“ของเด็กเล่น?” สวีถังหรานส่ายหน้าหลุดขำ “ท่านบุรุษเฒ่าต้องการคำขู่แบบไหนล่ะ? หรือรู้สึกว่าคำขู่นี้มีน้ำหนักไม่พอ?”
หวงฝู่เลี่ยนคงหรี่ตา “ไปบอกหนิวโหย่วเต๋อ ว่าควรจะหยุดได้แล้ว ส่งสองแม่ลูกนั่นมา แล้วก็หยุดเพียงเท่านี้ เรื่องในอดีตข้าจะทำเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่อย่างนั้นข้าก็ต้องรายงานขึ้นไปก่อน หนิวโหย่วเต๋อเข้ามาแทรกแซงเรื่องไหนสมาคมวีรชน ไม่พ้นต้องโดนสงสัยว่าจะก่อกบฏ เขาเองก็ไม่ได้ประโยชน์เหมือนกัน!”
สวีถังหรานพูดเหยียดหยามว่า “ส่งให้เหรอ คนของตระกูลหวงฝู่ก็ยังต้องส่งให้คนของตระกูลหวงฝู่จัดการอยู่แล้ว เพียงแต่เจตนาดีของท่านอ๋องนี้ ไม่รู้ว่าท่านบุรุษเฒ่าพิจารณาไปถึงไหนแล้ว?”
หวงฝู่เลี่ยนคงโค้งมุมปากแสยะยิ้ม “เจ้าคิดว่าข้าจำเป็นต้องพิจารณาเหรอ?”
“เฮ้อ!” สวีถังหรานเอียงตัวถอนหายใจ “สงสัยท่านบุรุษเฒ่าจะยังมีความฝันลมๆ แล้งๆ กับตำหนักสวรรค์ รู้สึกว่าประมุขชิงไม่นิ่งดูดายเมื่อเห็นท่านอ๋องกับตระกูลเซี่ยโห้วสมคบกัน คิดว่าประมุขชิงจะกำจัดท่านอ๋องของข้าทิ้งใช่มั้ย?”
หวงฝู่เลี่ยนคงยิ้มเย้ย “นั่นคือสิ่งที่เจ้าคิดเอาเองต่างหาก” ที่จริงเขาก็คิดอย่างนี้ แต่อยากจะถ่วงเวลาก่อน
“ถ้ามีนิทานเรื่องนึงจะเล่าให้ฟัง ท่านบุรุษเฒ่าอยากจะฟังหรือเปล่า?” สวีถังหรานถาม
หวงฝู่เลี่ยนคงตอบว่า “เกรงว่าต่อให้ข้าจะไม่อยากฟัง แต่ท่านโหวก็คงไม่หุบปากอยู่ดี ใช่มั้ยล่ะ?”
“จุจุ นึกไม่ถึงว่าสวีคนนี้จะได้คนรู้ใจอีกแล้ว!” สวีถังหรานยืนขึ้น เอามือไขว้หลังพร้อมค่อยๆ เล่า “เมื่อก่อนนี้หน่วยตรวจการซ้ายเคยแทรกสายลับคนหนึ่งไว้ข้างกายท่านอ๋อง ชื่อว่าเฟยหง! เฟยหงมีประวัติความเป็นมาอยู่บ้าง เป็นบุตรสาวของอดีตเทพประจำดาวมะโรงดินไท่ซูเหวินชาง ฮูหยินของไท่ซูเหวินชางหลินอ้าวเสวี่ยถูกคุมตัวอยู่ในสถานที่ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ใต้พระตำหนักอุทยาน ช่วงนี้ประมุขชิงใช้งานสายลับอย่างเฟยหง ต้องการให้เฟยหงคอยให้ความร่วมมืออยู่ภายใน แอบส่งองครักษ์เงาออกมาทำงานประสานกัน ต้องการลอบสังหารท่านอ๋อง! ดังนั้นท่านอ๋องจึงลงมือโต้ตอบทันที โดยการช่วยหลินอ้าวเสวี่ยออกมาจากพระตำหนักอุทยาน แน่นอน แผนการลอบสังหารขององครักษ์เงาล้มเหลว ถอนกำลังกลับไปทั้งหมด…ท่านอ๋องได้รับการสนับสนุนจากทัพอื่นอีก ทั้งยังมีตระกูลเซี่ยโห้วคอยช่วยเหลือ ถ้าประมุขชิงคิดจะแตะต้องท่านอ๋องของข้า เกรงว่าช่วงนี้คงยังหาโอกาสไม่ได้ ไม่ทราบว่าท่านบุรุษเตรียมจะถ่วงเวลาไปถึงเมื่อไหร่?”
