เฉิงไท่เจ๋อจับทางไม่ได้นิดหน่อย หันกลับมาบอกสิ่งที่เหมียวอี้พูดให้เชี่ยเซิงที่อยู่ข้างกายฟัง ให้เขาช่วยออกความคิดว่าหนิวโหย่วเต๋อหมายความว่าอย่างไรกันแน่
เชี่ยเซิงก็จับจุดไม่ได้เช่นกัน กล่าวอย่างสงสัยว่า “ตามหลักแล้ว หนิวโหย่วเต๋อไม่มีทางรับกำลังพลของท่านอ๋องไว้ได้ อย่าว่าแต่ประมุขชิงจะไม่ยอมให้เขายิ่งใหญ่ขึ้น หลังจากเขายิ่งใหญ่ขึ้น ก็จะกลายเป็นภัยคุกคามต่ออีกสามทัพได้ง่ายเช่นกัน อีกสามทัพก็เก็บเขาไว้ไม่ได้ ถ้าหนิวโหย่วเต๋อทำอย่างนี้จริง จะไม่เป็นการหาเรื่องใส่ตัวหรอกเหรอ?”
เฉิงไท่เจ๋อบอกว่า “แต่คำพูดของเขาก็ไม่เหมือนพูดเล่น หรือว่าตั้งใจจะเอากำลังพลของข้าไปฆ่า? เรื่องนี้มีเถิงเฟยแก้ปัญหาอยู่ตรงหน้าแล้ว ถ้าเขาเข้ามาสอดก็ถือว่าหาเรื่องใส่ตัวเหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องแบบนี้มาหาความสำราญใจ”
ทั้งสองปรึกษากันอยู่พักหนึ่ง แต่ยังหาที่มาที่ไปไม่เจอ สุดท้ายเฉิงไท่เจ๋อก็ถามเหมียวอี้ตรงๆ เสียเลย : น้องชาย เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?
เหมียวอี้ : ข้าคิดจะทำอะไรนะไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือ…ตอนนี้มีเพียงข้าที่ยินดีช่วยท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่มีทางเลือก!
เฉิงไท่เจ๋อ : หลังจากมอบกำลังพลให้เจ้าแล้ว ข้าจะเชื่อได้ยังไงว่าเจ้าจะไม่กลับคำ ข้ามแม่น้ำแล้วหรือสะพานทิ้ง?
เหมียวอี้ : ท่านอ๋องมาพึ่งพาข้า แต่อำนาจทางทหารยังอยู่ในมือ ท่านอ๋องสามารถควบคุมกำลังพลต่อไปได้ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องวางใจหรือยัง?
เงื่อนไขนี้ทำให้เฉิงไท่เจ๋อไม่มีทางปฏิเสธได้จริงๆ ที่สำคัญก็คือทำใจเชื่อได้ยาก : มีเรื่องดีๆ อย่างนี้ด้วยเหรอ?
เหมียวอี้ : จะตกลงหรือไม่ตกลงก็บอกมาคำเดียว ถ้าทำขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อ พวกเราก็เหมือนไม่จำเป็นต้องเจรจาต่อแล้ว แต่ข้าต้องเตือนท่านอ๋องไว้สักคำ ถ้าจะตัดสินใจก็เร็วๆ หน่อย ถอนทัพหนีตอนนี้ยังทัน ถ้าช้ากว่านี้ โดนเถิงเฟยกัดไม่ปล่อยแล้ว ข้าก็ไม่กล้าเก็บเจ้าไว้นะ หลักการไม่ได้ซับซ้อนเลย ตอนนี้ข้ายังไม่อยากให้คนอื่นรู้ ว่าเจ้ามาพึ่งพาข้า ไม่อยากสร้างปัญหา
เฉิงไท่เจ๋อกัดฟันถามว่า : ไม่ทราบว่าท่านอ๋องเตรียมจะรับกำลังพลของข้ายังไง?
