอี้มาที่นี่เป็นครั้งแรก คงไม่ดีถ้าจะกลับไปอย่างปุบปับ อยู่ค้างที่นี่หลายๆ วันคือสิ่งที่สมควรทำ

ทว่าเพิ่งจะอยู่ได้แค่สามวัน ทางปราสาทดำเนินสุริยันก็เกิดเรื่องแล้ว เชียนเอ๋อร์ใช้ระฆังดาราส่งข่าวมา บอกว่าเยารั่วเซียนหายตัวไป ตามหามาหลายวันก็หาไม่พบ เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ร้อนใจสุดๆ ฟังจากที่ตงกัวหลี่กับลูกศิษย์เล่าลักษณะการหายตัวไปของเยารั่วเซียน พวกนางสงสัยว่าของวิเศษที่เยารั่วเซียนตั้งใจหลอมสร้างมาหลายปีจะเสร็จแล้ว ตอนนี้คงจะไปล้างความอัปยศที่สำนักงามวิจิตรแล้ว!

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

เหมียวอี้ เด็กหนุ่มธรรมดาแต่มีโชคชะตาที่ไม่ธรรมดา! เขาคือเด็กกำพร้าที่ถูกเพื่อนบ้านตราหน้าว่าเป็น ‘ตัวหายนะ’ เพราะพ่อแม่บุญธรรมที่รับเลี้ยงเขาล้วนมีจุดจบอยู่ในกองเพลิงทั้งสิ้น เขาจึงต้องเติบโตมากับน้องๆ ต่างสายเลือดอีกสองคนตามลำพัง ไร้เงิน ไร้อำนาจ ไร้ความสามารถ ซ้ำยังเป็นตัวซวย โลกนี้มันช่างอยู่ยากเสียจริง! หนทางที่จะลบคำครหาของชาวบ้านและก้าวพ้นชีวิตที่ยากไร้ไปได้ก็คือการสำเร็จเป็นเซียน แม้ความปรารถนาจะอยู่สูงเกินเอื้อม แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น ถึงจะลำบากและอันตรายเพียงใด ก็ขอทะยานไปให้สุดขอบฟ้า!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset