ทั้งหกคนต่างก็รู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เมื่อฝั่งนี้แตะต้องเว่ยซูก็เท่ากับไม่มีทางถอยแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเซี่ยโห้วท่าจะยังมีชีวิตอยู่ โจรเฒ่าเซี่ยโห้วนั่นไม่ใช่ไก่อ่อน ถ้าจับตัวโจรเฒ่าไม่ได้แล้วโดนล้างแค้น ผลที่ตามมาก็ร้ายแรงจนไม่อยากคิดถึงจริงๆ
ขณะเดียวทั้งทั้งหกก็ตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะนี่คือการลงมือกับเซี่ยโห้วท่า!
ทั้งหกรีบถลันตัวไปเก็บกำลังพลของตัวเอง
ส่วนเหมียวอี้ก็ค่อนข้างเครียดเหมือนกัน หากรู้ตั้งแต่แรกว่าเซี่ยโห้วท่ายังมีชีวิตอยู่ เขาก็อาจไม่กล้าแตะต้องเว่ยซู ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ เขาไม่กลัวพวกเฉาหม่าน แต่ถ้าเป็นเซี่ยโห้วท่านั้นก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว เพราะอีกฝ่ายเจ้าเล่ห์แผนสูง เป็นคนที่โค่นล้มและอุ้มชูประมุขมาหลายยุค ในใต้หล้านี้มีใครบ้างที่ไม่หวาดกลัว ใครจะกล้าไปหาเรื่องง่ายๆ ล่ะ? การแตะต้องเว่ยซูครั้งนี้กลายเป็นการถอนฟันในปากเสือแล้ว ล้ำเส้นตระกูลเซี่ยโห้วอย่างร้ายแรง ไม่มีทางให้ถอยกลับแล้วจริงๆ ถ้าจับตัวเซี่ยโห้วท่าไม่ได้ก็จะยุ่งยากใหญ่แล้ว คนที่สามารถควบคุมและบัญชาการอำนาจตระกูลเซี่ยโห้วได้เหมือนชี้นิ้ว สามารถโค่นล้มเหมียวอี้ได้ง่ายจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้เขาต้องกัดเซี่ยโห้วท่าไม่ปล่อย ไม่อย่างนั้นก็เป็นเหมือนที่เว่ยซูประกาศก่อนหน้านี้ วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว!
“เหยียนซิว เรื่องนำทางและหาคนเป็นหน้าที่เจ้าแล้วกัน!” เหมียวอี้จ้องเหยียนซิวพลางกล่าวเสียงต่ำ
“ขอรับ!” เหยียนซิวพยักหน้า ใบหน้านิ่งเฉยเหมือนคนตายฉายแววตึงเครียดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเองก็รู้เช่นกันว่าเรื่องในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าปล่อยให้เซี่ยโห้วท่าหนีไป รากฐานที่ฝั่งนี้สร้างขึ้นมาอย่างลำบากลำบนหลายปีก็จะสูญเปล่าในรวดเดียวแล้ว
เหมียวอี้ลอยตัวขึ้นกลางอากาศอีกครั้ง จ้องมังกรดำพร้อมกล่าวว่า “เฮยทั่น ครั้งนี้เจ้าติดตามอยู่ข้างกายเหยียนซิว ปกป้องอยู่ข้างกายเหยียนซิวไม่ให้ห่างแม้แต่ก้าวเดียว”
มังกรดำร่างสั่นแวบหายไป หดเล็กลงกลายเป็นเฮยทั่นในร่างคน กุมหมัดคารวะอย่างตื่นเต้นดีใจว่า “ขอรับ!” กำลังจะได้ต่อสู้อีกแล้ว
เมื่อเห็นเขาทำท่าทางตื่นเต้นดีใจ เหมียวอี้ก็ทำสีหน้าเครียดขรึมทันที เตือนอย่างเข้มงวดว่า “ครั้งนี้เจ้าต้องฟังคำบัญชาการของเหยียนซิวทุกอย่าง ถ้ากล้าตฝ่าฝืนคำสั่งแล้วทำซี้ซั้ว ฆ่าไม่ละเว้นแน่!”
เฮยทั่นทำหน้าราวกับโดนตะคริวกิน ความตื่นเต้นดีใจเหี่ยวแห้งลงในชั่วพริบตาเดียว ยิ้มแห้งพร้อมตอบว่า “ขอรับ!”
