ไม่กลัวก็แปลกแล้ว ถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือ จะให้นางไปจับตัวเซี่ยโห้วท่าแบบซึ่งๆ หน้า ไม่ผิดหรอก สิ่งที่หยางชิ่งต้องการก็คือให้นางไปจับคน จะไม่กลัวได้เหรอ?
ในฐานะคนเก่าคนแก่ที่เคยผ่านมาก่อน เซี่ยโห้วท่าคือการดำรงอยู่ที่น่าหวาดกลัวขนาดไหน ไม่มีทางที่นางจะไม่รู้ชัดเจน ผ่านไปหลายปีแล้ว ทั้งใต้หล้าล้วนถูกครอบงำอยู่ภายใต้เงามืดของเซี่ยโห้วท่า ยามเผชิญหน้ากับคนอื่น ไป๋เฟิ่งหวงกล้าแสดงอารมณ์ไม่พอใจ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยโห้วท่านางไม่กล้าเลยจริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการลงมือจับอีกฝ่ายด้วยตัวเอง แบบนี้ไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ?
พวกตานฉิงรู้สึกบันเทิงแล้ว ต่างก็เข้าใจความรู้สึกของไป๋เฟิ่งหวง
หยางชิ่งขมวดคิ้ว เขาไม่ได้รู้จักไป๋เฟิ่งหวงมากนัก กลุ้มใจว่าทำไมเหมียวอี้ถึงให้พวกทิ้งงานแบบนี้กับเขา จึงเตือนว่า “นี่คือความคิดของอ๋องสวรรค์หนิว”
ไป๋เฟิ่งหวงถลึงตาทันที “เขาเป็นอ๋องสวรรค์ของบ้านเจ้า ไม่ใช่อ๋องสวรรค์ของบ้านข้า ข้าไม่สนหรอกว่าจะเป็นความคิดของเขา ใครส่งข้าไปตายข้าก็ร้อนใจกับคนนั้นแหละ!” สายตาจ้องไปที่ใต้เท้า แล้วจู่ๆ ก็กล่าวอย่างดุดัน “ข้าจะพูดอีกครั้งนะ ปล่อยข้าออกไป ไม่อย่างนั้นอย่าโทษว่าข้าทำลายที่นี่ออกไปเอง!”
เรื่องนี้หยางชิ่งฝืนใจนางไม่ได้ ถ้าอีกฝ่ายไม่ให้ความร่วมมือ ฝืนใจให้ไปทำก็ไม่มีประโยชน์ อดไม่ได้ที่จะกล่าวเสียงต่ำว่า “ถ้าเจ้าจะไปข้าก็ไม่ห้ามเจ้า แต่ข้าต้องบอกท่านอ๋องก่อน!”
ไป๋เฟิ่งหวงคำรามทันที “เร็วๆ หน่อย ถ้าเลยเวลาจะไม่รอ!”
หยางชิ่งยอมหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้แล้ว เล่าสถานการณ์คร่าวๆ ให้ฟัง
เหมียวอี้ที่ปิดตัวเองอยู่คนเดียวในห้องบนตึกมีสีหน้าคร่ำเครียดเล็กน้อย หยิบระฆังดาราติดต่อไป๋เฟิ่งหวงทันที
“มองอะไร?” ไป๋เฟิ่งหวงที่รออยู่ในกระเป๋าสัตว์ตะคอกใส่หลายคนที่กำลังจ้องตัวเอง แล้วหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อเหมียวอี้
เหมียวอี้ถามว่า : ไป๋เฟิ่งหวง เจ้าเป็นอะไรไป?
ไป๋เฟิ่งหวง : ไม่ได้เป็นอะไร ข้าไม่มีความสามารถนั้น เรื่องนี้ข้าทำไม่ได้!
เหมียวอี้ : เจ้าต้องทำความเข้าใจเอาไว้เรื่องหนึ่งนะ ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า เจ้าเป็นทาสของข้า เจ้ากล้าขัดคำสั่งเหรอ?