หวงฝู่เลี่ยนคงแววตาวูบไหว แอบรู้สึกตกใจ เขาย่อมได้ยินข่าวเรื่องที่วังสวรรค์โดนลอบโจมตี สองครั้ง อย่าบอกนะว่าหนิวโหย่วเต๋อกำลังสู้กับประมุขชิงแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าหนิวโหย่วเต๋อจะช่วยคนออกจากพระตำหนักอุทยานได้?
สวีถังหรานเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าหวงฝู่เลี่ยนคง “สถานที่หลอมสร้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ แค่คิดก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนควบคุม สมาคมวีรชนก็ถูกควบคุมโดยซ่างกวนชิงเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ? เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ซ่างกวนชิงจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเหรอ? ถ้าเปิดโปงข่าวที่ผู้หญิงตระกูลหวงฝูเสียตัวให้ท่านอ๋องอีก ชีวิตของซ่างกวนชิงที่วังสวรรค์จะต้องบันเทิงมากแน่ แน่นอน นั่นล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ถ้าตระกูลหวงฝู่มีใจคิดทรยศตำหนักสวรรค์มาตั้งแต่แรก เปิดเผยความลับของวังสวรรค์ให้คนนอกรู้ ถ้าให้วังสวรรค์รู้เรื่องนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงหรอกว่าวันคืนของซ่างกวนชิงจะทรมานขนาดไหน อย่างน้อยวันคืนอันสงบสุขของตระกูลหวงฝู่ก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!”
หวงฝู่เลี่ยนคงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตระกูลหวงฝู่ไม่เคยมีใจคิดทรยศตำหนักสวรรค์ และไม่เคยเปิดโปงความลับอะไร ท่านโหวใช้คำพูดเหลวไหลขู่ตระกูลหวงฝู่ไม่ได้ผลหรอก ฝากท่านโหวไปบอกท่านอ๋องก็ได้ ก็อย่างที่บอก ว่าให้หยุดได้แล้ว เวลากระต่ายจนตรอกก็กัดคนได้เหมือนกัน สมาคมวีรชนเองก็ไม่ใช่เล่นๆ! ข้ายังมีเรื่องสำคัญต้องทำ ไม่เสียเวลาอยู่กับท่านโหวแล้ว!” พูดแบบนี้แสดงว่าจะส่งแขกกลับแล้ว
สวีถังหรานไม่ได้แยแสเลย “ไม่ได้เปิดเผยความลับจริงเหรอ? แล้วเรื่องโจรราคะเจียงอีอีคืออะไรล่ะ ใช่ว่าท่านจะไม่รู้นี่?”
หวงฝู่เลี่ยนคงชำเลืองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา สำหรับตระกูลหวงฝู่ เรื่องนี้เป็นอดีตไปแล้ว ขู่อะไรเขาไม่ได้อีกแล้ว “เชิญท่านโหวกลับไปเถอะ!”
สวีถังหรานหรี่ตายิ้ม “ตระกูลหวงฝู่เปิดเผยความลับให้ท่านอ๋องของข้ารู้เยอะขนาดนั้น จะไม่ยอมรับได้ยังไงล่ะ เหมือนจะทำตัวเองให้บริสุทธิ์จากเรื่องนี้ไม่ได้มั้ง? เออใช่ เจียงอีอีเหมือนจะมีน้องสาวชื่อเจียงอวิ๋น ใช่หรือเปล่่า?”
หวงฝู่เลี่ยนคงแอบตกตะลึง อย่าบอกนะว่านางเด็กนั่นเปิดเผยเรื่องนี้ให้หนิวโหย่วเต๋อรู้ด้วย? เป็นไปไม่ได้ เพราะนี่คือความลับสุดยอด เป็นไปไม่ได้ที่สองแม่ลูกจะรู้เรื่องนี้ เขาทำหน้าตึงพร้อมบอกว่า “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านโหวกำลังพูดถึงอะไร!”