กำลังพลหกลัทธิเก็บคนเข้าประเป๋าสัตว์ หลังจากเก็บทั้งหมดไว้บนตัวเหยียนซิวแล้ว เหมียวอี้ก็โบกมือเปิดทางออก คนไม่กี่คนรีบเหาะออกมา เดินออกจากทางเชื่อม แล้วเร่งฝีเท้าเดินมาถึงโถงหลัก
ในโถงหลัก หยางชิ่งมาถึงแล้ว กำลังเดินไปเดินมารออยู่ในโถง ไม่รู้ว่าเหมียวอี้เรียกตนมาด้วยธุระอะไร
รอจนกระทั่งพวกเหมียวอี้รีบเดินเข้ามา จากสีหน้าและความเร็วที่ทุกคนเดินมา หยางชิ่งก็สังเกตได้แล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ก็ยังกุมหมัดคารวะก่อน “ท่านอ๋อง!”
เหมียวอี้ไม่เปลืองคำพูด พอเห็นหน้าก็บอกเลยว่า “เซี่ยโห้วท่ายังไม่ตาย!”
“…” หยางชิ่งอึ้งไปชั่วครู่ สงสัยนิดหน่อยว่าตัวเองฟังผิดไปแล้วหรือเปล่า จึงลองถามว่า “ท่านอ๋องบอกว่าเซี่ยโห้วท่ายังไม่ตายเหรอ?”
เหมือนทุกคนที่ได้ยินข่าวบนี้จะมีปฏิกิริยาแบบนี้ทั้งนั้น ล้วนต้องยืนยันความจริงสักหน่อย เหมียวอี้พยักหน้า “ใช่แล้ว เป็นโจรเฒ่าเซี่ยโห้ว เขายังไม่ตาย แกล้งตายแล้วไปหลบอยู่หลังม่าน ตอนนี้ข้ายืนยันได้ คนที่เจ้าสงสัยก่อนหน้านี้ไม่ใช่เว่ยซูอะไรหรอก ไม่ใช่สมาคมอาวุโสอะไรนั่นด้วย เป็นเซี่ยโห้วท่าเองที่ควบคุมเรื่องทั้งหมด!”
หยางชิ่งทำหน้าเหมือนโดนตะคริวกินทันที สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเด่นชัดมาก มิน่าล่ะตอนที่ลงมือกับเซี่ยโห้วลิ่งถึงรู้สึกไม่ชอบมาพากล สงสัยข้อสันนิษฐานจะผิดพลาดหมด ที่สำคัญคือใครจะไปคาดคิดว่าเซี่ยโห้วท่าจะเล่นวิธีนี้ ใครจะไปคิดว่าการแกล้งตายของเซี่ยโห้วท่าจะปิดบังได้ตั้งแต่ประมุขชิงไปยันขุนนางทั้งตำหนักสวรรค์ นี่เป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจริงๆ
“ท่านอ๋อง เข้าใจผิดแล้วหรือเปล่า ตามที่ข้ารู้มา ก่อนที่เซี่ยโห้วท่าจะตาย ขุนนางใหญ่ตำหนักสวรรค์ทั้งหมดรวมทั้งประมุขชิงล้วนไปเยี่ยมเซี่ยโห้วท่า คนมากมายขนาดนั้นเห็นเองกับตา ประมุขชิงถึงขั้นลงมือตรวจสอบด้วยตัวเอง ถ้าเซี่ยโห้วท่าแกล้งตายก็ไม่น่าจะมองไม่ออกสิ” หยางชิ่งวิเคราะห์จุดที่น่าสงสัย นี่คือความเคยชินของเขา
เหยียนซิวที่ไม่ค่อยพูดอะไร จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ไม่ผิดพลาดหรอก คนที่ตายไปก็คือตัวตายตัวแทนของเซี่ยโห้วท่า! เซี่ยโห้วท่าหาคนที่หน้าตาเหมือนเขาเตรียมเอาไว้นานแล้ว ให้เขาฝึกเคล็ดวิชาเดียวกับตัวเอง ก่อนแกล้งตายก็ผลักตัวแทนออกมา ใช้พิษพิเศษกระตุ้นให้ตัวแทนใช้อายุขัยให้หมดไวๆ ปิดบังทุกคนไว้แล้ว!”
หยางชิ่งตกตะลึงอ้าปากค้างครู่หนึ่ง แล้วรียถามว่า “ท่านอ๋อง ความลับแบบนี้ พวกท่านรู้ได้ยังไง?”
