แม้จะตอบอย่างไม่ลังเล แต่กลางดึกก็ต้องลุกขึ้นมาจากแขนขาทั้งสี่อันอบอุ่นอ่อนโยนของหวงฝู่จวินโหรว
ออกจากเขตลานบ้านนั้นมา หยางเจาชิงกำลังรออยู่ด้านนอก เหมียวอี้ถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ที่จริงหยางเจาชิงก็ไม่อยากรบกวน เมื่อมาที่นี่จนดึกดื่นแล้วแต่เหมียวอี้ยังไม่กลับ ยังจะมีเรื่องอะไรให้ทำได้อีกอีก เมื่อครู่ที่ติดต่อมาก็กังวลว่าจะทำลายอารมณ์สุนทรีย์ของท่านอ๋อง เขาก็แค่บอกใบ้ว่ารออยู่ข้างนอก ให้ท่านอ๋องประเมินเวลาแล้วออกมาเอง
ตอนนี้พอเหมียวอี้โผล่หน้ามา เขาก็ย่อมรายงานว่า “ด้านนอกมีข่าวลือบางอย่าง ยังคงเป็นเรื่องที่ท่านอ๋องเป็นคนของหกลัทธิ แต่ครั้งนี้เพิ่มเนื้อหาเข้าไป บอกว่าเหยียนซิวฝึกเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางของหกลัทธิ ทั้งยังเป็นคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางของแท้ด้วย สามารถสลับใช้หยินหยางได้อย่างอิสระ และสามารถควบคุมสติสัมปชัญญะของคนได้ ล่วงรู้ความลับของคนได้” พูดจบก็มองเหยียนซิวที่อยู่ข้างหลังเหมียวอี้แวบหนึ่ง
เหมียวอี้แสยะยิ้ม “คนที่รู้เรื่องนี้ นอกจากพระปีศาจก็ไม่มีคนอื่นแล้ว ครั้งก่อนเสียเปรียบข้า ครั้งนี้กำลังล้างแค้นข้า ไปกันเถอะ กลับ!” พูดจบก็หันไปมองประตูใหญ่ที่อยู่ข้างหลังแวบหนึ่ง รับปากหวงฝู่จวินโหรวแล้วว่าคืนนี้จะอยู่กับนาง ต้องกลืนคำพูดตัวเองแล้ว เป็นเพราะถ้าจัดการเรื่องนี้ไม่ดีก็จะเกิดความวุ่นวาย อาศัยแค่เรื่องที่ควบคุมสติสัมปชัญญะของคนได้ สืบรู้ความลับของคนได้ก็เป็นปัญหาแล้ว เหตุใดพระปีศาจถึงใช้วิธีทำให้ทุกคนมีความเกลียดชังร่วมกัน สาเหตุหลักเป็นเพราะอยากให้คนรู้สึกหวาดกลัวกับเรื่องนี้
คนกลุ่มหนึ่งรีบเหาะขึ้นฟ้าไป เหมียวอี้ถึงขั้นไม่ได้บอกลาหวงฝู่จวินโหรวด้วยซ้ำ เขาคิดว่าหวงฝู่จวินโหรวคงจะเข้าใจ
หวงฝู่จวินโหรวคลุมผ้าปล่อยผมเดินออกจากประตูมา ยืนอยู่ในลานบ้านและมองคล้อยหลังเงาคนที่เหาะขึ้นฟ้าไป ดวงตาแดงก่ำ ในใจรู้สึกว่าไม่ได้รับความยุติธรรม แม้นางจะรู้ว่าทัพใต้ตั้งขึ้นมาใหม่จะต้องมีปัญหาเยอะ และการที่เขาไปในเวลานี้จะต้องมีเรื่องสำคัญแน่นอน แต่ก็บอกไว้แล้วว่าจะอยู่เป็นเพื่อนนางที่นี่
ใบหน้างามเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง บางครั้งนางก็คิดเหมือนกัน ว่าอยู่กับผู้ชายคนนี้แล้วมีอะไรดี ไม่สู้อยู่กับคนธรรมดาที่สามารถอยู่กับนางได้ทั้งวันทั้งคืนดีกว่า…
ตอนที่กลับมาถึงจวนท่านอ๋อง หยางชิ่งก็มาถึงแล้วเช่นกัน หลายคนเข้าไปประชุมกันในห้องหนังสือแล้ว
“สงสัยจะเป็นอย่างที่คาดไว้ พระปีศาจจะล้างแค้นจริงๆ” เหมียวอี้นั่งพูดอยู่หลังโต๊ะ
หยางชิ่งบอกว่า “ทางหกลัทธิส่งข่าวมา ข่าวที่ถูกปล่อยออกมาพร้อมกันยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ที่จริงคราวนี้ปล่อยออกมาเร็วกว่าหนึ่งก้าว จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลปล่อยเขาออกมา บอกว่างหยวนจุนถูกตาต้องใจก่วงเม่ยเอ๋อร์!”