สวีถังหรานหันมามองหน้าเขาตรงๆ แล้วเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “ความลับอย่างอื่นข้าจะไม่พูดถึงแล้วกัน ท่านอ๋องอยากรู้มากใช่ไหมว่าหลังจากจอมพลลั่วหม่างรู้เรื่องนี้แล้วมีปฏิกิริยายังไง ตระกูลหวงฝู่ก็มีอยู่ในอาณาเขตของลั่วหม่าง ถ้าลั่วหม่างเดือดดาลเพราะเรื่องนี้จนเดินทัพล้างเลือดตระกูลหวงฝู่ คาดว่าฝั่งวังสวรรค์ก็ต้องแกล้งโง่อยู่ดี เกรงว่าวังสวรรค์คงจะไม่ยอมรับว่าพวกเขาบงการเรื่องนี้ ซ่างกวนชิงจะต้องบอกแม่ว่าตระกูลหวงฝู่ถือวิสาสะทำเอง! คาดว่าคงมีคนไม่น้อยเหม็นขี้หน้าสมาคมวีรชน ท่านอ๋องของข้าจะได้ผลักดันให้อำนาจฝ่ายอื่นฟ้องร้องบนราชสำนักว่าตระกูลหวงฝู่มีเจตนาไม่ซื่อคิดกบฏ ให้อำนาจทั้งหมดร่วมมือกันตัดรากถอนโคนทั้งตระกูลหวงฝู่ทั้งสมาคมวีรชนไปเลย! ท่านบุรุษคิดว่าท่านอ๋องของข้าทำไม่ได้เหรอ?”
หวงฝู่เลี่ยนคงพลันจ้องใบหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ไม่ละสายตาราวกับเหยี่ยวดุ แค้นจนอยากใช้ฝ่ามือฟาดเขาทั้งเป็นๆ!
สวีถังหรานส่ายหน้า “ท่านนั้นข้างกายจอมพลลั่ว ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าคิดที่จะปิดปาก เพราะที่จริงจอมพลลั่วรู้ตั้งนานแล้ว สาเหตุที่ยังไม่ได้อาละวาด ก็เพราะถูกท่านอ๋องของข้าข่มไว้ แน่นอน ในเมื่อท่านอ๋องของข้าข่มไว้ได้ ก็สามารถทำให้เรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตได้เหมือนกัน! ถึงตอนนั้นท่านก็จินตนาการได้เลย โลกนี้ยังจะมีที่ยืนสำหรับตระกูลหวงฝู่อีกเหรอ? เกรงว่าเรื่องแรกที่ซ่างกวนชิงจะทำก็คือปิดปากตระกูลหวงฝู่น่ะสิ…ถ้าท่านอ๋องเดือด ศพเรียงเกลื่อนพื้นแน่ ไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลเซี่ยโห้วต่ำต้อยจะต้านไหว ผู้รู้สถานการณ์ คือผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศ!”
หวงฝู่เลี่ยนคงกัดฟันบอกว่า “ดูท่าแล้วอ๋องสวรรค์คงจะเป็นหมาป่าทะเยอทะยานจริงๆ เขาจะควบคุมสมาคมวีรชนได้เหรอ?”
สวีถังหรานโบกมือ “เจ้าคิดผิดแล้ว! ท่านอ๋องไม่เคยคิดจะควบคุมสมาคมวีรชน ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา และยังไม่ถึงจังหวะนั้น แตงที่ฝืนเด็ดรสชาติย่อมไม่หวาน ท่านอ๋องก็แค่อยากให้ท่านบุรุษปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เจ้าก็ทำงานรับใช้วังสวรรค์ด้วยความจงรักภักดีไป ส่วนฝั่งท่านอ๋องเจ้าก็ไม่ต้องเลือกที่รักมักที่ชัง อย่างน้อยถ้ามีเรื่องอะไรที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อท่านอ๋อง ก็ต้องปรึกษากับท่านอ๋องก่อนสักหน่อย ถ้าสามารถทำได้ ท่านอ๋องก็รับรองว่าจะไม่ให้ตระกูลหวงฝู่ลำบากใจ รอให้ตระกูลหวงฝู่รู้สึกเองว่าโอกาสที่จะพึ่งพาท่านอ๋องมาถึงแล้ว ก็ตัดสินใจเองได้เลย จะไม่บังคับแน่นอน ท่านบุรุษเฒ่า สมาคมวีรชนนั้นไม่เกี่ยว เรื่องนี้มีแต่ประโยชน์ต่อตระกูลหวงฝู่ ทั้งปกป้องตัวเองจากฝั่งวังสวรรค์ได้ ทั้งไม่ผิดใจกับท่านอ๋องของข้า ทั้งยังได้พึ่งพากำลังของทั้งฝ่าย พอสถานการณ์พลิกเมื่อไร จะไปอยู่ฝ่ายไหนก็ได้ทั้งนั้น ตระกูลหวงฝู่ยืนอยู่ในจุดที่จะไม่แพ้แล้ว ทำไมไม่ยินดีที่จะทำล่ะ?”
หวงฝู่เลี่ยนคงเงียบไป หวั่นไหวแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ไม่กดดันให้ตระกูลหวงฝู่ไปพึ่งพา ไม่มีความเสี่ยงใดๆ เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแย่เลยจริงๆ จึงเลิกคิ้วถามว่า “ง่ายๆ ขนาดนี้เชียวเหรอ?”