ไป๋เฟิ่งหวง : อย่ามาใช้มุขนี้…
ยังไม่ทันพูดจบ ไป๋เฟิ่งหวงก็สีหน้าเปลี่ยนทันที ในดวงตาถึงขั้นฉายแววหวาดกลัว มืออีกข้างหยิบระฆังดาราอีกอันที่กำลังสั่นออกมา แล้วเขย่าตอบกลับไปว่า : เจ้า…เจ้ายังไม่ตายจริงเหรอ? เจ้าอยู่ที่ไหน?
ระฆังดาราอันนั้นตอบกลับมาว่า : เสี่ยวไป๋ ข้าตามใจเจ้ามาหลายปีขนาดนี้ ควรควบคุมจิตใจสักหน่อย ปฏิบัติตามที่พวกเขาบอกเถอะ
ไป๋เฟิ่งหวง : แบบนี้เท่ากับให้ข้าไปตายชัดๆ! ข้าไม่ทำ!
ระฆังดาราตอบกลับมา : เสี่ยวไป๋ อย่าดื้อ!
ไป๋เฟิ่งหวงตาแดงก่ำทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม หยดน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจก็ยิ่งพรั่งพรูออกมา ตอบอย่างกล้ำกลืนว่า : รู้แล้ว!
นางกระทืบเท้าระบายอารมณ์ขณะเก็บระฆังดาราอันนี้ แล้วเขย่าระฆังดาราตอบเหมียวอี้อีก : นับว่าเจ้าโหด! ข้าทำก็ได้ ยังไม่พอใจอีกเหรอ?
เหมียวอี้โล่งอก ตอบกลับไปว่า : หลังจากเรื่องนี้สำเร็จแล้ว ข้าจะตบรางวัลเจ้าอย่างงามแน่!
ไป๋เฟิ่งหวง : ตบรางวัลกับผีนะสิ ใครต้องการรางวัลเส็งเคร็งของเจ้า ไปให้ไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ทีหลังอย่ามารบกวนข้าอีก ไอ้สารเลว ตั้งแต่ได้เจอเจ้า ข้าก็ซวยไปแปดชาติ!
นางพลิกมือเก็บระฆังดารา แล้วคำรามใส่หยางชิ่งอีก “จะให้ทำยังไง พูดให้ชัดเจนหน่อย แต่เรื่องรนหาที่ตายข้าไม่ทำหรอกนะ!”
แบบนี้เท่ากับรับปากแล้ว หยางชิ่งยิ้มบางๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อครู่ที่นางถือระฆังดารา สองอันหมายความว่าอะไร นึกเพียงว่าเหมียวอี้มีวิธีการควบคุมนาง ว่ากันตามหลักเหตุผล เขาต้องคิดอยู่แล้วว่าถ้าเหมียวอี้ไม่มีวิธีการควบคุมนาง มีหรือที่จะแนะนำให้นางมาได้
หยางชิ่งกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “เจ้าวางใจได้ พวกเราไม่ได้หวังให้เจ้าไปตายแน่นอน เพราะเมื่อไหร่ที่เจ้าไปตาย ก็หมายความว่าแผนของพวกเราล้มเหลวเช่นกัน หลังจากแผนการล้มเหลว พวกเราก็รับผลที่ตามมาไม่ไหว ดังนั้นไม่ให้เจ้าไปตายแน่นอน ตราบใดที่เจ้ากล้าหาญรอบคอบ ก็ไม่มีคำว่ารนหาที่ตาย แล้วเจ้าก็ตายไม่ได้ด้วย พวกเรารับประกันความปลอดภัยของเจ้าได้แน่นอน!”
ไป๋เฟิ่งหวงพูดดูถูกว่า “ช่างพูดโกหกได้แบบตาไม่กะพริบจริงๆ ให้ข้าไปเผชิญหน้ากับจิ้งจอกเฒ่านั่นคนเดียว ในใต้หล้านี้มีใครกล้าบอกบ้างว่ารับประกันความปลอดภัยให้ข้าได้?”