เหมียวอี้ : เจ้ากับข้าอยู่เขตติดต่อกัน ถ้าอยากจะหนีเข้ามาในอาณาเขตของข้า ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกเหรอ? ตอนนี้ทัพเหนือกับทัพตะวันตกเข้ามาประจำในเขตทัพตะวันออกแล้ว มีเพียงทัพของข้าที่เป็นทัพใหญ่ปิดกั้นด่านทางออกของกำลังพลของเจ้าไว้ เจ้าสามารถสั่งให้ลูกน้องคนสนิทแสร้งนำกำลังพลหนีไปยังอาณาเขตดาวนิรนาม ส่วนฝั่งข้าก็จะปล่อยให้เจ้าผ่านด่านมาเงียบๆ จากนั้นเถิงเฟยกระป๋องคนอื่นจะต้องตามหากำลังพลของเจ้าไปทั่วแน่นอน และข้าก็จะบอกว่าข้าไม่เห็นว่ากำลังพลของข้าหนีไปแล้ว พวกเขาย่อมเชื่อ เถิงเฟยย่อมสนใจทิศทางที่ลูกน้องคนสนิทคนนั้นของเจ้าหนีไป จะเข้าใจผิดว่าเจ้าหนีไปทางนั้น หลังจากเจ้าเข้ามาในอาณาเขตของข้าแล้ว อยู่กับกำลังพลของตัวเองแล้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะข้ามแม่น้ำแล้วหรือสะพานทิ้ง ไม่อย่างนั้นเจ้าก็สามารถบอกให้แต่ละฝ่ายรู้ถึงสิ่งที่ข้าทำได้เลย ทำให้ข้ากลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนโจมตี
เฉิงไท่เจ๋อปวดหัวแล้ว จะไม่ยอมรับก็ไม่ได้ ถ้าทำอย่างนี้แล้วได้รับการสนับสนุนจากอีกฝ่ายจริงๆ ก็จะแก้ไขวิกฤตตรงหน้าได้ พวกเถิงเฟยเองก็ไม่มีความกล้าที่จะบุกโจมตีเข้ามาในอาณาเขตทัพใต้ง่ายๆ แต่เขาก็รู้สึกอีกว่าการที่เหมียวอี้ทำอย่างนี้จะต้องมีอะไรในกอไผ่ ไม่มีทางทำเรื่องดีๆ โดยไร้เหตุผล จึงอดไม่ได้ที่จะถามอีกครั้ง : เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่?
ต่อให้เขานอนฝันก็คิดไม่ถึงว่าเหมียวอี้อยากก่อกบฏ เพราะไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ก็เป็นเรื่องที่ไม่มีทางสำเร็จได้เลย ด้วยเหตุนี้เอง เขายิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ
เหมียวอี้ : ดูท่าแล้ว ท่านอ๋องคงไม่ตัดสินใจเรื่องง่ายๆ เช่นนั้นก็ไม่สู้ช่างมันเถอะ!
เฉิงไท่เจ๋อร้อนใจแล้ว ตอนนี้เขาเสียเวลาต่อไปไม่ได้ รีบตอบว่า : ก็ได้ ต้องพึ่งน้องชายแล้ว ข้าตกลง!