เหมียวอี้กล่าวเสียงเย็น “ช่วงก่อนหน้านี้เฉาหม่านเคยมา ต้องการเห็นบัวโลหิต ข้าเลยถ่วงเวลาเขาไว้หลายวัน วันนี้เว่ยซูก็มาแทนเขาอีก”
หยางชิ่งเหมือนตระหนักอะไรได้กะทันหัน มองไปที่เหยียนซิวโดยจิตใต้สำนึก แล้วก็ค่อยๆ มองไปที่เหมียวอี้ บนใบหน้าเริ่มฉายแววตกตะลึง ก่อนจะถามอย่างตกใจว่า “อย่าบอกนะว่าท่านอ๋องลงมือกับเว่ยซู?” จากนั้นก็ยิ้มเจื่อน “เป็นกำลังพลของแดนอเวจีเหรอ?”
ก่อนหน้านี้เขารู้ว่าเหมียวอี้ดึงกำลังพลสิบล้านมาจากแดนอเวจี แต่ไม่รู้ว่ากำลังพลแดนอเวจีไปที่ไหนแล้ว ยังนึกว่าเหมียวอี้จะเคลื่อนไหวอะไรในแดนอเวจีเสียอีก ในเมื่อเหมียวอี้จงใจหลบเลี่ยงไม่บอกเขา เขาก็ไม่ถามมากแล้ว ได้แต่ดูอยู่เงียบๆ สังแกตความเคลื่อนไหวในแดนอเวจี อยากเห็นว่าหมียวอี้จะมาไม้ไหน ตอนนี้เพิ่งจะเข้าไปใจว่าตัวเองคิดผิดไป กำลังพลกลุ่มนั้นน่าจะแอบออกจากแดนอเวจี ตอนนี้เกรงว่าจะอยู่ในจวนท่านอ๋องแล้ว
เหมียวอี้ไม่ได้ปฏิเสธ กล่าวเสียงต่ำว่า “ฝั่งพวกเรามีหนทางตามหาที่ซ่อนตัวของเซี่ยโห้วท่าแล้ว เหยียนซิวจะบีบเว่ยซูให้นำทางด้วยตัวเอง ให้กำลังพลแดนอเวจีสิบล้านกับเจ้า แล้วให้ชิงเยว่บัญชาการทัพอารักขาห้าล้านของข้าอีก แล้วเจ้าก็บัญชาการพวกเขาอีกที! ครั้งนี้ให้เจ้าบัญชาการทัพใหญ่ไปจับตัวอย่างลับๆ ด้วยตัวเอง ต้องวางแผนให้รอบคอบ ต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็ตาม ก็ต้องจับตัวเซี่ยโห้วท่าให้ได้ ห้ามผิดพลาด!”
เมื่อเจอกับจิ้งจอกเฒ่าอย่างเซี่ยโห้วท่า เขาก็กังวลว่าจะพลาดเหมือนกัน ส่วนหยางชิ่งที่อยู่ข้างกายเขาก็เป็นจิ้งจอกเฒ่าเหมือนกัน เรื่องนี้มีแต่ต้องให้หยางชิ่งไปจัดการ ถึงจะทำให้เขาวางใจที่สุด
“ฮะ!” หยางชิ่งหยุดเดิน ตอนนี้เขาพอจะเดาออกแล้ว ว่าเหมียวอี้คงพุ่งเป้าไปที่สมาคมอาวุโส พอบังเอิญโชคดีขุดเจอความลับใหญ่ที่เซี่ยโห้วท่ายังไม่ตาย ก็ถูกบีบให้จนตรอกทันที แม้แต่ยารักษาอาการเสียใจทีหลังก็ไม่ได้กิน ไม่สู้ไม่ได้แล้ว เขาส่ายหน้ายิ้มเจื่อน “ท่านอ๋อง ท่านเลอะเลือนนะ! เรื่องนี้จะบุ่มบ่ามได้ยังไง ก่อนหน้านี้ท่านไม่ปรึกษาหารืออะไรเลย เซี่ยโห้วท่าเจ้าเล่ห์แผนสูง จะลงมือได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเหรอ ถ้าพลาดขึ้นมา สมาคมอาวุโสจะต้องหนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแน่ สิ่งที่ตามมาก็คือพวกเราจะต้องเจอกับการล้างแค้นอันบ้าคลั่งจากตระกูลเซี่ยโห้ว!”
เหมียวอี้ชี้เหยียนซิว “ถ้าไม่มีพลังอภินิหารของเหยียนซิว ก็ย่อมไม่มีความมั่นใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้พวกเรามีโอกาสนำหน้าอีกฝ่าย มีอะไรน่าลังเล? อย่าบอกนะว่าจะพลาดโอกาสที่มาถึงมือแล้ว?”
