สำหรับเว่ยซู นี่คือระยะที่ใกล้เกินไป จะหลบก็หลบไม่ทันแล้ว มิหนำซ้ำลูกธนูดาวตกยังไล่ตามโจมตีได้อีก
แม้จะรู้ว่าธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นเจ็ดมีอานุภาพมาก แต่ผู้คุ้มกันห้าคนข้างกายเว่ยซูยังก้าวขึ้นมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ยกโล่ขึ้นมากำบังไว้พร้อมกัน ต่อให้ต้านไม่ไหวแต่ก็คลายประสิทธิภาพการไล่โจมตีของลูกธนูดาวตกได้ ทุ่มสุดชีวิตจริงๆ
บึ้ม! คลื่นโจมตีแผ่ไปทั่วสารทิศราวกลับคลื่นยักษ์ โล่ที่ยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ห้าคนตั้งขึ้นมาถูกโจมตีฉีดขาดในชั่วพริบตาเดียว ตอนคนที่อยู่หน้าสุดถูกลูกธนูสามดอกยิงใส่ โล่ในมือระเบิดกลายเป็นผุยผง อานุภาพแรงที่หลงเหลือกระทบบนกายเนื้อ ทั้งตัวระเบิดออก สี่คนที่อยู่ข้างหลังกระอักเลือดล้มลง
ยอมทุ่มทุนเพื่อต้านไว้ ทำให้ลูกธนูดาวตกไล่ตามโจมตีไม่ได้ เว่ยซูฉวยโอกาสถลันหลบ แยกร่างเป็นสิบร่างหนีกระจัดกระจาย ต้องการทำให้ฝั่งเหมียวอี้แยกไม่ออกว่าต้องไล่สังหารร่างไหน พร้อมเจียดเวลาบอกข่าวให้ข้างนอกรู้ ทว่าแทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เหมียวอี้ลงมือ ตรงจุดที่มีรอยแยกมีเงาคนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงออกมาพร้อมกัน แทบจะยิงคนที่มาต้านลูกธนูให้เว่ยซูในทันที ไม่ให้โอกาสเว่ยซูได้พักหายใจเลย ไม่ให้เวลาว่างติดต่อกับภายนอกเลยสักนิด
ร่างทิพย์ทั้งเก้าของเว่ยซูแทบจะจมหายไปท่ามกลางลำแสงและเสียงระเบิด
ชั่วพริบตาที่บนพื้นมีลำแสงยิงออกมา ร่างคนหกคนก็ไล่ตามหลังลำแสงออกมาด้วย หลังจากการโจมตีระลอกแรก ทั้งหกคนก็มาดักร่างทิพย์ของเว่ยซูเอาไว้กลางอากาศ
เหลิ่งจัวฉุน ขุนพลใหญ่ลัทธิผี กุยอู๋ ขุนพลใหญ่ลัทธิพุทธ ตานฉิง ขุนพลใหญ่ลัทธิมาร จ่างหง ขุนพลใหญ่ลัทธิปีศาจ เมิ่งหรู ขุนพลใหญ่ลัทธิเซียน อ๋าวเถี่ย ขุนพลใหญ่ลัทธิอู๋เลี่ย เพื่อป้องกันไม่ให้มีอะไรผิดพลาด ขุนพลใหญ่หกลัทธิออกมาร่วมมือกันแล้ว ร่วมมือกันล้อมโจมตีเว่ยซูคนเดียว
“หึหึ! ยังคิดจะหนีอีกเหรอ?” ตานฉิงแสยะยิ้ม แกร๊ง! ควงค้อนทุบหลังเว่ยซูหนึ่งที
“อั้ก!” เว่ยซูกระอักเลือดสดออกมาอย่างบ้าคลั่ง พื้นดินถูกกระแทกเป็นหลุมลึก
ทั้งหกคนเหยียบลงพื้นพร้อมกัน มาล้อมเว่ยซูเอาไว้ทุกทิศ ก้มมองเว่ยซูที่กำลังตะเกียกตะกายลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
เว่ยซูออกแรงพลิกตัวเข้ามา เลือดออกปากออกจมูก ในฐานะพ่อบ้านของตระกูลเซี่ยโห้ว แม้แต่เขาเองก็ยังจินตนาการไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าทำอย่างนี้กับเขา
ตอนที่เขาโยกศีรษะอย่างมึนงง มองเห็นใบหน้าของทั้งหกที่อยู่ข้างกายชัดแล้ว เขาก็เบิกตากว้างทันที อุทานอย่างตกใจไม่หยุดว่า “พวกเจ้า…เป็นพวกเจ้า…” มือพยายามหยิบระฆังดารา ต้องการจะรายงานข่าว
ทว่าเหมียวอี้ต้องการป้องกันความผิดพลาด ไม่เสียดายที่จะดึงทัพใหญ่หกลัทธิออกมาลงมือ มาถึงขั้นนี้แล้วมีหรือที่จะให้โอกาสเขารายงานข่าวไปข้างนอก