เหมียวอี้ : ดี ท่านอ๋องรีบเตรียมตัวโดยเร็วที่สุด ฉวยโอกาสตอนที่กองทัพองครักษ์ยังไม่ถอนกำลังออกไปจนหมด กอปรกับเถิงเฟยเป็นคนระมัดระวังตัวมาก ถ้าไม่เห็นกองทัพองครักษ์ถอนกำลังออกไปหมด ก็ไม่กล้าเเคลื่อนทัพง่ายๆ ช่องว่างนี้คือโอกาสให้ท่านอ๋องปลีกตัวออกไป ถ้าช้ากว่านี้จะไม่ทันแล้ว! ถ้าเจ้าเตรียมตัวเสร็จแล้วก็บอกให้ข้ารู้ทันที ข้าจะเตรียมคนส่งไปับตรงด่านทางเข้าอาณาเขตทัพใต้! ต้องรักษาความลับทิศทางการเคลื่อนไหวของกำลังพล สิ่งนี้ควรทำยังไง ก็คงไม่ต้องให้ข้าสอนท่านอ๋อง…
หลังจากทั้งสองฝ่ายติดต่อกันเสร็จแล้ว เหมียวอี้ก็พยักหน้าให้หยางชิ่ง บอกใบ้ว่าเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังหวาดระแวงอยู่บ้าง “หวังว่าเฉิงไท่เจ๋อจะไม่กลับคำ”
หยางชิ่งส่ายหน้า “น่าจะไม่กลับคำ ตอนนี้เขาไม่มีทางหนีทีไล่แล้ว การจะนำกำลังพลมากขนาดนั้นหนีเข้าอาณาเขตดาวนิรนามก็เป็นเรื่องเพ้อฝันเกินไป และไม่มีทางจะซ่อนตัวได้นานด้วย ถ้าคนเบื้องล่างไม่มีทางออกแล้ว ดีไม่ดีอาจจะเด็ดหัวเขาไปให้เถิงเฟยเพื่อแลกกับหนทางรอดชีวิต นอกเสียจากเขาจะทิ้งกำลังพลแล้วหนีไป อีกทั้งตอนนี้ท่านอ๋องก็เป็นเพียงทางออกเดียวของเขา ตราบใดที่เขายังอยู่กับกำลังพลของตัวเองต่อไป ต่อให้พบความไม่ชอบมาพากลอะไร เดี๋ยวเขาค่อยทิ้งกำลังพลตัวเองแล้วหนีเข้าอาณาเขตดาวนิรนามไปก็ยังทัน อย่างน้อยพอมาหาท่านอ๋อง เขาก็ยังมีทางเลือกเพิ่มอีกทาง หลักการนี้ไม่มีทางที่เขาจะไม่เข้าใจ ดังนั้นไม่ว่ายังไงเขาก็จะต้องลองมาที่นี่ก่อน”
“อืม!” เหมียวอี้พยักนา เดินไปเดินมาแล้วบอกว่า “ใช้เรื่องกำลังพลดักซุ่มแดนมรณะดึกดำบรรพ์มาเกริ่นนำ บีบให้สามอ๋องร่วมมือกันกดดันให้ประมุขชิงเลิกสนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อ บีบให้เฉิงไท่เจ๋อไม่มีทางออกจนมาขอพึ่งพาฝั่งนี้ ดูจากตอนนี้แล้ว แผนการขั้นต้นของพวกเราคงสำเร็จแล้ว ปัญหาในตอนนี้ก็คือ ประมุขชิงจะลงมือกับข้าจริงเหรอ? ถ้าเขาไม่ลงมือ การเรียกเฉิงไท่เจ๋อมมาที่นี่ก็ถือว่าสร้างปัญหาใหญ่ให้ตัวเองจริงๆ”