“ฮะ…” เหมียวอี้งงงวย “เป็นข่าวที่จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลปล่อยออกมาจริงเหรอ?”
“จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลไม่ได้ออกมาแก้ข่าวลือใดๆ” หยางชิ่ง :
“ชิงหยวนจุนเล่นบ้าอะไร? เขาประกาศอย่างเปิดเผยว่าชอบลูกสาวของก่วงลิ่งกง? ไม่กลัวประมุขชิงจะกังวลเชียวหรือ?” เหมียวอี้แปลกใจ
หยางชิ่งส่ายหน้า “ข้าน้อยก็กำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่เช่นกัน ไม่เข้าใจว่าชิงหยวนจุนมีเจตนาอะไร คาดว่าเรื่องนี้ประมุขชิงน่าจะรู้เช่นกัน ไม่อย่างนั้นจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลก็ไม่กล้าปล่อยข่าวนี้ออกมาหรอก คาดว่าเรื่องนี้คงเกี่ยวข้องกับครั้งก่อนที่โกวเยว่พาก่วงเม่ยเอ๋อร์ไปจวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างประมุขชิงกับก่วงลิ่งกงทำข้อตกลงอะไรกัน” เรื่องนี้ทำให้เขาไม่เข้าใจ นึกไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นเพราะชิงหยวนจุนชอบก่วงเม่ยเอ๋อร์ ที่ปล่อยข่าวมาก็แค่เพราะต้องการจะครอบครองดอกไม้อย่างก่วงเม่ยเอ๋อร์ จะได้ไม่มีคนมาเด็ดไป
เหมียวอี้เคาะนิ้วบนผิวโต๊ะครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “เงินของข้าจะเอาไปเฉยๆ ไม่ได้” พูดจบก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อถามชิงหยวนจุนว่าเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่
เรื่องนี้ชิงหยวนจุนไม่ได้ปิดบังเขา เล่าเจตนาที่แท้จริงให้ฟัง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถึงว่าได้รับอนุญาตจากประมุขชิงแล้ว
พอเก็บระฆังดารา เหมียวอี้ก็กล่าวอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ชิงหยวนจุนชอบก่วงเม่ยเอ๋อร์ แต่ไม่สะดวกจะแต่งงานด้วย ถึงได้ใช้แผนการระดับต่ำนี้…” เขาเล่าเจตนาให้ฟังคร่าวคร่าวๆ
หยางชิ่งพูดไม่ออก เป็นเพราะคาดไม่ถึงนิดหน่อย เขาส่ายหน้าถอนหายใจ แล้วบอกว่า “แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน สองเรื่องนี้ถูกปล่อยออกมาพร้อมกัน จะได้กระจายผลกระทบจากข่าวลือที่พระปีศาจปล่อย กอปรกับพระปีศาจมีกำลังจำกัด ตอนนี้ข่าวยังไม่แพร่ไปวงกว้าง ฝั่งพวกเราต้องปล่อยข่าวกลบสักหน่อย ยังมีอีกจุดหนึ่ง ตอนนี้พระปีศาจทำได้แค่เรื่องเล็กๆ อย่างปล้นไก่ปล้นสุนัขเท่านั้น แสดงว่าเริ่มหมดวิธีการแล้ว!”