หยางชิ่งกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ให้ไปเผชิญหน้ากับเซี่ยโห้วท่าเพียงลำพังข้าไม่เถียง แต่ตอนแรกคนของตำหนักสวรรค์มากมายขนาดนั้นยังจับเจ้าไม่ได้เลย อาศัยความสามารถของเจ้า ยามต้องสู้กับเซี่ยโห้วท่าคงไม่ถึงขั้นหลบไม่เป็นหรอกใช่ไหม? พวกเรามีกำลังพลมาด้วยสิบล้าน ทั้งยังมียอดฝีมือจำนวนมากของแดนอเวจีแฝงตัวอยู่รอบกายเจ้า ถ้าเรื่องนี้ล้มเหลว พวกเขาทั้งหมดจะลงมือ อย่างน้อยก็กู้สถานการณ์ให้เจ้าได้อย่างไม่มีปัญหา!”
“จริงเหรอ? ไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม?” ไป๋เฟิ่งหวงสงสัย
หยางชิ่งรับประกันว่า “ที่นี่มีคนอยู่เยอะ ข้าจะรับประกันให้เจ้าต่อหน้าทุกคน ถ้าหลอกเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าสามารถปฏิเสธภารกิจครั้งนี้ได้เลย ตอนหลังถ้าท่านอ๋องถามถึง เจ้าก็ผลักความรับผิดชอบมาให้ข้าได้เลย!”
“นี่เจ้าพูดเองนะ เราต้องสร้างหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรให้ข้า ไม่อย่างนั้นพวกเขาเป็นคนที่อยู่ฝั่งเจ้าทั้งหมด ใครจะเป็นพยานให้ข้าได้ล่ะ?” ไป๋เฟิ่งหวงยื่นมือทวง
“ก็ได้!” หยางชิ่งหยิบแผ่นหยกออกมาทันที เขียนหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร ลงตราอิทธิฤทธิ์แล้วส่งให้นาง
หลังจากรับมาตรวจอ่านอย่างจริงจัง ไป๋เฟิ่งหวงก็เลิกคิ้วนิดหน่อย ในที่สุดตอนนี้ก็วางใจแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้จริง ก็เหมือนจะไม่อันตรายมาก
หารู้ไม่ว่าหยางชิ่งพูดแบบนี้เพื่อให้นางวางใจเท่านั้น ต้องทำให้นางมีความมั่นใจ ถึงจะเผชิญหน้ากับเซี่ยโห้วท่าอย่างสุขุมเยือกเย็นได้ ไม่อย่างนั้นก็เป็นไปได้สูงว่านางจะเผยพิรุธต่อหน้าจิ้งจอกเฒ่า แน่นอน ความจริงก็ไม่แตกต่างจากที่พูดไปสักเท่าไหร่ ไม่ถือว่าเขาหลอกลวงนาง
อ๋าวเถี่ยที่อยู่ข้างๆ พลันถ่ายทอดเสียงถามหยางชิ่ง “ตอนนี้ยังยืนยันเรื่องในตอนหลังไม่ได้ เมื่อถึงตอนนั้นแล้วสถานการณ์ไม่ได้เป็นแบบที่คิดไว้ นางไม่ได้เผชิญหน้ากับโจรเฒ่าเพียงลำพัง ข้างกายโจรเฒ่ามีคนเยอะ ผู้ช่วยใหญ่จะไม่ผิดสัญญาตอนนั้นหรอกเหรอ?”
