เมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของประมุขชิง ซือหม่าเวิ่นเทียนก็งงเป็นไก่ตาแตกแล้ว เขายังรอประมุขชิงชี้แนะไม่เสร็จเลย ใครจะคิดว่าพอเกิดเรื่องของจ้านหรูอี้ขึ้น ก็เหมือนไม่มีเรื่องอะไรของเขาทันที สรุปว่าผู้หญิงสำคัญกว่าหรือใต้หล้าสำคัญกว่า!
เขาคิดไม่ตกแล้ว วังหลังมีสนมที่งามล้ำเลิศมากมายขนาดนั้น มีคนที่สวยกว่าจ้านหรูอี้นับไม่ถ้วน มีให้เลือกหลายรูปแบบ ทำไมต้องยึดติดกับจ้านหรูอี้คนเดียว ราชันสวรรค์สวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยอย่างท่านมาอยู่ที่พระตำหนักอุทยานเป็นประจำเพื่อจ้านหรูอี้คนเดียว จนกลายเป็นเรื่องน่าขำขันของคนอื่นแล้ว ทำอย่างนี้คุ้มเหรอ?
พอประมุขชิงพูดจบ ก็ผลักซ่างกวนชิงจนโซเซ
ซ่างกวนชิงไม่กล้าลังเล รีบถ่ายทอดคำสั่งผ่านระฆังดาราในมือ
ในความเป็นจริง ถ้าสถานการณ์ฝั่งนั้นรอการตอบกลับจากฝั่งนี้ เกรงว่าจ้านหรูอี้คงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว โชคดีที่แม่ทัพอารักขาฝั่งนั้นค่อนข้างเด็ดขาด ยอมทุ่มเทเอาหัวเข้าไปเสี่ยงเพื่อล่วงเกินราชินีสวรรค์ ดันทุรังชิงตัวจ้านหรูอี้มาได้
ดังนั้นเมื่อรอจนซ่างกวนชิงถ่ายทอดคำสั่งมาอีกครั้ง ทหารอารักขาที่ได้รับข่าวก็ชิงตัวจ้านหรูอี้กลับมาที่ตำหนักเย็นได้แล้ว จึงได้ถามเรื่องราวโดยละเอียดอีก
ประมุขชิงเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายอยู่ข้างๆ ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าต่อให้ตัวเองไปก็ไปไม่ทัน เกรงว่าคงจะไปที่นั่นด้วยตัวเองแล้ว ตอนนี้ทำได้เพียงรอดูสถานการณ์ก่อน รอจนซ่างกวนชิงวางระฆังดาราลงแล้ว ก็รีบถามว่า “เป็นยังไงบ้าง?”
ซ่างกวนชิงถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วตอบว่า “ทหารอารักขาขัดขวางราชินีสวรรค์ได้แล้วขอรับ ตอนนี้สนมสวรรค์ยังไม่มีอันตรายถึงชีวิต!”
ประมุขชิงฟังออกถึงความหมายที่อ้อมค้อมของเขาทันที ถามอย่างโมโหว่า “ทำไมบอกว่ายังไม่มีอันตรายถึงชีวิต สนมสวรรค์เป็นยังไงกันแน่?”
ซ่างกวนชิงส่ายหน้า “ยังไม่มีผลอะไรใหญ่โตขอรับ!” เขาไม่กล้าบอกความจริง ถ้าพูดออกไปก็ยังไม่รู้เลยว่าท่านนี้จะทำอะไรได้บ้าง ทุกคนล้วนมีจุดอ่อน เขาพบว่าตอนนี้จ้านหรูอี้นับว่าเป็นจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของท่านนี้อย่างแท้จริง
เมื่อเห็นเขาไม่ยอมบอกสถานการณ์ ประมุขชิงก็ตระหนักได้แล้วว่าจ้านหรูอี้คงจะประสบกับเรื่องอะไรที่ทำให้ซ่างกวนชิงยากจะเอ่ยปากบอกเขา