หยางชิ่งเงียบไป ไม่ผิดหรอก นี่คือที่พึ่งที่ใหญ่มากจริงๆ และเป็นโอกาสสำเร็จที่สูงมากด้วย แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “แต่ถ้าพวกเรายังพลาดอีกล่ะ ท่านอ๋องไม่เคยคิดถึงผลที่ตามมาเชียวหรือ?”
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “อย่างมากข้าก็แค่ร่วมมือกับพระปีศาจ มอบบัวโลหิตให้พระปีศาจ ข้าก็อยากจะเห็นว่าเซี่ยโห้วท่าจะกลัวหรือไม่กลัว? ถึงตอนนั้นโจรเฒ่าคงตายไม่สงบด้วยซ้ำ!”
“…” หยางชิ่งพูดไม่ออก ถ้าเจ้าดึงดันจะทำอย่างนี้ ไม่เสียดายที่จะละทิ้งรากฐานดีๆ ที่อยู่ในมือ เช่นนั้นก็คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรก็แล้วกัน
“เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว อย่าบอกนะว่าท่านบุรุษกลัวเซี่ยโห้วท่า เลยจะปฏิเสธ?” เหมียวอี้ถาม
“ถ้าจะบอกว่าไม่กลัวก็โกหกแล้ว แต่มาถึงขั้นนี้แล้วยังมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอ?” หยางชิ่งยิ้มเจื่อน แต่ก็ยังกุมหมัดคารวะ “ข้าน้อยยินดีจะลองพยายามสุดความสามารถ!”
“ดี!” เหมียวอี้หันไปมองหยางเจาชิง “ให้ชิงเยว่มาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
“ขอรับ!” หยางเจาชิงรีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อชิงเยว่
หลังจากหยางชิ่งใจเย็นแล้ว ก็มองเหยียนซิว “เว่ยซูกล้ามา แสดงว่ามีหลักประกันแน่นอน ข้างนอกจะต้องมีกำลังพลมาสนับสนุนแน่ ทั้งสองฝ่ายจะต้องติดต่อกันเพื่อยืนยันความปลอดภัย เจ้าควบคุมเว่ยซูให้รับมือไหวมั้ย?”
“ด้านนอกยืนยันว่ามีกำลังพลสนับสนุนจริงๆ ทุกครึ่งชั่วยามเว่ยซูจะติดต่อพวกเขาหนึ่งครั้ง ไม่มีปัญหาสักนิดเลยขอรับ” เหยียนซิวกล่าว
หยางชิ่งกล่าวเสียงต่ำว่า “ยังมีฝั่งเฉาหม่านอีก! พวกเราไปตามจับโจรเฒ่าเซี่ยโห้วครั้งนี้ คงไม่ได้กลับมาในเร็วๆ นี้แน่ ถ้าเว่ยซูชักช้าไม่ยอมกลับ เฉาหม่านจะต้องสงสัยแน่นอน จะต้องทำเว่ยซูคุมเฉาหม่านให้สงบให้ได้ ฝั่งเซี่ยโห้วท่าก็จะแหวกหญ้าให้งูตื่นไม่ได้!”
“เข้าใจแล้วขอรับ!” เหยียนซิวพยักหน้า
“เจ้าต้องทำความเข้าใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเว่ยซูกับเฉาหม่านให้ดี เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยรายละเอียดเรื่องวิธีการให้เว่ยซูรับมือกับเฉาหม่านอีกที จะให้เฉาหม่านสงสัยไม่ได้เด็ดขาด นอกจากนี้ จะต้องสืบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเว่ยซูกับเซี่ยโห้วท่าให้ละเอียด ข้าต้องการรู้เรื่องราวโดยละเอียด!” หยางชิ่งกล่าว
เหยียนซิวพยักหน้า “ขอรับ!” หันกลับไปมองเหมียวอี้ แล้วถอดกำไลเก็บสมบัติที่เก็บทัพใหญ่แดนอเวจีออกมา
หลังจากเหมียวอี้รับมาดูในมือแล้ว ก็โบกมือเก็บเขาเอาไว้ แล้วถอดกำไลเก็บสมบัติที่ใส่เหยียนซิวกับเว่ยซูและอันที่ใส่ทัพใหญ่แดนอเวจียื่นให้หยางชิ่งหมด
หยางชิ่งรับมาแล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดู พบว่าเว่ยซูถูกจับไว้ข้างในแล้วจริงๆ สภาพสะบักสะบอม เขาอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ ท่านอ๋องของพวกเราใจกล้าจริงๆ มาถึงขั้นนี้แล้ว เดินมาถึงขั้นนี้แล้วก็ยังนำทุกสิ่งในบ้านมาเดิมพันได้อีก เล่นอะไรซี้ซั้ว!