หยางชิ่งกล่าวเสนอแนะ “ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์สิบล้านคันของแดนมรณะดึกดำบรรพ์ ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ห้าสิบล้านคันของทัพใหญ่แดนรัตติกาล ประมุขชิงจะยอมยกให้ท่านอ๋องง่ายๆ ได้ยังไง? ตอนเจรจาก่อนหน้านี้ ถ้าเขายืนกรานจะให้กองทัพองครักษ์มาปราบทัพใหญ่แดนรัตติกาล ข้าน้อยก็ยังเชื่อว่าเขาไม่มีความคิดนี้ แต่เขาตอบตกลงให้ท่านอ๋องปราบทัพกบฏง่ายขนาดนั้น แสดงว่าในนั้นต้องมีอะไรในกอไผ่แน่ ไหนจะแผนลอบสังหารของกองทัพองครักษ์ แผนดักซุ่มสังหารที่แดนมรณะดึกดำบรรพ์อีก ทุกเรื่องพิสูจน์แล้วว่าประมุขชิงคิดจะฆ่าท่านอ๋อง ย้อนดูเรื่องที่กำลังพลห้าร้อยล้านแอบอยู่ในทัพตะวันออกและชี้กระบี่มาที่ท่านอ๋องสิ ก็พิสูจน์แล้วว่าประมุขชิงมีกลยุทธ์และอุบายนี้แน่นอน! ที่เขาเจตนาสังหารนี้แล้ว เป็นเพราะไม่อาจปล่อยให้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หกสิบล้านคันตกอยู่ในมือคนอื่นง่ายๆ บวกกับกลยุทธ์นี้อีก ก็ถือว่ามีปัจจัยที่จะลงมือกับนายท่านโดยสมบูรณ์แล้ว ถ้าสิ่งที่ข้าน้อยคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้ไม่ผิดพลาด เขาจะต้องถอยเพื่อรุกแน่นอน เขาเลิกสนับสนุนเฉิงไท่เจ๋อ ถอนกำลังออกจากทัพตะวันออก ให้เฉิงไท่เจ๋อกับเถิงเฟยเข่นฆ่ากันเอง พอเป็นแบบนี้ ที่จริงทัพตะวันออกก็ยังถูกเขากดไว้อยู่ แล้วท่านอ๋องก็ใช้กำลังทหารไปกับการปราบทัพกบฏอีก ทางด้านอ๋องสวรรค์โค่วและอ่องสวรรค์ก่วง ก็สามารถให้ประมุขพุทธะควบคุมไว้ได้
ถึงตอนนั้นเขาสามารถใช้กำลังทั้งหมดสู้กับท่านอ๋องได้เลย โอกาสดีขนาดนี้มีหรือที่เขาจะพลาด? ในเมื่อเจรจาเงื่อนไขกันลงตัวแล้ว ทุกคนก็สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขแล้ว แต่ทำไมแดนสุขาวดียังไม่ถอนกองทัพพระห้าร้อยล้านกลับไปอีกล่ะ? พูดในกรณีที่เลวร้ายที่สุด สมมุติว่าพวกเราสันนิษฐานผิดพลาด สมมุติว่าเขาไม่ได้มีความคิดจะทำร้ายท่านอ๋อง ท่านอ๋องค่อยผลักกำลังพลของเฉิงไท่เจ๋อออกไปเพื่อชี้แจงกับอำนาจฝ่ายต่างๆ ก็ยังไม่สาย ประเด็นสำคัญในตอนนี้ก็คือ ท่านอ๋องต้องป้องกันไว้ว่าประมุขชิงอาจจะมีเจตนาชั่วร้ายนี้ ถ้าไม่ป้องกันตอนนี้ ถ้าไม่เตรียมตัวป้องกันล่วงหน้า พอเกิดเรื่องขึ้นแล้วค่อยฉุกละหุกรับมือก็จะสายไป ถ้าประมุขชิงลงมือจริงๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าเขาบีบให้ท่านอ๋องกบฏ!”
“ที่พูดก็มีเหตุผล จะไม่ป้องกันก็ไม่ได้!” เหมียวอี้พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เขาโยนแผนที่ดาวแผ่นหนึ่งลงบนพื้น จ้องมันพร้อมถามว่า “จะว่าเขาจะลงมือจากตรงไหนก่อน?”