ที่จริงในใจเขาก็ยังรู้สึกว่าที่เหมียวอี้ก่อเรื่องเพื่อช่วยหลินอ้าวเสวี่ยก่อนหน้านี้นั้นไม่คุ้ม ไม่อย่างนั้นจะเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นอย่างนี้หรือ ตอนหลังจะมีช่องโหว่อะไรอีกก็ไม่มีใครคาดเดาได้
“ไม่ต้องสนใจเรื่องนี้แล้ว!” เหมียวอี้ยกมือห้าม แล้วบอกหยางเจาชิงว่า “ข่าวดีที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ ให้สวีถังหรานปล่อยข่าวได้!”
หยางชิ่งบอกว่า “เกรงว่าจะต้องเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย!”
พวกเขานำรายละเอียดของเรื่องนี้มาปรึกษากันอีกครั้ง
ใช้เวลาไม่นาน ใต้หล้าก็มีข่าวลืออีกแล้ว เรียกได้ว่าเดือดปุดๆ
เรื่องแรกก็คือชิงหยวนจุนชอบก่วงเม่ยเอ๋อร์ ลูกสาวของอ๋องสวรรค์ก่วง แต่ที่จริงแล้วก่วงเม่ยเอ๋อร์ได้กับหนิวโหย่วเต๋อตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนไปมาหาสู่กันอย่างสนิทสนม เรื่องที่สองก็คือเรื่องที่ลูกน้องคนสนิทของหนิวโหย่วเต๋อฝึกเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางจนสามารถควบคุมสติสัมปชัญญะคนอื่นได้ เรื่องที่สามก็คือ เฟยหงอนุภรรยาของหนิวโหย่วเต๋อเป็นลูกสาวของอดีตเทพประจำดาวมะโรงดินไท่ซูเหวินชาง แต่ถูกหน่วยตรวจการซ้ายจับมาแทรกไว้เป็นสายลับข้างกายหนิวโหย่วเต๋อ และมารดาของนาง หลินอ้าวเสวี่ยก็ถูกบังคับให้ใช้แรงงานอยู่ในสถานที่หลอมสร้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ ซึ่งอยู่ใต้พระตำหนักอุทยาน ก่วงลิ่งกงสมคบกับพระปีศาจหนานโปโจมตีพระตำหนักอุทยาน ให้หนิวโหย่วเต๋อช่วยหลินอ้าวเสวี่ยออกมา เรื่องที่สี่ก็คือที่จริงแล้วเซี่ยโห้วหลิงตายเพราะเฉาหม่านกับหนิวโหย่วเต๋อสมคบกันลอบสังหาร
สรุปก็คือข่าวลือต่างๆ ไม่พ้นเกี่ยวข้องกับหนิวโหย่วเต๋อ แต่ละเรื่องล้วนชี้ไปที่หนิวโหย่วเต๋อ ทำให้คนรู้สึกเหมือนต้องการจะเล่นงานให้หนิวโหย่วเต๋อตาย
ทุกเรื่องเพียงพอที่จะทำให้คนทั้งใต้หล้านำไปเป็นประเด็นสนทนาหลังอาหารและดื่มน้ำชา เรียกได้ว่าลือกันให้สนั่น