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ได้แต่สงสารตัวเองที่ช่วงนี้ใช้ทั้งแรงกายแรงใจวางแผนรับมือกับสมาคมอาวุโสอย่างละเอียด ไม่รู้ว่าทุ่มเทความพยายามไปมากเท่าไร หมดกัน ฝั่งนี้กลับปิดบังเขาไว้แล้วเดินเนินการเองอย่างถึงอกถึงใจ บีบทุกคนขึ้นมาบนหน้าผา จะไม่เล่นเป็นเพื่อนเขาต่อก็ไม่ได้ เรื่องที่เขาคิดซ้ำไปซ้ำมาดันสูญเปล่าแล้ว แบบนี้มันใช่เรื่องเสียที่ไหน?
ผ่านไปครู่เดียว ชิงเยว่เร่งฝีเท้าเดินเข้ามา เหมียวอี้ไม่ได้ปิดบังนาง นอกจากพลังอภินิหารของเหยียนซิวแล้ว อย่างอื่นก็บอกนางหมด ชิงเยว่เรียกได้ว่างงเป็นไก่ตาแตก ตะลึงค้างแล้ว เซี่ยโห้วท่ายังไม่ตายงั้นเหรอ? จับเว่ยซูไว้แล้ว ทั้งยังจะจับเซี่ยโห้วท่าอีก? เป็นบ้าไปแล้วใช่มั้ย?
แต่นางก็นึกตามทันอย่างรวดเร็ว แม้แต่เว่ยซูก็แตะต้องแล้ว ยังมีทางให้ถอยกลับอีกเหรอ?
นางมองเหมียวอี้ด้วยแววตาสับสน ในใจร่ำร้องว่า ท่านอ๋อง ท่านไม่ควรเล่นอย่างนี้สิ ทุกคนเพิ่งจะดีใจที่ได้ผลประโยชน์มาไว้ในมือ ยังไม่ทันนำมาห่มให้ร้อน ท่านก็จะนำออกไปเดิมพันทั้งหมดแล้ว ให้ไปควบคุมทรัพย์สินมากขนาดนี้ เสี่ยงทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจแบบนี้ได้อย่างไร ท่านบุ่มบ่ามเกินไปหรือเปล่า?
สุดท้ายชิงเยว่ก็กุมหมัดคารวะและฟัดฟันบอกว่า “ท่านอ๋อง ชิงเยว่มีความสามารถจำกัด เกรงว่าจะทำให้งานใหญ่ของท่านอ๋องเสียหาย ท่านอ๋องได้โปรดบัญชาการด้วยตัวเอง!” ในใจนางพึมพำว่า ข้ารับผิดชอบสิ่งนี้ไม่ไหว
เหมียวอี้บอกนางว่า “ไม่ใช่ว่าให้เจ้าไปเป็นผู้บัญชาการสูงสุดหรอก เจ้าแค่ต้องควบคุมห้าล้านทัพอารักขาให้ดี เมื่อไรที่ต้องใช้งานพวกเจ้า ไม่ว่าจะเห็นอะไร ก็อย่าให้เสียระเบียบเด็ดขาด เจ้าแค่ต้องคอยฟังคำสั่งท่านหยางก็พอ!” เขาชี้ไปที่หยางชิ่ง
ชิงเยว่อดไม่ได้ที่จะมองไปทางหยางชิ่ง นางสังเกตเห็นชายลึกลับที่อยู่ข้างกายเหมียวอี้มาตั้งนานแล้ว สวมหน้ากากปลอมไว้ตลอด ไม่ยอมเผยโฉมหน้าที่แท้จริง ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร นางกุมหมัดคารวะ “รับทราบ!” จากนั้นก็กุมหมัดคารวะหยางชิ่งอีก “คารวะท่านหยาง ได้รับคำสั่งท่านอ๋องให้ฟังคำบัญชาการของท่านหยาง!”
หยางชิ่งกุมหมัดคารวะตอบ “รบกวนผู้ตรวจการซ้ายด้วย!”
เรื่องนี้ก็ถูกกำหนดไว้อย่างนี้แล้ว ชักช้าไม่ได้ ถ่วงเวลาต่อไปไม่ได้ด้วย พวกเขารีบร้อนออกไปปฏิบัติงาน เหลือเพียงหยางเจาชิงที่ยืนอยู่ข้างกายเหมียวอี้เงียบๆ รู้สึกบีบหัวใจ!
………………