อ๋าวเถี่ยเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ยื่นเท้าข้างหนึ่งออกมา เหยียบข้อมือของเขาเอาไว้ พอบิดฝ่าเท้า ก็มีเสียงกระดูดหักดังกร๊อบ เว่ยซูกางนิ้วทั้งห้า ระฆังดารากลิ้งออกมาอยู่ในฝ่ามือเขาแล้ว
จ่างหงนั่งตรงหน้าเขา แล้วแสยะยิ้ม “ลูกชายของเหล่าเว่ย ไม่เจอกันนานเลยนะ” พอพูดจบก็ลงมือควบคุมวรยุทธิ์บนตัวเว่ยซูทันที ป้องกันไม่ให้เขาฆ่าตัวตาย จากนั้นใช้มือข้างหนึ่งดึงคอเสื้อเว่ยซู ดึงขึ้นมาเผชิญหน้าแล้วถามว่า “คิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าลงมือกับตระกูลเซี่ยโห้วใช่มั้ย?”
เว่ยซูหันหน้าช้าๆ ไปมองทางฝั่งเหมียวอี้ แล้วจู่ๆ ก็คำรามว่า “หนิวโหย่วเต๋อ คิดจะจับข้าเป็นตัวประกันเหรอ ไม่มีประโยชน์หรอก เจ้ารอตระกูลเซี่ยโห้วมาล้างแค้นเถอะ วันนั้นของเจ้ามาถึงแล้ว!”
เพี้ยะ! จ่างหงตบหน้าเขาฉาดหนึ่ง ตบจนฟันร่วงเลือดไหลไปหลายซี่ “ยังกล้าปากดีอีก!”
เหมียวอี้ยืนอยู่ระหว่างเขามังกรดำ ยื่นมือคว้าลูกธนูดาวตกสามดอกกลับมา เก็บเอาไว้พร้อมธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ สายตาเยียบเย็นค่อยๆ ชำเลืองไปหาเว่ยซูที่มีสภาพจนตรอก แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “รีบทำเวลา”
ด้านล่างของมังกรดำ เหยียนซิวที่ยืนอยู่บนยอดเขารีบถลันตัวออกไป รับเว่ยซูมาจากมือจ่างหง ยัดสมุนไพรเซียนซิงหัวต้นหนึ่งเข้าไปในปากเว่ยซูที่เต็มไปด้วยเลือด ขณะร่ายอิทธิฤทธิ์ช่วยเยียวยา เขาก็เหาะกลับมาอย่างรวดเร็ว
เหมียวอี้สะบัดแขนเสื้อ เหยียนซิวกับเว่ยซูหายไปในอากาศอย่างไร้ร่องรอย
หยางเจาชิงที่ยืนอยู่บนฟ้ากวาดสายตามองไปรอบๆ เห็นเพียงรอบด้านมีเงาคนหนาแน่น ใบหน้าของทุกคนเผยแววตาเย็นชาและเชื่องช้า แม้แต่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเหมียวอี้หากำลังพลมากขนาดนี้มาตั้งแต่เมื่อไร เขามองไปมองมาก็เหมือนไม่รู้จักสักคน อีกทั้งลักษณะท่าทางบนตัวคนพวกนี้ เหมือนเขาจะไม่เคยเห็นจากตัวกำลังพลกลุ่มไหนมาก่อน
เหตุใดเหมียวอี้ต้องบอกเฉาหม่านว่าอีกสองวันหลังจากนั้น ก็เพราะจะช่วงชิงเวลาให้ระดมทัพใหญ่แดนอเวจี เหมียวอี้ไม่มั่นใจว่าท่ามกลางกำลังพลของตัวเองมีสายลับของตระกูลเซี่ยโห้วอยู่เท่าไหร่ มีเพียงการระดมทัพใหญ่แดนอเวจีเท่านั้นถึงจะรู้สึกมั่นคงปลอดภัยที่สุด อย่างไรเสียก็ถูกหกลัทธิกวาดล้างซ้ำแล้วซ้ำอีกมาหลายปีแล้ว
ลงมือกะทันหันอย่างนี้ ทั้งยังจบอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ไม่ให้โอกาสฝั่งเว่ยซูรายงานข่าว ความสำเร็จในก้าวแรกนี้ทำให้หยางเจาชิงเบาใจพอสมควร แต่ความกังวลที่แสดงออกตรงหว่างคิ้วยังยากที่จะหายไป เรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อมาทำให้เขากังวลสุดๆ
เหลิ่งจัวฉุนและอีกห้าคนถลันตัวเข้ามา ยืนเรียงแถวหน้ากระดานกลางอากาศ กุมหมัดคารวะพร้อมกัน “ราชาปราชญ์!”