ในอาณาเขตทัพใต้ติดประกาศแก้ข่าวอย่างรวดเร็ว เรื่องแรกก็คืออ๋องสวรรค์กับก่วงเม่ยเอ๋อร์เป็นเพื่อนกันธรรมดา ไม่มีความสัมพันธ์อะไรที่เกินกว่านั้น เรื่องที่สองก็คือ เคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางเป็นของพระปีศาจหนานโป ปราชญ์ผีจากหกลัทธิเป็นลูกศิษย์ของพระปีศาจ เคล็ดวิชาที่ปราชญ์ผีฝึกยังไม่ใช่เคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางของแท้เชียวเหรือ? เคยได้ยินหรือเปล่าว่าปราชญ์ผีสามารถล้วงความลับคนอื่นผ่านการควบคุมสติสัมปชัญญะได้? เรื่องที่สาม เฟยหง อนุภรรยาของอ๋องสวรรค์ไม่ใช่สายลับ อ๋องสวรรค์ก่วงก็ไม่เคยช่วยอ๋องสวรรค์ช่วยชีวิตใครด้วย เรื่องที่สี่ การตายของเซี่ยโห้วหลิงไม่เกี่ยวอะไรกับอ๋องสวรรค์เลยสักนิด เรื่องที่ห้า มีคนมีเจตนาไม่ดี กำลังกุเรื่องใส่ร้ายทำลายชื่อเสียงอ๋องสวรรค์ เรื่องที่หก ถ้าพบว่าใครกุเรื่องทำลายชื่อเสียงขุนนางใหญ่ของตำหนักสวรรค์ ฆ่าไม่ละเว้น!
เมื่อเห็นทัพใต้มาแก้ข่าวลือ วังสวรรค์ก็แก้ข่าวลือเช่นกัน แค่ประกาศสิ่งที่สอดคล้องกับทัพใต้ นั่นก็คือหน่วยตรวจการซ้ายไม่เคยแทรกสายลับไว้ข้างกายอ่องสวรรค์คุมทัพใต้ เตือนคนสร้างข่าวลือและปล่อยข่าวลือ
จากนั้นทัพตะวันตกก็แก้ข่าวเช่นกัน ว่าบุตรสาวของอ๋องสวรรค์ก่วงสะอาดบริสุทธิ์ ไม่ให้ใครมาทำให้เสื่อมเสียได้ง่ายๆ อ๋องสวรรค์ก่วงไม่มีทางสมคบกับพระปีศาจ และยิ่งไม่มีทางช่วยใครออกมาจากพระตำหนักอุทยาน
ตระกูลเซี่ยโห้วเป็นกลุ่มสุดท้ายที่ออกมาแก้ข่าว บอกว่าเป็นข่าวที่ไม่มีมูลโดยแท้!
โอรสสวรรค์ชิงหยวนจุนเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้แก้ข่าวลือใดๆ แม้แต่วังสวรรค์ก็ไม่ได้ช่วยแก้ข่าวนี้ เหมือนทำเรื่องนี้เป็นความจริงแล้ว
จวนผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาล ในสวนดอกไม้ ชิงหยวนจุนนั่งขัดสมาธิขมวดคิ้วอยู่ในศาลา
หวังติ้งเฉาเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา รายงานข่าวลือต่างๆ จากภายนอกให้ฟัง
ชิงหยวนจุนตบต้นขา ชำเลืองมองหวังติ้งเฉาโดยไม่ขยับไปไหน และไม่พูดอะไรด้วย
หวังติ้งเฉาถูกมองจนอึดอัดไปทั้งตัว อดไม่ได้ที่จะถามว่า “องค์ชาย เป็นอะไรไปขอรับ?”
ชิงหยวนจุนกลุ้มใจนิดหน่อย “พวกเราทำให้เรื่องนี้ใหญ่โตแล้วไม่ใช่หรอ? ทำไมพอปล่อยข่าวนี้ออกไป ถึงมีข่าวลือตามมาอีกเป็นพรวน ทำเอาเดือดกันทั้งใต้หล้า แม้แต่ตำหนักสวรรค์ อ๋องสวรรค์ อ๋องสวรรค์ก่วง ตระกูลเซี่ยโห้วล้วนทยอยกันแก้ข่าว พวกเราทำให้วุ่นวายเกินไปหรือเปล่า? เรื่องนี้พุ่งเป้ามาที่ข้าหรือเปล่า? เสด็จแม้ต้องด่าข้าแน่!”