ประมุขชิงทนไม่ไหวแล้ว หันหน้าหนีไปทันที ถ้าไม่ได้เห็นสถานการณ์ของจ้านหรูอี้ เขาก็ไม่มีทางสงบใจได้
“ฝ่าบาท!” ซ่างกวนชิงตะโกนเรียกอยู่ข้างหลังด้วยความกังวล ถ้าให้ประมุขชิงเห็นสภาพของจ้านหรูอี้จริงๆ เขาก็กลัวว่าประมุขชิงจะฆ่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ด้วยอารมณ์โกรธ นั่นเท่ากับยั่วโมโหตระกูลเซี่ยโห้วอย่างถึงที่สุด ผลที่ตามมาก็เลวร้ายจนไม่อยากคิดถึงเลย ตอนนี้ไม่สะดวกจะให้ประมุขชิงเจอเซี่ยโห้วเฉิงอวี่จริงๆ
เมื่อเห็นซ่างกวนชิงส่งสายตาขอให้ช่วยกันเกลี้ยกล่อม ซือหม่าเวิ่นเทียนก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ จึงช่วยเกลี้ยกล่อมด้วยเช่นกัน
ตอนนี้เกลี้ยกล่อมประมุขชิงไม่ไหวเลย เหาะไปยังพระตำหนักอุทยานโดยตรงแล้ว
ซือหม่าเวิ่นเทียนที่ตามมาด้วยรู้สึกเศร้าในใจ อดไม่ได้ที่จะปลงอนิจจัง สงสัยนี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ในปีนั้นประมุขไป๋ตกต่ำเพราะทำเพื่อประมุขปีศาจคนเดียว ฝ่าบาทในตอนนี้ก็เป็นแบบเดียวกันเพราะผู้หญิงคนเดียวอีก แตกต่างอะไรกับประมุขไป๋ล่ะ? เมื่อก่อนเขายังนึกว่าคนอย่างประมุขชิงไม่มีทางเป็นอย่างนั้นเพราะผู้หญิงแน่ ตอนนี้เขาเพิ่งจะเข้าใจ ว่าก่อนหน้านี้เป็นเพราะประมุขชิงก็แค่ยังไม่เคยเจอคนที่ตัวเองชอบจริงๆ ก็เท่านั้นเอง
ระหว่างทาง จู่ๆ ซ่างกวนชิงที่ถือระฆังดาราก็ตะโกนบอกว่า “ฝ่าบาท! ราชินีสวรรค์มาทางนี้แล้วขอรับ คาดว่าคงต้องการจะมาหาท่านที่พระตำหนักอุทยาน…” เขาไม่ได้พูดว่าจะมาสะสางบัญชี รู้ว่าถ้าไม่หลบสักหน่อยจะต้องเจอเซี่ยโห้วเฉิงอวี่แน่ ฝั่งนี้กำลังไปทางตำหนักเย็น ส่วนฝั่งนั้นก็กำลังมาทางฝั่งนี้ ถ้าไม่บังเอิญเจอกันระหว่างทางก็แปลกแล้ว
“นางยังกล้ามาพบข้าอีกเหรอ ข้าก็อยากจะเห็นว่านางคิดจะทำอะไรกันแน่!” ประมุขชิงกล่าวอย่างโมโห
ซ่างกวนชิงเกลี้ยกล่อมอย่างลำบากลำบน “ฝ่าบาท ตามหลักแล้ว ราชินีสวรรค์ไม่ได้ทำอะไรผิดนะขอรับ! ตามหลักแล้วสนมสวรรค์ออกจากตำหนักเย็นไม่ได้ การที่สนมสวรรค์ออกจากตำหนักเย็นไปหุบเขาด้านหลังนั้นไม่สมควรจริงๆ เหนียงเหนียงบังเอิญเจอแล้วรักษากฎระเบียบไว้ก็สมควรแล้วขอรับ! ถ้าบังเอิญเจอเหนียงเหนียง แล้วเหนียงเหนียงนำเรื่องนี้มาเอาผิด ฝ่าบาทจะชี้แจงได้อย่างไร!”
ประมุขชิงหันกลับมาคำราม “ข้าจำเป็นต้องให้คำชี้แจงต่อนางด้วยเหรอ? ใต้หล้านี้เป็นของข้า ข้าบอกว่าหุบเขานั่นคือตำหนักเย็นก็คือตำหนักเย็น ใครกล้าตั้งคำถาม?”
ซ่างกวนชิงร้อนใจมาก พลันถามเสียงดังว่า “ฝ่าบาท อย่าบอกนะว่าท่านอยากจะแตกหักกับตระกูลเซี่ยโห้วจนถึงที่สุดจริงๆ?”