หลังจากวางมือลงแล้ว ตานฉิงก็มองไปรอบๆ แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ราชาปราชญ์ จู่ๆ เรียกพวกเรามาที่นี่ แต่ไม่เห็นตอบอะไรสักที ยังนึกว่าจะทิ้งพวกเราเอาไว้โดยไม่สนใจเสียแล้ว”
เหมียวอี้ไม่เล่นลิ้นกับเขา “ยังมีปัญหาตอนหลังที่ต้องแก้ไข เก็บกำลังพลเดี๋ยวนี้ จำเอาไว้นะ ถ้าลงมือเมื่อไหร่ ต้องจัดการให้รวดเร็ว อย่าปล่อยให้อีกฝ่ายส่งข่าวเด็ดขาด!”
“ขอรับ!” ทั้งหกกุมหมัดคารวะ จากนั้นก็รีบเก็บกำลังพลแล้วซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว
นอกตำหนักใต้ดิน ตอนที่ผู้คุ้มกันสองคนของเว่ยซูกำลังมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง หนึ่งในนั้นก็หยิบระฆังดาราออกมาคุยพักหนึ่ง ก่อนจะบอกกับอีกคนว่า “พ่อบ้านเว่ยให้พวกเรารีบเข้าไปช่วยเก็บของ”
สองคนนั้นหันตัวเข้ามาในตำหนักใต้ดินทันที ทั้งสองเจอกับอีกสามคนตรงทางผ่าน พอถามแล้วถึงได้รู้ว่าสามคนข้างในก็ได้รับข้อความจากเว่ยซูเหมือนกัน แม้ทั้งห้าจะไม่รู้ว่าเว่ยซูให้พวกเขาเก็บของอะไร แต่ก็ต้องทำตามคำสั่งอยู่แล้ว
เพียงแต่ประตูโลหะบานนี้ปิดสนิท ห้าคนเข้าไปไม่ได้ หลังจากติดต่อกับเว่ยซูแล้ว เว่ยซูก็ให้รออยู่ที่นี่
ผ่านไปไม่นาน ประตูโลหะก็เปล่งแสงและเปิดออกอีกครั้ง ห้าคนถลันตัวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
พอออกมาจากความมืดก็เห็นแสงสว่าง ห้าคนเพิ่งจะพบว่าตัวเองได้เข้ามาในโลกอีกใบหนึ่งแล้ว เหนือศีรษะมีความเคลื่อนไหว พอเงยหน้ามอง ก็เห็นโพรงงทางเข้าบนฟ้าปิดลงอีกครั้ง
ห้าคนยังไม่ทันรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร รอบข้างก็มีเสียงระเบิดนับไม่ถ้วน ตอนที่มองดูอีกครั้ง ทุกคนก็ตกใจจนหน้าถอดสี ลำแสงนับไม่ถ้วนยิงเข้ามาแล้ว
ชั่วพริบตาเดียว ห้าคนนี้ก็จมหายไปในลำแสงนับไม่ถ้วน เสียงระเบิดตูมตามดังนานมาก
รอจนกระทั่งฝนลูกธนูจำนวนมากลอยกลับมา ห้าคนก็หายไปในอากาศแล้ว เหลือเพียงหมอกเลือดที่ลอยกระเพื่อม