หยางชิ่งกล่าวอย่างไม่แน่ใจ”กองทัพองครักษ์หรืออีกชื่อก็คือทัพใหญ่สี่พันล้าน ที่จริงทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจว่านั่นคือสิ่งที่แสดงให้เห็นภายนอกเท่านั้น เป็นสิ่งที่ประมุขชิงเอาไว้ขู่ให้คนกลัว ระบบพวกนี้ทุกคนก็แค่เคยได้ยินว่ามันมีอยู่ เพียงแต่ปฏิบัติสิ่งที่เรียกว่าภารกิจอยู่ตลอด ไม่มีใครเคยเห็นทั้งนั้น บรรดาท่านอ๋องทำสถิติการเก็บภาษีของใต้หล้า รู้อยู่แก่ใจว่าประมุขชิงสามารถเลี้ยงกำลังพลได้เท่าไหร่ ที่จริงก็แค่เผยคนเหล่านั้นให้เห็นภายนอก สองพันห้าร้อยล้านถือว่ามากสุดแล้ว ส่วนพวกท่านอ๋องทั้งหลาย แม้จะต่างคนต่างเรียกตัวเองว่าทัพใหญ่สองร้อยล้าน แต่เป็นโครงสร้างที่มีสมาชิกที่อยู่ระดับต่ำสุดเป็นส่วนใหญ่ คนที่วรยุทธ์ยังไม่ถึงระดับทะยานสวรรค์ ถ้าใครได้ยึดครองอาณาเขต พวกเขาก็เทไปอยู่ฝั่งคนนั้น สามารถมองข้ามโดยไม่นับได้เลย กำลังพลของสี่ทัพที่สามารถออกรบได้ อย่างมากก็แค่สามพันล้าน รวมกำลังพลของสี่อ๋องสวรรค์ที่สามารถออกรบได้ก็เป็นหนึ่งหมื่นสองพันล้าน แต่ไม่ว่าใครก็รู้ทั้งนั้น ถ้าพูดถึงระดับความเก่งกาจ ถ้าเทียบกับกำลังพลหนึ่งพันห้าร้อยล้านของกองทัพองครักษ์ก็ถือว่าคนละระดับเลย ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนของกองทัพองครักษ์ก็มีธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ เพียงพอที่จะขู่พวกอ๋องได้ ประมุขชิงไม่จำเป็นต้องเฝ้าอาณาเขต แต่สามารถรวบรวมทรัพยากรมาเลี้ยงทหารเก่งๆ ได้ ในจุดนี้พวกอ๋องสวรรค์เทียบไม่ติด”
“จุดนี้ข้าย่อมรู้อยู่แก่ใจ ไม่อย่างนั้นข้าคงไม่รีบเอาธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้มา โอกาสชนะเพียงอย่างเดียวของพวกเราก็คือรวบรวมทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ แล้วอาศัยจำนวนมากไปโจมตีจำนวนน้อย นอกจากทำสิ่งนี้ก็ไม่มีโอกาสชนะแล้ว! แต่ประเด็นของปัญหาก็คือ ถ้าประมุขชิงต้องการรุกโจมตี คงไม่ให้พวกเรารู้เรื่องการวางกำลังโจมตีง่ายๆ ไม่ให้โอกาสพวกเราใช้จำนวนมากกว่าโจมตีจำนวนน้อยกว่า” เหมียวอี้กล่าว
หยางชิ่งบอกว่า “กำลังพลกองทัพองครักษ์เคลื่อนไหวมาตลอด แต่มีกำลังพลอยู่ที่หนึ่งที่สามารถแน่ใจได้ ต่อให้จะเคลื่อนไหววางกำลังยังไง แต่กำลังพลที่เฝ้าพิทักษ์บริเวณวังสวรรค์ ทั้งข้างนอกข้างใน ทั้งใกล้และไกลก็รักษาจำนวนทัพใหญ่แปดร้อยล้านไว้ตลอด เฝ้ารักษาความปลอดภัยของวังสวรรค์อย่างเข้มงวด เขาจะยังไม่เคลื่อนไหวกำลังพลที่นี่ ถ้าเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ก็ทำให้บรรดาท่านอ๋องตื่นตัวได้ง่ายมาก”