หยางชิ่งถ่ายทอดเสียงตอบ “แล้วยังไงล่ะ? ถ้านางลงสนามแล้ว เจอเซี่ยโห้วท่าแล้ว ยังกล้าให้ตัวเองถูกเปิดโปงง่ายๆ อยู่ไหม? ถึงตอนนั้นนางจะไม่ทำได้เหรอ? เพื่อปกป้องชีวิตตัวเอง นางก็ต้องคิดหาทางกัดฟันอดทนให้ผ่านไปอยู่แล้ว”
อ๋าวเถี่ยปาดเหงื่อเล็กน้อย สงสัยการรับประกันนี้จะไม่มีประโยชน์อะไร เป็นแค่กับดัก! พูดไปเพื่อทำให้ไป๋เฟิ่งหวงสงบลงล้วนๆ ท่านนี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
หยางชิ่งถ่ายทอดเสียงบอกอีกว่า “แต่ดูจากสถานการณ์การพบกันในอดีตตามที่เว่ยซูบอกไว้ มีความเป็นไปได้ต่ำพี่จะมีคนจำนวนมากโผล่มาเจอเว่ยซู โดยเฉพาะหลังจากพระปีศาจหนานโปหวนกลับมาแล้ว ความเป็นไปได้นี้ก็ยิ่งเล็กน้อยมาก โจรเฒ่าจะใช้รูปแบบการพบกันเพียงลำพังฝังเข้าไปในความทรงจำของเว่ยซู”
อ๋าวเถี่ยสงสัยนิดหน่อย ;jkเกี่ยวข้องอะไรกับพระปีศาจหนานโป? พบว่าความคิดตัวเองตามผู้ช่วยใหญ่ท่านนี้ไม่ค่อยทัน
หลังจากตรวจสอบละเอียดและเก็บแผ่นหยกแล้ว ไป๋เฟิ่งหวงก็กวาดตามองทั้งสอง แล้วเตือนว่า “มีคำพูดน่าอายอะไรให้ต้องแอบลักลอบคุยกัน?” หลังจากทำเสียงฮึดฮัด นางก็บอกหยางชิ่งอีกว่า “บอกสถานการณ์ให้ข้าฟังโดยละเอียดหน่อย”
หยางชิ่งบอกว่า “รีบพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ยังต้องรอดูสถานการณ์ในภายหลัง เจ้าวางใจเถอะ ข้าบอกเจ้าล่วงหน้าแน่นอน”
เมิ่งหรูที่คุณคิดเงียบๆ อยู่นานพลันเอ่ยว่า “ถ้าเว่ยซูเป็นกับดักที่โจรเฒ่าวางไว้เหมือนที่ผู้ช่วยใหญ่สันนิษฐานจริงๆ ถ้าเว่ยซูมีความผิดปกตินิดเดียว ก็จะทำให้โจรเฒ่าตื่นตัวได้ง่ายมาก เว่ยซูจะไปหาโจรเฒ่า ควรหาข้ออ้างอะไรถึงจะไม่ทำให้โจรเฒ่าสงสัย?”
คำถามนี้ทำให้ทุกคนเงียบทันที อู๋กุยพยักหน้า “โจรเฒ่าเจ้าเล่ห์เกินไป มีพิรุธนิดเดียวก็อาจเป็นปัญหาได้ นี่คือกุญแจสำคัญ ถ้าทำให้โจรเฒ่าเชื่อใจไม่ได้ ตอนหลังก็จะยุ่งยากแล้ว”
ใครจะคิดว่าหยางชิ่งจะกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ ว่า “เช่นนั้นก็ให้เขาเป็นฝ่ายเรียบเว่ยซูไปหาเอง!”
สายตาของทุกคนมองมา จ่างหงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ดูท่าผู้ช่วยใหญ่คงวางแผนไว้นานแล้ว!”
หยางชิ่งจ้องบนแผนที่ดาว พร้อมกล่าวอย่างใจเย็น “แม้โจรเฒ่าจะเจ้าเล่ห์ แต่คนเราต่อให้เจ้าเล่ห์แค่ไหน แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ช่องโหว่ให้โจมตี ข้าไม่เชื่อหรอกว่าโลกนี้จะมีคนที่สามารถวางแผนได้โดยไร้ช่องโหว่! พวกเราอยู่ในที่ลับ เขาอยู่ในที่แจ้ง พวกเราได้โอกาสลงมือก่อน ถ้าล้อมวางอุบายใส่เขาโดยที่เขาไม่รู้ความจริง แล้วยังปล่อยให้เขาหนีไปได้ ข้าก็พูดได้เพียงว่าพวกเราไร้ความสามารถ!”