ตอนนี้แผนการยังไม่มีช่องโหว่ เหมียวอี้ที่ยืนอยู่เหนือหัวมังกรดำไม่แสดงอาการดีใจแม้แต่น้อย กลับสีหน้าเปลี่ยนไปด้วยซ้ำ โบกมือเรียกเหยียนซิวออกมา แล้วถามเสียงต่ำว่า “เจ้าว่าอะไรนะ เซี่ยโห้วท่ายังไม่ตายเหรอ?” ตอนที่เพิ่งติดต่อกับเหยียนซิว ก็ยังนึกว่าตัวเองฟังผิดไป
เหยียนซิวที่เคยหน้านิ่งเหมือนคนตาย ตอนนี้ทำสีหน้าจริงจังสุดๆ พยักหน้าบอกว่า “ไม่ผิดแน่ครับ เว่ยซูบอกว่ายังไม่ตาย ตอนแรกที่เซี่ยโห้วท่าตาย ก็เป็นแค่การตบตาเท่านั้น ภายนอกดูเหมือนส่งต่อตระกูลเซี่ยโห้วให้เซี่ยโห้วลิ่งดูแล ตอนนี้ดูเหมือนตกอยู่ในมือเฉาหม่าน แต่ความจริงแล้วอยู่ในการควบคุมอย่างลับๆ ของเซี่ยโห้วท่ามาตลอด ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเซี่ยโห้วท่า ก็เป็นไปไม่ได้ที่เฉาหม่านจะรับช่วงต่อตระกูลเซี่ยโห้วได้อย่างราบรื่น ส่วนการตายของเซี่ยโห้วลิ่ง ที่จริงเซี่ยโห้วท่ารู้ตั้งนานแล้วว่าเป็นฝีมือของท่านอ๋อง ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับเซี่ยโห้วลิ่ง เซี่ยโห้วท่าก็คาดคะเนได้แล้วว่าท่านอ๋องจะลงมือกับเซี่ยโห้วลิ่ง เว่ยซูบอกว่าแผนการบางอย่างของท่านอ๋อง เป็นสิ่งที่เซี่ยโห้วท่ารู้อยู่แก่ใจมาตั้งแต่แรกแล้ว”
สร้อยลูกประคำสีเขียวเข้มตรงคอเสื้อเหมียวอี้กะพริบแสงสลัว
ส่วนเหมียวอี้ก็รู้สึกว่าแผ่นหลังหลังชุ่มฉ่ำไปด้วยเหงื่อกาฬ ถามว่า “เฉาหม่านรู้ความจริงเหรอ?”
หยางเจาชิงที่อยู่ข้างกันขนลุก ตกตะลึงเป็นพิเศษ ไม่น่าเชื่อว่าเซี่ยโห้วท่าจะยังไม่ตาย? นึกไม่ถึงว่าจะแกล้งตาย? เขานึกไม่ถึงเลยว่าพอท่านอ๋องจับตัวเว่ยซูแล้วจะขุดความลับอันน่าตกใจขนาดนี้ได้ ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไป เกรงว่าแม้แต่ประมุขชิงก็ต้องเหงื่อแตก
เหยียนซิวตอบว่า “เฉาหม่านไม่รู้ความจริง เว่ยซูแอบดำเนินการโดยรับคำสั่งจากเซี่ยโห้วท่ามาตลอด”
เหมียวอี้รีบถามว่า “สมาคมอาวุโส เว่ยซูรู้มากขนาดไหน?”