เหมียวอี้เอามือลูบคางครุ่นคิด “ก็แสดงว่ากำลังพลแปดร้อยล้านนี้ สามารถตัดออกจากจำนวนกำลังพลที่โจมตีได้”
“ถูกต้อง!” หยางชิ่งพยักหน้า แล้วยื่นมือวาดท่าทาง “ส่วนกำลังพลที่เหลือ ถ้าอยู่ภายใต้สถานการณ์ปกติ กองทัพองครักษ์สี่ร้อยล้านที่อยู่ในอาณาเขตสี่ทัพนั้นหมุนเวียนเฝ้ารักษาการณ์ในระยะยาว ยังมีอีกหนึ่งร้อยล้านที่เดินทางไปตามที่ต่างๆ เพื่อปฏิบัติภารกิจชั่วคราว เพราะเรื่องที่ทัพตะวันออกครั้งนี้ นอกจากกำลังพลสี่ร้อยล้านที่รวมตัวอยู่ในทัพตะวันออก กำลังพลหนึ่งร้อยล้านที่ปฏิบัติภารกิจก็รวมตัวไปที่นั่นแล้วเช่นกัน รวมเป็นทัพใหญ่ห้าร้อยล้าน ตอนนี้รวมตัวกันถอนกำลังออกไปแล้ว เกรงว่าคงเอามาใช้รับมือกับท่านอ๋อง ทัพใหญ่สามร้อยล้านที่รวมมาจากจุดต่างๆ และนำโดยฮวาอี้เทียนนั้นใช้เพื่อปราบกบฏ แต่ถูกท่านอ๋องกักไว้แล้ว พอเกิดเรื่องขึ้น คนพวกนี้ต้องลงมือกับท่านอ๋องแน่นอน ทั้งยังมีกำลังพลสี่ร้อยล้านในอาณาเขตทัพใต้อีก ใช้ข้ออ้างว่าปราบกบฏ แม้จะถูกท่านอ๋องถ่วงเวลาไว้จนไม่ได้ระดมพลครั้งใหญ่ แต่กำลังพลที่รวมตัวกันอยู่ตามแต่ละจุดแถวนี้ก็มีขนาดสิบล้านขึ้นไปทั้งนั้น กำลังพลกองทัพองครักษ์ที่อยู่ในอาณาเขตอ๋องสวรรค์โค่วและอ๋องสวรรค์ก่วงก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน พูดแค่ในอาณาเขตทัพใต้ของท่านอ๋องอย่างเดียว
พอเกิดเรื่องขึ้น ทหารที่เฝ้าอยู่ตามด่านพวกนั้นก็คงต้านการบุกโจมตีของกองทัพองครักษ์สิบล้านลำบาก หรือพูดอีกอย่างว่า กำลังพลกองทัพองครักษ์ที่สามารถพุ่งเป้ามาเล่นงานท่านอ๋องได้โดยตรงมีถึงแปดร้อยล้าน ในอาณาเขตยังมีอีกสี่ร้อยล้านที่กระจายตัวกันตามจุดต่างๆ จุดละสิบล้าน อาศัยพลังรบของพวกเขา ก็สามารถบุกโจมตี โจมตีสกัด ช่วยเหลือ สกัดกองหนุนที่จะมาช่วยท่านอ๋องแบบทั่วทิศได้ทุกเมื่อ ทำให้ทัพใหญ่แปดร้อยล้านนั่นสังหารท่านอ๋องอย่างไร้กังวลได้เลย! ตอนนี้ท่านอ๋องลองมองจากสถานการณ์ภาพรวมก็จะรู้ ว่าประมุขชิงจะใช้ข้ออ้างเรื่องปราบกบฏกับทัพตะวันออก ความเงียบเชียบที่อยู่ใต้หนังตาทุกคนกลายเป็นการวางหมากที่สมบูรณ์แบบ ตอนไม่ลงมือดูเหมือนไม่อันตราย แต่ลงมือเมื่อไรก็ถึงแก่ชีวิตทันที วิธีการของคนคนนี้ช่างร้ายกาจ! ถ้าข้าน้อยเดาไม่ผิด ตอนที่ทัพใหญ่ของแดนสุขาวดีเข้าสู่ตำหนักสวรรค์ ก็จะเป็นเวลาที่ประมุขชิงลงมือสังหาร!”
…………………