“พูดแบบนี้ เกรงว่าผู้ช่วยใหญ่คงมีแผนในใจแล้ว เป็นพวกเราที่คิดมากไป พวกเรายินดีฟังความเห็นอันสูงส่ง!” เหลิ่งจัวฉุนกล่าวปนเสียงหัวเราะ
“แค่ต้องให้เว่ยซูบอกเขาสักหน่อย ว่าได้บัวโลหิตมาจากมือท่านอ๋องแล้ว!” หยางชิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
คนที่เหลือมองหน้ากันเลิกลั่ก อ๋าวเถี่ยกุมหมัดกล่าวขอคำชี้แนะด้วยความไม่มั่นใจ “หมายความว่ายังไงเหรอ?”
“เพื่อกำจัดพระปีศาจ เซี่ยโห้วท่าไม่เสียดายที่จะเปิดโปงสายลับของตระกูลเซี่ยโห้วจำนวนมากเพื่อสนับสนุนให้ท่านอ๋องขึ้นตำแหน่งคุมทัพใต้ ไม่ใช่เพราะต้องการอำนาจของทัพใต้มาสนับสนุนหรอก ต่อให้ท่านอ๋องไม่ได้คุมทัพใต้ ในเรื่องกำจัดพระปีศาจ ที่จริงแล้วตระกูลเซี่ยโห้วให้ยืมกำลังได้ง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องโค่นล้มฮ่าวเต๋อฟางเลย สาเหตุที่แท้จริงก็เป็นเพราะบัวโลหิตในมือของท่านอ๋องสามารถช่วยให้พระปีศาจกลับมามีกายหยาบอีกครั้งได้ นี่คือของที่พระปีศาจหวังอยากได้มากที่สุด” หยางชิ่งใช้ฝ่ามือตบบนเข็มทิศเบาๆ ขณะที่ครุ่นคิด แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “ก่อนหน้านี้ก็ยังคิดอยู่เลย ว่าตระกูลเซี่ยโห้วกับท่านอ๋องจะร่วมมือกันสู้กับพระปีศาจได้ยังไง ต้องรู้เอาไว้ว่าพระปีศาจก็ไม่ใช่เล่นๆ จะติดกับดักง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนกัน เป็นไปได้ยากที่จะมีวิธีการที่เหมาะสม จนกระทั่งวันนี้ข้าถึงได้เข้าใจ ว่าเซี่ยโห้วท่าทุ่มทุนเยอะมากเพื่อกำจัดพระปีศาจ เรียกได้ว่ายอมแลกทุกอย่าง การเคลื่อนไหวที่อึกทึกครึกโครมอย่างอื่นล้วนทำไปเพื่ออำพรางความจริง เขาวางกับดักสำเร็จรูปที่ไร้ความผิดพลาดเอาไว้รอพระปีศาจตั้งนานแล้ว ท่าไม้ตายของจริงที่เซี่ยโห้วท่าใช้สู้กับพระปีศาจก็คือเขา!” ขณะที่พูดก็ชี้ไปยังเว่ยซูที่มีท่าทางเลื่อนลอยอยู่ข้างๆ
ทุกสายตาจับจ้องไปที่เว่ยซูทันที ทุกคนคิดตาม