เมื่อกล่าวถามเช่นนี้ ก็เท่ากับนำน้ำเย็นไปสาดใส่ศีรษะประมุขชิงที่กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ทำให้ประมุขชิงใจเย็นลงแล้วไม่น้อย ความเร็วในการเหาะก็ช้าลงเช่นกัน
ซ่างกวนชิงกับซือหม่าเวิ่นเทียนรีบตามไป ซ่างกวนชิงใช้คำพูดดีๆ โน้มน้าว “ฝ่าบาท ตอนนี้เหนียงเหนียงกำลังโมโห ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ถ้าเหนียงเหนียงทำเรื่องอะไรที่ล้ำเส้นขึ้นมา ฝ่าบาทจะลงโทษหรือเปล่าขอรับ? หรือว่าจะหลบเลี่ยงสักหน่อย รอให้เหนียงเหนียงได้สติแล้ว รอให้ใจเย็นแล้วค่อยพูดกันก็ยังไม่สาย!”
“ใช่แล้วๆ!” ซือหม่าเวิ่นเทียนคอยพูดเสริมอยู่ข้างๆ “ไม่ควรทำให้เรื่องนี้ลุกลามใหญ่โต เพราะถ้าเรื่องใหญ่แล้วก็ไม่ดีต่อสนมสวรรค์เช่นกัน ต่อไปถ้ามีคนมาเอาเรื่องที่สนมสวรรค์ถือวิสาสะออกจากตำหนักเย็น จะไม่เป็นการทำร้ายสนมสวรรค์หรือขอรับ? ต่อให้พิจารณาเพื่อสนมสวรรค์ ฝ่าบาทก็อดทนไว้ก่อนจะดีกว่า!”
ประมุขชิงหยุดลอยอยู่บนฟ้าด้วยใบหน้านิ่งตึง
รู้ว่าถ้าประมุขชิงตอบตกลงเร็วเกินไปก็จะเสียหน้า ต้องมีคนหาบันไดให้ประมุขชิงลง ซ่างกวนชิงจึงส่งสายตาให้ซือหม่าเวิ่นเทียน ทั้งสองคนอยู่ฝั่งซ้ายและขวา แล้งลงมือพร้อมกัน ฉุดแขนประมุขชิงคนละข้าง
“พวกเจ้าสองคนนี่มันน่าตาย คิดจะก่อกบฏเหรอ?” ประมุขชิงโวยวายอย่างไร้เหตุผล
ทั้งสองไม่สนใจ ดันทุรังดึงประมุขชิงลงมาบนพื้น แล้วซ่อนตัวอยู่ในป่าด้านล่างชั่วคราว
ซือหม่าเวิ่นเทียนดึงแขนประมุขชิงอีกข้างไม่ยอมปล่อย ส่วนประมุขชิงก็ใช้ระฆังดาราติดต่อไปทั่ว ต้องการวางแผนเพื่อจัดการกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง
รออยู่ครู่เดียว บนฟ้าก็มีเงาคนกลุ่มหนึ่งแฉลบผ่านไป เซี่ยโห้วเฉิงอวี่นำหน้ามา สีหน้าเดือดดาลยากจะเลือนหายไป กำลังจะไปคิดบัญชีกับใครบางคนที่พระตำหนักอุทยาน!
ประมุขชิงที่เงยหน้ามองแค้นจนกัดฟันกรอด ตัวเองเป็นราชันสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยแต่ยังต้องหลบผู้หญิงคนนี้ ช่างไร้เหตุผลจริงๆ!
แต่ก็ไม่มีทางเลือก ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายก็คงเป็นราชินีสวรรค์ไม่ได้ แม้แต่เขาเองก็ถูกสนับสนุนให้ขึ้นสู่ตำแหน่งโดยตระกูลของราชินีสวรรค์ แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะมีภูมิหลังอย่างนั้น เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ไม่มีสิทธิ์ทำตัวเจ้าอารมณ์อย่างนี้เช่นกัน และไม่กล้าพาลหาเรื่องอย่างนี้ด้วย ต่อให้โมโหอย่างไรก็ต้องอดทนเอาไว้
รอจนกระทั่งเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไปไกลแล้ว ประมุขชิงก็ผลักซือหม่าเวิ่นเทียนออกไป แล้วถลันตัวออกจากภูเขา เหาะไปทางตำหนักเย็นอีกครั้ง
ซ่างกวนชิงกับซือหม่าเวิ่นเทียนสบตากันแล้วส่ายหน้า ถลันตัวตามไปเช่นกัน