สวีถังหรานตอบว่า “แน่นอนว่ามีเงื่อนไข ตระกูลหวงฝู่ต้องปฏิบัติต่อครอบครัวนางอย่างดี ไม่อย่างนั้นท่านอ๋องจะฆ่าล้างตระกูลหวงฝู่แน่ ฆ่าไม่เหลือแม้แต่ไก่หรือสุนัข! ยังมีอีกนะ ตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของร้านค้าสมาคมวีรชน ท่านอ๋องรู้สึกว่าเหมาะสมกับหวงฝู่จวินโหรวมาก ท่านบุรุษคิดว่ายังไง?”
หวงฝู่เลี่ยนคงเงียบอีก จากนั้นก็ตอบเสียงดังอย่างมีพลังว่า “ตกลง!”
พอเดินวางโตออกจากประตูใหญ่ของตระกูลหวงฝู่ สวีถังหรานก็หันกลับไปมองแวบหนึ่ง นึกถึงในปีนั้นที่ตระกูลหวงฝู่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ตอนนี้แม้แต่หัวหน้าตระกูลหวงฝู่ก็ยังต้องทำตัวว่านอนสอนง่ายกับเขา เกิดความรู้สึกประสบความสำเร็จเองโดยธรรมชาติ สิ่งที่ทำให้เขาตื่นเต้นดีใจกว่านั้นก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าท่านอ๋องจะให้เขามาเข้าร่วมจัดการเรื่องที่เป็นความลับระดับนี้ จะเห็นได้เลยว่าเชื่อใจเขาแค่ไหน
ชัดเจนมาก การที่ให้ตนเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องระดับนี้ แสดงว่าตนเป็นลูกน้องคนสนิทอย่างแท้จริงแล้ว!
นับว่ายกหินออกจากอกแล้ว เขารู้อย่างชัดเจน ว่าอยู่ที่ตำหนักสวรรค์ต่อให้ตัวเองจะชีวิตดีขนาดไหน แต่ก็ไม่มีพื้นที่ให้ก้าวหน้ามากนัก บนตัวประทับตราของเหมียวอี้ไว้แล้ว ตอนนี้ลบไม่ออกเช่นกัน ทำได้เพียงเดินเส้นทางเดียวกับเหมียวอี้ไปจนฟ้ามืด มีอนาคตกว่าทำงานกับตำหนักสวรรค์!
พอคนเดินออกมา ผู้ติดตามที่อยู่ข้างนอกก็โผล่หน้ามา จากนั้นก็ออกไปพร้อมกับสวีถังหราน ผ่านมาหลายปีขนาดนี้ เขาก็พัฒนามาถึงขั้นที่มีลูกน้องคนสนิทของตัวเองแล้วเช่นกัน…
นอกคฤหาสน์หลังเล็ก เหมียวอี้ลงมาจากฟ้า มาเหยียบลงตรงประตู
เหยียนซิวที่ติดตามมามองไปรอบๆ ในใจแอบร้องว่าแย่แล้ว อย่าให้โดนหวังเฟยจับได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคนที่ช่วยเป็นบางอย่างเขาก็จะแย่เอา
เรื่องที่จัดที่อยู่ให้หวงฝู่จวินโหรวที่นี่ ตอนนี้ยังไม่มีใครกล้าบอกอวิ๋นจือชิว
เมื่อเจอเหมียวอี้อีกครั้ง อู่หนิงก็มีสีหน้าสับสน โดยเฉพาะตอนที่ลูกสาวกับเหมียวอี้แอบยักคิ้วหลิ่วตาให้กัน อีกทั้งฮูหยินยังมีท่าทางปล่อยปละละเลยอีก ยิ่งทำให้ใจเขามีหลากหลายอารมณ์คนกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะมีพ่อแม่อยู่ตรงนี้ หวงฝู่จวินโหรวคงเข้าไปคล้องแขนเหมียวอี้แล้ว การที่สามารถทำให้บิดากลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวได้ นางก็ดีใจมากแล้ว
ทั้งครอบครัวเข้ามานั่งในศาลา มีเพียงเหยียนซิวที่เงียบอยู่ข้างหลังเหมียวอี้
หวงฝู่ตวนหรงกล่าวยังกังวลนิดหน่อยว่า “ท่านอาเจ้าบ้านให้พวกเรากลับไป บอกว่าจะให้โหรวโหรวรับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ร้านสมาคมวีรชน ไม่รู้เหมือนกันว่าจริงหรือโกหก ไม่รู้ว่าอยากหลอกให้พวกเรากลับไปหรือเปล่า”
เหมียวอี้ยิมบางๆ “พวกเจ้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอิสระ กลับไปจะอิสระกว่า กลับไปเถอะ ไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่เป็นอะไรจริงเหรอ? เจ้าบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพอพวกเรากลับไป ตระกูลหวงฝู่ก็จะฆ่าปิดปาก?” หวงฝู่ตวนหรงกลุ้มใจ
เหมียวอี้มองหวงฝู่จวินโหรวพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เรื่องที่โหรวโหรวได้รับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ ข้าเป็นคนเตรียมการเอง” แล้วก็มองหวงฝู่ตวนหรงอีก “ข้าจำเรื่องที่เจ้าบอกได้ ที่บอกว่าอยากให้โหรวโหรวรับตำแหน่งต่อจากเจ้า”
“…” สามคนพ่อแม่ลูกตกตะลึงพูดไม่ออก แอบตกใจไม่เบา หนิวโหย่วเต๋อสามารถบงการเรื่องคัดเลือกคนรับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของร้านค้าสมาคมวีรชนได้ด้วยเหรอ?