ผ่านไปสักประเดี๋ยวเดียว อ๋าวเถี่ยก็ตาเป็นประกาย “ข้าเข้าใจความหมายที่ผู้ช่วยใหญ่บอกแล้ว กับดักอย่างเว่ยซู เซี่ยโห้วท่าอยากจะใช้เอาไว้สู้กับพระปีศาจ! ทุกคนลองคิดดูสิ ถ้าพระปีศาจรู้ว่าบัวโลหิตอยู่ในมือตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว เซี่ยโห้วท่าคิดจะวางกับดักให้เว่ยซูตกอยู่ในมือพระปีศาจก็ง่ายมาก ถ้าเว่ยซูตกอยู่ในมือพระปีศาจเมื่อไร พระปีศาจจะต้องใช้พลังอภินิหารของตัวเองสืบหาที่อยู่บัวโลหิตแน่ แล้วก็จะรู้ทันทีว่าเซี่ยโห้วท่ายังไม่ตาย อีกครั้งบัวโลหิตก็อยู่ในมือเซี่ยโห้วท่าแล้ว เซี่ยโห้วท่าไม่อยากให้เขาได้บัวโลหิตก็เป็นเรื่องที่ปกติมาก และสามารถอธิบายได้ด้วยว่าทำไมตระกูลเซี่ยโห้วถึงยอมสนับสนุนให้ท่านอ๋องขึ้นสู่ตำแหน่ง ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ แม้แต่เว่ยซูเองก็ไม่รู้ว่าเซี่ยโห้วท่าวางกับดักไว้ พระปีศาจจะเชื่ออย่างสนิทใจว่าข้อมูลที่ตัวเองขุดได้จากเว่ยซูไม่มีอุบายซ่อนอยู่ สามารถเชื่อได้เต็มที่ว่าไม่มีการเล่นตุกติก เพราะเซี่ยโห้วท่าแกล้งตายก่อนที่พระปีศาจจะหลุดออกมาจากสถานที่ผนึก ต่อให้พระปีศาจจะมีพลังอภินิหารมากมายกว่านี้ แต่ก็คงนึกไม่ถึงว่าเซี่ยโห้วท่าจะวางกับดักรอตนเอาไว้ล่วงหน้าหลายหมื่นปี นี่คือกับดักที่สมบูรณ์แบบจริงๆ! ถ้าเซี่ยโห้วท่าได้บัวโลหิตไปเมื่อไหร่ ก็จะต้องเตรียมกับดักที่ถึงตายเอาไว้รอพระปีศาจที่จุดหมายปลายทางแน่นอน ส่วนพระปีศาจก็วิ่งเข้าใส่โดยไม่เคลือบแคลงใจ จะต้องใช้แหฟ้าตาข่ายดินล้อมเขาไว้ หนีไปไม่ได้อีก!”
ขณะที่ทุกคนเข้าใจกระจ่าง ก็รู้สึกแอบตกใจเช่นกัน
เมิ่งหรูบอกว่า “ดูท่าแล้วเซี่ยโห้วท่าจะไม่ได้กลัวพระปีศาจแบบธรรมดาจริงๆ ยอมสละได้แม้กระทั่งลูกชายตัวเอง แม้แต่พ่อบ้านที่ตัวเองสนิทที่สุดก็เอามาเป็นตัวหมากให้สละชีวิตได้”
ตานฉิงหัวเราะหึหึ “อาศัยแค่เรื่องพวกนั้นที่เขาเคยทำไว้กับพระปีศาจ จะไม่กลัวได้เหรอ? ถ้าไม่กำจัดพระปีศาจ เกรงว่าต่อให้เขาตายก็ยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี”
หยางชิ่งใช้สองมือค้ำบนเข็มทิศดาว พร้อมกล่าวช้าๆ ว่า “จะได้นำบัวโลหิตมาทดลองว่าใช่กับดักหรือเปล่า ถ้าเป็นกับดักจริงๆ เมื่อเซี่ยโห้วท่ารู้ว่าบัวโลหิตอยู่ในมือเว่ยซูแล้ว จะต้องให้เว่ยซูส่งไปให้ทันทีแน่นอน…ตอนนี้เขาก็จะเรียกเว่ยซูไปหาเองแล้ว!”
…………………………