พอไปถึงตำหนักเย็นแล้ว ทั้งสองก็หยุดอยู่หน้าประตูตำหนักบรรทม ไม่สะดวกจะตามเข้าไปอีก มีเพียงประมุขชิงที่สาวเท้าเดินเข้าไปคนเดียว
หยินซวงกับไป๋เสวี่ยที่อยู่ในตำหนักบรรทมส่งเสียงร้องเป็นระยะ จ้านหรูอี้ที่นอนอยู่บนเตียงกำลังมองเพด้านอย่างเหม่อลอย ราวกับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด
บนตัวนางมีเพียงชุดชั้นในตัวเดียว ไม่ได้ร่ายอิทธิฤทธิ์ห้ามเลือดบนบาดแผลตรงแอ่งไหล่เช่นกัน มีแต่หยินซวงที่ใช้มือข้างหนึ่งกดบาดแผลและร่ายอิทธิฤทธิ์ห้ามเลือดให้อยู่ข้างๆ ส่วนมืออีกข้างก็เป่าหมอกดาวจากสมุนไพรเซียนซิงหัวให้เยียวยาบาดแผลเหวอะหวะที่โดนแทง
ส่วนไป๋เสวี่ยยืนอยู่อีกด้าน ช่วยทำความสะอาดรอยเลือดบนใบหน้าจ้านหรูอี้อย่างระมัดระวัง
ประมุขชิงที่สาวเท้าเดินเข้ามาหยุดชะงัก ภาพแรกที่เห็นก็คือเสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่ถูกกองทิ้งไว้บนพื้น เขาเบิกตากว้างทันที
เห็นเลือดมาจนชินแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าประมุขชิงที่เคยเห็นภูเขากระดูกทะเลเลือดมาก่อนจะรู้สึกว่าเสื้อผ้าเปื้อนเลือดชุดนี้จะบาดตาขนาดนี้ รู้สึกใจหายใจคว่ำขนาดนี้
หยินซวงกับไป๋เสวี่ยสังเกตเห็นว่าเขามาแล้ว จึงรีบเข้ามา แล้วคุกเข่าบนพื้นพร้อมกัน “คำนับฝ่าบาท!”
ทั้งสองเช็ดนำตา หยินซวงถึงขั้นส่ายหน้าบอกว่า “ฝ่าบาท ท่านต้องทวงความยุติธรรมให้เหนียงเหนียงนะเพคะ!”
ประมุขชิงก้าวเข้ามาตรงหน้าเตียง เห็นแอ่งไหล่ของจ้านหรูอี้กำลังมีเลือดไหลโดยไม่ใช่พลังอิทธิฤทธิ์ควบคุม บาดแผลที่สะดุดตานั่นราวกับแทงหัวใจของเขา
ที่จริงนี่คือเจตนาของหยินซวง จ้านหรูอี้อาจจะไม่สนใจสิ่งนี้ แต่นางข่มความโกรธนี้ไม่ไหวจริงๆ!
ประมุขชิงชี้ที่บ่าจ้านหรูอี้ ควบคุมไม่ให้เลือดไหล พอมองใบหน้าจ้านหรูอี้อีกครั้ง ก็พบว่าถูกตบจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม รอยฝ่ามือซ้อนทับกันเยอะจนตาเปล่าเห็นได้ ภาพนี้ราวกับมีคนเอาดาบมาสับหัวใจเขาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เขาควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ทันที อารมณ์เพิ่งสงบไปก่อนหน้านี้เสียการควบคุมอีกครั้ง ทั้งตัวสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ
ขณะมองหัวไหล่ของจ้านหรูอี้ที่เดิมทีขาวหมดจดเปิ้อนเลือดสดจนกลายเป็นสีแดง แล้วเห็นใบหน้าของจ้านหรูอี้ในความทรงจำกลายเป็นอย่างนั้น ประมุขชิงก็เงยหน้าถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ส่งเสียงคำรามราวกับฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ “ยังคุกเข่าอยู่ตรงนั้นทำไม ยังไม่รีบมาช่วยคนอีก!”
ซ่างกวนชิงกับซือหม่าเวิ่นเทียนที่รออยู่ข้างนอกหันกลับมามอง อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิกลั่ก ฝ่าบาทคำรามแบบนี้หมายความว่าอะไร อย่าบอกนะว่าอาการบาดเจ็บของจ้านหรูอี้ร้ายแรงถึงขั้นนั้น?