หวงฝู่จวินโหรวรู้สึกหวานชื่นในใจ แต่ภายนอกกลับถลึงตา “ทำไมเจ้าไม่เคยบอกเรื่องนี้กับข้าสักคำ?”
เหมียวอี้ตอบพร้อมรอยยิ้ม “ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรสักหน่อย เจ้าจำไว้นะ ตอนนี้ยังเปิดเผยเรื่องนี้ไม่ได้ กลับไปเถอะ ตระกูลหวงฝู่ไม่กล้าแตะต้องพวกเจ้าหรอก ถ้าในตระกูลมีคนมาหาเรื่องเจ้า เจ้าก็ไปหาหวงฝู่เลี่ยนคงได้เลย ถ้าเจออุปสรรคที่ผ่านไปไม่ได้จริงๆ ติดต่อข้า ข้าจะหนุนหลังให้เอง!”
แค่ประโยคนี้ ก็ทำให้หวงฝู่จวินโหรวตึงหน้าไม่ไหวทันที ทำเสียงฮึดฮัด แล้วหันหน้าหนีไปแอบยิ้ม ราวกับมีระลอกน้ำแห่งความสุขกระเพื่อมผ่านใบหน้า
หวงฝู่ตวนหรงก็หลุดยิ้มเช่นกัน นางชอบฟังสิ่งนี้ ช่วยกวาดอุปสรรคที่ขวางทางให้ลูกสาวได้ จะไม่ชอบฟังได้เหรอ
มีเพียงอู่หนิงที่หน้าผากเต้นตุ้บๆ มองลูกสาวด้วยสีหน้ารักและสงสารสุดๆ ในใจแอบรู้สึกปลง หมดกัน นางหนูนี่เกินเยียวยาแล้ว เคยเป็นคนที่ฉลาดปราดเปรื่องมาก ทำไมโดนหลอกได้ง่ายแบบนี้?
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง อู่หนิงก็หาข้ออ้างเรียกเหมียวอี้ไปข้างๆ เหยียนซิวกลับตามติดไม่ห่าง มองอู่หนิงอย่างระมัดระวัง
อู่หนิงแสยะยิ้ม “เรื่องของโหรวโหรวเจ้าเตรียมจะทำยังไงกันแน่? หรือจะให้นางอยู่โดยไร้สถานะไปทั้งชีวิต?” เขาจะสื่อว่าต่อให้เป็นอนุภรรยาก็ยอมรับได้
ตอนนี้ถึงคราวที่เหมียวอี้ต้องปวดหัวแล้ว ยิ้มเจื่อนตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี”
“เจ้า…หึ!” อู่หนิงสะบัดชายเสื้อเดินออกไปด้วยสีหน้าดเกรี้ยวโกรธ
ทิ้งให้เหมียวอี้ยืนพูดไม่ออกอยู่ริมศาลากลางน้ำ เหยียนซิวถอยออกไปทันที หวงฝู่จวินโหรวมาแล้ว ถ้าเขาไม่เห็นก็ย่อมไม่รู้สึกผิด
หวงฝู่จวินโหรวกอดเหมียวอี้จากข้างหลัง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงงุ้งงิ้ง “พรุ่งนี้ก็จะไปแล้ว คืนนี้อยู่ค้างกับข้าสักหน่อยดีไหม?”
ในมือยังมีงานต้องทำอีกมากมาย เหมียวอี้เจียดเวลามาที่นี่ แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มตอบ “ได้!”
……………