หวังติ้งเฉาเองก็เคยสร้างสถานการณ์อย่างนี้เป็นครั้งแรก ราวกับหญิงสาวที่ได้ขึ้นเกี้ยวแต่งงานเป็นครั้งแรก พอฝั่งนี้ปล่อยข่าวปล่อยออกไป เด็กดีเอ๋ย ความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทำให้แม้แต่เขาเองก็ยังตกใจ ไม่เคยก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้มาก่อน สงสัยเหมือนกันว่าตัวเองคิดแผนโง่ๆ หรือเปล่า ดังทุรังสอบว่า “คงจะไม่เกี่ยวกับฝั่งเราหรอกมั้ง ข่าวที่พวกเราปล่อยไป ฝ่าบาทอนุญาตแล้ว ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจริงๆ ฝ่าบาทก็ไม่ยอมเช่นกัน” ประโยคสุดท้ายคือความเห็นที่ชัดเจนที่สุด “องค์ชายไม่จำเป็นต้องกังวล ตราบใดที่ฝ่าบาทยืนข้างองค์ชาย ต่อให้ฟ้าถล่มลงมา ฝ่าบาทก็จะช่วยแบกรับให้องค์ชาย ในเมื่อฝ่าบาทไม่พูดอะไร ก็แสดงว่าไม่เป็นอะไรแล้ว!”
เมื่อได้ฟังเขาพูดอย่างนี้ ชิงหยวนจุนก็พยักหน้า วางใจแล้วไม่น้อย แต่ก็ยังถอนหายใจอีก “ตระกูลก่วงเร่งให้ข้ารีบแสดงท่าที!”
หวังติ้งเฉาบอกคำเดียวว่า “ไม่ต้องสนใจเขา!”
จวนอ๋องสวรรค์ก่วง ก่วงลิ่งกงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องหนังสือหยิบแผ่นหยกขึ้นมาอ่าน แล้วทำงานของตัวเองต่อไป เพียงแต่ใบหน้าไม่ได้แสดงรอยยิ้มมาหลายวันแล้ว
หลังจากโกวเยว่เข้ามา ก่วงลิ่งกงก็เหลือบตาขึ้นถามว่า “ชิงหยวนจุนว่ายังไงบ้าง?”
โกวเยว่ตอบอย่างเก้อเขิน “ยังไม่ยอมออกมาแก้ข่าว ยังยืนยันคำเดิมว่า มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง โอรสสวรรค์ผู้สง่าภูมิฐานอย่างเข้าไม่เข้ามายุ่งกับเรื่องประเภทนี้!”