“ซ่างกวน อาการบาดเจ็บของท่านนั้นเป็นยังไงบ้าง?” ซือหม่าเวิ่นเทียนอดไม่ได้ที่จะถ่ายทอดเสียงถาม ถ้าตายขึ้นมาจริงๆ เขาก็กังวลว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
ซ่างกวนชิงขมวดคิ้วส่ายหน้า ฟังจากเสียงประมุขชิง เขาก็รู้แล้วว่าไม่ได้เดือดดาลธรรมดา
ในห้องนั้น หยินซวงกับไป๋เสวี่ยรีบลุกขึ้น แล้วลงมือช่วยเยียวยาต่อไป
เสียงเกรี้ยวกราดดังขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจ้านหรูอี้ที่กำลังนอนอยู่อย่างนั้นกลับไม่ขยับตาแม้แต่น้อย ไม่สะทกสะท้านราวกับเป็นผีดิบ ดวงตาสองข้างหดหู้ไร้แวว ในหัวมีเพียงภาพหนึ่งฉายซ้ำไปซ้ำมา นั่นก็คือวันที่นางภาคภูมิใจที่สุด ตัวเองสวมเกราะรบสีสดใสอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ถือทวนชูขึ้นสูง ตะโกนเสียงดังบัญชาการลูกน้อง นางในตอนนั้นฮึกเหิมมีชีวิตชีวา เหยียดหยามบรรดาเพื่อนสาวที่กลัดกลุ้มเพราะความรัก…
เดิมทีเป็นแม่ทัพหญิงแกร่ง แต่กลับทำตามใจตัวเองไม่ได้ ต้องถอดเกราะรบเปลี่ยนมาใส่ชุดเจ้าสาว รอปรนนิบัติอยู่ในวังเงียบๆ
ประมุขชิงที่ยืนสีหน้าขึงขังอยู่ข้างๆ พลันกล่าวว่า “เล่ามา! เล่ารายละเอียดให้ข้าฟังให้ชัดเจน!”
แม้แต่ซ่างกวนชิงก็ยังถามแล้วไม่รู้ชัดเจน ซ่างกวนชิงจงใจตอบคลุมเครือ ไม่อยากทำให้เรื่องราวใหญ่โต คาดว่าคนอื่นก็ไม่อยากให้เรื่องราวใหญ่โตเช่นกัน ตอนนี้เขาทำได้เพียงถามความจริงที่นี่
“ปกติเหนียงเหนียงจะอยู่ในตำหนักไม่ออกไปไหน พอใกล้จะพลบค่ำ เหนียงเหนียงก็จะไปที่หุบเขาด้านหลังเป็นปกติ…” ผู้หญิงทั้งสองผลัดกันเล่ารายละเอียดหลังจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ปรากฏตัวกะทันหันให้ฟัง เล่าทุกการกระทำให้ฟังอย่างละเอียด หยินซวงพูดเกินจริงไปเล็กน้อย
เมื่อรู้ว่าพอเจอหน้ากันเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ตบจ้านหรูอี้ล้มโดยไม่ถามไถ่อะไร แล้วก็ตบอีกฉาด ตบซ้ายตบขวาท่ามกลางฝูงจ้านหรูอี้ไปกี่ครั้ง ทั้งยังบีบให้จ้านหรูอี้คุกเข่า ชักกระบี่ออกมาแทบจะเอาชีวิตจ้านหรูอี้ แต่จ้านหรูอี้ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ และไม่หลบเลี่ยงด้วย ปล่อยให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตบตีรังแกไม่หยุด ต่อให้เกือบเอาชีวิตไม่รอดก็ไม่ยอมบอกว่าประมุขชิงอนุญาตให้นางออกจากตำหนักเย็น
ผู้หญิงคนนี้แม้ใกล้ตายก็ยังปกป้องเขา แต่ราชันสวรรค์ผู้สง่าผ่าเผยอย่างเขาไม่เพียงแค่ปกป้องนางไม่ได้ ทั้งยังทำให้นางได้รับความลำบากอย่างนี้ด้วย!
น้ำตาร้อนๆ สองสายไหลอาบแก้มประมุขชิง เขาส่ายหน้าช้าๆ จ้องจ้านหรูอี้ที่อยู่บนเตียงพลางพึมพำว่า “ข้าทำผิดต่อเจ้า ข้าทำผิดต่อเจ้า…”
ถ้าให้คนอื่นเห็นฉากนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมากมายเท่าไรตกตะลึง ไม่น่าเชื่อว่าประมุขชิงจะยอมเสียน้ำตาเพื่อผู้หญิงคนเดียว!
ยกมือเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองเสื้อผ้าเปื้อนเลือดที่อยู่บนพื้นอีกครั้ง ในหัวปรากฏฉากที่จ้านหรูอี้ถูกตบหน้าข้างซ้ายทีขวาที ประมุขชิงหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงด้วยความโกรธ เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง สองมือในแขนเสื้อกำหมัดแน่น เสียงกระดูกดังกร๊อบแกร๊บ ปล่อยกลิ่นอายสังหารออกมาจางๆ ราวกับสัตว์ป่าดุร้ายที่ถูกยั่วโมโห…
……………