“ถามอย่างละเอียดแล้วขอรับ เว่ยซูแค่รู้ว่ามีสมาคมอาวุโสอยู่ แต่กลับไม่เคยติดต่อด้วย ไม่รู้ด้วยว่าสมาคมอาวุโสอยู่ที่ไหน เฉาหม่านก็เช่นเดียวกัน แต่เซี่ยโห้วท่ารู้แน่นอน เพราะเซี่ยโห้วท่าเป็นคนก่อตั้งสมาคมอาวุโส ตอนนี้อยู่ในการควบคุมเซี่ยโห้วท่ามาตลอด” เหยียนซิวตอบ
“เว่ยซูรู้หรือเปล่าว่าเซี่ยโห้วท่าอยู่ที่ไหน?” เหมียวอี้รีบถามอีก
เหยียนซิวพยักหน้า “เขารู้ว่าเซี่ยโห้วท่าซ่อนตัวอยู่บนดาวเคราะห์ในอาณาเขตดาวนิรนาม นั่นคือดาวสำหรับดำรงชีวิตที่ตระกูลเซี่ยโห้วค้นพบเมื่อนานมาแล้ว หลังจากเซี่ยโห้วท่าแกล้งตายก็อยู่ที่นั่นมาตลอด เว่ยซูเคยไปไม่กี่ครั้ง รู้เส้นทาง”
เหมียวอี้สั่งหยางเจาชิงที่อยู่ข้างกันทันที “ให้หยางชิ่งมาพบข้าเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ!” หยางเจาชิงรีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อหยางชิ่ง
เหมียวอี้กวักมืออีก พวกเหลิ่งจัวฉุนรีบเหาะเข้ามา
เหมียวอี้รีบบอกทั้งหกคนว่า “เก็บกำลังพลเดี๋ยวนี้ ป้องกันอย่าให้ข่าวหลุดเด็ดขาด มีภารกิจสำคัญจะให้พวกเจ้าไปจัดการ”
อ๋าวเถี่ยกุมหมัดคารวะ “ไม่ทราบว่าภารกิจอะไรขอรับ?”
เหมียวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าวว่า “จับตัวโจรเฒ่าเซี่ยโห้วท่า!” เขาแค้นจนกัดฟันกรอดจริงๆ พอนึกว่าเซี่ยโห้วท่ารู้แผนของตัวเองนานแล้ว แม้แต่ตอนเซี่ยโห้วลิ่งลูกชายตัวเองโดนฆ่าก็ไม่ห้าม คอยจแอบจ้องอยู่เฉยๆ มาตลอด เขาก็รู้สึกขนหัวลุกแล้ว
“เซี่ยโห้วท่า?” ทั้งหกนึกว่าตัวเองฟังผิดไป อ๋าวเถี่ยถามด้วยความงง “เซี่ยโห้วท่าตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“เพิ่งได้ข่าวมา โจรเฒ่าแกล้งตาย เปลี่ยนจากอยู่ในที่แจ้งไปอยู่ในที่ลับ หลบอยู่หลังม่าน!” เหมียวอี้กล่าวอย่างคับแค้น
“ซี้ด!” ทั้งหกสูดหายใจลึกพร้อมกัน ตกใจจนหน้าถอดสี ตานฉิงก็ยิ่งอุทานเสียงหลง “แบบนี้ก็ได้เหรอ? ประมุขชิงเป็นคนโง่รึไง? โจรกบฏพวกนั้นตาบอดกันหมดแล้วเหรอ? ตอนเซี่ยโห้วท่าตายไม่มีใครตรวจสอบเลยเหรอว่าตายจริงหรือตายปลอม? ช่างเป็นจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ หลอกลวงคนทั้งใต้หล้า โชคดีที่รู้ความจริง ถ้าไม่ระวังคงติดกับดักเขาไปแล้ว!”
“ไม่รู้ว่าที่ซ่อนตัวของโจรเฒ่ามีการป้องกันยังไงบ้าง?” เมิ่งหรูถามเสียงต่ำ
เหมียวอี้เผยสีหน้าดุร้าย ชี้เขาพร้อมกัดฟันบอกว่า “ไม่ว่าจะป้องกันเป็นยังไง ก็ต้องยอมแลกทุกอย่างเพื่อจับตัวมาให้ข้าให้ได้! เดี๋ยวข้าจะดึงตัวกำลังพลจากทัพอารักขาให้พวกเจ้าอีกห้าล้าน เพื่อป้องกันไม่ให้พลาด! จำไว้นะ ใช้งานกำลังพลของหกลัทธิก่อน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ อย่าให้ทัพอารักขาของข้าเจอหน้าพวกเจ้า ตอนหลังข้าจะดูสถานการณ์แล้วเตรียมกองหนุนให้! ทุกคน โจรเฒ่ามีความเชื่อมโยงสำคัญ โอกาสดีที่ฟ้าประทานมาให้แบบนี้ อย่าให้พลาด จะรับมือกับตระกูลเซี่ยโห้วได้หรือไม่ แพ้ชนะวัดกันที่ครั้งนี้ สรุปก็คือครั้งนี้อย่าให้โจรเฒ่าหนีไปเด็ดขาด ต้องจับเป็น!”
ขุนพลใหญ่หกลัทธิเผยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง กุมหมัดคารวะพร้อมกัน “รับทราบ!”
……………………