ก่วงลิ่งกงตบโต๊ะยืนขึ้น กล่าวอย่างโมโหว่า “เช่นนั้นเขาจะปล่อยข่าวออกมาทำไม? จะแต่งก็ไม่แต่ง ทั้งยังกล้าพูดจาเพ้อเจ้ออีก เขาคิดจะทำอะไร? คิดว่าข้ากลัวพ่อเขาจนไม่กล้าแตะต้องเขาอย่างนั้นเหรอ?” คำพูดนี้พูดไปเพราะอารมณ์โกรธ เพราะเขาไม่กล้าแตะต้องชิงหยวนจุนจริงๆ ผู้สำเร็จราชการแดนรัตติกาลคนนี้ไม่ใช่หนิวโหย่วเต๋อ ในปีนั้นเขาสามารถระดมพลไปโจมตีแดนรัตติกาลได้ ก็เพราะรู้สึกว่าหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้มีอำนาจมากมายหนุนหลัง แต่คนที่หนุนหลังชิงหยวนจุนคือใครกันล่ะ? นั่นคือคนที่มีอำนาจอันดับหนึ่งในใต้หล้าเชียวนะ! ลองกล้าแตะต้องลูกชายของประมุขชิงดูสิ ประมุขชิงไม่มีทางนิ่งดูดาย ถ้าปล่อยให้คนอื่นมาแตะต้องลูกตัวเองโดยไม่สนใจจริงๆ เช่นนั้นประมุขชิงก็ไม่มีหน้าจะเป็นราชันสวรรค์ต่อไปแล้ว
เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห นับว่าทั้งชีวิตลูกสาวถูกทำลายแล้ว หญิงสาวที่บริสุทธิ์คนหนึ่งมีชื่อเสียงอย่างนี้ เอาใส่แค่เรื่องของชิงหยวนจุน ใต้หล้านี้ยังจะมีใครกล้าแต่งงานกับลูกสาวอีก? ไม่เคยเห็นใครวางกับดักกันแบบนี้มาก่อน โอรสสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผย นึกไม่ถึงว่าจะทำเรื่องไร้ยางอายขนาดนี้ เหมือนกับบิดาของเขาไม่มีผิด อย่างน้อยบิดาของเขาก็ยังรู้จักปิดบังไว้บ้าง ตอนนี้เขานึกเสียใจทีหลัง รู้สึกว่าลูกสาวมีความงดงามพอสมควร หลายปีมานี้รอขายตอนราคาดีมาตลอด ใครจะคิดว่าทำไปทำมาดันได้เจอกับไอ้เวรตะไลไร้ยางอาย ทำลายลูกสาวคามือแล้ว
พอได้สติกลับมาก็ชี้โกวเยว่พร้อมด่าว่า “ดูแผนโง่ๆ ที่เจ้าคิดออกมาสิ!”
โกวเยว่ก้มหน้าไม่พูดจา ในใจพึมพำว่า เป็นความประสงค์ของท่านเองไม่ใช่หรือ เพียงแต่คำบางคำไม่สะดวกจะพูดออกมา ข้าก็แค่ช่วยพูดให้ท่านก็เท่านั้นเอง
ก่วงลิ่งกงเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา กระฟัดกระเฟียดไม่หาย ไม่ได้มีแค่เรื่องน่ารำคาญใจนี้ ด้านนอกยังลือกันอีกว่าเขาสมคบกับพระปีศาจหนานโปโจมตีพระตำหนักอุทยาน ทั้งยังลือกันอย่างมีเค้าโครงรูปร่างด้วย เพราะคนของเขาดันออกหน้าไปโจมตีพระตำหนักอุทยานจริงๆ ที่บอกว่าแก้ข่าวลือ ก็เป็นแค่การตบตาคนในใต้หล้าเท่านั้น บนราชสำนักมีใครไม่รู้เรื่องพระตำหนักอุทยานโดนโจมตีบ้าง ตอนนั้นบ่าวรับใช้ของเขาเหมือนถูกพระปีศาจควบคุมจริงๆ เรื่องสถานที่หลอมสร้างธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ใต้พระตำหนักอุทยาน พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเป็นไปได้ สถานการณ์ที่เหมือนจะจริงแต่ก็ไม่จริงแบบนี้ทำให้คนว้าวุ่นใจ
ในห้องนอนหญิงสาว ก่วงเม่ยเอ๋อร์นอนหมอบร้องไห้บนเตียงจนน้ำตาแห้ง ดวงตาสองข้างเหม่อลอย
เม่ยเหนียงที่นั่งปลอบใจอยู่ข้างๆ ก็ปาดน้ำตาเป็นระยะเช่นกัน นางรู้ดีว่าลูกสาวชื่อเสียงฉาวโฉ่แล้ว ทั้งชีวิตนี้แต่งไม่ออกแล้ว พอนึกถึงความลำบากนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ไปด่าไป “พวกผู้ชายแย่งชิงอำนาจกัน ทำไมต้องเอาผู้หญิงอย่างพวกเราไปเป็นข้ออ้าง…”
……………………